ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 361 ฉลองวันเกิดครบร้อยวัน
นางชำเลืองมองเขาเล็กน้อย แววตาของเมิ่งเชี่ยนโยวมีประกายความน่ากลัวอีกครั้ง เหวินซื่อกลัวจนตัวสั่น “ก็ได้ๆ ข้าไม่ถามแล้ว เจ้าดื่มน้ำชาเสียก่อน เดี๋ยวข้าขอเก็บกวาดเสียหน่อย”
บนพื้นเต็มไปด้วยสมุดบัญชี กว่าจะเก็บกวาดให้เป็นเช่นเดิม เหวินซื่อก็หมดแรงไปไม่น้อย เหลือเพียงแต่เศษไม้และคราบหมึกที่กระเซ็นลงพื้น พวกนี้อย่างไรก็ต้องเรียกให้บ่าวรับใช้มาเก็บกวาด
ทั้งหมดกลับมาเป็นปกติแล้ว บ่าวรับใช้ก็ยกเก้าอี้ที่ยังใช้งานได้เข้ามาให้ เหวินซื่อนั่งลงด้านหลังโต๊ะทำงานอย่างสงบเสงี่ยม ไม่พูดไม่จา
หลังจากระบายอารมณ์ ดื่มน้ำชาไปหลายแก้ว ไฟในใจของเมิ่งเชี่ยนโยวได้มลายหายไปแล้ว นางยืนขึ้นเดินออกไปด้านนอก ก่อนจะออกพ้นประตูไป นางหันกลับมาพูดว่า “ต่อไปหากอี้เซวียนมาขอของเช่นนั้นจากเจ้าอีก ให้รีบบอกข้าทันที”
พูดจบ ก็หันหลังเดินจากไปทันที
เหวินซื่อไม่ขยับ ขมวดคิ้วหวนนึก หวงฝู่อี้เซวียนมาเอาอะไรไปจากเขากันหรือ คิดอยู่นานก็คิดไม่ออก อึดอัดอยู่ในใจ กำลังจะหยิบสมุดบัญชีมาเปิดดู ความทรงจำหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัว จึงได้ผุดยืนขึ้นทันที ด่าเสียงดังว่า “แม่เจ้า พวกเจ้าสองคนผัวเมียนี่ร้ายกับข้าเสียจริง”
คนหนึ่งมาขอยาคุมกำเนิด เอาสูตรยามาล่อลวงเขา ส่วนอีกคนมาถึงไม่พูดไม่จา อาละวาดใส่เขาทันที ก่อนออกไปยังทิ้งคำเอาไว้ เขาคิดอยู่นานทีเดียว แค่ด่าพวกเขายังน้อยไปเสียอีก น่าจะไปอัดพวกเขาถึงที่จวนจึงจะสาสมใจ
ความคิดนี้ดี แต่น่าเสียดาย เขาไม่กล้าทำเช่นนั้น แต่ว่า ในหัวของเหวินซื่อมีความคิดชั่วร้ายอันหนึ่งปรากฎขึ้นมา เจ้าไม่ให้ข้าให้ใช่ไหม ได้ ข้าจะให้ ให้ไปทีละมากๆ ด้วย ทางที่ดีให้เจ้าลงจากเตียงไม่ได้ ออกจากบ้านไม่ได้เลยทีเดียว
หากเมิ่งเชี่ยนโยวรู้ความคิดของเขา คงจะต้องหันกลับมาอัดเขาจนน่วมอีกเป็นแน่
วันเวลาอันแสนสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มาถึงวันครบรอบร้อยวันของเด็กๆ แล้ว
เด็กในจวนอ๋องอายุครบร้อยวัน นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่
เหล่าบรรดาเจ้าขุนมูลนายทั้งหลายในเมืองหลวง ต่างก็ยืดคอยาว จับตามองดูความเคลื่อนไหวของจวนอ๋อง รอดูว่าอ๋องฉีผู้เก็บตัวจะจัดงานวันเกิดครบร้อยวันหรือไม่ หากว่ามี พวกเขาก็จะได้มีโอกาสมาประจบท่านอ๋องอีก
ตั้งหน้าตั้งตารอคอย คอยแล้วคอยเล่า กระทั่งก่อนวันงานสามวัน จึงได้เห็นประตูจวนอ๋องเปิดออก บ่าวรับใช้ในจวนพรูออกมา ทำความสะอาดถนนหนทางด้านหน้าจวน สิงโตหน้าประตูถูกขัดถูเสียจนเงาจนส่องแทนกระจกได้ บนประตูแขวนโคมไฟสีแดงอันใหญ่เอาไว้ สร้างบรรยากาศรื่นเริงดีนัก
เช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการเตรียมการเพื่องานครบรอบร้อยวัน ผู้คนต่างวุ่นวายขึ้นทันที ค้นตู้ รื้อเตียง ไปหาของในห้องเก็บสมบัติ ก็เพื่อจะหาของขวัญที่เหมาะสมให้กับคุณหนูตัวน้อยแห่งจวนอ๋อง
ร้านทอง ร้านเครื่องประดับในเมืองต่างเต็มไปด้วยผู้คนจนละลานตา สั่งทำสร้อยข้อมือ สร้อยข้อเท้า สร้อยคอรูปแบบต่างๆ
คนในจวนอ๋องเองก็มีความสุขกันมาก ไม่ว่าจะเป็นเจ้านายหรือบ่าวรับใช้ ต่างก็ยุ่งกับการจัดงานกันไปหมดไม่ได้หยุดพัก แม้กระทั่งอ๋องฉีเองก็ยุ่งกับเขาเช่นกัน ยุ่งอยู่กับการเรียนวิธีการอุ้มเด็กๆ ภายใต้การอบรมของพระชายา ครั้งแรก ตอนที่เด็กน้อยที่ทั้งตัวเล็กและนุ่มนิ่มมาอยู่ในอ้อมกอดของเขา อ๋องฉีตกใจจนไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าตนจะทำให้พวกนางเจ็บตัว
ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม…หลังจากพระชายาได้ทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว อ๋องฉีไม่ตื่นเต้นแล้ว อุ้มเด็กน้อยได้ถูกวิธี ซ้ำยังสามารถอุ้มเด็กเดินไปเดินมาในห้องได้อีกด้วย ทุกคนจึงได้วางใจลง มองดูท่านอ๋องอุ้มเด็กน้อยยังดูไม่คุ้นตาเสียยิ่งกว่าเห็นเขาถือมีดไปไล่ฟันคนเสียอีก
หวงฝู่อวี้ผู้นี้ยิ่งดีใจกว่าใคร เสด็จพ่อและเสด็จแม่กำลังยุ่งอยู่กับการแย่งชิงเด็กๆ พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ยุ่งอยู่กับการโอ้อวดความรักกัน มีเพียงเขาที่เป็นคนจัดงานร้อยวันได้ดีที่สุด ดังนั้น ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่เพียงใด ต่างต้องมาลงที่เขา ทำให้เมื่อเขากลับเรือนมาตอนดึก หัวถึงหมอนก็หลับไปในทันที ไม่มีแม้แต่แรงจะพูดคุยกับหลินหันเยียน เขาไม่ใส่ใจนาง แต่คนข้างกายไม่ยินดีเช่นนั้น เมื่อเห็นท่าทางเขานอนหลับสนิท ก็อดไม่ได้ที่อยากจะใช้มือฉีกเขาเป็นชิ้นๆ
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้หวงฝู่อวี้ไม่รู้เลย ฟ้าเพิ่งสาง เขาก็ตื่นมาด้วยความเคยชิน ค่อยๆ สวมเสื้อผ้าและรองเท้า จากนั้นก็ออกไปด้านนอก ไม่รู้เลยว่าคนข้างกายนั้นตื่นขึ้นมาแล้ว สายตาประกายเอาความรู้สึกโกรธออกมา
ยุ่งเรื่องงานติดกันหลายวัน ในที่สุดวันครบร้อยวันของเด็กๆ ก็มาถึง
ฟ้าเริ่มจะสว่าง ปลายฟ้าเพิ่งจะมีแสงสีขาวประกายออกมา ประตูจวนอ๋องก็เปิดออกแล้ว พ่อบ้านนำบ่าวรับใช้พรั่งพรูกันออกมา สาดเหล้า ทำความสะอาด เก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อยรอการมาของแขกเหรื่อ
ท่านอ๋องฉีและพระชายาตื่นแต่เช้าแล้ว หลังรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสวยๆ ให้เด็กน้อยทั้งสอง จากนั้นจึงค่อยไปจัดการตัวเอง หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็มาถึงแล้ว หยอกเล่นกับลูกๆ ไปพลาง ระหว่างรอบรรดาแขก
พ่อบ้านนำบ่าวรับใช้และสาวใช้มายืนคอยที่หน้าประตู เพื่อมารอต้อนรับผู้ที่มาแสดงความยินดี
บ้านแรกที่มาคือฉู่เหวินเจี๋ยและเฝิงจิ้งซู ทั้งสองนั่งรถม้ามา หลังลงรถม้าแล้ว ฉู่เหวินเจี๋ยให้ลูกขี่คอตนเอง จูงมือเฝิงจิ้งเหวินเข้าไปในจวน ตรงไปยังเรือนของพระชายา
หลังจากทำความเคารพกันและกันแล้ว ท่านอ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียนพาฉู่เหวินเจี๋ยไปยังห้องรับรองแขก เฝิงจิ้งซูเดินตรงมาหาเด็กๆ เบิกตาโตมองเด็กน้อยน่ารักทั้งสองที่หน้าตาเหมือนกันไม่มีผิด อิจฉาขึ้นมาทันที “พี่โยวเอ๋อร์ พี่ช่างโชคดีเสียจริง มีลูกสาวที่หน้าตาน่ารักเพียงนี้”
แม่นมทั้งสองคนถูกเชิญให้ออกไปจากห้องนานแล้ว ในห้องจึงเหลือเพียงเมิ่งเชี่ยนโยวและเฝิงจิ้งซูสองคน เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาด้านหน้า มองลูกสาวของตน จากนั้นก็หยอกนางด้วยรอยยิ้ม “อยากโชคดีเช่นนี้จะไปยากกระไรกัน เจ้าก็คลอดอีกคนสิ”
เฝิงจิ้งซูหน้าแดง
ที่ตามมาคือคู่ของเหวินซื่อ
จากนั้นก็เป็นคู่ของเปาอีฝาน
เมิ่งซื่อและเมิ่งฉี คู่ของเมิ่งเหริน เมิ่งอี้ และโจวเสี้ยวต่างก็มากันหมด
เหล่าบรรดาเจ้าขุนมูลนายที่ตั้งตารอก็พาฮูหยินของตนมาด้วยเช่นกัน
ท่านอ๋องฉี ฉู่เหวินเจี๋ย หวงฝู่อี้เซวียนและหวงฝู่อวี้วุ่นอยู่กับการต้อนรับแขก ภายในจวนอ๋องคึกครื้นขึ้นมา มีเพียงเรือนของหวงฝู่อวี้ที่เงียบเหงาวังเวง วันนี้คือวันครบรอบร้อยวัน บ่าวรับใช้ในเรือนถูกเรียกตัวไปใช้งานจนหมด เหลือเพียงหงเอ๋อร์คอยอยู่รับใช้หลินหันเยียนผู้เดียว
หลินหันเยียนเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เป็นชุดที่หวงฝู่อวี้เลือกแบบ และสั่งตัดเอาไว้ให้นาง เมื่อแต่งหน้าเรียบร้อย ก็นั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้ รอให้หวงฝู่อวี้มาเรียกนางไป
ในจวนวุ่นวายมาก เต็มไปด้วยผู้คนที่มาแสดงความยินดี เหล่าผู้ชายก็จับกลุ่มคุยกันเรื่องต่างๆ นานา ส่วนผู้หญิงก็เตรียมของขวัญไปเยี่ยมท่านหญิงตัวน้อย
เนื่องจากเตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งงานไม่มีผิดพลาดใดๆ บ่าวรับใช้และสาวใช้ในจวนทำหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี
หลังจากหวงฝู่อวี้กล่าวทักทายกับคนในงานเรียบร้อยแล้ว จึงกลับมาหาเมิ่งเชี่ยนโยวที่เรือนพระชายา “พี่สะใภ้ เยียนเอ๋อร์ไม่ค่อยสบาย ไม่เหมาะถ้าจะมาสถานที่เช่นนี้ ท่านว่า นางไม่ต้องมาได้หรือไม่ขอรับ”
มองเขาด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “อย่าลืมเอาหมี่อายุยืนไปให้นางด้วยเล่า”
“ขอบคุณขอรับพี่สะใภ้” หวงฝู่อวี้ตอบรับด้วยความยินดี เรียกสาวใช้มาคนหนึ่ง ให้นางไปส่งข่าวที่เรือนของคนว่า “เจ้าไปบอกนายหญิงว่าหากนางไม่สะดวกมาก็ยังไม่ต้องมา รอถึงเวลาอาหาร ข้าจะสั่งให้คนเอาหมี่อายุยืนไปให้”
สาวใช้ตอบรับ เดินมายังเรือนของหวงฝู่อวี้ นำคำเขาบอกหงเอ๋อร์ทุกคำ
สีหน้าของหงเอ๋อร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดว่า “รับทราบ”
สาวใช้ทำความเคารพ จากนั้นก็เดินออกจากเรือนไป
หงเอ๋อร์เปิดม่านประตูเดินเข้าไปด้านใน พูดอย่างระวังว่า “คุณหนู คุณชายบอกว่าท่านไม่ค่อยสบาย ไม่อยากให้ท่านไปในงานเจ้าค่ะ”
หลินหันเยียนผงะไป มองมาอย่างไม่อยากเชื่อ สีหน้าค่อยๆ ซีดลง ริมฝีปากสั่น ราวกับว่าอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับพูดอะไรไม่ออก
หงเอ๋อร์ไม่พอใจ บ่นเสียงเบาว่า “คุณชายนี่ก็ ไม่รู้ว่าวันนี้มีคนมามากมายเพียงใด เป็นโอกาสที่ดีที่คุณหนูจะได้ออกไปพบเจอผู้คนมิใช่หรือ เขา…”
สิ้นคำ ก็มีเสียง เพล้ง หลินหันเยียนกวาดของทุกอย่างบนโต๊ะลงบนพื้น
หงเอ๋อร์ตกใจแทบแย่ ร้องว่า “คุณหนู ท่าน…”
ราวกับว่าหลินหันเยียนเสียสติไปแล้ว นางยืนขึ้น คว่ำโต๊ะลงกับพื้นอย่างบ้าคลั่ง ทุบของทุกอย่างในห้องที่สามารถทุบให้แตกได้จนละเอียด
หงเอ๋อร์ตกใจจนเบิกตาโต พยายามห้ามปรามนาง น้ำเสียงลนลานว่า “คุณหนู คุณหนู หยุดเถิดเจ้าค่ะ”
หลินหันเยียนทำหูทวนลม กระทั่งทุบของทิ้งจนหมด จึงได้ทรุดลงกับพื้นด้วยความสิ้นหวัง น้ำตาไหลรินออกมา พึมพำว่า “พี่อวี้ ท่านไม่เห็นค่าของข้าเช่นนี้เลยหรือ”
หงเอ๋อร์อึ้งไป นานครู่ใหญ่จึงนึกได้ว่าควรพยุงนางขึ้นมา
หวงฝู่อวี้ไม่รู้เรื่องเหล่านี้ ยังคงต้อนรับแขกเหรื่อด้วยท่าทีเป็นมิตร คิดในใจว่ารอจนส่งแขกเรียบร้อยแล้ว ทำธุระเสร็จ ค่อยกลับไปคุยกับหลินหันเยียนว่าทั้งสองก็มีลูกด้วยกันสักคนเถิด หลานสาวของเราทั้งสองน่ารักเหลือเกิน แต่ว่ากลับถูกเสด็จพ่อ เสด็จแม่ครอบครองเสียแล้ว ตนอยากจะกอดสักนิดยังยาก หากตนมีลูกเอง จะอุ้มอย่างไรก็ได้ และอุ้มได้ตลอดเวลาด้วย
ยามใกล้เพล ญาติผู้ใหญ่และบรรดาขุนนางก็มากันพอประมาณแล้ว หวงฝู่อวี้กำลังจะสั่งให้เริ่มอาหารได้ แต่พ่อบ้านก็รีบวิ่งเข้ามา รายงานข้างหูของหวงฝู่อวี้ว่า “คุณชายรอง ฮูหยินหลินมาขอรับ”
หวงฝู่อวี้ยังนึกไม่ออกว่า ฮูหยินหลินคือผู้ใดกัน จึงได้มองพ่อบ้านด้วยความสงสัย
พ่อบ้านเข้ามาใกล้กว่าเดิม กดเสียงต่ำลง “เป็นท่านแม่ของหลินจ้งขอรับ”
หลินหันเยียนอาศัยอยู่ในจวนมาหลายเดือน สถานะไม่ชัดเจน พ่อบ้านจึงไม่กล้าเรียกนาง จะเรียกนายหญิงหรือ ทั้งสองก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน เรียกเช่นนี้ไม่เหมาะสม จะเรียกแม่นางหลินหรือ นางเองก็พำนักร่วมกับหวงฝู่อวี้ พ่อบ้านจนปัญญา จึงได้ตอบไปเช่นนี้
หวงฝู่อวี้ถลึงตาใส่เขา ดุเสียงเบาว่า “ท่านแม่ของหลินจ้งอะไรกัน นั่นคือท่านแม่ของนายหญิงเจ้า แม่ยายข้า หากยังไม่เชื่อฟังกันเช่นนี้ เจ้าก็อย่ามาเป็นพ่อบ้านอีกเลย”
พ่อบ้านตอบรับถามด้วยเสียงเบาว่า “นี่…”
หวงฝู่อวี้สาวเท้ายาวเดินไปด้านนอก “ข้าจะไปต้อนรับพวกเขาเข้ามา”
พ่อบ้านเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก รีบเดินตามไปด้านหลัง
ด้านนอกจวน ฮูหยินหลินยืนรออยู่ด้านหน้าด้วยท่าทีร้อนใจ มองซ้ายมองขวาไม่หยุดราวกับว่ากลัวใครจะตามมา
พ่อบ้านเองก็สงสัยจุดนี้เช่นกัน ตามหลักแล้ว หลินหันเยียนอยู่ที่นี่ในสถานะไม่ชัดเจนเช่นนี้ ครอบครัวหลินไม่ควรจะมาให้เสียเรื่อง ต่อให้คนในจวนไม่คิดอะไรมาก แต่น้ำลายของบรรดาภริยาของพวกขุนนางทั้งหลายก็เพียงพอจะทำให้พวกเขาจมดินแล้ว มองอีกมุม ตระกูลหลินนี่ก็ช่างหน้าด้านหน้าทนเสียจริง ถ้าหากต้องมาร่วมงานให้ได้ ก็ควรให้คู่ของหลินจ้งมา ไม่ใช่ว่าฮูหยินหลินมามือเปล่า พร้อมสีหน้าตื่นตระหนกเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าหวงฝู่อวี้ออกมา ฮูหยินหลินจึงได้เดินเข้าไปหา ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “คุณชาย ข้าอยากพบเยียนเอ๋อร์”
หวงฝู่อวี้ไม่ได้สังเกตความผิดปกติของนาง คิดว่านางไม่ได้พบหน้าหลินหันเยียนนานแล้ว คงจะคิดถึงมาก จึงได้รอคอยจะพบหลินหันเยียนอย่างอดไม่ได้ จึงพูดว่า “ท่านแม่ยายพูดอะไรกัน เยียนเอ๋อร์เป็นลูกสาวของท่าน ท่านอยากพบเมื่อใดก็ย่อมได้เสมอ ข้าจะไปพาท่านไปหานางเดี๋ยวนี้”
นางคิดไม่ถึงว่าหวงฝู่อวี้จะเรียกตนเช่นนี้ ฮูหยินหลินอึ้งไปเล็กน้อย แววตาสั่นคลอน โบกมือ “ขอบคุณคุณชายรองนะเจ้าคะ แต่มิเป็นไรหรอก เราสองแม่ลูกไม่ได้พบกันนานแล้ว อยากจะคุยเรื่องส่วนตัวกันเสียหน่อย”
ฮูหยินหลินปฏิเสธ หวงฝู่อวี้ก็ไม่ได้คิดมาก จึงสั่งว่า “พ่อบ้าน เจ้าไปส่งให้ถึงเรือนด้วยตัวเอง”
พ่อบ้านตอบรับ ผายมือออก “ฮูหยินหลิน เชิญขอรับ”
ฮูหยินหลินเดินเข้ามาในจวนอย่างรวดเร็ว ไม่สนใจพ่อบ้านที่นำทาง เดินตรงไปยังเรือนของหวงฝู่อวี้อย่างร้อนรน กลายเป็นพ่อบ้านที่ต้องเดินตามหลัง
ภายในบริเวณเรือนของหวงฝู่อวี้เงียบสงัด ไม่มีแม้แต่บ่าวรับใช้ สีหน้าของฮูหยินหลินเปลี่ยนไป
พ่อบ้านรีบอธิบายว่า “วันนี้เป็นงานร้อยวันของท่านหญิงน้อย ทุกคนถูกส่งตัวไปทำงานที่จวนหน้าทั้งหมดขอรับ ดังนั้นวันนี้จึงได้เงียบเหงากว่าเคย”
พูดจบ พ่อบ้านก็ถามอย่างนอบน้อมว่า “แม่นางหลิน อยู่ในเรือนหรือไม่ขอรับ ฮูหยินหลินมาหาท่าน”
ในเรือนมีเสียงดังขึ้น หงเอ๋อร์ปรากฎตัวขึ้นข้างประตู เมื่อเห็นว่าเป็นฮูหยินหลินจริง จึงได้ตะโกนเสียงดังด้วยความดีใจว่า “คุณหนู ฮูหยินมาจริงๆ เจ้าค่ะ”