ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 362
ดูเหมือนว่าภายในห้องจะมีเสียงผิดปกติดังขึ้นมา จากนั้นหลินหันเยียนก็เดินออกมาหน้าประตูในสภาพผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้ายับยู่ยี่ สีหน้าขาวซีด เมื่อเห็นฮูหยินหลิน น้ำตาก็ไหลรินออกมา จับชายกระโปรงขึ้น จากนั้นก็รีบวิ่งเข้ามา “ท่านแม่!”
เห็นท่าทางนางเป็นเช่นนี้ สายตาของพ่อบ้านเปลี่ยนไปเล็กน้อย
นางพุ่งเข้ามาหาฮูหยิน พร้อมโอบกอดนางเอาไว้ ร้องไห้ออกมาอย่างไม่สนอะไรอีกแล้ว
ฮูหยินหลินไม่มีสติมาปลอบใจหลินหันเยียน ยิ้มกระอักกระอ่วนให้พ่อบ้าน พูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “อย่าถือสาเลย เยียนเอ๋อร์นาง…”
ไม่รอให้พูดจบ พ่อบ้านรีบพูดว่า “แม่นางหลินไม่ได้พบกับฮูหยินมานานแล้ว จะดีใจเกินไปบ้างก็ไม่แปลก อย่างนั้นข้าน้อยไม่รบกวนแล้ว หากมีเรื่องอะไรก็ให้หงเอ๋อร์ไปบอกข้าเถิด”
คำที่ฮูหยินหลินกำลังจะพูดถูกกลืนลงไป พยักหน้า
พ่อบ้านหันหลังกลับ เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
บัดนี้ฮูหยินหลินจึงได้ตบหลังหลินหันเยียนเบาๆ “เอาล่ะๆ มีเรื่องอะไรเราค่อยเข้าไปคุยกันด้านใน”
พ่อบ้านเดินออกจากบริเวณเรือน นึกถึงท่าทีของฮูหยินหลินและหลินหันเยียน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติ จึงได้หยุดฝีเท้าคิดเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปอีกทาง มายังเรือนของพระชายา กวักมือเรียกหลิงหลงเข้ามา ให้นางแอบไปบอกเมิ่งเชี่ยนโยวว่าตนมีเรื่องจะรายงาน
วันนี้เป็นวันครบรอบร้อยวันของท่านหญิงน้อยทั้งสอง พ่อบ้านยุ่งไปหมด หากมีเรื่องมารายงานตอนนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องสำคัญมากเป็นแน่ หลิงหลงไม่รอช้า หันหลังกลับไปหาเมิ่งเชี่ยนโยวทันที กระซิบรายงานข้างหูนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้วลง เรื่องที่หลินฉงเหวินถูกขัง นอกจากคู่หลินจ้งและหวงฝู่อี้เซวียนกับตนแล้ว กระทั่งฝ่าบาทก็ยังไม่รู้ เนื่องจากหลินจ้งเขียนรายงานว่าหลินฉงเหวินล้มป่วย ต้องการพักผ่อน ฝ่าบาทส่งหมอหลวงจากตำหนักหมอหลวงมาดูอาการแล้ว ผลเป็นดังหลินจ้งว่าจริงๆ ร่างกายอ่อนแอ ไม่ควรใช้แรง ดังนั้น กระทั่งฝ่าบาทและท่านอ๋องฉีเองก็ยังเชื่อว่าเป็นจริงเช่นนั้น ตามหลักแล้วฮูหยินหลินควรจะอยู่ดูแลเขาที่บ้าน แต่วันนี้มาหาหลินหันเยียนถึงที่ด้วยท่าทีร้อนรนเช่นนี้ใยกัน
เมื่อคิดถึงจุดนี้ จึงถามว่า “คุณชายรองว่าอย่างไร”
“คุณชายไม่ได้ใส่ใจขอรับ ซ้ำยังดีใจมากที่มีคนมาเยี่ยมแม่นางหลินบ้าง”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วมากกว่าเดิม พิจารณาเล็กน้อย สั่งโจวอันว่า “ไปจวนหลิน บอกคุณชายหลินว่าวันนี้เป็นวันครบรอบร้อยวันของท่านหญิงน้อย ให้เขาสองคนสามีภรรยามาร่วมงาน”
โจวอันตอบรับ จากนั้นก็รีบจากไป
“เจ้าไปทำงานของเจ้าเถิด ไม่ต้องสนใจแล้ว วันนี้เป็นวันสำคัญ นางมาเล่นแง่กับเราไม่ได้หรอก”
พ่อบ้านรับปาก ขอตัวจากไป
เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังเดินเข้าไปในเรือน
จวนอ๋องมีงานครบรอบร้อยวันของท่านหญิงน้อย หากเป็นเมื่อตอนหลินฉงเหวินยังรับตำแหน่งราชเลขาอยู่นั้น อย่างไรก็จะต้องมาแสดงความยินดีเป็นแน่ แต่เมื่อหลินฉงเหวินถูกกักบริเวณ ตำแหน่งของหลินจ้งไม่สูง ไม่มีสิทธิ์มาประจบประแจงอะไร ทั้งหลินหันเยียนยังอยู่ในจวนนี้ในสถานะที่ไม่ชัดเจน หลังจากหลินจ้งคิดทบทวนหลายวัน ก็คิดว่าไม่ไปดีกว่า ดังนั้นบัดนี้สองสามีภรรยานั่งอยู่ในห้องดอกไม้ พูดคุยกันเรื่องภายในจวน
เมื่อตอนที่พ่อบ้านของจวนพาตัวโจวอันเข้ามานั้น หลินจ้งยืนขึ้นด้วยความตกใจ ถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเยียนเอ๋อร์หรือ”
โจวอันคำนับ “คุณชายหลิน ฮูหยินหลินไปยังจวนอ๋อง ซื่อจื่อเฟยรับสั่งให้ท่านสองสามีภรรยาไปร่วมงานร้อยวันที่จวนอ๋องด้วยขอรับ”
ท่านแม่ของตนไปยังจวนอ๋องงั้นหรือ หน้าผากของหลินจ้งมีเหงื่อผุดออกมา
หลังจากที่ท่านพ่อของตนถูกกักบริเวณ เขาก็จำกัดอิสรภาพของท่านแม่ กลัวว่าท่านแม่จะเอาเรื่องในบ้านไปบอกเยียนเอ๋อร์ ทำให้เยียนเอ๋อร์เกิดคิดสั้นขึ้นมา แต่ขนาดเขาป้องกันอย่างดีแล้ว ก็ยังไม่สามารถห้ามแม่ของตนไม่ให้แอบหนีออกไปได้อยู่ดี
เขาก้มคำนับ ถามด้วยความร้อนรนว่า “รบกวนไปบอกซื่อจื่อเฟยด้วยว่าข้าและภรรยาจะรีบตามไปทันที”
โจวอันพยักหน้า หันหลังเดินออกไป
“เร็วเข้า ไปหาของขวัญออกมาจากห้องเก็บสมบัติ เราจะไปจวนอ๋องกันประเดี๋ยวนี้เลย” หลินจ้งหันไปสั่งฮูหยินของเขา
ภรรยาหลินจ้งไม่รีรอ รีบเดินไปยังคลังสมบัติ ไม่มีเวลาคิดว่าของอะไรเหมาะสมหรือไม่แล้ว ตรงไปหยิบเครื่องหยกอย่างดีมาทันที จากนั้นก็รีบตรงออกไปด้านนอก
หลินจ้งสั่งให้คนเตรียมรถม้าไว้เรียบร้อยแล้ว สองสามีภรรยานั่งรถม้า สั่งให้คนรถรีบไปยังจวนอ๋องทันที
หวงฝู่อวี้อยู่ในห้อง
หลังจากพ่อบ้านจากไป ฮูหยินหลินพูดจบ หลินหันเยียนไม่เพียงแต่ไม่ยอมปล่อยมือ แต่กลับร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม
อย่างไรนางก็เป็นลูกสาวที่ตนรักและทะนุถนอมมาแต่เด็ก หากลูกอยู่อย่างไม่มีความสุข นางเองก็ไม่มีความสุข ฮูหยินหลินก็น้ำตาไหลรินลงมาเช่นกัน แต่วันนี้นางแอบหนีออกมาจากจวน หากหลินจ้งรู้เข้าแล้วจะต้องส่งคนมาตามกลับเป็นแน่ ตนเองไม่มีเวลาแล้ว
นางใจเย็นลง ปลอบโยนหลินหันเยียน รอจนเสียงสะอื้นของนางค่อยๆ หยุดลง จากนั้นก็เดินตามนางเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นว่าภายในห้องนั้นเละเทะวุ่นวายเช่นนี้ ก็ตกใจเป็นอย่างมาก “เยียนเอ๋อร์ นี่มัน…”
น้ำตาของหลินหันเยียนไหลออกมาอีกครั้ง สะอึกสะอื้นจนพูดไม่ออก
ฮูหยินหลินมองไปทางหงเอ๋อร์
หงเอ๋อร์ไม่กล้าปิดบัง จึงได้เรียนฮูหยินไปตามความจริงทุกประการ
ฮูหยินหลินจับมือของหลินหันเยียนเอาไว้ เตือนนางว่า “เยียนเอ๋อร์ เจ้าเดินมาถึงจุดๆ นี้ อยากจะหันหลังกลับก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ดูจากสถานการณ์วันนี้ ขอเพียงกล่อมให้คุณชายรองรีบสู่ขอเจ้า ให้เจ้าได้สถานะเป็นภรรยาเอก ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะทำอะไรตามใจก็ได้ ดังนั้น ก่อนจะถึงวันนั้น หากมีเรื่องใดไม่พอใจ น้อยใจ เจ้าต้องเก็บเอาไว้ในใจ อย่าให้ดูออกเป็นอันขาด”
พูดจบ ก็สั่งหงเอ๋อร์เสียงแข็งว่า “จะยืนบื้ออยู่ใยกัน ยังไม่รีบเก็บกวาดอีก”
หงเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเล็กน้อย จากนั้นก็ตอบรับและก้มลงเก็บของทันที
ฮูหยินหลินจูงมือหลินหันเยียน เดินข้ามเศษแก้วไปอย่างระมัดระวัง มายังเสื่อนิ่มข้างหน้าต่าง แล้วนั่งลง
ฮูหยินพิจารณาเครื่องประดับต่างๆ ในห้อง ไม่มีของสวยงาม ไม่มีของหรูหราเลย นอกจากโต๊ะเครื่องแป้งของสตรีแล้วนั้น ก็ไม่มีสิ่งที่ลูกสาวของนางชอบอีกเลย นางไม่พอใจ น้ำเสียงไม่สู้ดี ถามด้วยความโกรธว่า “เยียนเอ๋อร์ เหตุใดของในห้องจึงเป็นเช่นนี้ได้ อย่างไรเสีย เจ้าก็อยู่ในจวนอ๋องมานานแล้ว พวกเขาไม่สนใจจัดการกระทั่งเรื่องของใช้ของเจ้าเลยหรือ”
หลินหันเยียนส่ายหน้า พูดว่า “พี่อวี้บอกว่าให้เป็นเช่นนี้ไปก่อน รอแต่งงานกันแล้วค่อยตกแต่งใหม่เจ้าค่ะ”
“ข้าว่าเจ้าถูกล้างสมองเสียแล้วล่ะ” ฮูหยินหลินโมโหที่ลูกไม่ได้ดั่งใจ “คำก็พี่อวี้ สองคำก็พี่อวี้ หากมิใช่เพราะเขา เจ้าจะต้องตกที่นั่งลำบากเช่นทุกวันนี้หรือ” มาถึงบัดนี้ นางก็ยังไม่สำนึกว่าที่วันนี้หลินหันเยียนเดินมาถึงจุดนี้ได้ ก็เพราะแผนการณ์ของนางและหลินฉงเหวินต่างหาก
ฮูหยินหลินขมวดคิ้ว “เอาล่ะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว วันนี้ที่แม่มาก็เพราะมีเรื่องจะบอกเจ้า”
หลินหันเยียนเงนหน้าขึ้นด้วยความตกใจ รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา “เชิญท่านแม่พูดมาได้เลยเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงร้อนรนของฮูหยินหลินดังขึ้น “ตั้งแต่เจ้ามาถึงจวนอ๋องนี้ ในจวนของเราก็เกิดเรื่องขึ้นมากมาย โดยเฉพาะพี่ชายเจ้า ถูกซื่อจื่อกดดันจนทำให้พ่อเจ้า…”
พูดได้ถึงตรงนี้ ด้านนอกก็มีเสียงของพ่อบ้านดังขึ้น “แม่นางหลิน คุณชายหลินและภรรยามาเยี่ยมท่านเช่นกันขอรับ”
สีหน้าของฮูหยินหลินเปลี่ยนไป ผุดลุกขึ้นยืน มองไปด้านนอกหน้าต่าง จากนั้นก็พูดด้วยความลนลานว่า “พวกเขามาได้อย่างไรกัน”
เมื่อพ่อบ้านรายงานเรียบร้อย หลินจ้งไม่รอให้คนในห้องตอบรับ เดินก้าวเท้ายาวเข้ามาด้านในทันที โดยมีภรรยาเดินตามมาด้านหลัง
พ่อบ้านคิดเล็กน้อย จากนั้นจึงได้หันหลังเดินจากไป
“จ้งเอ๋อร์ พวกเจ้ามาได้อย่างไรกัน” น้ำเสียงของฮูหยินหลินเต็มไปด้วยความตระหนก
หลินหันเยียนรู้สึกแปลกใจ แม่ของตนกลัวพี่ชายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
หลินจ้งยิ้มออกมา สีหน้าปกติ “เยียนเอ๋อร์จะแต่งงานกับคุณชายรองแล้ว จากนี้บ้านเราและจวนอ๋อง ก็จะเกี่ยวดองกันแล้ว วันครบรอบร้อยวันของท่านหญิงน้อย หากพวกเราไม่มา จะไม่ถูกคนเขาหัวเราะเยาะกันได้หรือขอรับว่าตระกูลหลินเราไม่รู้จักธรรมเนียม”
ภรรยาเขาพยักหน้าเห็นด้วย “จริงด้วย ท่านแม่ ท่านมาที่นี่ก็ไม่บอกพวกเราสักคำ พวกเราจะได้มาพร้อมกับท่านด้วย”
สีหน้าของฮูหยินหลินผู้เป็นแม่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เม้มปากไม่พูดจา
ภรรยาหลินจ้งหันมาหาหลินหันเยียน กล่าวทักทายนางพร้อมรอยยิ้มบางๆ “น้องเล็ก ไม่ได้พบกันนานแล้ว”
หลินหันเยียนฝืนยิ้มออกมา “พี่สะใภ้”
มองไปรอบห้องที่เละเทะอย่างเงียบๆ นางมองหลินจ้ง
สองสามีภรรยาไม่พูดอะไร
ในห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงบ
ณ เรือนหน้าจวน
ถึงเวลาอาหารแล้ว แขกที่มาแสดงความยินดีต่างก็ได้หาที่นั่งกัน แขกชายนั่งฝั่งหนึ่ง แขกหญิงนั่งฝั่งหนึ่ง ขณะที่หวงฝู่อวี้กำลังจะประกาศให้เริ่มรับประทานอาหารได้ ด้านนอกก็มีเสียงแหลมของขันทีดังขึ้นมา “ไท่จื่อเสด็จ!”
ผู้คนต่างผุดลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ นั่งคุกเข่ารอรับเสด็จ
หวงฝู่ซวิ่นเดินมาอย่างมั่นคง ใบหน้าแต้มรอยยิ้ม ค่อยๆ ย่างกรายเข้ามา โบกมือให้ทุกคน “วันนี้ข้ามาแสดงความยินดี ทุกท่านไม่ต้องทำความเคารพหรอก ลุกขึ้นเถิด”
แขกเหรื่อกล่าวขอบคุณ ลุกขึ้น
หวงฝู่ซวิ่นกวาดตามองแขกเหรื่อ จากนั้นก็หันหลังเดินไปยังเรือนของพระชายา
บรรดาแขกเหรื่อนั่งลงที่เดิม เริ่มต้นงานเลี้ยง บ่าวรับใช้ในจวนนำอาหารมาวางอย่างไม่ขาดสาย
แขกเหรื่อกำลังกินอาหารอยู่ เมิ่งเชี่ยนโยวเองก็ถูกเมิ่งซื่อใช้ให้ไปจัดโต๊ะที่เรือนตัวเองด้วยเช่นกัน
นางและเฝิงจิ้งเหวิน เฝิงจิ้งซู ซุนฮุ่ยและเด็กๆ กินไปพร้อมพูดคุยไปด้วย หัวเราะไปพลาง
เมื่อหวงฝู่ซวิ่นเข้ามา ทางนี้เหลือเพียงแค่พระชายาและเมิ่งซื่อสองคนเฝ้าเด็กน้อยอยู่
หลังจากทำความเคารพพระชายาเรียบร้อยแล้ว หวงฝู่ซวิ่นก็เข้ามาดูเด็กๆ
เมื่อเห็นทารกน้อยน่ารักน่าทะนุถนอมแล้ว ก็ชอบใจยิ่งนัก เอื้อมมือมาหยอกล้อครู่หนึ่ง หวงฝู่อี้เซวียนที่เดินตามมาด้านหลังห้ามไว้ “เอามือเจ้าออกไป อย่ามาแตะต้องลูกข้า”
หวงฝู่ซวิ่นผงะเล็กน้อย หันหลัง เบ้ปาก พูดอย่าไม่ใส่ใจว่า “ไม่แตะก็ไม่แตะ อย่างกับว่าคนอื่นไม่มีอย่างนั้นล่ะ”
“เจ้ามีหรือ” หวงฝู่อี้เซวียนถามคำถามไม่รักชีวิต
“เจ้า…” หวงฝู่ซวิ่นโกรธจนพูดไม่ออก
เขาและไท่จื่อเฟยแต่งงานกันมาหลายปี แถมยังรับสนมเข้ามาเพิ่มอีกสองคน แต่กลับมีตี๋จื่อแค่คนเดียว อย่าว่าแต่ลูกสาวเลย แค่ลูกชายอีกสักคนก็ไม่มี
แต่หวงฝู่อี้เซวียนกลับมีถึงสองคน จะไม่ให้เขาเคืองได้อย่างไร
มองค้อนเขาด้วยความโกรธ หันหลัง ไม่สนใจเสียงห้ามจากหวงฝู่อี้เซวียน ยื่นมือไปแหย่เด็กคนหนึ่งเบาๆ เมื่อสัมผัสถึงผิวเนียนนุ่มของเด็กน้อยแล้ว ก็รู้สึกแปลกใจและชอบใจมากนัก
คงเป็นเพราะเขามือแรงไปหน่อย หรืออาจเป็นเพราะเด็กน้อยหิวแล้ว อยู่ดีๆ ก็ร้องไห้จ้าขึ้นมา เมื่อคนหนึ่งร้อง อีกคนก็ร้องตามขึ้นมา
หวงฝู่ซวิ่นยืนงงเป็นไก่ตาแตก ขณะที่เขายังไม่ได้สติกลับมา ก็มีมือยื่นออกมาจากด้านหลัง คว้าแขนเสื้อของเขาและลากเขาไปทิ้งด้านนอกทันที
ร่างของหวงฝู่ซวิ่นหมุนกลางอากาศ หล่นลงพื้น ขณะที่กำลังจะระบายความโกรธนั้น เขาก็พบกับใบหน้าเคร่งขรึมของอ๋องฉีอย่างชัดเจน
กลืนน้ำลายลงคอด้วยความกลัว “เสด็จ เสด็จอา”
“ไสหัวออกไป! ” อ๋องฉีตะโกนดัง
หวงฝู่ซวิ่นอึ้งอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่าตนทำอะไรให้อ๋องฉีไม่พอใจงั้นหรือ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ขยับ สีหน้าของอ๋องฉีก็เครียดยิ่งกว่าเดิม พูดกับอากาศว่า “ส่งไท่จื่อออกไป และหากมีครั้งหน้าอีกให้จัดการได้เลย อย่าให้เขาเข้ามาในจวนอ๋องได้”
“เสด็จอา!” หวงฝู่ซวิ่ขอร้อง “ข้าทำอะไรผิดหรือขอรับ” เขาเพิ่งจะเข้ามา ยังไม่ได้พูดอะไรเลย และยังไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ๆ
สิ่งที่ตอบกลับเขามาเป็นการโจมตีจากองครักษ์เงาของอ๋องฉี
แน่นอนว่าองครักษ์เงาของหวงฝู่ซวิ่นไม่มีทางยอมให้เขาถูกไล่ออกไปเป็นแน่ จึงได้ปรากฎตัว พุ่งเข้ามา
แต่ว่าวันนี้หวงฝู่ซวิ่นตั้งใจจะมาแสดงความยินดี ไม่ได้ตั้งใจจะมาต่อสู้ จึงได้พาองครักษ์มาเพียงสองนายเท่านั้น ไม่มีทางสู้กับฝั่งของอ๋องฉีที่มีถึงสิบนายได้เลย ไม่เพียงแค่องครักษ์เงาสองนายของเขาถูกโจมตีจนต้องร่นถอย แต่ตัวเขาเองก็ไม่ถูกไว้หน้า เป็นเช่นนี้ตลอดทาง จนพวกเขาแทบจะถูกต่อยออกไปนอกเรือนพระชายาแล้ว
พระชายาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแต่ไม่สนใจ มัวแต่ยุ่งอยู่กับการปลอบเด็กทั้งสอง
แต่หวงฝู่อี้เซวียนกลับยืนมองหวงฝู่ซวิ่นด้วยท่าดีสะใจ แอบพูดว่า สมน้ำหน้า วันก่อนตอนที่ตนแอบอุ้มลูกๆ นั้น ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพวกนางจึงร้องไห้ขึ้นมา อ๋องฉีไล่ตีเขาไปทั่วทั้งจวน หากมิใช่เพราะเขามีวิชาต่อสู้ล่ะก็ คงจะต้องโดนซ้อมจนหน้าบวมเป็นแน่ วันนี้เขากล้ามาทำให้เด็กร้องไห้ต่อหน้าเสด็จพ่อ ถูกไล่ออกจากจวนก็ไม่แปลก
ตั้งแต่เล็กองครักษ์เงาถูกอบรมให้เชื่อฟังคำสั่ง ดังนั้น เขาจะไม่หยุดจนกว่าพวกของหวงฝู่ซวิ่นจะออกจากจวนไป ยืนอยู่หน้าประตู มองพวกเขาด้วยสายตาดุร้าย ราวกับจะบอกว่า หากพวกเขายังกล้าเข้ามาเหยียบที่จวนอ๋องอีก พวกเขาก็จะไม่ไว้มือเช่นกัน
เสื้อผ้าของหวงฝู่ซวิ่นยับเยิน หายใจหอบ แต่เขาไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดเสด็จอาจึงต้องโมโหร้ายเพียงนี้ ซ้ำยังประกาศว่าไม่ให้เขาเข้ามาที่นี่อีก
คิดจนหัวจะแตกก็คิดไม่ออก หวงฝู่ซวิ่นไม่กล้าบุกเข้ามาในจวน จึงได้โบกมือด้วยความผิดหวัง “กลับวัง”
องครักษ์ และสาวรับใช้ในตำหนักต่างแปลกใจ ไท่จื่ออกไปร่วมแสดงความยินดีปกติ เหตุใดจึงถูกไล่ออกมาได้เล่า
หวงฝู่ซวิ่นจากไปพร้อมความไม่เข้าใจ
อ๋องฉีโกรธมาก กัดฟันกรอดพูดว่า “กล้าทำให้หลานสาวของข้าร้องไห้ ดูเถิดว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”