ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 373 จะตายให้ดู
‘คุณหนูหลินเคยใช้ยาคุมเกินขนาดในครั้งก่อน ส่งผลให้มดลูกได้รับความเสียหาย เกรงว่าต่อแต่นี้ไปจะไม่สามารถมีลูกได้อีก!’
เสียงนี้ดังก้องอยู่ในสมองของหลินหันเยียน ไม่ได้ยินเสียงรอบข้างใดๆ ทั้งนั้น มีแต่เพียงแค่ประโยคนี้ของหมอหลวงเจียงวนเวียนอยู่ในหัวนาง
หวงฝู่อวี้ก็ชะงักไปเช่นกัน เบิกตาโพลงด้วยสีหน้าท่าทางไม่เชื่อเป็นอย่างมาก มองจ้องไปที่หมอหลวงเจียงตลอดเวลา เพื่อหวังว่าความน่าเกรงขรามของตนจะทำให้เขาถอนคำพูดเมื่อสักครู่นี้กลับไป เยียนเอ๋อร์ไม่สามารถมีลูกได้ มันจะเป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไรกัน
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่เชื่อ หมอหลวงเจียงก็ถอนหายใจออกมา “คุณชายรองรอง คุณหนูหลิน ข้าน้อยไร้ความสามารถ ถ้าอย่างนั้นให้…”
กรี้ดดดด
ยังไม่ทันพูดจบ หลินหันเยียนก็กรีดร้องออกมาเสียงดัง ทำให้หมอหลวงเจียงตกใจจนขวัญเสีย แล้วหยุดพูดไป
หวงฝู่อวี้ก็ตกใจเช่นกัน รีบเข้าไปโอบกอดหลินหันเยียน “เยียนเอ๋อร์ เจ้าอย่างเพิ่งร้องไห้ๆ นี่จะต้องไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน ไม่จริงแน่นอน”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ทำไมกัน” หลินหันเยียนจับเสื้อของหวงฝู่อวี้ไว้แน่น น้ำเสียงพูดด้วยความสิ้นหวัง แล้วกรีดร้องออกมาราวกับคนเสียสติ “แล้วต่อจากนี้ข้าจะทำเช่นไร ทำเช่นไร”
หวงฝู่อวี้ก็กอดนางขึ้นไปอีก “ไม่ สวรรค์ไม่ทำกับเราเช่นนี้แน่ ท่านหมอหลวงเจียงจะต้องตรวจผิดแน่นอน”
“ใช่ๆ!” หลินหันเยียนพยักหน้าไม่หยุดในขณะที่อยู่ในอ้อมกอดของหวงฝู่อวี้ “ใช่แน่นอนๆ เหตุใดข้าถึงจะมีลูกไม่ได้กันเล่า ใช่แล้ว เขาจะต้องตรวจผิดเป็นแน่” พูดจบ ก็ผลักหวงฝู่อวี้ออก ลงจากเตียง แล้วเดินไปที่หมอหลวงเจียง จ้องไปที่เขาแล้วเค้นถามว่า “เจ้าหมอไร้น้ำยา เจ้าตรวจผิดใช่หรือไม่ ข้าแข็งแรงดีจะตาย ทำไมจะมีลูกไม่ได้กัน”
ไม่ว่าผู้หญิงผู้ใดเมื่อได้ยินเรื่องเหล่านี้ก็รับไม่ได้ทั้งนั้น หมอหลวงเจียงเข้าใจ ไม่ได้โทษหลินหันเยียน แต่กลับพูดว่า “คุณหนูหลิน ข้าน้อยไร้ความสามารถจริงๆ สู้ให้ซื่อจื่อเฟยมาตรวจเถิดขอรับ”
“ใช่ๆ” หวงฝู่อวี้ได้สติกลับมา ตอบรับทันควัน “เชิญพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าจะไปตามพี่สะใภ้ใหญ่มาช่วยดูเจ้า” พูดจบ ก็เอ่ยปากออกคำสั่งทันที
“ไม่ได้!” หลินหันเยียนพูดเสียงดัง แล้วเดินกลับไปหาหวงฝู่อวี้ แล้วขอร้องเขาว่า “พี่อวี้เจ้าคะ อย่าให้นางมาเลยเจ้าค่ะ”
หวงฝู่อวี้โดนเรื่องที่หลินหันเยียนมีลูกไม่ได้เล่นจนเสียสติ งุนงงไปชั่วขณะ จึงไม่ได้เข้าใจในความหมายของคำพูดนาง จึงบอกนางว่า “เยียนเอ๋อร์ หมอหลวงเจียงบอกแล้วว่า วิชาแพทย์ของพี่สะใภ้ใหญ่นั้นล้ำเลิศยิ่งนัก นางจะต้องตรวจได้แน่ว่าเจ้าเป็นอะไรกันแน่”
“ข้าบอกว่าไม่ต้อง!” หลินหันเยียนน้ำตาไหลนอง แล้วพูดด้วยความขาดสติ “ข้าไม่ยอม! ข้าไม่ยอม! ข้าไม่ยอม!”
หวงฝู่อวี้ก็รีบรับนางมาไว้ในอ้อมกอด “ได้ๆ ข้าไม่ไปเรียกพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว เจ้าใจเย็นก่อนนะ!”
หลินหันเยียนผลักเขาออก แล้วเค้นถามเขาว่า “ให้ข้าใจเย็นได้อย่างไรกัน เป็นเพราะเจ้า เป็นความผิดของเจ้า เป็นเพราะเจ้าข้าถึงต้องทำเช่นนี้ แต่สุดท้ายคนที่รับกรรมดันเป็นข้า เพราอะไรกัน เพราะอะไร!”
หลินหันเยียนที่สภาพขาดสติเช่นนี้ เรื่องที่ควรพูด ไม่ควรพูดล้วนแล้วแต่จะต้องเป็นที่ครหากันด้านนอกอย่างแน่นอน หมอหลวงเจียงจึงสะพายกระเป๋ายาของตน แล้วพูดด้วยความเร่งด่วนว่า “คุณชายรองรอง คุณหนูหลิน ในวังยังมีเรื่องให้ข้าจัดการ ข้าไปก่อนขอรับ”
พูดจบ ก็หันหลังจะเดินออกไป
“เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” หลินหันเยียนตะโกนตามไปด้านหลัง
หมอหลวงเจียงหยุดชะงัก
หลินหันเยียนเดินไปที่ด้านหลังของเขาด้วยความรวดเร็ว แล้วดึงกระเป๋ายาของเขาออกด้วยความรุนแรง รุนแรงเสียจนแทบจะล้มลงกับพื้น “เจ้าห้ามไป ห้ามไปไหนทั้งนั้น ถ้าหากว่าเจ้ากล้าออกไปบอกคนอื่นล่ะก็ ข้าจะฆ่าเจ้า ฆ่าเจ้าเสีย!”
กระเป๋ายาถูกดึงจนเปิดออก ของข้างในนั้นกระจัดกระจายออกมา จนทำให้บ่าวรับใช้ในเรือนต่างก็ตกใจกันไปหมด มองหน้ากันไปมา ไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่คุณชายรองรองกับคุณหนูหลินยังสุภาพอ่อนโยนอยู่เลย เหตุใดผ่านไปเพียงประเดี๋ยวเดียวถึงได้ทำลายข้าวของเช่นนี้แล้ว
หวงฝู่อวี้รีบเดินมา แล้วกอดหลินหันเยียนเอาไว้แน่น “เยียนเอ๋อร์ เจ้าใจเย็นๆ ก่อน หมอหลวงเจียงไม่เอาออกไปพูดหรอก”
“ข้าไม่เชื่อ!” หลินหันเยียนพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของเขา แล้วโวยวายว่า “ข้าไม่เชื่อ เขารอดูความย่อยยับของข้ามาตลอด แล้วเหตุใดจะไม่ออกไปป่าวประกาศล่ะ”
หงเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านนอกได้ยินเสียงของหลินหันเยียนที่ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ก็รีบโบกมือ ให้คนในเรือนต่างก็ออกไปให้หมด ส่วนตนก็ไปเฝ้าที่ประตูเรือน ห้ามไม่ให้คนนอกเข้าไป
ในเรือน เมื่อหมอหลวงเจียงฟังจบ ก็รู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก แต่ก็รู้ว่าตอนนี้หลินหันเยียนกำลังขาดสติ ไม่รู้หรอกว่าตนเองกำลังพูดอะไรออกมา เขายังคิดไม่ทันเสร็จ หลินหันเยียนก็ดิ้นออกจากอ้อมกอดของหวงฝู่อวี้อีกครั้ง แล้วก็ตรงดิ่งมาที่เขา ตะคอกใส่ว่า “ข้ารู้แล้ว เหตุใดเจ้าถึงพูดเช่นนี้ เจ้าอยากใช้วิธีนี้ ให้พี่อวี้ทิ้งข้า แล้วให้หลานสาวของเจ้าเข้ามาแทนล่ะสิ ข้าจะบอกให้ อย่าฝันไปหน่อยเลย ชาตินี้ พี่อวี้เป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว มีข้าเป็นเมียได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
คิดไม่ถึงเลยว่าหลินหันเยียนจะพูดจาเช่นนี้ออกมาได้ หวงฝู่อวี้ก็ตวาดนางโดยทันที “เยียนเอ๋อร์ หยุดพูดเหลวไหลเดี๋ยวนี้นะ!”
หมอหลวงเจียงเป็นถึงหัวหน้าของสำนักหมอหลวง มีหมอในใต้บังคับบัญชาตั้งกี่ร้อยคน ขนาดนางสนมผู้สูงส่งต่างๆ ในวังเจอเขายังต้องทำความเคารพ วันนี้โดนหลินหันเยียนพูดจาเช่นนี้ใส่ ก็โกรธเป็นอย่างมาก ยับยั้งสติไม่อยู่แล้ว “คุณหนูหลิน ท่านพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ถึงแม้ว่าตระกูลเจียงของเราจะไม่ใช่ตระกูลที่ใหญ่โตอะไร แต่ก็มีชื่อเสียงอยู่บ้างในเมืองหลวง หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่ส่งลูกหลานสาวของตระกูลมาเป็นเมียใครหรอก”
แต่ก็ไม่รู้ว่าประโยคไหนที่ไปกระตุ้นหลินหันเยียน เลยทำให้นางยิ่งขาดสติไปกันใหญ่ หัวเราะออกมา แล้วพูด “ก่อนที่หมอหลวงเจียงจะพูดออกมา ดูหน้าตัวเองก่อนเถิดว่ายังมีหรือไม่ เมื่อวันนั้นข้าเห็นกับตา หลังจากที่หลานสาวของเจ้าได้รับความช่วยเหลือจากพี่อวี้ ก็กอดคอพี่อวี้ไม่ปล่อย”
“เจ้า…” หมอหลวงเจียงโกรธจนหน้ามืดโซเซไปหมด
หวงฝู่อวี้เดินมา แล้วลากหลินหันเยียน พร้อมตวาดใส่นางว่า “เยียนเอ๋อร์ พอได้แล้ว! เจ้าอย่าพูดจาเช่นนี้ ที่คุณหนูเจียงทำนั่นเป็นสัญชาติญาณเอาตัวรอดเท่านั้น ไปกอดโอบข้าตอนไหนกัน”
หลินหันเยียนจับคำพูดนั้น แล้วบอกกับหมอหลวงเจียงว่า “ฟังสิๆ พี่อวี้ก็ยอมรับแล้ว เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าเจ้าไม่ได้คิดเช่นนั้น ถ้าให้ข้าเดา วันนั้นที่รถม้าเกิดปัญหาก็เป็นเพราะพวกเจ้าวางแผนเอาไว้แล้วด้วยต่างหากล่ะ”
เพี้ยะ! มือหวงฝู่อวี้ตบลงไปที่ใบหน้าของหลินหันเยียน “เยียนเอ๋อร์ พอได้แล้ว เลิกพูดเลอะเทอะได้แล้ว!”
หลินหันเยียนชะงักไป ตาทั้งสองข้างมองจ้องไปที่หวงฝู่อวี้อย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
หมอหลวงเจียงก็ชะงักไปเช่นเดียวกัน ลืมไปเลยว่าหลินหันเยียนพูดอะไรไปบ้าง
หวงฝู่อวี้ชะงักไปยิ่งกว่า มองไปที่มือของตนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา แล้วก็มองไปที่รอยแดงบนใบหน้าของหลินหันเยียน จึงได้สติกลับมา อยากจะขอโทษหลินหันเยียน “เยียนเอ๋อร์ ข้า… …”
ตาทั้งสองข้างของหลินหันเยียนมองจ้องจนแทบจะถลนออกมา แล้วกล่าวโทษด้วยน้ำเสียงที่โกรธว่า “พี่อวี้ ท่านตบข้างั้นหรือ”
“เยียนเอ๋อร์ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้า … …”
เขายังไม่ทันพูดจบ หลินหันเยียนเดินไปด้านหน้าเขาด้วยความขาดสติ แล้วผลักเขาออกไปอย่างรุนแรง
หวงฝู่อวี้โดนผลักจนเซถอยไปกระแทกกับโต๊ะที่อยู่ทางด้านหลัง
โต๊ะโดนชนจนล้มลงไป เล่มบัญชีและพู่กันน้ำหมึกต่างก็ตกลงกระจุยกระจายลงพื้น ทั้งยังมีเสียงดัง
หงเอ๋อร์ทนไม่ไหวจนต้องเข้ามาดู ถ้าคุณหนูอาละวาดอย่างนี้ต่อไป เกรงว่าจะไม่มีที่ให้นายบ่าวทั้งสองนี้ได้ซุกหัวนอนในเรือนอ๋องแห่งนี้อย่างแน่นอน แต่เมื่อก้าวเข้าไปได้หนึ่งก้าว เสียงเตือนของหวงฝู่อวี้ก็ดังขึ้น นางเลยถอยหลังกลับไปอย่างเงียบๆ แล้วคอยดูอยู่ข้างนอกด้วยความเป็นห่วง
ในเรือน
ดีทีหมอหลวงเจียงพยุงไว้ได้ทัน หวงฝู่อวี้เลยไม่ได้ล้มลงไป
หลินหันเยียนก็ยังไม่พอใจ เดินเข้าไปด้านหน้าเขา แล้วพูดชัดๆ ว่า “การใช้ยาคุมนั้นเป็นความคิดของเจ้า ยาก็เป็นเจ้าที่ซื้อมา วันนี้เจ้ายังตบข้า หรือว่าเจ้าคิดไว้นานแล้วว่าจะใช้วิธีนี้ทำร้ายข้า ทำให้ข้าออกไปจากจวนอ๋องเอง…” พูดถึงตรงนี้ ก็ยื่นมือออกมาชี้ไปที่หมอหลวงเจียง “จะได้มีพื้นที่ให้นังหลานไร้ยางอายคนนั้นของตาแก่นี่ ข้าจะบอกเจ้าให้ อย่าฝันไปเลย ชาตินี้ ข้าจะตามจองล้างจองผลาญ ถ้าข้าลำบาก เจ้าก็อย่าหวังว่าจะสบาย”
“เยียนเอ๋อร์ เจ้ากำลังพูดอะไรน่ะ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ” หวงฝู่อวี้รู้สึกว่าคนๆ นี้ไม่ใช่หลินหันเยียนคนก่อนเลย เลยเบิกตาโพรงแล้วถามด้วยความประหลาดใจ
หลินหันเยียนพยักหน้า “ใช่ ข้าบ้าไปแล้ว ข้าถูกเจ้าบังคับให้บ้า ข้าคิดแต่อยากจะอยู่กับเจ้า ทำทุกวิถีทางให้ได้อยู่กับเจ้า ยอมทิ้งทั้งชื่อเสียงและความบริสุทธิ์ของตนเองเพื่อที่จะได้อยู่กับเจ้า แต่ว่าเจ้า คนในจวนแห่งนี้ ล้วนแล้วแต่ดูถูกข้า เวลาที่ข้าพูดกับพวกเขา พวกเขายังทำท่าทีรังเกียจข้า นั่นช่างมันเถอะ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขาอยู่แล้ว ว่าแต่เจ้าล่ะ เจ้าทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร เจ้าเอาแต่ยืดงานแต่งออกไป ไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตา แล้วยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังลงมือกับคนของตระกูลข้า ทำให้แม้แต่ที่พึ่งสุดท้ายของข้าก็ไม่มี แล้วมาวันนี้ การที่ข้าจะมีลูกยังไม่ได้เลย จะไม่ให้ข้าเป็นบ้าได้อย่างไร”
เมื่อเห็นนางเสียสติจนขีดสุดแล้ว ท่าทางราวกับจะเป็นบ้าได้ตลอดเวลา หวงฝู่อวี้ก็ยืนขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน น้ำเสียงอยากแนะนางว่า “เยียนเอ๋อร์ เจ้าตั้งสติก่อน มีลูกไม่ได้ ไม่เพียงแต่เจ้าที่เจ็บปวด ข้าก็เช่นกัน ฟังข้านะ เจ้าใจเย็นๆ ก่อน พวกเราไปเชิญพี่สะใภ้ใหญ่มาตรวจก่อนดีไหม ไม่แน่หมอหลวงเจียงอาจจะตรวจผิดก็ได้”
หลินหันเยียนผลักเก้าอี้อย่างแรง โกรธจนแทบจะหายใจไม่ทัน แล้วตะวาดใส่ว่า “ไม่ได้ ข้าบอกว่าไม่ได้ นังสารเลวเมิ่งเชี่ยนโยวนั่น ครั้งที่แล้วก็ตรวจว่าข้าไม่ได้ท้อง แล้วยังไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอีก มองว่าพวกเรากำลังแสดงเป็นคนไร้ค่าน่ารังเกียจต่อหน้านาง ถ้าหากว่านางรู้ว่าข้าไม่สามารถมีลูกได้อีก นางจะต้องดีใจจนนอนไม่หลับเป็นแน่ ข้าไม่อยากให้นางมา อย่าให้นางมา”
“ก็ได้ๆ” หวงฝู่อวี้ยื่นมือออกมาช้าๆ อยากที่จะห้ามให้นางไม่เสียสติอีก “พวกเราไม่เรียกพี่สะใภ้ใหญ่มาแล้ว ให้หมอคนอื่นมาตรวจดีไหม”
“ไม่ได้ ใครก็ไม่ได้ทั้งนั้น” หลินหันเยียนเซถอยไปด้านหลัง ส่ายหน้า แล้วเท้าก็เหยียบเข้ากับเศษกระเบื้อง เลือกสีแดงสดไหลออกมา จนกระเบื้องนั้นเป็นสีแดงจนหมดแล้วก็ยังไม่รู้ตัว ได้แต่บอกว่า “ไม่ได้ๆ จะให้นางมาไม่ได้”
หวงฝู่อวี้เจ็บปวดจนถึงที่สุด รีบเดินเข้าไปเอาตัวหลินหันเยียนที่หมดสติไปหลังจากที่เสียสติอยู่ตั้งนานไปนอนที่เตียง แล้วเรียกหมอหลวงเจียงเสียงดังว่า “ยังไม่รีบเข้ามาทำแผลอีก”
“ได้ๆ ขอรับ” หมอหลวงเจียงได้สติ โค้งตัวลงไปเก็บยาที่อยู่เกลื่อนกลาดบนพื้น หาอันที่ต้องใช้ แล้วเดินไปที่ข้างเตียง
เศษกระเบื้องเจาะลงไปลึกมา หมอหลวงเจียงจับกระเบื้องส่วนที่อยู่ด้านนอกเอาไว้ แล้วพยักหน้าให้กับหวงฝู่อวี้ “คุณชายรองรอง จับคุณหนูหลินเอาไว้ให้ดีนะขอรับ” พูดจบ ก็ออกแรงดึง เศษกระเบื้องนั้นหลุดออกมาแล้ว เลือดก็ไหลพุ่งออกมาเช่นกัน
หวงฝู่อวี้กอดหลินหันเยียนเอาไว้แน่น กลัวว่านางจะปวดจนตะเกียกตะกายจนหมอหลวงเจียงทายาให้ไม่ได้
แต่หลินหันเยียนกลับไม่มีท่าทีเจ็บปวดใดๆ เลย ขนาดท่าทีเจ็บปวดเล็กน้อยก็ไม่มี เอาแต่มองเศษกระเบื้องที่หมอหลวงเจียงโยนลงพื้นเท่านั้น
หมอหลวงเจียงรีบเอายาห้ามเลือดที่ตนถืออยู่เทลงบนแผลของหลินหันเยียน เลือดก็หยุดไหลอย่างรวดเร็ว หมอหลวงเจียงก็หันหลังไปหยิบผ้าตาข่ายออกมาจากกระเป๋ายา แล้วแปะลงไปบนแผลของนางอย่างเบามือ แล้วกำชับหวงฝู่อวี้ว่า “คุณชายรองรองขอรับ แผลของคุณหนูหลินค่อนข้างลึก จะต้องพักฟื้นหลายวันแผลถึงจะสมาน ช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งให้นางโดนน้ำเป็นอันขาด”
หวงฝู่อวี้พยักหน้าตอบรับ “ทราบแล้วขอรับ”
หมอหลวงเจียงยืนขึ้น แล้วเดินไปที่โต๊ะที่ล้มอยู่กับพื้น แล้วหากระดาษจากกองระเกะระกะตรงนั้น วางลงบนเก้าอี้ข้างๆ ก็ยังหยิบพู่กันกับแท่นฝนหมึกมา จุ่มลงไปที่หมึกอันน้อยนิดในแท่นหมึก เขียนใบสั่งยาเสร็จ ก็ลุกขึ้น “คุณชายรองรอง นี่เป็นยาขับความร้อน รบกวนท่านสั่งให้คนไปหายานี้มาต้มเสีย ถ้าหากว่าคุณหนูหลินตัวร้อนล่ะก็ ให้นางกินยานี้เสีย”
หวงฝู่อวี้ก็สั่งให้เฮ่ออีไปจัดหายา
หลินหันเยียนนอนนิ่งอยู่บนเตียง มองเหม่อไปที่เพดานห้อง
หมอหลวงเจียงถอนหายใจหนึ่งเฮือก แล้วแบกกระเป๋ายาของตนขึ้นอีกครั้ง “คุณชายรองรองขอรับ ข้าขอตัว ถ้าหากว่าคุณหนูหลินมีเรื่องอะไรอีกล่ะก็ ขอแค่ท่านใช้คนไปตามข้ามาก็พอ”
หวงฝู่อวี้กล่าวขอบคุณ แล้วปล่อยตัวหลินหันเยียน ลุกขึ้นนึกอยากจะไปส่งหมอหลวงเจียงด้วยตนเอง
หลินหันเยียนก็พรวดพราดลุกขึ้นจากเตียง ลงมาอย่างรวดเร็ว แล้วหยิบเศษกระเบื้องที่หมอหลวงเจียงโยนลงพื้นเมื่อสักครู่นี้ พาดลงไปที่คอของตนเอง แล้วขู่ว่า “หากมีใครออกจากเรือนแห่งนี้ ข้าจะตายให้ดู”