ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนที่ 64-2
ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] – ตอนที่ 64-2 เปาชิงเหอดีใจหน้าบาน
คนงานตรวจสอบรูรั่วบนหลังคาทั้งหมด สุมหัวกันคิดคำนวณคร่าวๆ แล้วเดินมาตรงหน้าเมิ่งฉี บอกจำนวนกระเบื้องที่ต้องใช้
เมิ่งฉีพยักหน้า เดินเข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวได้ยินพวกเขาพูดคุยกันแล้ว หันไปถามบ่าว “เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่าที่ไหนมีขายกระเบื้องบ้าง”
บ่าวพยักหน้ารับคำ “ทราบขอรับ”
เมิ่งฉีล้วงเงินจำนวนหนึ่งออกมามอบให้เขา บอกจำนวนกระเบื้องที่ต้องการ
บ่าวรับเงินมา หมุนตัววิ่งไปซื้อกระเบื้อง
คนงานรออยู่ไกลๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวกวักมือให้พวกเขา พวกเขารีบเดินเข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดกับพวกเขาว่า “ข้าจะบอกค่าแรงกับพวกเจ้า ทุกคนจะได้วันละแปดสิบอีแปะ ตอนเที่ยงมีข้าวให้กิน ไม่หักเงินค่าแรง”
คนงานได้ยินดังนั้นก็ดีอกดีใจ เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า กล่าวขอบคุณไม่หยุดปาก
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ พูดดักคอพวกเขา “ข้าต้องหาแม่ครัวมาทำอาหารให้พวกเจ้าก่อน ข้าจะให้วันละสี่สิบอีแปะ หากบ้านพวกเจ้ามีสตรีว่างงาน ก็ให้เข้ามาทำได้”
คนงานออกมาทำงานเหนื่อยสายตัวแทบขาดทั้งวันเพิ่งจะหาเงินได้แปดสิบอีแปะ ทั้งยังไม่แน่ว่าจะมีงานให้ทำทุกวัน แต่สตรีในบ้านแค่ออกมาทำอาหารมื้อเดียวก็ได้เงินสี่สิบอีแปะแล้ว นี่เป็นเรื่องดีที่ตกลงมาจากสวรรค์โดยแท้ ต่างแย่งกันบอกว่าคนที่บ้านตนเองว่าง
เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือบอกไม่ให้พวกเขาแย่งกัน พูดว่า “ช่วงสองสามวันนี้มีเพียงงานซ่อมหลังคา มีพวกเจ้าเพียงไม่กี่คน ดังนั้นข้าจึงรับแม่ครัวเพียงคนเดียวก่อน รอให้โรงงานเปิด มีคนงานเพิ่มขึ้น ย่อมต้องรับคนเพิ่มขึ้น พวกเจ้าไม่ต้องแก่งแย่งกัน ใครที่ทางบ้านค่อนข้างขัดสน ก็ให้คนที่บ้านเขามาทำก่อนเถอะ”
คนทั้งหมดหันไปมองชายคนหนึ่งในนั้นเป็นตาเดียว
ชายคนนั้นหน้าแดง พูดอึกๆ อักๆ “หลายวันก่อนมารดาชราข้าล้มป่วย ข้าต้องขายของมีค่าในบ้านไปจนหมด เพื่อหาเงินมาซื้อยาไม่กี่ขนาน ตอนนี้แทบจะไม่มีข้าวสารกรอกหม้อแล้วขอรับ”
“เช่นนั้นเจ้าคงไปตามภรรยาของเจ้ามาให้ข้าดูหน่อยเถอะ” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
ชายคนนั้นรับคำด้วยความยินดี วิ่งเผ่นแนบไปทันที ไม่นานก็พาสตรีนางหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบกลับเข้ามา หยุดยืนตรงหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูสตรีนางนั้นที่แม้เสื้อผ้าจะซอมซ่อ เต็มไปด้วยรอยปะชุน กลับซักล้างอย่างสะอาด ตัวนางก็ดูปราดเปรียวคล่องแคล่ว เพียงแค่ผอมบางดูอิดโรยไปบ้าง ในตอนนี้กำลังยืนกระสับกระส่ายอยู่เบื้องหน้านาง มองนางอย่างวาดหวัง
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “เจ้านี่ล่ะ เข้ามาทำอาหารมื้อเที่ยงให้พวกเขากินทุกวัน ข้าให้ค่าแรงวันละสี่สิบอีแปะ”
ใบหน้าของชายหญิงคู่นั้นเต็มไปด้วยความปีติ กล่าวขอบคุณไม่ขาดปาก
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีกว่า “ช่วงสองสามวันนี้คนน้อย ข้าจะไม่ให้คนไปซื้อผักให้ เจ้าเข้ามาเช้าหน่อย แล้วไปซื้อผักมาทำกับข้าวให้พวกเขาเอง จำไว้ว่า จดบัญชีให้เรียบร้อยก็พอ”
ใบหน้ายินดีของหญิงสาวแข็งค้าง จับจ้องสีหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวพูดอึกๆ อักๆ “นายหญิง ข้าไม่รู้หนังสือ”
“ไม่รู้หนังสือไม่เป็นไร แต่ละวันเจ้าใช้จ่ายไปเท่าไหร่น่าจะรู้ใช่ไหม บอกตัวเลขโดยรวมกับข้าก็ได้แล้ว” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
หญิงสาวถึงโล่งใจ รอยยิ้มกลับคืนมาอีกครั้ง ดีใจพูดว่า “ข้าทำได้เจ้าค่ะ”
เมิ่งฉีล้วงเงินหนึ่งตำลึงออกมา มอบให้นาง “ตอนเที่ยงทำผัดผักรวมก็แล้วกัน เจ้าดูเอาเถอะว่าจะซื้ออะไร อย่าลืมซื้อเนื้อหมูมาด้วยล่ะ”
คล้ายว่าหญิงสาวจะไม่เคยเห็นเงินมากเช่นนี้ ยื่นมือสั่นระริกออกไปรับเงิน และคนงานชายที่ได้ยินว่าให้ซื้อเนื้อหมูมาใส่ในกับข้าวด้วย ต่างหันมองกัน มองเห็นความยินดีและไม่อยากเชื่อในสายตากันและกัน
หญิงสาวถือเงินไปซื้อกับข้าวด้วยความตื่นเต้น เมิ่งฉีสั่งเหล่าคนงานชาย “พวกเจ้าจงไปดูว่า ในโรงงานมีห้องครัวหรือไม่ หากว่ามีก็ซ่อมแซมก่อน ประเดี๋ยวจะได้เอามาทำอาหาร หากไม่มีก็ก่อเตาง่ายๆ ขึ้น เพื่อทำอาหารเที่ยงก่อนค่อยว่ากันอีกที”
คนงานรับคำ วิ่งไปคนละทิศละทาง
คาดว่าเจ้าของคนเก่าคงไม่เคยทำอาหารให้คนงานกิน คนทั้งหมดเจอเพียงเตาไฟที่ก่อขึ้นง่ายๆ เตาเดียว
คนงานเข้ามาบอกพวกเขา เมิ่งฉีตามไปตรวจดูแล้วส่ายหน้า มองไปโดยรอบ ชี้ลานเรือนบริเวณที่โล่งกว้างพูดว่า “ก่อเตาไฟตรงนั้นก่อนก็แล้วกัน พอซ่อมแซมอาคารเสร็จ ค่อยสร้างห้องครัวอย่างง่ายขึ้นมาสักหลัง”
คนงานล้วนแต่เป็นแรงงานฝีมือดี การก่อเตาไฟสำหรับพวกเขาง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ หลังจากควานหาวัสดุไปทั่ว ไม่นานก็ก่อเตาไฟหนึ่งเสร็จ เมิ่งฉีล้วงเงินหนึ่งตำลึงออกมามอบให้คนงานอีกคน ให้เขาไปซื้อกระทะมา
ทุกอย่างเตรียมเสร็จเรียบร้อย บ่าวที่ออกไปซื้อกระเบื้องก็กลับมาแล้ว ตามติดมาด้วยรถเทียมเกวียนหนึ่งคัน นำกระเบื้องส่งมาให้
คนงานไม่รอให้เมิ่งฉีสั่ง ก็เข้าไปขนถ่ายกระเบื้องลงมาอย่างรู้ความ
บ่าวนำเงินที่เหลือมอบให้เมิ่งฉี
เมิ่งฉีโบกมือ “เจ้าเก็บไว้ก่อน หลายวันนี้ยังมีของอีกมากต้องซื้อหา ตอนข้าไม่อยู่ เจ้านำไปซื้อได้เลย”
แม้บ่าวจะมีไหวพริบดี แต่อย่างไรก็เป็นบ่าว ต่อให้เปาชิงเหอดีกับบ่าวเพียงใด ก็ไม่เคยให้เขาดูแลเงินเอง หลังความตกตะลึง ก็เกิดความรู้สึกพูดไม่ออกทะลักเอ่อขึ้นมา บ่าวไม่ได้ปฏิเสธ แต่เก็บเงินที่เหลือใส่ไว้ในอกเสื้อตัวเอง แอบสาบานในใจ ต่อไปจะต้องทำงานให้ดียิ่งๆ ขึ้น จะไม่ทำให้เมิ่งฉีที่เชื่อมั่นตนเองต้องผิดหวัง
หลังจากคนงานขนถ่ายกระเบื้องเสร็จ ก็นำอุปกรณ์ที่พกติดตัวมาลงมือซ่อมหลังคาอย่างไม่รีรอ
หญิงสาวไปซื้อกับข้าวก็กลับมาแล้ว ยกผักที่ซื้อมาให้เมิ่งเชี่ยนโยวดู
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้ว พูดว่า “ซื้อเนื้อมาน้อยเกินไป ครั้งหน้าซื้อให้เยอะกว่านี้นะ”
หญิงสาวไม่ได้กินเนื้อมานาน อย่างน้อยๆ ก็หลายปีแล้ว นางคิดว่ามีแต่คนรวยถึงจะมีเนื้อกินทุกวันได้ ดังนั้นวันนี้ตอนที่ซื้อจึงได้รวบรวมความกล้าซื้อมาจำนวนมาก ขากลับยังแอบประหวั่นใจ กลัวนายหญิงจะบอกว่าตนเองซื้อมามากเกินไป พอได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ก็ตะลึงจังงัง
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นปฏิกิริยาของนาง จึงย้อนถาม “เป็นอะไร หรือว่าเงินไม่พอ”
หญิงสาวโบกมืออุตลุด “พอๆ ยังเหลืออีกตั้งเยอะเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า หันมองไปทางเตาที่เพิ่งก่อเสร็จ “ไปทำกับข้าวตรงนั้นก่อนเถอะ เป็นเตาก่อใหม่ อาจจะใช้ยากหน่อย เจ้าถูไถใช้ไปก่อน พอพวกเขาซ่อมแซมอาคารเสร็จ ค่อยสร้างห้องครัวใหม่ ก่อเตาไฟเพิ่มอีกหลายๆ เตา”
หญิงสาวรับคำ ยกตะกร้าเดินไปข้างเตา ไม่นานก็เดินกลับมาพูดว่า “นายหญิง ไม่มีอุปกรณ์ทำกับข้าวเลยเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวตบหน้าผากตัวเอง “ข้าว่าแล้วว่าเหมือนจะขาดอะไรไป” พูดจบก็พูดกับหญิงสาว “ขาดอะไร เจ้าจงบอกมา ข้าจะให้บ่าวออกไปซื้อ”
หญิงสาวบอกอุปกรณ์ที่ต้องการทั้งมีด เขียง กะละมังล้างผัก ถังใส่น้ำแก่เขา
บ่าวจดจำเป็นข้อๆ แล้ววิ่งเหยาะๆ ออกไปซื้อ
เมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เปาชิงเหอจึงพูดกับคนทั้งสองว่า “วันนี้กลับไปกินข้าวที่จวนเถอะ ฮูหยินเตรียมของที่จะทำเป็นอาหารเที่ยงให้พวกเจ้าไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้ว่าปฏิเสธไม่ได้ จึงกลับมาจวนเปาพร้อมเมิ่งฉี
เป็นดังที่เปาชิงเหอพูดไว้ อาหารในวันนี้ตระเตรียมได้หลากหลายยิ่งกว่าเมื่อวาน
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูดว่ามีลาภปากแล้ว นับแต่มาอยู่เมืองหลวงยังไม่เคยได้กินอาหารมื้อใหญ่ขนาดนี้มาก่อน
ฮูหยินเปาบอกให้นางกินเยอะๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่เกรงใจแล้ว พอนั่งลงก็ลงมือกินคำโต
เปาชิงเหอนึกครึ้มใจบอกว่าจะกินสุรากับเมิ่งฉี ฮูหยินเปาต้องเตือนว่าตอนบ่ายเขายังมีธุระที่ศาลาว่าการ หากผู้ใต้บังคับบัญชารู้เข้าจะไม่ดี
เปาชิงเหอที่นึกได้ว่าราชสำนักมีกฎเข้มงวดต่อขุนนางที่ดื่มสุรา จึงล้มเลิกไป
ระหว่างกินข้าว เมิ่งเชี่ยนโยวก็ได้พูดเรื่องที่ตนเองจะซื้อที่ดิน เอาไว้ปลูกมันฝรั่งหลังปีใหม่ออกมา
เปาชิงเหอยิ่งให้ดีใจใหญ่ บอกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวก็คือดาวโชคดีของชาวเมืองฝั่งเหนือ หากเป็นเช่นนี้ ชาวเมืองฝั่งเหนือส่วนใหญ่ก็จะได้มีงานทำ ไม่ต้องอดยากอีกแล้ว
หลังอาหารเที่ยง คนทั้งหมดพูดคุยกันอีกครู่หนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีถึงลุกขึ้นขอตัวลากลับไปโรงงาน
เปาชิงเหอกลับไปศาลาว่าการ
คนงานกำลังนั่งยองกินอาหารกลางวันอย่างมูมมาม พอเห็นทั้งสองเดินเข้ามา เตรียมจะลุกขึ้นยืน
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสายตาให้พวกเขาไม่ต้องขยับ ให้กินข้าวต่อไป
คนงานลดความเร็วในการกินข้าวลง
เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีเดินมาดูอาคารที่ซ่อมแซมเสร็จแล้ว เห็นพวกเขาทำงานรุดหน้าไปมาก ก็พยักหน้าพึงพอใจ เมิ่งฉีเดินมาพูดกับพวกเขา “ทำงานได้ดีมาก อีกไม่กี่วันตอนรับสมัครคนงาน พวกเจ้าก็เข้ามาทำงานด้วยล่ะ”
คนทั้งหมดดีใจหน้าบาน ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณยกใหญ่
เมิ่งฉีโบกมือ ล้วงกุญแจออกมามอบให้บ่าว พูดว่า “ข้าอาศัยอยู่ไกล ตอนเช้าเข้ามาช่วงสาย เจ้าถือกุญแจนี้ไว้ ให้เจ้าเป็นคนเปิดประตูให้พวกเขา พอตอนค่ำก็ช่วยลงกลอนให้เรียบร้อยด้วย”
บ่าวรับคำ แล้วรับกุญแจมาพกติดไว้กับตัว
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งตอนบ่ายก็ไม่มีงานอะไรแล้ว หลังสั่งบ่าวให้คอยตรวจตราการทำงานให้เรียบร้อย เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีก็นั่งรถม้ากลับเมืองฝั่งใต้
คนรถบังคับรถม้าไปตามถนนอย่างไม่รีบไม่ร้อน เมิ่งเชี่ยนโยวพลันนึกได้ว่าน่าจะผลิตเข็มเงินเสร็จแล้ว จึงแหวกม่านรถสั่งการคนรถ “ไปรับเข็มเงิน”