ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 108 กังวลใจ
พระชายาฉีอ้าปาก ไม่รู้จะเอ่ยอะไร
ในห้องเงียบลงทันที ทุกคนต่างหนักใจ ความดีใจที่เด็กสาวทั้งสองคนเข้าสู่วัยสาวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยทันที
ผ่านไปสักพักใหญ่ พระชายาฉีจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เสียใจและจนใจว่า “ไม่ว่าอย่างไร ก็เชิญให้เขาเข้ามาก่อนเถิด แม้ว่าจะหนีวันนี้ไปได้ ต่อไปก็หนีไม่พ้นอยู่ดี”
ท่านอ๋องฉีไม่เอ่ยอะไร
พ่อบ้านก็ยืนตรงไม่กล้าขยับ
ผ่านไปอีกสักพักใหญ่ ท่านอ๋องฉีโบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรงแล้วกล่าวว่า “เชิญเขาไปที่ห้องโถงรับแขก”
พ่อบ้านเข้าใจความหมายของเขา จึงหันหลังเดินออกไปทันที
ด้านนอกประตูจวนมีเพียงเยียลี่ว์อาเป่ายืนด้วยจิตใจกระสับกระส่ายอยู่ผู้เดียว เอาแต่เงยหน้ามองไปในจวนบ่อยครั้ง ตอนที่เห็นพ่อบ้านวิ่งออกมาอย่างรีบร้อนนั้น บนใบหน้าก็แสดงรอยยิ้มที่ดีใจและกังวลใจออกมา
พ่อบ้านเดินออกมาจากประตูจวน ยืนอยู่ข้างๆ ประตู ยื่นมือออกมาทำท่าเชิญแล้วกล่าวว่า “ไท่จื่อเยียลี่ว์ เชิญขอรับ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเยียลี่ว์ก็สดใสขึ้นมาทันที หลังจากขอบพระทัยเสร็จแล้ว ก็ยกขาแล้วเดินเข้าไปในจวนทันที
ท่านอ๋องฉีและหวงฝู่อี้เซวียนนั้นนั่งรออยู่ในห้องโถงรับแขกแล้ว เห็นเขาเข้ามา ทั้งสองก็ไม่ขยับ
เยียลี่ว์อาเป่าเดินเข้ามา ก้มตัวลง ทำความเคารพทั้งสองแล้วกล่าวว่า “ทำความเคารพท่านอ๋อง ทำความเคารพซื่อจื่อ”
ท่านอ๋องฉีก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจจึงกล่าวว่า “ไท่จื่อเยียลี่ว์อย่าได้เกรงใจ เชิญนั่ง”
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง”
หลังจากนั่งลงแล้ว ก็ไม่ปิดบังความตั้งใจของตน กล่าวว่า “วันนี้เป็นวันที่ท่านหญิงเมิ่งเอ๋อร์เข้าสู่วัยสาว ข้าจึงตั้งใจมาจากรัฐหมิง เพื่อมาสู่ขอกับท่านอ๋องและซื่อจื่อด้วยตัวเอง”
ท่านอ๋องฉีจึงคิดขึ้นได้ว่ามีอะไรแปลกไป จึงใช้สายตาคมแหลมมองพินิจพิเคราะห์เขา แล้วกล่าวถามด้วยสีหน้าเรียบว่า “ไม่ได้เจอกันสองปี ไท่จื่อเยียลี่ว์พูดภาษารัฐอู่ได้ดีมาก”
เยียลี่ว์อาเป่าหน้าแดงเล็กน้อย กล่าวตอบอย่างตรงๆ ว่า “ขอรับ สองปีก่อน คำพูดทุกประโยคของท่านอ๋องข้าจำได้ทุกคำ หลังจากกลับไปข้าจึงเริ่มฝึกฝนเรียนรู้ภาษารัฐอู่ แม้ว่าจะพูดได้ไม่ดีเท่าใดนัก แต่การสนทนาในชีวิตประจำวันนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน”
ท่านอ๋องฉีซึ้งใจเล็กน้อย พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ไท่จื่อเยียลี่ว์มีใจแล้ว”
“ข้าอยากจะสู่ขอท่านหญิงเมิ่งเอ๋อร์ ก็ต้องแสดงความจริงใจของข้าออกมา จะให้รอหลังจากแต่งงานกันแล้ว…”
ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกท่านอ๋องพูดตัดหน้าว่า “คิดว่าไท่จื่อเยียลี่ว์น่าจะไม่เข้าใจอยู่หนึ่งเรื่อง คำพวกนั้นล้วนเป็นคำปฏิเสธของข้า ความตั้งใจจริงของพวกข้าคือไม่ให้เมิ่งเอ๋อร์แต่งออกเรือนไปไกล พูดตรงๆ ก็คือ ไม่ยินยอมกับการสู่ขอของเจ้า ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่”
เขาพูดตรงๆ เยี่ยงนี้ ไม่วกไปวนมา เยียลี่ว์อาเป่าได้ยินก็เข้าใจทันที ความหวังที่ตั้งใจสูญเปล่า จึงรับไม่ได้เล็กน้อย สีหน้าขาวซีดขึ้นมาทันที อ้าปากหลายครั้ง กว่าจะเอ่ยออกมาได้ว่า “ท่าน…ท่านอ๋อง ข้า…”
“ดูเหมือนว่าไท่จื่อเยียลี่ว์จะฟังเข้าใจแล้ว ถ้าเยี่ยงนั้นก็เชิญกลับไปเถิด วันนี้ต้องต้อนรับดูแลแขกมาครึ่งค่อนวัน พวกข้าก็เหนื่อยมากแล้ว” เห็นว่าเขาฟังเข้าใจแล้ว ท่านอ๋องฉีก็พูดอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย ไม่ให้โอกาสเขาได้เอ่ยแม้แต่คำเดียว
เยียลี่ว์อาเป่าอ้าปากอยู่หลายครั้ง แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
หวงฝู่อี้เซวียนเงียบไม่พูดจา
ท่านอ๋องฉีมองไปทางเขา เยียลี่ว์อาเป่าจึงลุกขึ้นยืนด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจ กัดฟัน แล้วกล่าวถามว่า “ท่านอ๋อง ข้าเตรียมของขวัญให้ท่านหญิงเมิ่งเอ๋อร์ จะเป็นไรไหมหาก…”
“ชายหญิงไม่ควรให้ของขวัญกันไปมา คิดว่าไท่จื่อเยียลี่ว์น่าจะเข้าใจความหมายของประโยคนี้ หากเจ้าอยากจะขอบใจเรื่องที่ช่วยชีวิตเจ้าในตอนนั้น ก็ไม่ควรทำลายชื่อเสียงของเมิ่งเอ๋อร์”
ท่านอ๋องฉีพูดอย่างไร้ความปรานี สีหน้าของเยียลี่ว์อาเป่ายิ่งอยู่ยิ่งขาวซีดขึ้นเรื่อยๆ รอบตัวเต็มไปด้วยความรู้สึกที่โศกเศร้า ยืนอยู่ที่เดิม ไม่พูดจาอะไร
“ไท่จื่อเยียลี่ว์ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่” ท่านอ๋องฉีกล่าวถาม
เยียลี่ว์อาเป่ารู้สึกตัวขึ้นมา กล่าวตอบว่า “ไม่ ไม่มีแล้ว เยียลี่ว์ขอตัวลาก่อน”
“เชิญ”
ท่านอ๋องฉีพูดจบประโยคนี้ ก็พูดตักเตือนอย่าง ‘หวังดี’ ว่า “หากไท่จื่อเยียลี่ว์มาเพื่อสู่ขอเมิ่งเอ๋อร์เท่านั้น ก็ไม่ต้องเข้าวังไปพบฮ่องเต้แล้ว วันนี้ฮ่องเต้อารมณ์ดีมาก จึงดื่มไปหลายแก้ว น่าจะกลับไปพักผ่อนที่วังแล้ว หากเจ้าไปพบก็อาจจะไม่เจอ กลับรัฐหมิงไปเลยจะดีกว่า”
“ขอบพระทัยท่านอ๋อง เยียลี่ว์เข้าใจแล้ว”
พูดจบ ก็หันหลังเดินออกไปทันที ไม่มีความสุขและความดีใจเหมือนตอนที่เดินเข้ามา รอบตัวเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เห็นเขาเดินออกจากห้องโถงรับแขกไปไกลแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนค่อยๆ ถอนหายใจออกมา
ท่านอ๋องฉีมองเขาด้วยหางตา กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอันตรายว่า “เจ้ามีความคิดเห็นหรือ”
สำหรับท่านอ๋องฉีเรื่องแต่งงานของหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์เป็นเรื่องที่แตะต้องไม่ได้ ใครพูดถึงเป็นไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือวันนี้ท่าป๋าหั่นหลินและเยียลี่ว์อาเป่ามาที่จวนพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย ท่านอ๋องฉีโมโหเพียงใดไม่ต้องพูดถึง หวงฝู่อี้เซวียนไม่อยากทำให้เขาโมโหตอนนี้ ไม่เยี่ยงนั้นจะต้องถูกไล่ตีไปทั่วจวนเหมือนทุกครั้งแน่นอน จึงไม่กล้าตอบ รีบลุกขึ้นทันทีแล้วกล่าวว่า “เสด็จพ่อ วันนี้ข้าดื่มสุรามากไป ข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน”
ท่านอ๋องฉีออกเสียง “หึ” เบาๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยคำขมขู่ว่า “เรื่องเมื่อครู่ไม่ต้องบอกกับเสด็จแม่ของเจ้า หากนางรู้ขึ้นมา เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร”
“ลูกดื่มมากไปแล้ว จำอะไรไม่ได้เลย เสด็จพ่อวางใจเถิด” หวงฝู่อี้เซวียนรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว
ท่านอ๋องฉีจึงจะพอใจ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไปข้างนอก
หวงฝู่อี้เซวียนเดินตามหลัง
สองพ่อลูกต่างคนต่างเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เยียลี่ว์อาเป่าเดินออกจากจวนอ๋องฉีเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ลูกน้องที่หลบอยู่ที่มืดตามคำสั่งของเขาเห็นท่าทางของเขาแล้ว ก็ร้อนใจมาก แต่ก็ไม่กล้าแสดงตัวออกไปพบ ทำได้เพียงอดทนรอจนเขาเดินผ่านทางโค้งหนึ่ง จึงแสดงตัวออกมา แล้วกล่าวถามว่า “ไท่จื่อ เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”
เยียลี่ว์อาเป่าเงยหน้าขึ้นมองเขาเล็กน้อย แล้วก้มลงไปอีกครั้ง โบกมืออย่างไร้เรี่ยวแรงแล้วกล่าวว่า “ไปเถิด พวกเรากลับกันเถิด”
“กลับ กลับไปไหนขอรับ”
“กลับไปที่โรงเตี๊ยมก่อน ให้เวลาข้าสักพักแล้วเดี๋ยวข้าจะบอก”
เยียลี่ว์อาเป่าและลูกน้องเดินทางมาถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หาโรงเตี๊ยมดีๆ ที่หนึ่งแล้วพักอยู่ที่นั้น ตอนแรกคือตั้งใจจะมาตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ก็กลัวดึงดูดความสนใจของผู้คน จึงให้คนของลูกน้องมาจ้องมองอย่างเงียบๆ รอจนแขกในจวนเดินทางกลับไปหมดแล้ว จึงจะมาที่จวน
ลูกน้องรับคำสั่ง โบกมือ ก็มีรถม้าหนึ่งคันมาแต่ไกล เยียลี่ว์อาเป่ามู่เน่อขึ้นไปนั่ง ร่างกายเอนไปมาตามรถม้าจนถึงโรงเตี๊ยม
หวงฝู่สือเมิ่งไม่รู้เรื่องของเยียลี่ว์อาเป่า คนในจวนก็ไม่ได้พูดถึง แต่ท่าป๋าหั่นหลินนั้น เข้ามาอย่างโจ่งแจ้ง แม้ว่าอยากจะปิดบังไม่ให้หวงฝู่เย่าเย่ว์รับรู้ก็เป็นไปไม่ได้ คิดไปคิดมา หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็เรียกหวงฝู่เย่าเย่ว์มา กล่าวถามว่า “เย่ว์เอ๋อร์ พ่อกับแม่เคยบอกแล้วว่า เรื่องแต่งงานของเจ้าและเมิ่งเอ๋อร์ให้พวกเจ้าตัดสินใจกันเอง ตอนนี้พวกข้าจะถามเจ้า เรื่องสู่ขอของท่าป๋าหั่นหลินนั้น เจ้ามีความคิดอย่างไร”
หวงฝู่เย่าเย่ว์หน้าแดงด้วยความเขินอายทันที ก้มหัวลง จับปลายเสื้อของตัวเองไว้แน่นโดยไม่พูดอะไร
เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจอย่างเงียบๆ สองปีก่อน ท่าป๋าหั่นหลินให้กระดาษแผ่นนั้นมา เย่ว์เอ๋อร์ก็วิ่งออกไปทันที แม้ว่าสุดท้ายจะรู้สึกว่าตัวเองทำไม่ถูก วิ่งกลับมา แต่ในใจนั่นต้องมีความคิดแบบนั้นแล้วแน่นอน ไม่เยี่ยงนั้นนางจะต้องตีขาท่าป๋าหั่นหลินให้หักหนึ่งข้างแน่นอน จะมีสีหน้าท่าทางบิดตัวไปมาเยี่ยงนี้ได้อย่างไร
หวงฝู่อี้เซวียนก็คิดถึงนี้พอดี สีหน้าเริ่มไม่ดีเล็กน้อย
ไม่รู้เพราะเหตุใด บนตัวของท่าป๋าหั่นหลินนั้นมีความรู้สึกไม่ชอบมาพากลแปลกๆ แม้ว่าจะปกปิดได้ดี แต่เขาก็ดูออก เขารู้สึกว่าที่คนนี้อยากจะสู่ขอเย่ว์เอ๋อร์นั้นไม่ได้จริงใจ ยิ่งไปกว่านั้นคือ ปีนั้นเขาได้ฆ่าองค์ชายใหญ่ พี่ชายแท้ๆ ของท่าป๋าหั่นหลินด้วยตัวเอง ถ้าตามหลักความจริงแล้วพวกเขาถือว่าเป็นศัตรูกัน จะมีความจริงใจในการมาสู่ขอเย่ว์เอ๋อร์ได้อย่างไร
ถอนหายใจในใจอีกครั้ง เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวด้วยน้ำเสียงโน้มน้าวใจว่า “แม่รู้ ว่าผ่านพิธีเข้าสู่วัยสาวแล้ว เจ้าก็ถือว่าเป็นสาวแล้ว ถึงวัยที่ต้องพูดคุยเรื่องแต่งงานแล้ว แต่แม่กับพ่อของเจ้าก็อยากให้พวกเจ้าอยู่ใกล้ๆ ไม่เยี่ยงนั้นต่อไปหากพวกข้าคิดถึงเจ้า ยังต้องเดินทางไกลเพื่อไปหาเจ้า”
“มิใช่ว่ายังมีพี่ใหญ่หรือเจ้าคะ ท่านแม่มีพี่ใหญ่อยู่ข้างๆ ก็เหมือนกัน พวกข้าหน้าตาเหมือนกัน หากท่านแม่คิดถึงข้าก็ดูหน้าพี่ใหญ่ได้” หวงฝู่เย่าเย่ว์พูดออกมาทันที พูดจบ ก็รู้สึกว่าตัวเองพูดไม่เหมาะสม รีบโบกมือแล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้า…”
ครั้งนี้เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจแรงขึ้นอีก “แม่รู้ความคิดของเจ้าแล้ว แต่แม่ยังอยากรู้ว่า เพราะเหตุใดเจ้าจึงชอบใจท่าป๋าหั่นหลิน”
“เพราะว่าเขาเสี่ยงชีวิตช่วยพวกเราไว้ เสี่ยงชีวิตช่วยท่านปู่ ท่านย่า พี่ใหญ่และข้าไว้”
พอพูดถึงเรื่องในอดีต ดวงตาทั้งสองข้างของหวงฝู่เย่าเย่ว์เป็นประกาย มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าเลื่อมใสศรัทธา
หวงฝู่อี้เซวียนขมวดคิ้วทันที เรื่องที่ท่าป๋าหั่นหลินปรากฎตัวที่เจียงหนานในตอนนั้น เขาสงสัยมาตลอดว่าเขามีเป้าหมายอะไร แต่ก็หาหลักฐานไปเจอสักที เขาก็พูดอะไรไม่ได้
เห็นสีหน้าของหวงฝู่เย่าเย่ว์ เมิ่งเชี่ยนโยวก็รู้ทันทีว่าลูกสาวคนนี้ของตัวเองนั้นรั้งเอาไว้ไม่อยู่แล้วจริงๆ แม้ว่าจะบังคับให้นางเก็บความคิดของนาง ก็เกรงว่าต่อไปก็คงไม่ยินยอมกับการสู่ขอของผู้อื่นแน่นอน
“ต้องเป็นแค่เขาคนเดียวหรือ” กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
หวงฝู่เย่าเย่ว์หยุดชะงักไปเล็กน้อย มองสีหน้าของนางและหวงฝู่อี้เซวียน กัดริมฝีปาก แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความสุขเหมือนเมื่อครู่ว่า “ลูกจะเชื่อฟังท่านพ่อท่านแม่”
เห็นสีหน้าของลูกสาวแล้ว ตั้งแต่ข้ามเวลามา เป็นคนที่อยู่มาสองชาติ เป็นครั้งแรกที่เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกไร้เรี่ยวแรง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงว่า “พ่อกับแม่เข้าใจความรู้สึกของเจ้าแล้ว เจ้ากลับห้องไปก่อนเถิด พวกข้าขอคิดดูก่อน”
“เจ้าค่ะ” หวงฝู่เย่าเย่ว์ทำความเคารพ แล้วเดินออกไปทันที
เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปทางหวงฝู่อี้เซวียน หวงฝู่อี้เซวียนก็มองเมิ่งเชี่ยนโยว ทั้งสองต่างไม่พูดจา สีหน้ามีกังวลใจ
หวงฝู่เย่าเย่ว์กลับเข้าไปในห้อง ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีและไม่มีชีวิตชีวา
หวงฝู่สือเมิ่งกล่าวถามด้วยความเป็นห่วงว่า “เย่ว์เอ๋อร์ เป็นอะไร มีเรื่องอะไรไม่ดีหรือ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์อ้าปาก อยากจะบอกนาง กำลังจะเอ่ยออกมา แต่ก็กลืนคำพูดกลับไป ส่ายหัวไปมาแล้วกล่าวว่า “ไม่มีอะไร พี่ใหญ่ ข้าเพียงแค่เพลียเล็กน้อย”
จากการใช้ชีวิตร่วมกันมาสิบห้าปี หวงฝู่สือเมิ่งจะฟังไม่ออกได้อย่างไรว่านางตั้งใจตอบผ่านๆ เท่านั้น แต่ว่าดูจากท่าทางของนางแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูด จึงไม่ได้ถามอีก ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เจ้านอนพักผ่อนก่อนเถิด ข้ามีเรื่องไปหาท่านพ่อท่านแม่ก่อน”
“พี่ใหญ่…” หวงฝู่เย่าเย่ว์เรียกนางไว้ จะพูดอะไรออกมาแต่สุดท้ายก็ไม่พูด
หวงฝู่สือเมิ่งหยุดเดิน หันหลับมา แล้วมองนางด้วยความไม่เข้าใจ
หวงฝู่เย่าเย่ว์รวบรวมความกล้าทั้งหมด แล้วกล่าวถามออกมาว่า “ถ้าหากข้าแต่งออกเรือนไปไกล พี่อยู่ข้างๆ ท่านพ่อท่านแม่ได้หรือไม่”