ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 11 ตกใจ
เมิ่งเชี่ยนโยวมองนางแวบหนึ่ง
ชิงหลวนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหวงฝู่อี้เซวียนอยู่ในห้อง นางจึงรีบป้องปาก
แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนได้ยินหมดแล้ว เขาแอบยิ้มมุมปาก
เมื่อทานข้าวเย็นเสร็จ หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ก็อยู่ดูแลหวงฝู่เย่าเย่ว์จนนางทานยาลงไป แล้วจึงประคองนางกลับไปที่ห้องของพวกนางพร้อมกับหวงฝู่สือเมิ่ง หลังจากกำชับนางให้นอนพักผ่อนดีๆ ก็หันกลับเรือนของตนไป
ชิงหลวนตั้งตารออยู่ในเรือน
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับห้อง เห็นหวงฝู่อี้เซวียนแต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังมองไปที่นางด้วยดวงตาเป็นประกาย
นางเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร หยิบชุดดำที่ตนไม่ได้ใส่มาหลายปีออกมาจากกล่อง หลังจากสวมใส่เสร็จแล้ว ก็หันหลังเดินออกจากห้องไป
หวงฝู่อี้เซวียนเดินตามหลัง
ทั้งสามไม่ได้ออกทางประตูหน้า พวกเขากระโดดข้ามกำแพงที่มืดลับมุมหนึ่ง เพื่อหลบหลีกบ่าวรับใช้ในจวน
โจวอันก็สวมชุดดำ จูงม้าสี่ตัวรออยู่นอกกำแพง
ทั้งสี่คนขึ้นควบม้าอย่างคล่องแคล่ว เมิ่งเชี่ยนโยวนำหน้า มุ่งไปทางจวนอู่โหว
ฝั่งหนึ่งของจวนอู่โหวยังคงสว่างด้วยไฟ เสียงร้องโอดครวญไปทั่วจากเรือนขององครักษ์ประจำจวน บัดนี้ ผู้คนกว่าครึ่งหนึ่งถูกพันด้วยผ้าพันแผล และร้องด้วยความทรมาน ที่ผ่านมาพวกเขาได้รับความความสำคัญมาก และได้รับสวัสดิการที่เหนือกว่าผู้อื่น แต่วันนี้พวกเขาบาดเจ็บจนพิการ ก็เหมือนคนไม่มีประโยชน์อีกต่อไป นายน้อยอู่โหวเชิญเพียงหมอธรรมดาสองสามคนมาพันแผลให้พวกเขา แม้แต่ยาตุ๋นแก้ปวดก็ไม่ได้ตุ๋นให้พวกเขาดื่ม พวกเขาทนไม่ไหว ได้แต่ร้องโหยหวนอย่างทุกร์ทรมาน จนแทบจะดังไม่ทั่วจวนอู่โหว
อันที่จริงแล้ว พวกเขาก็เข้าใจนายน้อยอู่โหวผิด ไม่ใช่เพราะเขาไม่เชิญหมอหลวงมารักษาให้ แต่เพราะเขาไม่มีเวลาดูแล เพราะว่าจนถึงตอนนี้ นายท่านอู่โหว หลิวเทา และหลิวอวี้เอ๋อร์ทั้งสามคนยังไม่ฟื้นเลย นายน้อยอู่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวหยุดอยู่ตรงมุมมืด แยกแยะทิศทางอยู่ครู่หนึ่ง นางก็นำทุกคนกระโดดข้ามไปฝั่งหนึ่งของเรือน
หวงฝู่อี้เซวียนและโจวอันตามหลังไปอย่างเงียบๆ
เมื่อถึงหน้าเรือนเรือนหนึ่ง เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดเสียงเบากับทั้งสองว่า “นี่คือห้องของผู้หญิง พวกเจ้าสองคนรอข้างนอกเถอะ”
หวงฝู่อี้เซวียนและโจวอันหยุดเดิน เมิ่งเชี่ยนโยวและชิงหลวนกระโดดเข้าไป
ในเรือนของหลิวอวี้เอ๋อร์ ไฟตะเกียงส่องสว่าง มีสาวใช้ที่ไม่กล้าหายใจเสียงดังอยู่บริเวณทางเข้าประตู
ในห้อง ฮูหยินมองดูหลิวอวี้เอ๋อร์ที่สลบและไม่ขยับตัวอยู่บนเตียง คอยเช็ดน้ำตาตนเองที่ไหลไม่ยอมหยุด เพียงแค่วันเดียวก็ทำเอานางหมือนชราภาพไปมาก
สาวใช้ที่เฝ้าในห้องปริปากอยากจะพูดปลอบโยน แต่ครั้นจะพูดก็กลืนคำพูดกลับลงไป นางได้แต่ถอนหายใจเสียงเบา ก่อนหน้านี้ฮูหยินนั้นเป็นคนน่าอิจฉา สถานะสูงส่ง มีทั้งลูกสาวและลูกชาย ขอลมได้ลม ขอฝนได้ฝน แต่วันนี้สถานการณ์กลับพลิกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ นอกจากลูกสาวตกน้ำสลบไม่ตื่น ลูกชายก็ถูกคุณชายจวนอ๋องทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บหนัก แม้จะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่อย่างน้อยก็ต้องนอนพักฟื้นระยะเวลาหนึ่ง ซ้ำร้ายยังมีเครื่องรางของขลังแห่งจวนอู่โหวอย่างท่านอู่โหวที่ตอนนี้ก็นอนสะลืมสะลืออยู่บนเตียง
จวนอู่โหวแทบสิ้นสลาย นายน้อยอู่โหวตกใจจนทำอะไรไม่ถูก นอกจากเฝ้าอู่โหวแล้ว ก็ไม่รู้ทำอย่างไรดี ฮูหยินก็สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่รู้ควรทำอย่างไรดีเช่นกัน
สาวใช้เห็นเงาที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่นอกห้องแล้ว แต่ไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าคงเป็นนายน้อยอู่โหวที่ส่งคนมาถามอาการของคุณหนูอวี้เอ๋อร์อีกแล้ว เมื่อเห็นคนสองคนสวมชุดดำที่เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่งเข้ามา ก็สังเกตถึงความผิดปกติ ครั้นกำลังจะปริปากร้อง ก็ไม่ทันเสียแล้ว นางถูกชิงหลวนสกัดจุดไว้อย่างรวดเร็ว
ฮูหยินรู้สึกถึงความผิดปกติ เงยหน้าขึ้น เห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็ตกใจจนอ้าปากจะร้องขึ้นมา ชิงหลวนลงมือสกัดจุดนางไว้อีกครั้ง
ฮูหยินของนายน้อยอู่โหวตกใจจนเบิกตาโพลงมองทั้งสอง
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้ม นำเก้าอี้มาวางข้างหน้าฮูหยินของนายน้อยอู่โหว แล้วนั่งลง ดึงผ้าปิดหน้าของตนออก ยิ้มทักทายนาง “ฮูหยิน ไม่เจอกันนานเลยนะ”
ดวงตาฮูหยินเบิกโตกว่าเดิม ครั้นอยากจะหันศีรษะไปมองลูกสาวของตน ก็พบว่าตัวเองขยับไม่ได้เสียแล้ว นางลนลานจนเหงื่อซึมไปทั่วหน้าผาก
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงยิ้ม “ฮูหยินไม่ต้องตื่นตระหนก วันนี้ที่ข้ามาไม่ได้จะมาเอาชีวิตลูกสาวเจ้า แต่กลับกัน ข้าจะมาช่วยนางต่างหาก”
แน่นอนว่าฮูหยินไม่เชื่อ นางอยากจะพูด แต่ก็พูดไม่ได้ ได้แต่แสดงท่าทีลุกลี้ลุกลน
เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจนาง ยิ้มพูดว่า “ข้าสั่งคนให้คลายจุดฮูหยินได้ แต่ฮูหยินต้องห้ามร้องตะโกน ไม่เช่นนั้นข้าจะเอาชีวิตเจ้าได้ทุกเมื่อ”
ฮูหยินยอมเชื่อฟังคำพูดนาง รีบกะพริบตาถี่ ส่งสัญญาณว่าตนจะไม่ร้องตะโกน
เมิ่งเชี่ยนโยวส่งสัญญาณให้ชิงหลวน
ชิงหลวงลงมือคลายจุดให้ฮูหยิน
เมื่อได้รับอิสระ ฮูหยินก็อ้าปากกว้าง กำลังจะตะโกนออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวกลับยิ้มบางๆ พร้อมยื่นมือไปเตรียมจะบีบคออวี้เอ๋อร์ไว้ ยิ้มข่มขู่ว่า “ฮูหยิน เรามาแข่งกันดูไหมว่าเสียงเจ้ากับมือข้าอะไรจะเร็วกว่ากัน”
ฮูหยินหยุดเสียงร้องตะโกนของตนเองไว้
เมิ่งเชี่ยนโยวยังค้างท่าไว้ น้ำเสียงไมตรีนั้นเต็มไปด้วยความประชดประชัน “ข้าก็คิดอยู่ว่าทำไมคุณหนูและคุณชายจวนอู่โหวถึงลงมือลอบทำร้ายคนอื่นแบบนี้ ที่แท้จวนอู่โหวสั่งสอนกันแบบนี้นี่เอง กลับคำไปมาเก่งเสียเหลือเกิน”
สีหน้าฮูหยินเดี๋ยวดำเดี๋ยวซีด ปากก็อ้าๆ หุบๆ ไม่มีคำพูดอะไรออกมา
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มเยาะ ปล่อยมือที่บีบคออวี้เอ๋อร์ออก ยื่นมือเข้าไปในแขนเสื้อของตนหยิบยาเม็ดออกมา วางลงบนฝ่ามือ ชูขึ้นไปต่อหน้าฮูหยิน “คุณหนูอวี้เอ๋อร์ตกใจจนขวัญหาย และสำลักน้ำจนทำให้สลบไม่ฟื้น หากทานยาเม็ดนี้ที่อยู่ในมือของข้าไป รับรองว่าจะฟื้นเร็วขึ้น”
ฮูหยินดีใจ ครั้นจะขยับมือ ก็คิดอะไรขึ้นได้ นางไม่ได้ยื่นมือออกไป แต่ถามเสียงจริงจังว่า “ซื่อจื่อเฟยมาเวลานี้คงไม่ได้มาเพื่อส่งยาให้สินะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า รอยยิ้มไม่เปลี่ยน พูดเสียงอ่อนโยน “ฮูหยินฉลาด ข้าไม่ได้มาเพื่อส่งยาให้จริงๆ แต่หากวันนี้ซื่อจื่อไม่ได้พาคนมาบุกรุกจวนอู่โหววันนี้ข้าอาจจะแอบมาเอาชีวิตคุณหนูอวี้เอ๋อร์ไปโดยไม่บอกไม่กล่าวก็ได้”
ฮูหยินตกใจ สีหน้าซีดเผือด ขยับตัวขวางหน้าอวี้เอ๋อร์ไว้ “อย่าแม้แต่จะคิด จะฆ่าลูกสาวข้า ฆ่าข้าให้ได้ก่อน”
ภายใต้สายตาที่มีเปลวเพลงร้อนระอุของฮูหยิน เมิ่งเชี่ยนโยวค่อยๆ เก็บยาเม็ดนั้นกลับเข้าไปในแขนเสื้อของตน ยิ้มพูดขึ้นว่า “ฮูหยินใจร้อนยิ่งนัก ไม่ได้ยินประโยคก่อนหน้าที่ข้าพูดหรือ ในเมื่อสามีข้าบุกรุกจวนอู่โหวแล้ว ข้าก็ไม่เอาชีวิตคุณหนูอวี้เอ๋อร์อยู่แล้ว”
ฮูหยินมองเมิ่งเชี่ยนโยวที่กำลังเก็บยากลับเข้าไปในแขนเสื้อ นางอยากจะเดินไปแย่งมาให้รู้แล้วรู้รอดเสีย แต่นางก็ไม่กล้าขยับ เพราะนางรู้ว่าวิชาการต่อสู้ของตนสู้เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย อีกอย่างข้างกายนางยังมีสาวใช้ที่ช่ำชองการต่อสู้อยู่ด้วย เมื่อได้ยินคำพูดของเมิ่งเชี่ยนโยว ก็รีบถามว่า “เจ้าจะทำอะไร”
“แม้ข้าจะไม่เอาชีวิตคุณหนูอวี้เอ๋อร์ แต่นางจงใจชนลูกสาวข้าจนตกน้ำ บัญชีนี้จะไม่คิดไม่ได้ เพราะฉะนั้น ข้ามีตัวเลือกให้ฮูหยิน”
“ว่ามา” ฮูหยินพูดขึ้นทันที
“ง่ายมาก จากนี้เป็นต้นไป ข้าไม่อยากเห็นคุณหนูอวี้เอ๋อร์ในเมืองหลวงแห่งนี้อีก” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มพูด
ฮูหยินตกใจเบิกตาโตถามว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ฮูหยินเป็นคนฉลาด ข้าหมายความถึงอะไรเจ้าไม่เข้าใจหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มถามกลับ
ฮูหยินกลืนน้ำลายลงไปสองสามอึก ก่อนจะพูดโต้กลับมาว่า “อย่าแม้แต่จะคิด ให้ตายอย่างไรก็ไม่ให้อวี้เอ๋อร์จากข้าไปไหนหรอก”
“อย่างนั้นรึ” เมิ่งเชี่ยนโยวถามกลับอย่างไม่แยแส จากนั้นก็เอ่ยปากพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “หากฮูหยินส่งด้วยตนเอง คุณหนูอวี้เอ๋อร์จะได้ไปที่ที่ดี แต่หากให้ข้าลงมือเอง คุณหนูอวี้เอ๋อร์…” พูดถึงตรงนี้ ก็เว้นจังหวะ มองดวงตาที่เบิกโตของฮูหยิน แล้วยิ้มพูดต่อว่า “คุณหนูอวี้เอ๋อร์คงได้ไปบวชเป็นชี อยู่อย่างโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต”
ร่างของฮูหยินซวนเซไปมา เกือบจะยืนไม่นิ่งล้มลงบนพื้น นางกัดฟันกรอดตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เมิ่งเชี่ยนโยว เจ้าอย่าทำเกินไปหน่อยเลย จวนอ๋องของเจ้ารังแกไม่ได้ จวนอู่โหวของเราก็ไม่ยอมให้รังแกได้ง่ายๆ เหมือนกัน”
“นั่นมันเมื่อก่อน” เมิ่งเชี่ยนโยวก็พูดเสียงดังขึ้น พูดชัดถ้อยชัดอย่างเชื่องช้าว่า “จากวันนี้เป็นต้นไป จวนอู่โหวจะล่มจม”
“เจ้า…” ฮูหยินโกรธจนหายใจหอบ จ้องนางด้วยความโกรธ แต่กลับโต้แย้งไม่ได้สักคำ
เพราะว่านางรู้ว่าสิ่งที่เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเป็นความจริง หลังจากสู้กันวันนี้แล้ว พลังชี่ของนายท่านอู่โหวถูกทำลาย ภายในสองสามปีนี้ฟื้นคืนกลับมาไม่ได้แน่ หากอู่โหวเป็นอะไรไป จวนอู่โหวก็ถึงคราล่มสลายจริงๆ
เมิ่งเชี่ยนโยวมองฮูหยิน ยิ้มถามว่า “เอาอย่างไรดี เงื่อนไขของข้าฮูหยินตกลงหรือไม่ตกลงล่ะ”
“ตกลงแล้วเยี่ยงไร ไม่ตกลงแล้วเยี่ยงไร” โต้แย้งกันไปมา อันที่จริงในใจฮูหยินยอมจำนนแล้ว แต่ก็ยังดึงดันถามอย่างไม่ยอม
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้ม พูดว่า “หากตกลงแล้ว ข้าจะให้ยาเจ้า เมื่อคุณหนูอวี้เอ๋อร์ตื่น พรุ่งนี้เจ้าส่งนางไป ส่วนเรื่องที่ว่าจะส่งไปไหน ข้าจะไม่ยุ่ง แต่หากไม่ตกลง ข้าจะให้คนส่งอวี้เอ่อร์ไปที่ที่นางควรไปทันที”
“เจ้า…” เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางแน่วแน่และบีบบังคับของนาง ฮูหยินก็พูดอะไรไม่ออกอีกครั้ง หอบหายใจอยู่ครู่ใหญ่ แล้วกัดฟันกรอด ยื่นมือออกไป กว่าจะยอมพูดว่า “เอามา!” ออกจากปาก
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ขยับ มองตานาง พูดว่า “ฮูหยินต้องคิดให้ดี หากรับปากกับข้าแล้วทำไม่ได้ สุดท้ายจุดจบอวี้เอ๋อร์จะแย่กว่านี้”
“หยุดพล่ามเสียที ในเมื่อข้าตกลงแล้ว ก็จะไม่คืนคำแน่นอน เอายามาเร็วเข้า” ฮูหยินพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่สนใจท่าทีของนาง ยื่นมือเข้าไปในแขนเสื้อ นำยาออกมาวางลงบนมือของนาง “พรุ่งนี้ก่อนเวลารุ่งสาง ข้าจะต้องเห็นรถม้าส่งอวี้เอ๋อร์ออกจากเมืองไป หากไม่ ในเมื่อข้ามาจวนอู่โหวได้ ย่อมจะมาอีกกี่ครั้งก็ได้” พูดจบ ก็ไม่เหลียวมองสีหน้าหม่นหมองของฮูหยินอีก นางลุกขึ้น แล้วเดินออกไปทันที
ฮูหยินกำยาในมือของตนไว้แน่น มองแผ่นหลังของเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยสายตาคมกริบดั่งใบมีดที่กรีดลงบนเนื้อของนางอย่างนับครั้งไม่ถ้วน
เมิ่งเชี่ยนโยวสัมผัสได้ถึงสายตาของนาง นางไม่ได้สนใจแต่อย่างใด ลูกสาวของข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามรังแก หากฮูหยินกล้ากลับคำพูด ข้าจะส่งแม่ลูกทั้งสองไปพร้อมกันได้เช่นกัน
หวงฝู่อี้เซวียนที่เฝ้าอยู่นอกเรือนเห็นนางเดินออกมา ก็รีบเดินขึ้นไป ถามเสียงต่ำว่า “เจ้าจะไปที่อื่นอีกหรือไม่”
“แน่นอน คุณชายหลิวถูกเฮ่าเอ๋อร์และรุ่ยเอ๋อร์ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บหนัก อย่างน้อยเราก็ควรไปเยี่ยมเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นจะถูกคนอื่นว่าเอาว่าคนจวนอ๋องไม่รู้จักมารยาท” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด
หวงฝู่อี้เซวียนยิ้ม ชี้นิ้วไป ตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าไปในเรือนของหลิวอวี้เอ๋อร์ เข้าก็ส่งโจวอันไปสำรวจเรือนของหลิวเทาไว้แล้ว
พวกเขากระโดดมุ่งไปทางเรือนของหลิวเทาพร้อมกัน
อาจจะเป็นเพราะหมอมาดูแล้วและทานยาจนเขาหลับไป เรือนของหลิวเทานั้นเงียบสงบมาก มีเพียงบ่าวรับใช้สองนายที่ผงกศีรษะสะลึมสะลือเฝ้าอยู่หน้าประตู
โจวอันและชิงหลวนสกัดจุดพวกเขาไว้
จากนั้นก็ยืนเฝ้าหน้าประตู
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวเดินเข้าไปในห้อง
ในห้องจุดไฟตะเกียงสองดวงไว้ สว่างสไวมาก เมื่อทั้งสองเข้าไป ก็เห็นหลิวเทาที่นอนหลับตาอยู่บนเตียง อาจเป็นเพราะยากำลังออกฤทธิ์ เขาจึงหลับลึกมาก
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือเข้าไปในแขนเสื้อนำยาเม็ดออกมา ส่งให้หวงฝู่อี้เซวียน
หวงฝู่อี้เซวียนรับทราบ เดินไปข้างเตียง สกัดจุดหลิวเทาไว้ แล้วใช้มืองัดคางของเขาลง นำยากรอกเข้าไปในปากของเขา รอจนเขากลืนยาเม็ดนั้นลงไปอย่างไร้สติ ก็ปล่อยมือออก เดินไปข้างหน้าเมิ่งเชี่ยนโยว พูดเสียงต่ำว่า “เสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”
พวกเขาออกจากจวนอู่โหวไป เมื่อเห็นท้องฟ้าที่มืดมิดก็สั่งโจวอันส่งชิงหลวนกลับไปสำนักคุ้มภัย จากนั้นหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็ขี่ม้ากลับจวนอ๋องไป
หลังจากถอดชุดดำ และอาบน้ำเสร็จ ทั้งสองก็นอนลงบนเตียง หวงฝู่อี้เซวียนถามขึ้นว่า “โยวเอ๋อร์ เจ้าโทษที่วันนี้ข้าให้เจี๋ยเอ๋อร์พวกเขามาช่วยหรือไม่”