ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 113 เจาะจงว่าจะพบท่าน
- Home
- ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]
- ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 113 เจาะจงว่าจะพบท่าน
ในห้องโถงรับแขก ท่านอ๋องฉีถือแก้วชาด้วยท่าทางเป็นสง่า ค่อยๆ เป่าใบชาที่ลอยอยู่ข้างบน แล้วดื่มลงไปอย่างช้าๆ
เยียลี่ว์อาเป่านั่งอยู่บนเก้าอี้ อยากจะเอ่ยออกมา เห็นท่าทางของเขา จึงกลืนคำพูดกลับไปอีกครั้ง แล้วยกแก้วชาขึ้นมาอย่างกังวลใจ
ท่านอ๋องฉีมองเขาด้วยหางตา แล้วไม่สนใจเขาอีก
ในขณะที่เยียลี่ว์อาเป่าเริ่มทนบรรยากาศที่กดดันนี้ไม่ไหว วางแก้วชาลง อยากจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ก็มีเสียงเท้าเดินดังมาจากข้างนอก
ท่านอ๋องฉีขมวดคิ้วเล็กน้อย วางแก้วชาในมือลง เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางหน้าประตู
พระชายาฉีเดินเข้ามาอย่างช้าๆ แวบแรก คือมองไปทางเยียลี่ว์อาเป่าก่อน แล้วตกใจไปชั่วขณะ ลูกชายของตัวเอง ถือว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตางดงามมากที่มีน้อยบนโลกนี้แล้ว แต่องค์ชายรัชทายาทรัฐหมิงคนนี้กลับมีหน้าตางดงามมากกว่าไม่น้อยกว่าเลย
เห็นสีหน้าของนาง ท่านอ๋องฉีจึงกระแอมไอออกมาเบาๆ อย่างไม่พอใจ พระชายาฉีจึงมองไปทางเขา
ท่านอ๋องฉีกล่าวถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พระชายามาเพราะเหตุใด”
ได้ยินว่าเป็นพระชายาฉี เยียลี่ว์อาเป่าจึงรีบลุกขึ้น แล้วก้มตัวทำความเคารพ “พระชายาฉี”
พระชายาฉียื่นมือทำท่าพยุงแล้วกล่าวว่า “องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์อย่าได้เกรงใจ เชิญนั่งเถิด”
“ขอบพระคุณพระชายาฉีขอรับ” เยียลี่ว์อาเป่ากลับนั่งที่เดิม
พระชายาฉีเดินไปนั่งแถวหน้าอย่างช้าๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเรารู้ถึงความต้องการขององค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์ที่มาที่นี่ และได้ถามความคิดเห็นของเมิ่งเอ๋อร์แล้ว เมิ่งเอ๋อร์บอกว่าอยากจะพูดคุยกับองค์ชายรัชทายาทเป็นการส่วนตัว ได้หรือไม่”
เยียลี่ว์อาเปาหยุดชะงักไป
ท่านอ๋องฉีโมโหขึ้นมาทันที ในขณะที่กำลังจะด่าว่าออกมา พระชายาฉีทำสัญญาณมือให้เขา ยิ้มแล้วอธิบายว่า “เป็นความต้องการของเมิ่งเอ๋อร์เองเพคะ”
หวงฝู่สือเมิ่งไม่ว่าทำเรื่องใดก็ใจเย็นตลอด มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่มีทางกล่าวขอร้องออกมาเยี่ยงนี้โดยไร้เหตุผลแน่นอน ท่านอ๋องฉีจึงระงับความโมโหไว้ แล้วมองไปทางเยียลี่ว์อาเป่าที่หยุดชะงักไป แล้วกล่าวถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “เป็นเยี่ยงไร หรือว่าองค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์ไม่ยินยอม”
เยียลี่ว์อาเป่ารู้สึกตัว หัวใจพลันเต้นเร็วแรง ตื่นเต้นจนใบหน้าเริ่มแดงขึ้นมา รอยยิ้มมุมปากปกปิดไม่อยู่ ลุกขึ้นมาอีกครั้ง แล้วทำความเคารพทั้งสอง “ขอบพระคุณท่านอ๋องฉี ขอบพระคุณพระชายาฉี”
เห็นเขาดีใจเยี่ยงนี้ ในใจของพระชายาฉีถอนหายใจหนึ่งครั้งอย่างเงียบๆ หวังว่าหลังจากที่เมิ่งเอ๋อร์พูดคุยกับเขาแล้ว เขาจะรับได้
ส่งสายตาให้ท่านอ๋องฉี แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ท่านอ๋องเพคะ เราออกไปก่อนเถิด”
แม้จะไม่รู้ว่าเมิ่งเอ๋อร์จะพูดอะไร แต่เห็นจากสีหน้าของพระชายาฉีแล้ว ท่านอ๋องฉีก็รู้ทันทีว่าหวงฝู่สือเมิ่งไม่มีทางตกลงกับการแต่งงานครั้งนี้แน่นอน ถ้าเยี่ยงนั้น ก็รีบจัดการให้มันจบๆ ก็ดี
ท่านอ๋องฉีลุกขึ้นยืน แล้วก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว พระชายาฉีเดินตามออกมา
ทั้งสองเดินออกไปแล้ว
เยียลี่ว์อาเป่ายืนอยู่ที่เดิม มองดูม่านไม้ไผ่ที่เขย่าไปมาตาละห้อย ปรารถนาให้มันเขย่าไปมาอีกครั้ง
ม่านไม้ไผ่ดังขึ้นมาอีกครั้ง เยียลี่ว์อาเป่าตกใจ แล้วมองประตูอย่างไม่ละสายตา หวงฝู่สือเมิ่งค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างช้าๆ
สองปีแล้ว ในที่สุดก็ได้พบคนที่คิดถึงอยู่ตลอดเวลาแล้ว ใจของเยียลี่ว์อาเป่าตื่นเต้นจนแทบจะทะลุออกมา มองนางด้วยสายตาเร่าร้อนอย่างตาไม่กะพริบ ตัวสูงขึ้น รูปร่างสะโอดสะองมากขึ้น รอบตัวเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คน
ทันทีที่เดินเข้าไป ก็รู้สึกถึงสายตาที่เร่าร้อนของเขาทันที หวงฝู่สือเมิ่งหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ก้มศีรษะลง เดินต่ออีกสองสามก้าว แล้วย่อตัวลง ทำความเคารพเขาแล้วกล่าวว่า “ทำความเคารพองค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์”
เยียลี่ว์อาเป่าเก็บสายตา ยื่นมือสองข้างที่เต็มไปด้วยเหงื่อออกมาอยากจะพยุงนาง แต่ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม จึงรีบเก็บกลับไป แล้วซ่อนมือทั้งสองข้างไว้ข้างหลัง แล้วกล่าวเสียงสั่นว่า “ท่านหญิงเมิ่งเอ๋อร์ไม่ต้องความเคารพตามธรรมเนียมก็ได้”
หวงฝู่สือเมิ่งลุกขึ้นยืนตรง เงยหน้ามองไปทางเขา นี่เป็นครั้งแรกที่นางพินิจพิเคราะห์เยียลี่ว์อาเป่าอย่างละเอียด และก็เป็นครั้งแรกที่มองชายแปลกหน้าคนหนึ่งอย่างใกล้ๆ เขาดูสูงศักดิ์ อบอุ่น สง่างาม ผ่าเผย มีจุดเด่นครบทุกอย่างของชายบนโลกนี้อยู่ในตัว รูปร่างก็สูงกว่านาง แต่ไม่เพียงไม่สร้างความกดดันให้กับนาง แต่กลับทำให้นางรู้สึกปลอดภัย
ใบหน้าแดงเล็กน้อย จึงก้าวถอยหลังอย่างเงียบๆ ไม่ได้นั่งลง แล้ว กล่าวออกมาตรงๆ ว่า “เมิ่งเอ๋อร์ได้รับรู้ถึงเจตนาขององค์ชายรัชทายาทเยลี่ว์แล้ว ข้าก็มีคำพูดอยากจะเอ่ยกับท่าน”
เยียลี่ว์อาเป่าควบคุมความตื่นเต้นในใจไว้ เขาอดใจไม่ไหวกล่าวว่า “เชิญท่านหญิงเมิ่งเอ๋อร์พูดเถิด”
นางกัดริมฝีปาก เงยหน้าขึ้น มองไปทางเขา แล้วกล่าวด้วยดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ว่า “เกรงว่าข้า… ข้าจะต้องทำให้ท่านผิดหวัง ข้า… ไม่ยินยอมกับการแต่งงานครั้งนี้”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเยียลี่ว์อาเป่าหายไปทันที มองนางด้วยความมึนงง เหมือนว่ายังไม่รู้สึกตัว แต่ก็เหมือนไม่เชื่อว่านางจะเอ่ยเยี่ยงนี้
หวงฝู่สือเมิ่งใจแข็งไม่พอเล็กน้อย จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง และปลอบโยนว่า “องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์เป็นคนที่มีความสามารถ เป็นชายหนุ่มที่หญิงสาวทุกคนบนโลกนี้หมายปอง ต่อไปจะต้อง…”
“แต่ในนี้ไม่มีเจ้ามิใช่หรือ” ยังไม่ทันเอ่ยจบ ก็ถูกน้ำเสียงที่เบาและเต็มไปด้วยความสิ้นหวังของเยียลี่ว์อาเป่าขัดขึ้น
หวงฝู่สือเมิ่งใจสั่นเล็กน้อย เกิดความรู้สึกแปลกๆ ในใจ ความรู้สึกนี้ทำให้นางรู้สึกหวั่นไหว จึงรีบกล่าวออกมาเพื่อปกปิดความรู้สึกว่า “องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์…”
“สามปีก่อน เจ้าเสี่ยงชีวิตช่วยข้าไว้ หลังจากที่ข้าสลบไป ลืมตาขึ้นมาเห็นเจ้าในตอนนั้น ข้าก็รู้ทันทีว่าทั้งชีวิตนี้ข้าจะไม่สู่ขอผู้ใดนอกจากเจ้า มิใช่เพราะเจ้าช่วยชีวิตข้า และก็มิใช่เพราะหน้าตาที่งดงามของเจ้า แต่เป็นเพราะใจข้าหวั่นไหว ใจเต้นไปกับหญิงสาวที่มีอายุเพียงสิบสองปีในตอนนั้น ทุกท่าทาง และทุกการกระทำของเจ้า ล้วนดึงดูดข้า ทำให้ข้ามองไปทางเจ้าอย่างไม่รู้ตัวตลอดเวลา รำพึงถึงเจ้า คิดถึงแต่เจ้า เพื่อจะได้มาสู่ขอเจ้า ข้าฝึกฝนภาษารัฐอู่อย่างหนัก ศึกษาธรรมเนียมประเพณีของรัฐอู่ แอบส่งคนมาสืบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้า มารัฐอู่และจวนอ๋องฉีครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่สนใจฐานะ แต่ตอนนี้เจ้ากลับบอกข้าว่า เจ้าไม่ยินยอมกับการแต่งงานครั้งนี้ ข้า ข้า ข้า…”
น้ำเสียงของเยียลี่ว์อาเป่าเริ่มเบาลง เริ่มพูดต่อไปไม่ไหว จึงหยุดชะงักลง
หวงฝู่เสือเมิ่งเหมือนได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของเขา ก็ยิ่งหวั่นไหวมากขึ้น อ้าปาก อยากจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร
เยียลี่ว์อาเป่าเห็นสีหน้าของนาง ในใจก็เกิดความหวังขึ้นมาทันที กุมมือข้างหลังไว้แน่น แล้วกล่าวถามอย่างระมัดระวังว่า “ท่านหญิงเมิ่งเอ๋อร์สามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดจึงไม่ยินยอมกับการสู่ขอของข้า”
“ข้า ข้า ข้า…” คำพูดทุกอย่างที่เตรียมไว้ติดอยู่ที่คอ ตอนนี้หวงฝู่สือเมิ่งใจสั่นจนพูดอะไรไม่ออก
“เป็นเพราะไม่อยากไปจากเมืองหลวงหรือ” เยียลี่ว์อาเป่ากล่าวถามอย่างระมัดระวัง
หวงฝู่สือเมิ่งเงยหน้าขึ้นมองเขาทันที ดวงตาคู่งามฉายให้เห็นว่าไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อได้รับคำตอบที่ชัดเจน ใจที่หยุดหายใจไปแล้วของเยียลี่ว์อาเป่าเต้นขึ้นมาอีกครั้ง รอยยิ้มก็กลับมาอยู่บนใบหน้าของเขา ยิ้มแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “ถ้าเยี่ยงนั้น ข้ารู้แล้วว่าควรทำเยี่ยงไร ท่านหญิงเมิ่งเอ๋อร์ให้เวลาข้าสามเดือนได้หรือไม่ ภายในสามเดือนนี้ห้ามยินยอมกับการสู่ขอของผู้อื่น”
หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม จึงรีบส่ายหัวไปมาแล้วกล่าวว่า “ไม่ๆ ๆ ข้า…”
เยียลี่ว์อาเป่าหัวเราะออกมา หัวเราะอย่างมีความสุข ไม่สนใจอะไรอีก ยื่นมือออกมา แล้วลูบหัวของหวงฝู่สือเมิ่งเบาๆ แล้วกล่าวว่า “รอข้า อีกสามเดือนข้าจะกลับมา”
พูดจบ ก็ไม่รอให้หวงฝู่สือเมิ่งรู้สึกตัว หันหลังแล้วเดินออกไปทันที
ม่านไม้ไผ่เขย่าจนเกิดเสียงดังออกมา ทำให้หวงฝู่สือเมิ่งที่หยุดชะงักไปตกใจตื่นขึ้นมา ในใจเกิดความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิม
เยียลี่ว์อาเป่าไปแล้ว คนในจวนก็ไม่ได้เอ่ยถามหวงฝู่สือเมิ่งว่าพูดอะไรกับเขาบ้าง บรรยากาศในจวนจึงกลับมามีความสุขอีกครั้ง
แต่ใจของหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์กลับมีการเปลี่ยนแปลง หวงฝู่สือเมิ่งเหม่อลอยอย่างไม่รู้ตัวอยู่บ่อยครั้ง เสียงของเยียลี่ว์อาเป่าดังข้างหูของนางอยู่บ่อยครั้ง ส่วนหวงฝู่เย่าเย่ว์นั้นมีความสุขอยู่ทุกๆ วัน ฝึกทำชุดแต่งงานกับพระชายาฉี
เวลาผ่านไปทุกวัน ไม่นานก็สองเดือนกว่าแล้ว เมื่อเข้าใกล้เวลาสามเดือนที่กำหนดไว้ หวงฝู่สือเมิ่งก็เริ่มรู้สึกใจสั่นขึ้นมา นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่ก็ไม่อยากบอกกับคนในจวน เพราะกลัวว่าพวกเขาจะกังวลไปด้วย จนนางเริ่มผอมลงเล็กน้อย
เมิ่งเชี่ยนโยวสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของนางมานานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปถาม เพราะรอให้เมิ่งเอ๋อร์บอกกับนางเอง แต่ผ่านไปสองเดือนกว่าแล้ว เมิ่งเอ๋อร์เหม่อลอยบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่บอกกล่าวอะไรกับนาง
วันนี้ หลังจากทานอาหารเช้า เมิ่งเชี่ยนโยวเรียกหวงฝู่สือเมิ่งมาช่วยนางดูบัญชี หนึ่งชั่วยามผ่านไปแล้ว บัญชีหนึ่งเล่มก็ยังดูไม่จบ เหม่อลอยอยู่ตลอดเวลา
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกมา ปิดบัญชีที่อยู่ตรงหน้าของหวงฝู่สือเมิ่ง
หวงฝู่สือเมิ่งรู้สึกตัวขึ้นมา กล่าวด้วยสีหน้าที่แดงเล็กน้อยว่า “ท่านแม่ ข้า…”
เมิ่งเชี่ยนโยวกวักมือเรียกนาง
หวงฝู่สือเมิ่งลุกขึ้นมา แล้วเดินมาข้างหน้านาง
เมิ่งเชี่ยนโยวมองตานาง แล้วกล่าวว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าเป็นเด็กที่เชื่อฟังมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยทำให้พวกเรากังวลใจเลย แม่รู้ว่าตอนนี้เจ้ามีเรื่องในใจ บอกแม่ได้หรือไม่ว่าเรื่องอันใด”
“ท่านแม่ ข้า…” หวงฝู่เส่อเมิ่งหยุดพูด
“หากเจ้าสามารถจัดการด้วยตัวเอง แม่จะไม่ถาม แต่เวลาผ่านไปนานแล้ว เจ้าก็ยังเป็นเยี่ยงนี้ แม่เป็นห่วงเจ้ามาก จึงอยากจะถามว่าเจ้ามีเรื่องอะไรในใจกันแน่” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
หวงฝู่สือเมิ่งกัดริมฝีปาก แล้วเอ่ยทุกคำพูดที่เยียลี่ว์อาเป่าเอ่ยก่อนจากไปให้เมิ่งเชี่ยนโยวฟัง แล้วรีบอธิบายว่า “ท่านแม่ ข้าไม่ได้ถูกใจเขา ข้าแค่กลัวว่าเขาจะทำเรื่องใหญ่โตอะไรขึ้นมา เพื่อบังคับให้พวกท่านยินยอมกับการสู่ขอของเขา เหมือนอย่างที่ท่าป๋าหั่นหลินสู่ขอเย่ว์เอ๋อร์”
เมิ่งเชี่ยนโยวยื่นมือออกมาลูบหัวนาง ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าคิดมากไปแล้ว เป็นเพราะเย่ว์เอ๋อร์ถูกใจท่าป๋า พวกข้าจึงยอมถอยให้หนึ่งก้าว ยินยอมให้เย่ว์เอ๋อร์แต่งงานกับเขา หากเจ้าไม่ยินยอม ไม่ว่าองค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์จะทำเรื่องใหญ่โตมากเพียงใดก็ไม่สามารถทำอะไรได้”
หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วส่ายหัวไปมา กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เมิ่งเอ๋อร์ ตอนนี้แม่ถามเจ้าจริงๆ จังๆ อีกครั้งว่า เจ้าไม่ยอมแต่งงานกับองค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์จริงๆ ใช่หรือไม่”
หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้าอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย แล้วกล่าวว่า “เจ้าค่ะ เมิ่งเอ๋อร์ไม่อยากอยู่ห่างพวกท่าน”
รอยยิ้มของเมิ่งเชี่ยนโยวหยุดชะงักไป กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าคิดให้ดีๆ ว่าเจ้าไม่ยอมแต่งงานกับเยียลี่ว์อาเป่า หรือว่าไม่อยากแต่งออกเรือนไปไกลเพราะพวกเรา”
หวงฝู่สือเมิ่งอ้าปาก กำลังจะตอบ ก็มีเสียงรายงานของพ่อบ้านดังมาจากข้างนอกว่า “ซื่อจื่อเฟย ด้านนอกมีคนสองคน เจาะจงจะพบซื่อจื่อเฟยขอรับ”