ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 115 นางไม่ตกลง
เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปทางหวงฝู่สือเมิ่ง กล่าวถามว่า “เมิ่งเอ๋อร์ ได้หรือไม่”
ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงตกใจอีกครั้ง ซื่อจื่อเฟยกำลังถามลูกสาว?
หวงฝู่สือเมิ่งกัดริมฝีปาก พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่รอลูกที่ข้างนอกได้หรือไม่…”
รู้สึกถึงความกังวลของนาง เมิ่งเชี่ยนโยวจึงยื่นมือออกมาลูบหัวนางแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม่รออยู่ข้างนอก เมิ่งเอ๋อร์วางใจเถิด”
หวงฝู่สือเมิ่งแสดงรอยยิ้มที่ดีใจออกมา แล้วมองเมิ่งเชี่ยนโยวเดินออกไป ทันทีที่ออกมานอกประตู เมิ่งเชี่ยนโยวกวักมือเรียกจูหลี
จูหลีเดินเข้ามา
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวกับนางด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “เจ้าไปเรียกซื่อจื่อกลับมา อย่าให้ผู้อื่นรู้”
จูหลีรับรู้ แล้วรีบเดินออกไปเบาๆ อย่างรวดเร็ว
ยืนอยู่ข้างนอก ไม่ได้ยินเสียงในห้องโถงรับแขกแม้แต่น้อย เมิ่งเชี่ยนโยวครุ่นคิดไปสักพัก แล้วสั่งชิงหลวนด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “เจ้าไปเรียกท่านอ๋องฉีและพระชายาฉีมา”
ยังไม่ทันเอ่ยจบ ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม จึงโบกมือแล้วกล่าวว่า “ช่างเถิด ไม่ต้องบอกพวกเขาดีกว่า”
ชิงหลวนจึงถอยออกไป
จูหลีมาถึงประตูหน้าวัง หยิบป้ายห้อยเอวออกมา แล้วยื่นให้ขันทีที่เฝ้าประตูวังดู
หลังจากขันทีถามจุดประสงค์ที่นางมาแล้ว ก็นำนางมาที่หน้าประตูห้องทรงพระอักษร
หัวหน้าขันทีเห็นจูหลีมา จึงก้าวออกมากล่าวถาม
จูหลีจึงกล่าวตอบเขา
หัวหน้าขันทีให้นางรอ ส่วนตัวเองนั้นเดินเข้าไปในห้องทรงพระอักษร ไม่นาน หวงฝู่อี้เซวียนก็เดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร
จูหลีก้าวออกมา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “ซื่อจื่อ มีแขกมาที่จวน ซื่อจื่อเฟยให้ท่านรีบกลับไปเจ้าค่ะ”
หวงฝู่อี้เซวียนก็ไม่ได้เอ่ยถามว่าเป็นผู้ใด พยักหน้า หันหลังเดินกลับไปในห้องทรงพระอักษร กล่าวกับหวงฝู่ซวิ่น แล้วรับเดินออกไปนอกวังอย่างรวดเร็ว
หวงฝู่ซวิ่นเกิดความสงสัยในใจ เดาว่าเป็นแขกแบบไหนที่ทำให้เมิ่งเชี่ยนโยวต้องส่งคนเรียกหวงฝู่อี้เซวียนในวัง จึงสั่งหัวหน้าขันทีทันทีว่า “ไป ออกไปสืบว่าผู้ใดมาจวนอ๋องฉี”
หัวหน้าขันทีรับคำสั่ง แล้วสั่งคนไปทันที
หลังจากหวงฝู่อี้เชวียนเดินออกจากประตูวัง ก็กล่าวถามว่า “ผู้ใดมา”
จูหลีส่ายหัวไปมาแล้วกล่าวว่า “บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ หลังจากมา ไม่เพียงแต่เจาะจงว่าจะพบซื่อจื่อเฟย ยังขอพบท่านหญิงเมิ่งเอ๋อร์ด้วย”
พบเมิ่งเอ๋อร์หรือ หวงฝู่อี้เชวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย กระโดดขึ้นหลังม้าแล้วคาดเดาไปด้วยว่าเป็นผู้ใด
เขารีบขี่ม้ากลับมาที่จวนอย่างรวดเร็ว มาถึงข้างนอกห้องโถงรับแขก เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวยืนอยู่ข้างนอก จึงหยุดเดิน
เมื่อได้ยินเสียง เมิ่งเชี่ยนโยวหันหลังกลับไปพอเห็นว่าเป็นเขา จึงก้าวออกมา แล้วอ้าปากกล่าวโดยไร้เสียงว่า “ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิง”
เห็นภาษาปากของนางชัดแล้ว สีหน้าของหวงฝู่อี้เซวียนก็เคร่งเครียดขึ้นมาทันที อ้าปากอยากจะเอ่ยถามอะไรนาง แต่มองผู้คนรอบข้างแล้ว จึงกลืนคำพูดที่จะเอ่ยลงไป
ประตูห้องโถงรับแขกถูกเปิดจากข้างใน หวงฝู่สือเมิ่งเดินออกมา เห็นหวงฝู่อี้เซวียน จึงกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่”
ได้ยินน้ำเสียงที่ปกติของนางแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวหายกังวลใจ ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เมิ่งเอ๋อร์กลับไปที่เรือนของแม่ก่อน แม่ส่งแขกเสร็จแล้ว มีเรื่องจะถามเจ้าอีก”
หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้า แล้วเดินออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนสบตากัน แล้วเดินเข้าไปในห้องพร้อมกัน
เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงดีใจเป็นอย่างมาก รอยยิ้มบนใบหน้าแทบปกปิดไม่อยู่ เห็นทั้งสองเดินเข้ามา สีหน้าหยุดชะงักเพียงเล็กน้อย ทั้งสองลุกขึ้นยืนพร้อมกัน ฮองเฮารัฐหมิงยิ้มแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริงที่เต็มไปด้วยความสุขว่า “ท่านนี้คือซื่อจื่อใช่หรือไม่ วันนี้มารบกวนที่จวนกะทันหัน ขออย่าได้ถือโทษกันเลย”
“อี้เซวียนคารวะฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิง” หวงฝู่อี้เซวียนทำความเคารพด้วยท่าทีที่เคารพ
ฮ่องเต้รัฐหมิงยื่นมือออกมาพยุงเข้า แล้วกล่าวว่า “ซื่อจื่ออย่าได้เกรงใจ”
หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือออกมาทำท่าเชิญแล้วกล่าวว่า “เชิญฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงเชิญนั่งขอรับ”
ทั้งสี่ต่างนั่งลง
หวงฝู่อี้เซวียนรู้เป้าหมายของทั้งสองท่านที่มาแล้ว ไม่รู้ว่าควรเอ่ยอะไร
แต่ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงกลับสบตากัน ฮ่องเต้รัฐหมิงยิ้มแล้วกล่าวว่า “แท้จริงแล้วข้ากับฮองเฮายังแข็งแรงอยู่ ยังสามารถดำรงตำแหน่งฮ่องเต้และฮองเฮาได้อีกหลายปี”
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เข้าใจความหมายของคำพูดเขา ต่างเงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ
ฮ่องเต้รัฐหมิงลูบหนวดเครา แล้วกล่าวตรงๆ ว่า “ก่อนที่ข้าและฮองเฮาจะมา ก็มีความคิดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นั่นก็คือหากสู่ขอท่านหญิงน้อยไม่สำเร็จ พวกข้าก็จะกลับไปหาหญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายคลึงนางส่งไปอยู่ข้างกายอาเป่า แต่จากการพูดคุยกันเมื่อครู่แล้ว พวกข้าล้มเลิกความคิดนี้ไป วันนี้จึงอยากลดตัวลงมาขอร้องทั้งสองให้ตกลงกับการแต่งงานครั้งนี้ พวกเจ้าวางใจเถิด พวกข้าไม่บังคับให้ท่านหญิงน้อยกลับรัฐหมิงทันทีหลังแต่งงาน พวกข้ายังแข็งแรง ยังสามารถช่วยพวกเขาดูแลรัฐได้อีกหลายปี รอจนพวกเจ้ายอมปล่อยคนแล้ว พวกข้าจะลงจากตำแหน่งทันที แล้วยกแผ่นดินให้กับพวกเขาปกครอง”
หลังจากที่เขาพูดจบ หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวต่างตกใจ นิ่งอึ้งไปพร้อมกัน พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ฮองเฮารัฐหมิงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ก่อนที่พวกข้ามาพวกข้าต่างสงสัย เพราะไม่ว่าหญิงสาวที่งดงาม หรือหญิงสาวที่มีความสามารถ ลูกชายคนนั้นของข้าก็พบเจอมาไม่น้อย จึงไม่รู้ว่าท่านหญิงน้อยมีเสน่ห์อะไรที่สามารถดึงดูดเขาได้ วันนี้ได้พบท่านหญิงน้อย หลังจากพูดคุยกับนางแล้ว พวกข้าจึงจะเข้าใจว่าเหตุใดอาเป่าจึงต้องการนางเท่านั้น ท่านหญิงไม่เพียงแต่ประพฤติดี คุณธรรมดี นางดีทั้งภายในและภายนอก มีแผนการในการปกครองรัฐและมีจิตใจที่เมตตาต่อประชาชน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกข้าสองคนไม่เคยพบเห็นในตัวของหญิงสาวคนอื่นๆ ฉะนั้นพวกข้าจึงเปลี่ยนความคิด จะต้องช่วยอาเป่าสู่ขอท่านหญิงน้อยให้ได้ ไม่ว่าเงื่อนไขอะไรพวกข้าก็ยอม”
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกตัวขึ้นมาจากความตกใจแล้ว ได้ยินพวกเขาชมลูกสาวตัวเองเยี่ยงนี้ ในใจก็ดีใจเป็นอย่างมาก เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มแล้วกล่าวว่า “ขอบพระทัยฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงที่ชมเมิ่งเอ๋อร์มากมายเยี่ยงนี้ แต่พวกข้าก็ยังยืนยันคำนั้น ว่าหากเมิ่งเอ๋อร์ตกลง พวกข้าไม่ขัดขวาง แต่ถ้าหากเมิ่งเอ๋อร์ไม่ตกลง พวกข้าก็ไม่บังคับ”
ฮองเฮารัฐหมิงยิ้มแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “พวกข้ารู้ เมื่อครู่พวกข้าจึงหยั่งเชิงความคิดของท่านหญิงน้อยดู นางน่าจะมีใจให้อาเป่าอยู่บ้าง เพียงแต่ไม่อยากอยู่ห่างจากพวกเจ้าเท่านั้น ฉะนั้นพวกข้าจึงกล่าวว่าหลังจากแต่งงานให้พวกเขาอยู่ที่เมืองหลวงก่อน รอจนพวกเจ้ายอมปล่อยคนแล้ว ค่อยให้พวกเขากลับรัฐหมิง”
เป็นถึงฮ่องเต้และฮองเฮาของรัฐหนึ่ง ทำถึงขั้นนี้นั่นถือว่ายากแล้ว เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ถ้าเยี่ยงนั้น ท่านทั้งสองให้เวลาพวกข้าเล็กน้อย ให้พวกข้าไปถามความคิดของเมิ่งเอ๋อร์ แล้วเจรจากับเสด็จพ่อและเสด็จแม่ก่อน”
พวกเขาใจอ่อนแล้ว ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงจึงไม่อยากเซ้าซี้ให้มากความ ฮองเฮารัฐหมิงจึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกข้าจะอยู่เมืองหลวงต่ออีกหนึ่งวัน หวังว่าพรุ่งนี้ซื่อจื่อและซื่อจื่อเฟยจะมีข่าวดีให้กับพวกข้า”
พูดจบ ทั้งสองคนก็ลุกขึ้นทันที
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็ลุกขึ้น แล้วส่งทั้งสองเดินออกไป
เดินออกมาหน้าประตู หวงฝู่อี้เซวียนสั่งโจวอันว่า “ส่งแขกทั้งสองไปที่โรงเตี๊ยมเย่ว์หลง”
โรงเตี๊ยมเย่ว์หลงเป็นโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในเมืองหลวง วันละหนึ่งร้อยตำลึง โจวอันได้ยิน ก็อดเงยหน้าขึ้นมองฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงไม่ได้ แล้วรีบก้มศีรษะลงไปทันที
ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงไม่คุ้นเคยกับเมืองหลวง จึงปล่อยให้พวกเขาจัดเตรียม มิได้ปฏิเสธ เดินตามโจวอันออกไป
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวส่งทั้งสองท่านออกจากจวน มองพวกเขาขึ้นรถม้า จนออกไปไกลแล้ว จึงจะหันหลังกลับเข้าจวน
ทั้งสองไปที่เรือนหลักก่อน บอกเรื่องที่ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงมาเยือนวันนี้
ท่านอ๋องฉีกำมือไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว ส่วนพระชายาฉีนั้นตกใจไม่น้อยจึงกล่าวว่า “พวกเขามาถึงจวนเพื่อสู่ขอเมิ่งเอ๋อร์ด้วยตัวเองเลยหรือ นี่มัน…”
“ตกใจอะไร” ท่านอ๋องฉีว่านางด้วยความไม่พอใจ “พวกเขาเป็นฮ่องเต้และฮองเฮาของรัฐหนึ่งแล้วอย่างไร หากพวกเราไม่ตกลง พวกเขาก็เสียเวลาเปล่า”
พระชายาฉีอ้าปาก พูดอะไรไม่ออก
“เสด็จพ่อ” หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยออกมา ไตร่ตรองแล้วกล่าวออกมาว่า “พวกเขาบอกว่าหากเราตกลงกับการแต่งงานครั้งนี้แล้ว สามารถให้เมิ่งเอ๋อร์และองค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์อยู่ในเมืองหลวงไปก่อน รอจนกว่าพวกเราจะยอมปล่อยคน”
“ฝันกลางวันชัดๆ” ท่านอ๋องฉีปฏิเสธทันที “ข้าไม่ตกลง”
“เสด็จพ่อ” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวออกมา
ท่านอ๋องฉีมองไปทางนาง
ลังเลใจเล็กน้อย แต่เมิ่งเชี่ยนโยวก็เอ่ยออกมาว่า “ลูกว่าเมิ่งเอ๋อร์ก็มีใจให้องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์อยู่ไม่น้อย”
ทันทีที่นางพูดจบ ท่านอ๋องฉีก็ตกใจ แล้วมองนางอย่างเหลือเชื่อ
“ข้าเคยถามแล้ว เมิ่งเอ๋อร์นาง…” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวต่อ
“เป็นไปไม่ได้” ท่านอ๋องฉีพูดตัดบทเมิ่งเชี่ยนโยวทันที “เมิ่งเอ๋อร์ไม่มีทางมีความคิดเยี่ยงนี้แน่นอน”
เห็นว่าอารมณ์ของท่านอ๋องเริ่มรุนแรงขึ้น หวงฝู่อี้เซวียนจึงพูดโน้มน้าวว่า “เสด็จพ่อ องค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์นั้น…”
ยังไม่ทันรอเขากล่าวจบ ท่านอ๋องฉีก็พูดตัดบทเขาว่า “พวกเจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไปเรียกเมิ่งเอ๋อร์มา ข้าจะถามนางด้วยตัวเอง”
ทั้งสองทำอะไรไม่ได้ จึงต้องส่งคนไปเรียกหวงฝู่สือเมิ่งมา
เห็นหวงฝู่สือเมิ่งเดินเข้าห้องมา ท่านอ๋องฉีจึงกล่าวกับหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวว่า “วันนี้พวกเจ้าต้องดูแลพวกเขาก็เหนื่อยมากพอแล้ว กลับไปพักผ่อนเถิด ข้าจะพูดคุยกับเมิ่งเอ๋อร์ดีๆ”
ทั้งสองสบตากัน ทำอะไรไม่ได้ จึงต้องลุกขึ้นแล้วเดินออกไป กลับไปรอที่ห้องของตัวเอง
หลังจากสองชั่วยามผ่านไป หวงฝู่สือเมิ่งเดินเข้ามา ด้วยดวงตาที่แดงก่ำเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าไม่ยินยอมที่จะแต่งงานกับองค์ชายรัชทายาทเยียลี่ว์ พวกท่านปฏิเสธฮ่องเต้และฮองเฮารัฐหมิงเถิดเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวกวักมือเรียกนาง หวงฝู่สือเมิ่งเดินมาข้างหน้านาง
มองดวงตาของนาง เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวถามอย่างจริงจังว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เจ้าคิดดีแล้วหรือ ไม่ยินยอมกับการแต่งงานครั้งนี้จริงๆ หรือ”
หวงฝู่สือเมิ่งพยักหน้าอย่างไม่ลังเลใจแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ ข้าคิดดีแล้ว ข้าไม่ชอบชีวิตที่อยู่ในกำแพงที่สูงเยี่ยงนั้น ข้าชอบชีวิตที่ไร้กังวลเยี่ยงนี้”
เมิ่งเชี่ยนโยวหันกลับไปมองหวงฝู่อี้เซวียน
หวงฝู่สือเมิ่งก็มองไปทางเขา แล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ”
หวงฝู่อี้เซวียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เมิ่งเอ๋อร์ เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ มิใช่เรื่องล้อเล่น เจ้าต้องคิดให้ดี การเลือกในครั้งนี้มีผลต่อทั้งชีวิตของเจ้า พ่อแม่สามารถทำเพื่อเจ้าทุกอย่าง เว้นแต่เรื่องนี้ ที่เจ้าต้องรู้ความรู้สึกของเจ้าเอง”
“เมิ่งเอ๋อร์คิดดีมากแล้ว ท่านพ่อท่านแม่ปฏิเสธพวกเขาเถิด” หวงฝู่สือเมิ่งยืนยันอีกครั้ง
หวงฝู่อี้เซวียนจ้องนางเงียบๆ เป็นเวลานาน เห็นท่าทางที่มั่นคงและดวงตาที่หนักแน่นของนางแล้ว ก็ถอนหายใจหนึ่งครั้ง แล้วกล่าวว่า “ได้ พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปปฏิเสธพวกเขา”
หวงฝู่สือเมิ่งโล่งอกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ขอบพระคุณท่านพ่อท่านแม่เจ้าค่ะ”
วันที่สอง หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็แต่งตัวเรียบร้อย แล้วมาที่โรงเตี๊ยมเย่ว์หลง
ฮ่องเต้รัฐหมิงและฮองเฮารัฐหมิงรอนานแล้ว หลังจากพบเจอกัน ทักทายกันแล้ว ก็รอไม่ไหวรีบกล่าวถามว่า “เป็นเยี่ยงไร ท่านหญิงน้อยตกลงแต่งงานกับอาเป่าหรือไม่”
หวงฝู่อี้เซวียนส่ายหัวไปมาแล้วกล่าวว่า “เมื่อวานพวกข้าได้กล่าวถามเมิ่งเอ๋อร์แล้ว นางไม่ตกลง”