ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 125
สีหน้าของเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เปลี่ยน ยังคงยิ้มแล้วกล่าวว่า “วิธีของฮ่องเต้รัฐอิงช่างยอดเยี่ยม ข้าชื่นชมจริงๆ แต่ท่านลืมไปแล้วหรือว่าเย่ว์เอ๋อร์เป็นลูกสาวของข้า ในเมื่อข้าตกลงกับการแต่งงานครั้งนี้ได้ ก็สามารถยกเลิกได้”
สีหน้าของท่าป๋าหั่นหลินเปลี่ยนในทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังว่า “ท่านแม่ยาย ท่านไม่สามารถพูดกลับคำได้”
เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น จนผู้คนที่มามุงดูสามารถได้ยินอย่างชัดเจนว่า “ผู้ที่พูดกลับคำมิใช่พวกข้า แต่เป็นฮ่องเต้รัฐอิง ตอนนั้นพวกข้าได้ตกลงกันไว้แล้วว่าหลังจากสามปีให้ท่านแต่งงานกับเย่ว์เอ๋อร์ แต่ตอนนี้ท่านกลับมาบังคับถึงจวนเยี่ยงนี้เพราะเหตุใด”
ท่าป๋าหั่นหลินกะพริบตา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังว่า “ท่านแม่ยาย ข้าถูกใจเย่ว์เอ๋อร์ อยากให้นางแต่งเข้าเรือนโดยเร็ว จึงอยากขอร้องให้ท่านเข้าใจความรู้สึกของข้า”
รอยยิ้มของเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เปลี่ยน แต่กล่าวออกว่าด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ขอบพระทัยที่ฮ่องเต้รัฐอิงชอบลูกสาวของข้า แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ หากท่านรอต่อไปอีกสามปีไม่ไหว ก็ยกเลิกงานแต่งงานครั้งนี้ แล้วสู่ขอผู้อื่นได้เลย พวกข้าจวนอ๋องฉีจะไม่เอ่ยคำพูดที่ไม่พอใจออกมาแม้แต่คำเดียว”
“ท่านแม่ยาย ท่านไม่พอใจอะไรท่าป๋าหรือไม่ เหตุใดเยียลี่ว์คนนั้นจึงสามารถแต่งงานกับท่านหญิงเมิ่งเอ๋อร์โดยเร็ว แต่ข้ากลับไม่ได้”
“เพราะเขาเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องฉี ต่อไปก็จะไม่กลับรัฐหมิงอีก ฮ่องเต้รัฐอิงทำได้หรือไม่”
ท่าป๋าหั่นหลินไม่พูดจา แน่นอนว่าเขาทำไม่ได้ เพราะว่าเสด็จแม่ของเขาเป็นคนรัฐอู่ ฐานะของเขาจึงถูกลิขิตไว้แล้วว่ามิใช่สายเลือดรัฐอิงทั้งหมด เขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองสามารถข้ามผ่านเหล่าองค์ชายทั้งหลายจนขึ้นมาอยู่ตำแหน่งนี้ได้ ฉะนั้น เขาจะละทิ้งทุกอย่างที่ผู้คนใฝ่ฝันเพื่อผู้หญิงคนเดียวได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นคือ เขามิได้ถูกใจหวงฝู่เย่าเย่ว์จริงๆ แต่แต่งงานกับนางเพื่อแก้แค้นและทรมาณนางเท่านั้น
“ในเมื่อฮ่องเต้รัฐอิงทำไม่ได้ ต่อไปก็อย่าใช้วิธีเช่นนี้มาบังคับพวกข้าอีก ข้าก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ในเมื่อข้ายินยอมให้เย่ว์เอ๋อร์แต่งงานครั้งนี้ได้ ข้าก็สามารถยกเลิกงานแต่งงานครั้งนี้ได้ ข้าพูดจริงทำจริง”
พูดจบ ก็ไม่มองเขาแม้แต่น้อย หันหลัง แล้วเดินกลับเข้าไปในจวนทันที
ท่าป๋าหั่นหลินยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับ ทำได้เพียงมองหลังของเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างไม่พอใจ แล้วเม้มริมฝีปากแน่น
ท่านอ๋องฉีได้ยินรายงานจากลูกน้อง ก็สาแก่ใจมาก ความโมโหที่อัดอั้นอยู่ในใจหายไปในทันที หลังจากหัวเราะออกมาหลายครั้งแล้ว ก็กล่าวกับเยียลี่ว์อาเป่าว่า “มา พวกเรามาเล่นอีกหนึ่งตา รอบนี้ข้าจะฆ่าเจ้าจนไม่เหลือหมากแม้แต่ตัวเดียว ”
เยียลี่ว์อาเป่าตกใจเป็นอย่างมาก แท้จริงแล้วแม่ยายของเขาน่าเกรงขามเยี่ยงนี้ แล้วตอนนั้นเขาสู่ขอเมิ่งเอ๋อร์สำเร็จได้อย่างไรกันนี่
หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวทำเยี่ยงนี้แล้ว คนในจวนก็วางใจทันที ต่างคิดว่าครั้งนี้ท่าป๋าหั่นหลินจะต้องตายใจจนกลับรัฐอิงแน่นอน แต่ผู้ใดจะคิดว่าพวกเขาจะประเมินความหนาของใบหน้าท่าป๋าหั่นหลินต่ำไป
เช้าวันที่สาม ในขณะที่คนในจวนกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ เสียงที่มีกำลังภายในของท่าป๋าหั่นหลินดังเข้ามาในหูของทุกคนอีกครั้งว่า “ท่านอ๋องฉี ท่าป๋าอยากจะแต่งงานกับเย่ว์เอ๋อร์โดยเร็วขอรับ”
ท่านอ๋องฉีที่เพิ่งจะหยิบตัวหมากขึ้นมาหนึ่งตัวและกำลังจะวางลงบนกระดานหมากรุก ตัวสั่นขึ้นมาด้วยความโมโหทันที
พระชายาฉีที่กำลังสอนหวงฝู่เย่าเย่ว์เย็บชุดแต่งงานก็ตกใจจนโดนเข็มทิ่มมือ แล้วโมโหขึ้นมาทันที
ส่วนเมิ่งเชี่ยนโยวนั้นโยนสมุดบัญชีในมือ แล้วเดินออกไปด้วยความโมโห สั่งอย่างโมโหว่า “ชิงหลวน จูหลีไปตีเขาให้ออกห่างจากจวน”
ทั้งสองรับคำสั่ง แล้วเดินตามออกไปทันที
ทั้งสามมาถึงหน้าประตูจวน ยังไม่ทันเดินออกไป ก็มีม้าเร็วตัวหนึ่งวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ผ่านตัวท่าป๋าหั่นหลิน มาถึงหน้าประตูจวน กระโดดลงจากหลังม้า แล้วกล่าวกับเมิ่งเชี่ยนโยวที่เพิ่งจะเดินออกมาจากประตูจวนว่า “ซื่อจื่อเฟย ฮ่องเต้เรียกท่านให้เข้าวังเดี๋ยวนี้ขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่ตาลง แล้วกล่าวถามว่า “เพราะเหตุใด”
“ข้าน้อยก็ไม่รู้ขอรับ เชิญซื่อจื่อเฟยรีบเข้าวังเถิดขอรับ”
มองท่าป๋าหั่นหลินเล็กน้อย เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวตอบอย่างจนใจว่า “ข้าจะรีบไป”
“ฮ่องเต้เรียกด่วน ซื่อจื่อเฟยตามข้าน้อยไปเถิดขอรับ” ขันทีที่มาส่งข่าวไม่ขยับ เร่งเมิ่งเชี่ยนโยวต่อ
นางระงับความโมโหในใจไว้ แล้วสั่งให้ชิงหลวนจูงม้ามา เดินผ่านขันทีที่มาส่งข่าว มาถึงหน้าท่าป๋าหั่นหลินแล้วกล่าวว่า “ออกไปจากหน้าประตูจวน ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป ไม่เยี่ยงนั้นทั้งชีวิตนี้เจ้าก็อย่าคิดจะแต่งงานกับเย่ว์เอ๋อร์”
พูดจบ เมิ่งเชี่ยนโยวก็หันหลังทันที ไม่มองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของท่าป๋าหั่นหลินแม้แต่เล็กน้อย
ชิงหลวนจูงม้ามา เมิ่งเชี่ยนโยวกระโดดขึ้นหลังม้า นำนางและจูหลีมาถึงหน้าประตูวัง กระโดดลงจากหลังม้า เข้ามาในวัง มาถึงตำหนักหยางซิน
หวงฝู่อี้เซวียนก็นั่งอยู่ในนั้น ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดี
หลังจากทำความเคารพ เมิ่งเชี่ยนโยวก็กล่าวถามตรงๆ ว่า “ฮ่องเต้เรียกข้ามาเพราะเหตุใดหรือ”
“ข้าได้ยินว่าฮ่องเต้รัฐอิงไปสู่ขอเย่ว์เอ๋อร์แต่งงานที่จวนอ๋องฉีติดต่อกันสองวันแล้วหรือ” หวงฝู่ซวิ่นกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
เมิ่งเชี่ยนโยวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีว่า “ฮ่องเต้ได้รับข่าวเร็วจริงๆ”
หวงฝู่ซวิ่นแตะจมูกเบาๆ ไอออกมาหลายครั้งแล้วกล่าวว่า “ผู้คนในเมืองหลวงต่างรู้กันหมดแล้ว แน่นอนว่าข้าก็ต้องรู้”
“ฮ่องเต้มีเรื่องอันใดก็กล่าวออกมาตรงๆ ไม่ต้องพูดวกไปวนมา”
ไอออกมาอีกหลายครั้ง มองหวงฝู่อี้เซวียนเล็กน้อย หวงฝู่ซวิ่นจึงจะกล่าวออกมาว่า “ในเมื่อฮ่องเต้รัฐอิงสู่ขออย่างจริงใจ ข้าคิดว่าให้เย่ว์เอ๋อร์แต่งงานโดยเร็วเถิด แม้ว่า…”
“ฮ่องเต้เข้าข้างคนอื่นหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวตำหนิเขา
“ไม่ใช่แน่นอน” หวงฝู่ซวิ่นปฎิเสธทันที “ข้าแค่คิดแทนเย่ว์เอ๋อร์”
เมิ่งเชี่ยนโยว หึ ออกมาเบาๆ
“ข้าพูดจริงๆ นะ” หวงฝู่ซวิ่นเห็นว่านางไม่เชื่อ ร้อนใจมาก จนแทบจะตบอกตัวเองเพื่อยืนยันว่าตัวเองคิดแทนหวงฝู่เย่าเย่ว์จริงๆ แล้วกล่าวว่า “ปีนี้เย่ว์เอ๋อร์อายุสิบห้าปีแล้ว อีกสามปีก็สิบแปดปีแล้ว เจ้าดูสิว่าในเมืองหลวง มีหญิงสาวคนใดแต่งงานตอนอายุสิบแปดปี อีกอย่างคือ ท่าป๋าเป็นถึงฮ่องเต้ของรัฐอิงเรื่องบุตรสำคัญที่สุด พวกเจ้ายื้อเวลาแบบนี้ ทำให้ตำแหน่งฮ่องเต้ของเขาก็ไม่มั่นคง การแต่งงานถูกกำหนดไว้แล้ว หรือว่าพวกเจ้าไม่อยากให้เย่ว์เอ๋อร์นั่งตำแหน่งฮองเฮาอย่างมั่นคง”
ตอนนั้นที่พูดออกมาว่าอีกสามปีจะให้หวงฝู่เย่าเย่ว์แต่งงานกับท่าป๋าหั่นหลินนั้น คือคิดไว้ว่าหลังจากสามปี ท่าป๋าหั่นหลินจะหมดความอดทน แล้วกล่าวยกเลิกงานแต่งงานออกมาเอง แต่ดูจากการกระทำในสองวันนี้ของเขาแล้ว เขาไม่ปล่อยมือแน่นอน ถ้าเยี่ยงนั้น ก็ให้พวกเขาแต่งงานกันโดยเร็วยังจะดีกว่า จะได้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมากลางคัน หวงฝู่อี้เซวียนคิดเยี่ยงนี้ในใจ ฉะนั้นตอนที่หวงฝู่ซวิ่นเอ่ยขึ้นมาว่าให้หวงฝู่เย่าเย่ว์แต่งงานโดยเร็ว จึงไม่คัดค้าน และให้คนไปเรียกเมิ่งเชี่ยนโยวมา
ในขณะเดียวกันเมิ่งเชี่ยนโยวก็คิดถึงปัญหานี้ จึงมีความคิดมากมายเกิดขึ้นในใจ ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก
หวงฝู่ซวิ่นเห็นว่าทั้งสองไม่คัดค้าน จึงรู้ว่าพวกเขารับรู้และเข้าใจแล้ว จึงจะค่อยๆ เช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาตรงหน้าผาก แล้วกล่าวต่อว่า “ในเมื่อพวกเจ้ายินยอมให้เย่ว์เอ๋อร์แต่งงานกับเขาแล้ว ทำให้เขาลำบากใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร อย่างไรเย่ว์เอ๋อร์ก็ต้องแต่งออกเรือนไปไกล เมื่อถึงเวลานั้นฮ่องเต้รัฐอิงไม่ชอบเย่ว์เอ๋อร์เพราะเหตุนี้ นั่นเท่ากับว่าพวกเจ้าทำไปได้ไม่คุ้มเสีย ข้าว่า ยอมเขาเถิด ไม่เยี่ยงนั้นก็ยื้อเวลาไปจนถึงสิ้นปีค่อยให้พวกเขาแต่งงานกัน”
ทั้งสองยังคงไม่พูดจา ตำหนักหยางซินเงียบขึ้นมาทันที
หน้าประตูจวนอ๋องฉี หลังจากเมิ่งเชี่ยนโยวไป ท่าป๋าหั่นหลินก็ไม่พูดจา หันหลังแล้วเดินจากไปทันที
ท่านอ๋องฉีได้ยินรายงานจากบ่าวรับใช้ ว่าเมิ่งเชี่ยนโยวถูกเรียกเข้าวัง ก็รู้ทันทีว่าไม่ใช่เรื่องดี จึงโยนตัวหมากในมืออีกครั้งด้วยความโมโห แล้วเดินไปที่ห้องหนังสือ
เยียลี่ว์อาเป่าก็กลับมาที่เรือนของตัวเอง หวงฝู่สือเมิ่งว่างไม่มีอะไรทำ จึงเปิดดูยาสมุนไพรอยู่ในเรือน เห็นเขากลับมา จึงยิ้มแล้วกล่าวว่า “เหตุใดวันนี้จึงกลับมาเร็วเยี่ยงนี้ แพ้ท่านปู่มาหรือ”
เยียลี่ว์อาเป่าดึงปลายเสื้อขึ้นมา นั่งยองๆ ตรงหน้านาง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ความสามารถในการเล่นหมากรุกของข้าไม่ดีเยี่ยงนั้นเลยหรือ”
หวงฝู่สือเมิ่งเม้มริมฝีปาก ยิ้มแต่ไม่พูดจา
มองซ้ายขวา ในเรือนไม่มีบ่าวรับใช้ เยียลี่ว์อาเป่าก้มศีรษะลง แล้วแนบลงบนริมฝีปากของนางหนึ่งครั้งอย่างอย่างรวดเร็ว
หวงฝู่สือเมิ่งรีบปิดปากตัวเองทันที แล้วมองไปรอบข้างด้วยสีหน้าแดงก่ำ ไม่มีคน จึงจะจ้องเขาแล้วขมขู่อย่างไม่มั่นใจว่า “เจ้าบุ่มบ่ามเยี่ยงนี้ คืนนี้อย่าคิดว่าจะได้เข้าห้อง”
เยียลี่ว์อาเป่าก็ไม่โกรธ ยิ้มแล้วเปลี่ยนเรื่องว่า “เหนียงจื่อ เจ้าสอนให้ข้ารู้จักยาสมุนไพรเถิด”
หวงฝู่สือเมิ่งตาเป็นประกายขึ้นมาทันที แล้วกล่าวว่า “ได้ แต่ต้องตกลงกันก่อนว่า เจ้าห้ามล้มเลิกกลางคันเป็นอันขาด”
เยียลี่ว์อาเป่าพยักหน้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่แน่นอน เหนียงจื่อวางใจเถิด”
หวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ได้ยินเสียงตะโกนของท่าป๋าหั่นหลิน ขยับตัวไปมา แล้วนั่งกลับไปที่เดิม เม้มริมฝีปากแน่น
พระชายาฉีโมโหอยู่ จึงไม่ได้สังเกตอารมณ์ของนาง
หนึ่งชั่วยามผ่านไป หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวออกมาจากวัง กลับมาที่จวน แล้วไปที่ห้องหนังสือ
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ทั้งสามเดินออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
เมิ่งเชี่ยนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนกลับมาที่เรือนของตัวเอง ให้คนไปเรียกหวงฝู่เย่าเย่ว์มา
“ท่านพ่อ ท่านแม่ พวกท่านเรียกข้ามีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ” ทันทีที่หวงฝู่เย่าเย่ว์เดินเข้ามา ก็กล่าวถามทันที ด้วยน้ำเสียงที่เศร้าเล็กน้อย
ทั้งสองสบตากัน เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวว่า “เย่ว์เอ๋อร์ สองวันนี้การกระทำทุกอย่างของท่าป๋าหั่นหลินเจ้าก็รับรู้แล้ว ตอนนี้พ่อกับแม่อยากถามเจ้าว่า เจ้าอยากแต่งงานโดยเร็วหรือไม่”
“ทุกอย่างแล้วแต่ท่านพ่อท่านแม่ เย่ว์เอ๋อร์ไม่มีความคิดเห็นเจ้าค่ะ” หวงฝู่เย่าเย่ว์กล่าวตอบอย่างเชื่อฟัง
“เจ้าบอกพ่อกับแม่ตามความจริง ว่าเจ้าอยากหรือไม่อยาก” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวถามอีกครั้ง
หวงฝู่เย่าเย่ว์เม้มริมฝีปากแน่น ผ่านไปสักพักจึงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “อยากเจ้าค่ะ”
“เพราะเหตุใด”
หวงฝู่เย่าเย่ว์กล่าวตอบด้วยสีหน้าแดงก่ำและน้ำเสียงที่เบามากว่า “เพราะ เพราะ เพราะพี่เขยดีกับพี่ใหญ่มาก เย่ว์เอ๋อร์อิจฉาพวกเขา”
เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เพียงเพราะเหตุนี้หรือ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้ายืนยัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง
เมิ่งเชี่ยนโยวหนักใจเล็กน้อย ในคอเหมือนมีอะไรติดอยู่ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากจึงจะเอ่ยประโยคนี้ออกมาได้ว่า “เย่ว์เอ๋อร์ มิใช่ว่าคู่แต่งงานทุกคู่จะรักกันเหมือนกับพี่ใหญ่และพี่เขยของเจ้า เจ้า…”
หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ลูกรู้เจ้าค่ะ ท่านย่าได้บอกลูกแล้ว ต่อไปลูกก็จะเป็นมารดาของรัฐ ต้องใจกว้าง ไม่ว่าเขาจะสู่ขอนางสนมกี่คนก็ไม่เป็นไร ขอเพียงในใจของเขามีลูกก็พอ”
เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกบีบแน่นในใจ มองตานาง แล้วกล่าวถามอย่างจริงจังว่า “เจ้าคิดเยี่ยงนี้จริงๆ หรือ จะไม่เสียใจภายหลังแน่หรือ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้าอย่างมั่นใจแล้วกล่าวว่า “ไม่เสียใจเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวถอนหายใจแรงๆ หนึ่งครั้ง ลูบศีรษะนางแล้วกล่าวว่า “ได้ เจ้ารีบกลับไปเย็บชุดแต่งงานของเจ้าเถิด อีกสามเดือน พวกเจ้าจัดงานแต่งงาน”
ดวงตาของหวงฝู่เย่าเย่ว์เป็นประกายขึ้นมาทันที ดูมีชีวิตชีวา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดีใจจนกลั้นไว้ไม่อยู่ว่า “ท่านแม่ จริงหรือเจ้าคะ อีกสามเดือน? ท่านและท่านพ่อยินยอมให้พวกข้าแต่งงานจริงๆ หรือ”
“แม่ไม่โกหกเจ้า รีบกลับไปเย็บชุดแต่งงานเถิด”
“เจ้าค่ะ” หวงฝู่เย่าเย่ว์วิ่งออกไปอย่างดีใจ
มองดูหลังของนางที่เต็มไปด้วยความสุข ในใจของหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวต่างหนักใจเป็นอย่างมาก