ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 127
เสียงของเมิ่งเชี่ยนโยวไม่ช้าไม่เร็ว ไม่หนักไม่เบา แต่เมื่อท่าป๋าหั่นหลินได้ยินกลับรู้สึกเหงื่อซึมไปทั่วหน้าผาก เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการที่เขาไม่ได้มาส่งสินสอดด้วยตนเองเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นนางคงไม่พูดจาพิลึกน่ากลัวเช่นนี้
เมิ่งเชี่ยนโยวยังคงพูดต่อ “สถานะฮ่องเต้รัฐอิงนั้นสูงศักดิ์ จวนอ๋องฉีของเราก็รู้ว่าสูงเกินใฝ่ หากท่านไม่ชอบพองานแต่งนี้ ย่อมบอกเราก่อนได้ ไม่ต้องรบกวนคนอื่น เราจะเป็นฝ่ายถอนงานแต่งครั้งนี้เอง แม้ต่อไปเย่ว์เอ๋อร์จะออกเรือนได้ยาก เราก็ไม่ถือโทษท่านหรอก”
ท้ายทอยของท่าป๋าหั่นหลินเหงื่อไหลพลั่ก คนใต้หล้าต่างรู้ดีว่าเขาเป็นคนตามตอแยเพื่อสู่ขอหวงฝู่เย่าเย่ว์ให้ได้เอง ตอนนี้ที่เมิ่งเชี่ยนโยวพูดเช่นนี้ คือกำลังจับผิดเขาอยู่ชัดๆ
ที่น่ากลัวว่านั้นคือเมิ่งเชี่ยนโยวยังคงพูดต่อว่า “ฮ่องเต้รัฐอิงมียศศักดิ์สูงส่ง จะต้องให้เรา…”
พลุบ! ท่าป๋าหั่นหลินคุกเข่าลงบนพื้น ขานเรียกอย่างไม่สนใจสถานะของตน “ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่าป๋าผิดเอง ท่าป๋าไม่ได้คิดให้รอบครอบ ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วยเถอะขอรับ”
หวงฝู่อี้เซวียนนั่งนิ่งไม่ขยับ เมิ่งเชี่ยนโยวแสร้งทำท่าทางตกอกตกใจ นางใช้มือแตะหน้าอกของตน พูดเสียงสูงว่า “ฮ่องเต้รัฐอิง ท่านทำอะไรกัน หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป เราจะถูกโทษตัดคอประหารชีวิตเอาเสียนะ หรือท่านคิดว่าเราขัดขวางงานแต่งของท่าน ก็เลยจะกำจัดพวกเราไปก่อน”
ท่าป๋าหั่นหลินกระอักกระอ่วนใจ เขาไม่เคยรู้ว่าแม่ยายคนนี้ของเขาจะมีฝีปากร้ายกาจเช่นนี้ หากรู้แต่แรกว่านางเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นนี้ ให้ตายอย่างไรเขาก็คงไม่กะป้ำกะเป๋อไม่มาส่งมอบสินสอดด้วยตนเองเช่นนี้หรอก
เขาทำอะไรไม่ได้ ได้แต่พูดยอมรับผิด “ท่านแม่ ใจเย็นๆ นะขอรับ ท่าป๋าผิดไปแล้ว ท่านจะตีจะลงโทษอย่างไรก็ได้ขอรับ”
เมิ่งเชี่ยนโยวเห็นว่าเขายอมขอโทษจากใจจริง ความโกรธในใจที่อดกลั้นไว้หลายวันจึงค่อยผ่อนคลายลง จากนั้นก็เหลือบมองหวงฝู่อี้เซวียน
หวงฝู่อี้เซวียนมองท่าป๋าหั่นหลิน น้ำเสียงนิ่งเรียบ ไม่มีความโกรธใดๆ แต่คำพูดที่พูดออกมากลับทำเอาเขาขนลุกขนชัน “ฮ่องเต้รัฐอิง แม้ผู้คนจะคิดว่าเย่ว์เอ๋อร์แต่งกับเจ้าเป็นสิ่งที่สูงเกินเอื้อม แต่สำหรับเราสองคนแล้ว เจ้าไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดของเย่ว์เอ๋อร์ แต่ว่าในเมื่อตอนนี้มาถึงขั้นคุยกันเรื่องงานแต่งแล้ว เราก็ควรมอบความจริงใจให้แก่กัน แต่เจ้ากลับแผลงฤทธิ์เดชตั้งแต่ก่อนแต่งงานเช่นนี้ เจ้าต้องการสื่อว่าอย่างไรกันแน่ หรือเจ้าคิดว่าอย่างไรเจ้าก็จะได้แต่งงานกับเย่ว์เอ๋อร์อยู่แล้ว เราทำอะไรเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว ต้องเชื่อฟังเจ้าอย่างเดียวอย่างนั้นหรือ”
ตอนนั้นท่าป๋าหั่นหลินคิดเช่นนั้นจริงๆ เขาจึงสั่งท่านแม่ทัพมาแทน แต่ตอนนี้เขาจะกล้ายอมรับได้อย่างไร เขาจึงพูดโกหกว่า “ท่านพ่อโปรดอภัยขอรับ เพราะว่ารัฐอิงเกิดเรื่องจริงๆ ขอรับ ท่าป๋าปลีกตัวไม่ได้ แต่หากมีเวลาจริงๆ ท่าป๋าจะมาด้วยตนเองขอรับ”
“หืม? แล้วตอนนี้ฮ่องเต้รัฐอิงมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร”
ก็เพราะพวกท่านคะยั้นคะยอไงเล่า ท่าป๋าคิดในใจ แต่ไม่กล้าพูดเช่นนี้ เขาได้แต่ยิ้มพูดว่า “หลังจากท่าป๋าจัดการเสร็จ ก็รีบมาทันทีขอรับ”
“อืม” หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น เราปรักปรำฮ่องเต้รัฐอิงเองสินะ ท่านรีบลุกขึ้นเถอะ”
ท่าป๋าหั่นจะกล้าลุกได้อย่างไร “ท่านพ่อ ท่านแม่ได้โปรดใจเย็นขอรับ ท่าป๋าผิดไปแล้ว โปรดลงโทษให้ท่าป๋าคุกเข่าเถอะขอรับ”
“บอกให้เจ้าลุกขึ้นก็ลุกขึ้นไงเล่า ทำไม หรือต้องการให้เราถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นอีก”
เมิ่งเชี่ยนโยวโมโห พูดอย่างไม่สบอารมณ์
ท่าป๋าหั่นหลินรีบลุกขึ้นยืนทันที
“นั่งเถอะ!”
หวงฝู่อี้เซวียนยังคงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงและราบเรียบ
ท่าป๋าหั่นหลินเหลือบมองทั้งสอง แล้วค่อยๆนั่งลงอย่างระมัดระวัง
ยังไม่ทันรอฟังเขาพูด เมิ่งเชี่ยนโยวก็สั่งเสียงดังออกไปว่า “ชิงหลวน ไปดูซิว่าพ่อบ้านตรวจนับสินสอดทั้งหมดเสร็จหรือยัง”
ชินหลวนขานรับ แล้วเดินออกไป ผ่านไปครู่หนึ่งก็กลับมา นางยืนรายงานอยู่หน้าประตูว่า “รายงานซื่อจื่อเฟยเจ้าค่ะ ตรวจนับเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองไปที่ท่าป๋าหั่นหลิน “ในเมื่อเรียบร้อยแล้ว สินสอดเราขอรับไว้ ฮ่องเต้รัฐอิงเชิญกลับเถอะ”
ท่าป๋าหั่นหลินปากอ้าๆ หุบๆ
“ทำไมหรือ ฮ่องเต้รัฐอิงมีอะไรจะพูดหรือ”
น้ำเสียงเมิ่งเชี่ยนโยวไม่เป็นมิตรนัก
ท่าป๋าหั่นหลินไหวตัวทัน รีบโบกมือ “ไม่ๆๆ ท่าป๋าแค่อยากจะบอกท่านพ่อท่านแม่ว่า พิธีราชาภิเษกสมรสของข้าและเย่ว์เอ๋อร์กำหนดไว้วันขึ้นหกค่ำเดือนสิบขอรับ”
งานมงคลสมรสของกษัตริย์แห่งรัฐนั้นไม่ใช่งานเล็ก การเลือกวันสมรสย่อมต้องผ่านการพิจารณาจากสำนักดาราศาสตร์เพื่อเลือกฤกษ์ที่ดีที่สุด เมิ่งเชี่ยนโยวจึงไม่ได้คัดค้าน นางพยักหน้าตอบว่า “ได้ ข้ารู้แล้ว”
ปฏิกิริยาของพวกเขาอยู่เหนือความคาดหมายของเขา ท่าป๋าหั่นหลินชะงักเล็กน้อย เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง
“มีธุระอื่นอีกหรือ” เมิ่งเชี่ยนโยวขมวดคิ้วถาม
ท่าป๋าหั่นหลินดึงสติกลับมา รีบลุกขึ้นยืน “ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้วขอรับ ท่าป๋าขอลาขอรับ”
“พ่อบ้าน ส่งแขก!”
ท่าป๋าหั่นหลินถูกส่งออกนอกจวน เขามองดูสินสอดที่กองพะเนินอยู่หน้าประตูจวน แล้วหันไปมองป้ายหน้าประตูจวนที่ส่องประกายวิบวับ จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็แล่นผ่าน ความคิดที่ว่าการที่ตนใช้วิธีสู่ขอหวงฝู่เย่าเย่ว์เพื่อจะทรมานนางนั้นเป็นวิธีที่ผิดมหันต์ เพราะไม่รู้ว่าอนาคตใครจะทรมานใครกันแน่
ท่าป๋าหั่นหลินมาอย่างรวดเร็ว และจากไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่โรงเตี๊ยมก็ไม่ได้กลับไป เขามุ่งตรงไปที่ประตูเมืองทันที
เมื่อท่าป๋าเลี่ยเห็นดังนั้น ก็สั่งลูกน้องกลับไปเก็บของที่โรงเตี๊ยม ส่วนตนเองก็รีบตามท่าป๋าหั่นหลินไป
คนทั้งขบวนกลับรัฐอิงอย่างทุลักทุเล
แม้จะได้โอกาสด่าว่าท่าป่าหั่นหลินไปยกใหญ่แล้ว หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยวก็ยังคงไม่สบายใจ การที่เขาไม่มามอบสินสอดด้วยตนเองนั้นหมายความว่าอย่างไร ทั้งสองรู้ดี ขนาดตอนนี้ท่าป๋าหั่นหลินก็กล้าทำเช่นนี้แล้ว ต่อไปหลังจากแต่งงาน… พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด
แต่ว่าแม้จะกังวลอย่างไร ก็ขัดขวางวันเวลาที่ผ่านไปทุกวันไม่ได้ เพียงพริบตาก็เข้าเดือนเก้าแล้ว
ช่วงระยะเวลานี้ นอกจากเมิ่งเชี่ยนโยวจะรีบจับจ่ายซื้อของสำหรับงานแต่งงานของหวงฝู่เย่าเย่ว์แล้ว ยังไปร้านยาเต๋อเหรินเพื่อซื้อสมุนไพรมากมายมาทำยาเม็ดกับหวงฝู่สือเมิ่ง และบรรจุใส่กล่องจนเต็ม จากนั้นก็นำไปที่ห้องของหวงฝู่เย่าเย่ว์ “เย่ว์เอ๋อร์ สรรพคุณของยาในขวดเหล่านี้ แม่เขียนติดไว้ให้หมดแล้วนะ หากเจ้ามีตรงไหนไม่สบาย จะได้นำมากิน ถ้ากินหมดแล้ว ก็ส่งข่าวมาให้แม่ แม่จะส่งคนส่งไปให้เจ้าทันทีนะ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์พยักหน้าอย่างยินดี “ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านแม่”
จากนั้นมือของเมิ่งเชี่ยนโยวก็วางลงบนหนึ่งในขวดที่ค่อนข้างใหญ่ขวดหนึ่ง “เย่ว์เอ๋อร์ ยาในขวดนี้ไม่เหมือนขวดอื่น หากเจ้ามีเรื่องอันตรายอะไร จงเปิดมันออก แล้วจะมีคนไปรับเจ้าเอง”
หวงฝู่เย่าเย่ว์ชะงัก “ท่านแม่ นี่คือ…”
“กันไว้ดีกว่าแก้ แม่หวังว่าเจ้าจะไม่ต้องใช้มันนะ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์รู้ดีว่าเมิ่งเชี่ยนโยวหมายถึงอะไร นางเม้มปาก และพูดอย่างจริงจังว่า “ท่านแม่ ไม่หรอกเจ้าค่ะ ท่านวางใจเถอะ”
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ได้พูดอะไร ยื่นมือไปลูบศีรษะนาง ความไม่สบายใจในใจกลับทวีความรุนแรงขึ้น
วันที่ยี่สิบเดือนเก้า ท่าป๋าหั่นหลินนำขบวนคนจำนวนหนึ่งพันนายมารับตัวเจ้าสาวอย่างใหญ่โต
หวงฝู่ซวิ่นก็ไม่ยอมน้อยหน้า ส่งเมิ่งชิงนำทหารจำนวนหนึ่งหมื่นนายส่งตัวเจ้าสาว
สินเดิมที่ถูกบรรทุกเต็มรถม้าจำนวนกว่าร้อยคันออกจากจวนอ๋องฉีคันแล้วคันเล่า ผู้คนในเมืองหลวงต่างตกใจอีกครั้ง แอบคิดในใจว่าทรัพย์สินในจวนอ๋องฉีแทบจะหมดบ้านเพื่อหลานสาวคนนี้คนเดียวแล้ว
หวงฝู่เฮ่าและหวงฝู่รุ่ยก็ส่งหวงฝู่เย่าเย่ว์ไปแต่งงานที่รัฐอิงด้วยตนเองในฐานะที่เป็นน้องชาย
ขบวนรับตัวเจ้าสาวและส่งตัวเจ้าสาวเดินออกจากเมืองไปอย่างยิ่งใหญ่ หน้าประตูจวนอ๋องฉีก็เงียบสงบลง
หวงฝู่อี้เซวียนคิดอะไรขึ้นได้ เขาขี่ม้าเร็วไปในวัง ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ถือกล่องใบหนึ่งออกมาส่งให้โจวอัน “ส่งสานส์ลับนี้ให้เมิ่งชิง ให้เขาส่งให้หลินจ้งเมื่อถึงพรมแดน”
โจวอันรับไว้ ขี่ม้าตามเมิ่งชิงไปทันที แล้วส่งสานส์ลับให้เขาและนำคำพูดของหวงฝู่อี้เซวียนบอกเขา
ขึ้นสองค่ำเดือนสิบ ขบวนส่งตัวเจ้าสาวมาถึงพรมแดน หลินจ้งนำทหารพรมแดนมาต้อนรับ เมิ่งชิงส่งสานส์ลับให้เขา บอกว่า “นี่คือสานส์ลับจากฝ่าบาท หลังจากเจ้ากลับจวนไปแล้วค่อยดู”
หลังจากออกจากพรมแดน และเข้าไปในเขตรัฐอิง ตลอดทางที่เดินผ่าน ไม่มีประชาชนรัฐอิงคนไหนไม่ออกมาต้อนรับ หวงฝู่เย่าเย่ว์แอบเปิดม่าน เห็นทุกอย่างตรงหน้าแล้วก็รู้สึกทั้งตื่นเต้นและดีใจ
ขึ้นสี่ค่ำเดือนสิบ มาถึงวังหลวงของรัฐอิง ทุกคนรวมถึงหวงฝู่เย่าเย่ว์ต่างถูกจัดแจงให้พักในโรงเตี๊ยมพักม้า
ปกติแล้ว โรงเตี๊ยมพักม้าไว้สำหรับรับรองทูตจากต่างรัฐ
เมิ่งชิงเคืองใจนัก
หวงฝู่เฮ่าและหวงฝู่รุ่ยก็มีสีหน้าเคร่งขรึม จะให้พวกเขาพักในโรงเตี๊ยมพักม้าได้ แต่หวงฝู่เย่าเย่ว์เป็นว่าที่ฮองเฮา อย่างไรก็ควรจะจัดให้พักตำหนักในวังหรือเปล่า อย่างน้อยตอนแต่งงานก็ไม่ควรออกเรือนจากโรงเตี๊ยมพักม้า
หวงฝู่เย่าเย่ว์เห็นว่าพวกเขาไม่พอใจ ก็ยิ้มกล่อมว่า “น้องเฮ่า น้องเล็ก พวกเจ้าอย่าใส่ใจมากเลย รัฐอิงอาจจะมีประเพณีไม่เหมือนรัฐอู่ของเรา ขอแค่ได้แต่งงานกับท่าป๋าหั่นหลิน จะออกจากเรือนไหนก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ”
ขึ้นห้าค่ำเดือนสิบ ทุกคนนอนพักในโรงเตี๊ยมพักม้าหนึ่งวัน ท่าป๋าหั่นหลินไม่ได้ส่งใครมาเลย ทำให้เมิ่งชิงและคนอื่นๆ ยิ่งไม่พอใจ
ขึ้นหกค่ำเดือนสิบ เพิ่งเลยเวลาเที่ยงคืน เหล่านางในและมอมอกลุ่มหนึ่งก็เข้าไปในโรงเตี๊ยมพักม้า แล้วเริ่มลงมืออาบน้ำแต่งตัวให้หวงฝู่เย่าเย่ว์โดยไม่พูดไม่จา ใช้เวลากว่าสองชั่วยามกว่าจะเสร็จเรียบร้อย
หวงฝู่เย่าเย่ว์เพิ่งจะได้พักถอนหายใจ ก็มีคนตะโกนเสียงดังจากข้างนอกโรงเตี๊ยมพักม้าว่า “ได้เวลา”
จากนั้นเสียงกลองก็ดังขึ้น นางในและขันทีกลุ่มใหญ่หลั่งไหลเข้ามา ยืนแยกเป็นสองฝั่ง เกี้ยวประดับหงส์คันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยมพักม้า
หัวหน้าขันทีตะโกนเสียงดัง “ได้เวลาแล้ว เชิญฮองเฮาขึ้นเกี้ยวพ่ะย่ะค่ะ”
หวงฝู่รุ่ยแบกหวงฝู่เย่าเย่ว์ออกมาจากในห้อง วางนางลงในเกี้ยว แล้วปล่อยม่านเกี้ยวลง
เสียงแหลมสูงของหัวหน้าขันทีดังขึ้น “แบกเกี้ยว”
คนแบกเกี้ยวทั้งสิบหกนายแบกเกี้ยวเจ้าสาวพาดไหล่เดินมุ่งไปวังหลวงอย่างมั่นคง เหล่านางในและขันทีเดินตามข้างหลังไปติดๆ
สาวใช้สี่คนที่ตามมาส่งตัวเจ้าสาวเดินขนาบอยู่ทั้งสองข้างของเกี้ยว ส่วนเมิ่งชิง หวงฝู่เฮ่า และหวงฝู่รุ่ยเดินตามข้างหลังนางในและขันที
เมื่อมาถึงวังหลวง ประตูวังเปิดออก แต่ไม่เห็นท่าป่าหั่นหลิน เกี้ยวประดับหงส์ถูกยกเข้าไปทันที
เมิ่งชิงและคนอื่นๆ คิดจะตามเข้าไป แต่ถูกทหารองครักษ์พกอาวุธดักไว้ “ช้าก่อนทุกท่าน ฝ่าบาทมีคำสั่งห้ามพวกเจ้าเข้าไป”
เมิ่งชิงเบิกตาโตด้วยความโมโห ถามว่า “พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร”
สีหน้าทหารองครักษ์ไม่สบอารมณ์ และตอบอย่างไปทีว่า “นี่คือคำสั่งของฝ่าบาท ข้าก็แค่ทำตาม ส่วนเรื่องอื่นข้าไม่อาจบอกเล่าได้”
“เจ้า…” เมิ่งชิงโมโห
“ท่านน้า เรากลับไปโรงเตี๊ยมพักม้าก่อนเถอะ” หวงฝู่รุ่ยห้ามเขาไว้
เมิ่งชิงระงับอารมณ์โกรธของตนไว้ หันหลังไปอย่างไม่พอใจ พูดพึมพำว่า “เจ้าคิดว่าคนหมื่นนายของเรามาเป็นคนรับใช้หรือไง”
ทหารองครักษ์ หึ อย่างไม่สบอารมณ์ มือที่จับมีดเล่มใหญ่อยู่ก็ปล่อยออก ยังดีที่พูดรู้เรื่อง ไม่เช่นนั้นวันนี้จะทำให้พวกเขารู้ไปเลยว่าที่นี่คือถิ่นของใคร