ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 25 จะให้เจ้าแก้ตัวได้อย่างไร
- Home
- ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]
- ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 25 จะให้เจ้าแก้ตัวได้อย่างไร
เถ้าแก่ชะงักเล็กน้อย หันไปทางที่นางชี้ มองกระเป๋าเงินที่พวกพ้องนำมาจากห้องที่หวงฝู่เย่าเย่ว์เคยนอน หลังจากที่นางถูกส่งตัวไปแล้ว
ตอนนั้นสิ่งที่นำมาได้ยังมีห่อผ้า ในห่อยังมีเสื้อผ้าของเด็กผู้ชายอยู่ เขามอบเป็นรางวัลให้พวกพ้องไปแล้ว แต่ในส่วนของกระเป๋าเงินเขาโยนทิ้งไปบนชั้นหลังโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกหวงฝู่สือเมิ่งพบเข้า เขารีบปั้นยิ้ม ร่างกายขยับเล็กน้อย บังกระเป๋าเอาไว้ ยิ้มพูดว่า “นี่เป็นกระเป๋าที่หลานสาวตัวแสบของข้าแอบขโมยมาตอนผู้ใหญ่เผลอน่ะ”
พูดจบ ก็ยื่นมือิกมา รีบหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาใส่ไว้ในแขนเสื้อของตน
กระเป๋าเงินนั่นเป็นของหวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่ผิดแน่ หวงฝู่สือเมิ่งจำได้แม่น เพราะนางเองก็มีเหมือนกัน แต่เถ้าแก่กลับโกหก หวงฝู่สือเมิ่งไม่ลังเลอีกต่อไป โบกมือ สั่งองครักษ์ด้านหลังว่า “เอาตัวมันมา!”
องครักษ์ฟังคำสั่ง สองนายเดินเข้ามา กดเถ้าแก่ลงอย่างง่ายดาย
แขกเหรื่อชั้นหนึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้มองมาด้วยความตกใจ
เถ้าแก่ลนลาน ตะโกนเรียกให้คนช่วย “พวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน จะทำอะไร”
คนงานเห็นดังนั้น ก็รีบวิ่งไปด้านหลังโรงเตี๊ยมทันที
ไม่นาน ชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำก็เดินถืออาวุธออกมาจากด้านหลัง เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ก็รีบพุ่งเข้ามาทันที
องครักษ์ลับที่เหลือประกบเข้ามา
ชายฉกรรจ์ไม่ได้ลงมือ ร้องเรียกเถ้าแก่ มองเขา ใช้สายตาถามว่าจะต้องลงมือหรือไม่
คนของตนมาแล้ว เถ้าแก่มีคนหนุนหลัง ใช้สายตาบอกพวกนั้นว่าอย่าเพิ่งลงมือ แต่ใช่น้ำเสียงตะคอกว่า “แม่นาง เช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน”
“เอาของในแขนเสื้อของเขามา!” หวงฝู่สือเมิ่งสั่ง
องครักษ์ลับนายหนึ่งทำตาม หยิบกระเป๋าเงินออกมาจากแขนเสื้อ มอบให้หวงฝู่สือเมิ่ง
หวงฝูสือเมิ่งหยิบขึ้นมา ยื่นมาตรงหน้าเถ้าแก่ น้ำเสียงดุร้ายว่า “ข้าถามว่ากระเป๋าเงินนี่ได้มาจากที่ใด”
เถ้าแก่ยังคงเฉไฉ “ข้าบอกแล้วมิใช่หรือ ว่าหลานสาวของข้า…”
ไม่รอให้เขาพูดจบ หวงฝู่สือเมิ่งแกะกระเป๋าเงินของตนออกมา วางไว้บนโต๊ะ
เถ้าแก่มองกระเป๋าที่เหมือนกันอย่างกับแกะ เริ่มหดตัว ไม่กล้าพูดโกหกต่อไป
ชายฉกรรจ์หลายนายก็อึ้งไป เบิกตาโพลง เม็ดเหงื่อผุดออกมา
หวงฝู่เฮ่าเห็นดังนั้น จึงได้เข้ามากระชากคอเสื้อของเถ้าแก่ ถามด้วยความโกรธว่า “เย่ว์เอ๋อร์อยู่ที่ใด”
เถ้าแก่หลบสายตา ดวงตากลอกไปมา เผยแววตาหวาดกลัว แก้ตัวว่า “ท่านทั้งหลายอภัยให้ด้วย กระเป๋านี้ข้าน้อยเก็บได้เมื่อตอนไปทำธุระด้านนอกหลายวันก่อน ด้านในมีเงินจำนวนหนึ่ง ข้าน้อยเกิดโลภจึงได้เก็บเงินเอาไว้ เมื่อครู่เกรงว่าพวกท่านจะเอาไป จึงได้โกหกขอรับ”
คำแก้ตัวนี้ไม่มีที่ติ แขกเหรื่อในชั้นหนึ่งต่างเชื่อกันสิ้น แต่หวงฝู่สือเมิ่งกลับไม่เชื่อ ตนโตมากับหวงฝู่เย่าเย่ว์ นางเป็นคนนิสัยใจคออย่างไรตนรู้ดี ของที่อยู่บนตัวนาง อย่าว่าแต่กระเป๋าเงินเลย เพราะแม้แต้เส้นด้ายก็ไม่มีทางร่วงหล่นลงมาได้
เมื่อได้ยินดังนั้น ก็เผยรอยยิ้มเลือดเย็น เผยความรู้สึกน่าเกรงขามออกมา เถ้าแก่และชายฉกรรจ์รับรู้ได้ถึงความตายที่คลืบคลานใกล้เข้ามา “เถ้าแก่ หากเจ้าพูดความจริง ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่หากเจ้ายังกล้าโกหกอีก ข้าจะบดโรงเตี๊ยมเจ้าให้ราบเลยทีเดียว”
แม้นางจะอายุน้อย แต่น่าเกรงขามนัก ใจของเถ้าแก่สั่นเล็กน้อย รู้ตัวแล้วว่าครานี้ตนได้สร้างเรื่องใหญ่เอาไว้ ดีไม่ดีอาจจะไม่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้เลยทีเดียว แต่ว่าเด็กตัวดำนั่นถูกตนส่งไปชิงเฟิงโหลวตั้งนานแล้ว เวลานานเพียงนี้ก็คงถูกบังคับให้รับลูกค้าแล้วเป็นแน่ หากให้เด็กตรงหน้ารู้เข้า ชีวิตของเขาก็คงรักษาเอาไว้ไม่ได้เช่นกัน จึงกัดฟัน ยืนหยัดในคำพูดของตน ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ปริปาก
หวงฝู่สือเมิ่งจ้องเขา อดไม่ได้ที่จะใช้ดาบแทงตัวเขาให้ทะลุ แต่ก็ทำไม่ได้ ยังหาเย่ว์เอ๋อร์ไม่พบ นางทำเช่นนี้ไม่ได้ จึงได้สูดหายใจเข้าลึกๆ บรรยากาศรอบตัวน่ากลัวยิ่งขึ้น สั่งว่า “ปิดเมืองชิงหยางทันที ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าออก และไปส่งข่าวให้ท่านปู่และท่านพ่อท่านแม่ ว่าพบร่องรอยของเย่ว์เอ๋อร์แล้ว”
องคงรักษ์ลับนายหนึ่งตอบรับ หันหลังเดินออกไป
แต่แขกในโรงเตี๊ยมไม่ยอมเช่นนั้น ส่วนใหญ่พวกเขาเป็นพ่อค้า หากวันนี้เมืองชิงหยางถูกปิด พวกเขาออกไปไม่ได้ หากเกิดผลเสียกับธุรกิจจะทำเช่นไร อารมณ์ของคนทุกผู้พุ่งสูงขึ้น ยืนขึ้น เข้ามาโวยวายกับหวงฝู่สือเมิ่ง
หวงฝู่เฮ่าปล่อยมือจากเถ้าแก่ หันมา มองผู้คนที่โวยวายไม่หยุด ใบหน้าน้อยๆ ขรึมขึ้น เดินเข้าไปช้าๆ ภายใต้สายตาประหลาดใจของผู้คน หยิบดาบสั้นขึ้นมาจากเอว ใช้ดาบฟังโต๊ะจนขาดเป็นสองท่อนในคราวเดียว ตาแดงก่ำ เต็มไปด้วยอารมณ์ร้าย “หากผู้ใดยังกล้าโวยวายvud ก็จะมีจุดจบเช่นนี้”
ผู้คนถูกอารมณ์ของเขาสยบเอาไว้ เสียงเงียบลงทันที ร่างกายถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว
หวงฝู่เฮ่ากวาดตามองผู้คน จากนั้นพูดว่า “ข้าไม่อยากจะให้พวกเจ้าเดือดร้อน พวกเจ้าจงอยู่อย่างสงบ ส่วนความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในสองสามวันนี้ รอพวกเราพบคนที่ต้องการแล้วจะชดใช้ให้”
ดูชุดที่พวกเขาใส่ ดูเหล่าองครักษ์ที่ติดตามมา แล้วคิดถึงที่หวงฝู่สือเมิ่งสั่งองครักษ์เมื่อครู่ ผู้คนก็รู้ได้ว่า เด็กสองคนตรงหน้านี้เป็นลูกของผู้มีอิทธิพล หากตนไม่ระวังปาก น่ากลัวว่าจะเจอปัญหาเอาได้ อย่างไรก็เป็นคนที่ทำการค้าต่างเมืองมากมาย จึงฉุกคิด ชั่งน้ำหนักคุณและโทษแล้ว จึงไม่มีใครพูดอะไรอีก
แต่เถ้าแก่และพรรคพวกตกใจมาก หากว่าไปสร้างเรื่องให้คนมีอำนาจเข้า อย่างนั้นพวกเขาคงตายอย่างอนาถเป็นแน่ เมื่อเกิดความคิดเช่นนี้ มองตากัน ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งลงมือกับองครักษ์ตรงหน้าทันที
ร่างของเถ้าแก่ก็ขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้ความเร็วดั่งสายฟ้าลงมือกับองครักษ์ ในขณะที่เขากำลังหลบหลีกอยู่นั้นร่างใหญ่ปรากฎขึ้น มือใหญ่คว้าคอของหวงฝู่สือเมิ่งเอาไว้ เป้าหมายชัดเจน ก็เพื่อจะควบคุมตัวนาง ใช้โอกาสนี้รักษาชีวิตตัวเองเอาไว้
แต่น่าเสียดาย ความหวังของเขานั้นสวยงาม เพียงแต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอกับผู้ที่มีวิชาต่อสู้แกร่งกล้าเข้า จุดจบของเขาจะต้องอนาถมากเป็นแน่ ผู้คนได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องดังสนั่น จากนั้นร่างของเถ้าแก่ก็ปรากฎและร่วงลงบนโต๊ะเก็บเงินอย่างแรง กุมมือที่เต็มไปด้วยเลือดสดของตนเอง
ปลายดาบของหวงฝู่เฮ่ายังคงมีเลือดสดหยดลงมาบนพื้นที่ละหยดๆ บาดลึกเข้าไปในใจของผู้คนตรงนั้น ความกลัวในใจของพวกเขาเพิ่มขึ้นไม่น้อย ไม่กล้าส่งเสียงยิ่งกว่าเดิม
แต่หวงฝู่เฮ่ากลับมองเถ้าแก่ที่นอนเจ็บปวดอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าไม่มีแม้ความรู้สึกใด
เหล่าชายฉกรรจ์พวกนั้นถูกเสียงของเถ้าแก่ทำให้ตกใจอยู่นาน สติทั้งหมดถูกองครักษ์ทำลายจนสิ้น
“เอายาให้มันกิน อย่าเพิ่งให้ตาย” หวงฝู่สือเมิ่งสั่ง
องครักษ์นายหนึ่งเดินเข้ามากดจุดของเถ้าแก่ หยิบยาหยุดเลือดออกจากเขนเสื้อ ราดไปบนแผลของเขา ห้ามเลือดไว้แล้ว แต่เหงื่อบนใบหน้าของเถ้าแก่กลับไหลออกมามากกว่าเดิม แทบจะลมจับไป
องครักษ์ออกคำสั่ง พลทหารสองร้อยนายได้รับคำสั่งแล้ว ก็ได้ล้อมหมู่บ้านชิงเหอเอาไว้ อนุญาตให้เข้า แต่ไม่ให้ออก
ข่าวคราวนี้แพร่ออกไปทั้งหมู่บ้านชิงเหอ กระทั่งแม่เล้าแห่งชิงเฟิงโหลวเองก็ได้ยินข่าวนี้ สติแตกไปชั่วขณะ คนที่มาซื้อบริการที่ชิงเฟิงโหลวของนางส่วนใหญ่จะเป็นคนต่างเมืองทั้งสิ้น ซึ่งก็หมายความว่าชายผู้มีความชอบแปลกๆ เอาเงินมาให้ถึงที่ แต่บัดนี้เมืองถูกปิดแล้ว พวกคนรวยเหล่านั้นจะเข้ามาได้อย่างไร แล้วนางจะทำเงินได้อย่างไร เมื่อคิดถึงตรงนี้ จึงได้สั่งคนว่า “ไปสืบมา ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
มีคนตอบรับ เดินออกไปสืบ
ครึ่งชั่วยามผ่านไป ก็ได้เดินคอตกเข้ามา สืบเรื่องราวใดไม่ได้เลย
แม่เล้าร้อนใจเสียจนอยู่ไม่เป็นสุข การที่ชิงเฟิงโหลวของนางสามารถตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ นี้ได้ ไม่ใช่อยู่ในที่ที่ผู้คนพลุกพล่าน ก็เพราะว่าไม่ต้องการให้ได้รับความสนใจจากคนที่ไม่ต้องการ แต่ครานี้ กลับถูกทหารล้อมเมืองเอาไว้ หากเรื่องชิงเฟิงโหลวของตนถูกเปิดเผยต่อหน้าคนอื่น จุดจบ…แม่เล้าไม่กล้าคิด และไม่ยอมคิดต่อไป หันหลังไปยังหลังเรือน สั่งชายฉกรรจ์หน้าตาน่าเกลียด “เจ้า ไปสืบมาว่าหมู่บ้านชิงหยางถูกล้อมเอาไว้ด้วยเหตุใด”
ชายฉกรรจ์ตอบรับ เปิดประตูออกไป
องครักษ์ควบม้าด้วยความรวดเร็ว เมื่อนำข่าวส่งต่อให้ฉู่เหวินเจี๋ยแล้ว ฉู่เหวินเจี๋ยและเมิ่งชิงต่างดีใจ เมิ่งชิงยืนขึ้น กล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ข้าจะนำคนไปดู ท่านรออยู่ที่นี่เพื่อสั่งการ”
ไม่รู้ว่ารัฐอิงจะโจมตีเข้ามาเมื่อใด หากไปทั้งสองคน ค่ายทหารก็ไม่มีใครคอยสั่งการ ฉู่เหวินเจี๋ยจึงพยักหน้า สั่งว่า “ระวังด้วย หากจำเป็นก็จงใช้วิธีพิเศษ”
เมิ่งชิงตอบรับ เดินก้าวเท้ายาวออกไป ควบม้าเร็ว ไปยังเมืองชิงหยาง
โรงเตี๊ยมยังคงมีหน้าตาเช่นเดิม แขกเหรื่อที่มาพักนั่งลงอยู่กลางโถงด้วยใจหวาดกลัวไม่กล้าพูดจา เถ้าแก่ทนพิษบาดแผลต่อไปไม่ไหว เจ็บจนสลบไปในที่สุด
เขาไม่ยอมพูดว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์ไปอยู่ที่ใด ใจของหวงฝู่สือเมิ่งบ้าคลั่ง ให้คนปลุกเขาให้ตื่น ถลึงตาที่ลุกโชนไปด้วยไฟโกรธ จ้องมองเขาตาไม่กระพริบ
หวงฝู่เฮ่าเองก็มองด้วยสายตาโกรธแค้น
ใจของเถ้าแก่สั่นเป็นระยะ รู้ตัวว่าครานี้ได้หาเรื่องผู้มีอำนาจเข้าแล้ว ในใจคิดว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะไม่พูดเรื่องหวงฝู่เย่าเย่ว์เด็ดขาด
เมื่อเมิ่งชิงมาถึง เห็นสภาพตรงหน้าเช่นนี้
“ท่านน้าชิงเจ้าคะ” เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา หวงฝู่สือเมิ่งสลัดความน่ากลัวออกไป ร้องเรียกเขาอย่างอ้อนวอน หยิบกระเป๋าสองใบให้เขาดู “นี่เป็นกระเป๋าของเย่ว์เอ๋อร์เจ้าค่ะ”
เขาทำหน้าที่เป็นทหารมาหลายปี บนร่างจะต้องมีความน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย ทำให้ความกลัวในใจของเถ้าแก่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถอยหลังหลายก้าวอย่างควบคุมไม่ได้ หลังประชิดติดกับตู้สุราด้านหลัง
เมิ่งชิงเปิดปาก พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ ไร้ซึ่งอารมณ์ แต่กลับทำให้คนในโรงเตี๊ยมได้ยินแล้วรู้สึกเสียวสันหลังวาบ รู้สึกได้ถึงความดุร้าย “ว่ามา คนของข้าอยู่ที่ใด”