ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 66 ความดีความชอบที่ถูกมองข้าม
- Home
- ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]
- ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 66 ความดีความชอบที่ถูกมองข้าม
คำพูดของเขาทำให้ผู้คนที่มายืนดูเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ
บ้างก็แปลกใจ บ้างก็เสียดาย บ้างก็ไม่เข้าใจ เยียลี่ว์อาเป่าเป็นถึงไท่จื่อแห่งรัฐหมิง ขนาดฐานะสูงศักดิ์เช่นนี้ยังเข้าจวนแห่งนี้ไม่ได้เลย
เยียลี่ว์อาเป่าได้ยินคำพูดของท่านอ๋องฉีแล้ว ก็มึนไปตามๆ กัน ได้แต่มองท่านอ๋องฉีอย่างพูดไม่ออก
ท่านอ๋องฉีมองไปที่เหล่าผู้คนที่มาดู แล้วสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่รับแขก!”
พูดจบ ก็หันหลังเดินกลับไป
แต่พอพระชายาฉีได้เห็นหน้าตาของเยียลี่ว์อาเป่าแล้ว ดันพอใจเป็นอย่างมาก แต่เสียดายที่รัฐหมิงห่างจากที่นี่ไกลแสนไกล ต่อให้จะมีใบหน้าฟ้าประทานที่งดงามเสียเพียงใด จวนอ๋องฉีแห่งนี้ก็ไม่มีทางเห็นด้วยที่จะให้เมิ่งเอ๋อร์แต่งงานกับเขาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เวลาพูดยังต้องมีผู้แปลภาษามาคอยแปล ยุ่งยากเหลือเกิน เวลาจะพูดอะไร พอคิดถึงตอนที่จะต้องให้คนมาคอยแปลให้ ก็ไม่อยากพูดแล้ว เลยหันหลังเดินกลับไปกับท่านอ๋องฉี
เมื่อเห็นทั้งสองคนไม่ได้ต้อนรับเขาเหมือนอย่างที่คิดไว้ เยียลี่ว์อาเป่าก็ร้อนใจ หลุดพูดออกมาว่า “ข้าอยากเจอท่านหญิงน้อย อยากถามความเห็นของนางก่อนขอรับ”
ท่านอ๋องฉีเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ได้ยินดังนั้นก็หันกลับมาถามด้วยความโกรธว่า “ท่านอยากเจอเมิ่งเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ”
เยียลี่ว์อาเป่าพยักหน้าอย่างไม่ลังเลว่า “ข้าอยากถามความเห็นของนางด้วยตนเอง ว่านาง… …”
แล้วก็มีมือเข้ามาจับที่คอเสื้อของเขา ดึงเขาเข้ามาอย่างไม่เกรงใจ หลังจากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นว่า “ปิดประตู!”
ทุกคนตกใจ ชะงักไปตามๆ กัน
ส่วนนายประตูได้ยินคำพูดของท่านอ๋องฉีแล้ว ก็รีบปิดประตูโดยทันที
เมื่อเห็นท่านอ๋องฉีโกรธขนาดนี้ พระชายาฉีก็ใจไม่ดี อย่างไรเสียเจ้าเยียลี่ว์อาเป่าคนนี้ก็เป็นถึงทูตมาสานไมตรีกับรัฐอู่ของเรา ถ้าหากว่าโดนท่านอ๋องฉีต่อยกลับไป จะทำให้สองรัฐนี้บาดหมางกันอย่างแน่นอน
หวงฝู่อี้เซวียนเม้มปาก ในใจคิดเข้าข้างท่านอ๋องฉี ตอนเขาอยู่รัฐหมิง ก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับเจ้านี่อยู่แล้ว แต่ติดตรงฐานะ เลยมิอาจทำอะไรเขาได้ ตอนนี้พอดีเลย มีคนจัดการแทนแล้ว
เมิ่งเชี่ยนโยวที่ไม่ได้ต่อต้านแต่ก็ไม่ได้สนับสนุนเรื่องนี้นัก แต่เห็นว่าท่านอ๋องฉีโมโหถึงเพียงนี้ ก็กลัวว่าเขาจะทำร้ายเยียลี่ว์อาเป่า แล้วจะทำให้ฮ่องเต้ขายหน้าต่อรัฐหมิง จึงเดินตามกลับเข้าไปในจวนด้วยอีกคน
แต่หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือมาห้ามนางเอาไว้ “เสด็จพ่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่จำเป็นที่จะต้องให้พวกเราเข้าไปยุ่งหรอก”
เมิ่งเชี่ยนโยวเงยหน้าขึ้น เห็นริมฝีปากที่ยกขึ้นของเขา ก็เข้าใจโดยทันที จึงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เยียลี่ว์เป็น… …”
“ถ้าหากว่าเขาไม่ได้อยู่ในฐานะนี้ล่ะก็ เจ้าคิดว่าเขาจะรอดกลับไปหรือไม่เล่า พวกเราช่วยเขาไว้ เขาไม่รู้จักจะสำนึกบุญคุณ แล้วยังจะบังอาจเอื้อมมาแตะต้องลูกสาวของพวกเราอีก ก็สมควร” ตอนที่พูดสองคำสุดท้าย เมิ่งเชี่ยนโยวเหมือนจะได้ยินเสียงกัดฟันของเขา
ประตูใหญ่ปิดลง นอกจากท่านอ๋องฉีกับพระชายาฉีและเยียลี่ว์อาเป่า คนที่เหลือก็โดนกันเอาไว้ด้านนอกหมด
เรื่องราวเกิดขึ้นเร็วมาก กว่าคนของเยียลี่ว์อาเป่าจะรู้สึกตัว เยียอี่ว์อาเป่าก็โดนท่านอ๋องฉีกระชากเข้าไปแล้ว ทุกคนก็ตกใจ วางของในมือลง จะบุกเข้าไปในจวนอ๋องฉีเดี๋ยวนั้น
แต่หวงฝู่อี้เซวียนเดินเข้ามาขวาง “พวกเจ้ากำลังจะบุกเข้าไปอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ ไม่ใช่ขอรับ ซื่อจื่อ พวกเรา ไท่จื่อของพวกเรา เขา… …” ทูตก็หน้าซีด ชี้ไปที่ประตู พูดออกมาไม่เป็นภาษา
“ไม่ต้องห่วง เสด็จพ่อของข้าเพียงแต่จะพูดคุยกับเขาเท่านั้น ไม่ทำอะไรเขาหรอก” หวงฝู่อี้เซวียนพูดน้ำเสียงปกติ
เขาก็พูดไปเรื่อย เพราะว่าทูตคนนั้นได้ยินเสียงร้องออกมาจากในจวนต่างหากเล่า อีกทั้งยังมีเสียงของพระชายาฉีที่ไม่รู้จะห้ามความโกรธของท่านอ๋องฉีได้อย่างไร “ท่านพี่ ท่านอย่าต่อยหน้าเขาเลย ถ้าใครเห็นเข้า จะหาว่าท่านไม่รู้มารยาททำร้ายเขาผู้มีศักดิ์สูงกว่านะเจ้าคะ”
ทูตก็ได้แต่ถอนหายใจ เหงื่อไหลจนเปียกชุ่มหน้าผาก ไท่จื่อเยียลี่ว์เป็นบุตรของฮองเฮา เป็นไท่จื่อโดยชอบธรรม ฉลาดหลักแหลม รูปโฉมงดงาม นิสัยอบอุ่น ไม่หยิ่งผยอง ไม่เคยเอาฐานะไท่จื่อของตนข่มเหงผู้อื่น จึงเป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้ ถ้าหากว่าโดนท่านอ๋องฉีทำร้ายบาดเจ็บกลับไปล่ะก็ เขาต้องโดนฮ่องเต้รัฐหมิงตัดคอเป็นแน่
คิดได้เช่นนั้น ก็ขนหัวลุก จึงโบกมือ ออกคำสั่ง “บุกเข้าไป ช่วยไท่จื่อ!”
ทุกคนตอบรับ แล้วกรูกันบุกเข้ามา
หวงฝู่อี้เซวียนเข้าใจโดยทันทีว่าพวกเขาจะทำอะไร ก็ยิ้มเล็กน้อย แล้วโบกมือให้โจวอันเอาคนมากันหน้าไว้
“จัดการพวกเขา ใครที่กล้าเข้ามา ตีให้สลบแล้วโยนทิ้งไปเสีย!”
โจวอันตอบรับ
ทูตตกใจเป็นอย่างมาก อยากจะห้ามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว คนของตนบุกเข้าไปแล้ว
ผู้คนที่มาดูก็งงไปตามๆ กัน ไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลายถึงเพียงนี้ ในชั่วพริบตาเดียว ผู้คนที่มายืนมุงดู ก็ชะงักไปตามๆ กัน
คนของรัฐหมิงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ใจคิดแต่จะช่วยคนของเขาออกมา จึงบุกเข้าไปสุดกำลัง โจวอันก็นำทหารองครักษ์มากันเอาไว้ ไม่ทันไร ก็เกิดการต่อสู้กัน
หวงฝู่อี้เซวียนกลัวเมิ่งเชี่ยนโยวโดนลูกหลง เลยดึงนางมาหลบด้านหลังของตนเอา แล้วยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่รู้สึกรู้สา
คนที่จะมาติดตามเยียลี่ว์อาเป่าได้ ก็ต้องมีฝีมือไม่ธรรมดาเช่นกัน ใจที่คิดแต่จะช่วยเจ้านายนั้น เลยทำให้ต่อสู้กับพวกของโจวอันอย่างไม่ออมมือเหมือนกัน
โจวอันกับทหารองครักษ์เห็นดังนั้นก็ไม่ออมมือเช่นเดียวกัน
หวงฝู่อี้เซวียนหรี่ตามอง
นอกประตูเป็นเสียงสู้กัน แต่ด้านในกลับเป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว
หลังจากที่ท่านอ๋องฉีกระชากตัวเยียลี่ว์อาเป่าเข้ามา ก็ลากเขามาที่ลานกว้างของจวน ปล่อยออกแล้วพูดว่า “เจ้าอย่าหาว่าข้ารังแกเจ้า เรามาสู้กัน เจ้ามีเท่าไรเอาออกมาให้หมด ถ้าหากเจ้าชนะ ค่อยว่ากัน”
เยียลี่ว์ผู้น่าสงสาร ไม่มีคนแปลให้ฟัง ไม่รู้ว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่ ได้แต่มองเขาด้วยดวงตาใสซื่อ เลยลองใช้ภาษามือเพื่อสื่อสารกับเขา
ท่าทางของเขา ทำให้ท่านอ๋องฉีโกรธถึงขีดสุดอย่างสมบูรณ์ ขนาดภาษารัฐอู่ยังพูดไม่ได้เลยสักนิด ยังมีหน้ามาสู่ขออีก ไม่รู้จักเจียมเอาเสียเลย ก็ไม่พูดมาก เลยกำหมัดชกเข้าที่หน้าของเจ้าเยียลี่ว์อาเป่าหมัดแรกเป็นการทักทาย
เยียลี่ว์อาเป่ารู้สึกได้ถึงอันตราย กำลังจะหลบ แต่น่าเสียดาย สายไปเสียแล้ว กำปั้นนั้นประทับลงที่หน้าของเขาเสียแล้ว
เสียงร้องเรียกของพระชายาฉีก็ดังตามมาติดๆ นางรู้ว่าตอนนี้ท่านอ๋องกำลังโมโหถึงขีดสุด จะห้ามให้เขาหยุดนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่โบราณว่าเวลาต่อยกันห้ามต่อยหน้า เขาทักทายเยียลี่ว์เช่นนี้ ก็เหมือนกำลังจะบอกกับคนทั่วหล้าว่า เขาผู้เป็นท่านอ๋องได้ชกหน้าคนที่มาสู่ขอหลานสาวของเขาไปแล้ว แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าแพร่ออกไปไม่ดีแน่ เลยมีเสียงที่ทูตคนนั้นได้ยินดังขึ้นมา ว่านางกำลังโน้มน้าวท่านอ๋องฉีว่า ท่านชกที่อื่นเถิด
แต่เยียลี่ว์อาเป่าผู้น่าสงสาร มาสู่ขอคู่ครองอย่างเบิกบานใจ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะโดนชกเช่นนี้ และที่น่าสงสารที่สุด แม้จะโดนชกจนเขียวช้ำไปทั้งตัว ก็ยังไม่รู้ว่าโดนชกเพราะอะไร
เยียลี่ว์อาเป่าไม่กล้าสู้กลับ สภาพเลยเป็นเช่นนี้นั่นเอง
ชกจนล้มกองกับพื้น ท่านอ๋องฉีค่อยอารมณ์ดีหน่อย บอกให้บ่าวรับใช้เปิดประตูออก แล้วลากเยียลี่ว์อาเป่าออกมาอีกครั้ง วางไว้ตรงหน้าประตูแล้วบอกว่า “หยุด!”
พวกโจวอันถึงได้ถอยกลับ
คนของเยียลี่ว์อาเป่าถึงได้หยุด ล้อมเข้ามา เห็นหน้าของเขาช้ำไปแถบหนึ่ง ก็ตกใจเป็นอย่างมาก ร้อนรนเกิดคำถามกันขึ้นมาทันที
“เมื่อครู่นี้ข้าได้คุยกับไท่จื่อของพวกเจ้าแล้วเรียบร้อย เขารู้ตัวว่าเขาทำเช่นนี้ไม่เหมาะสมนัก จะไม่มาสู่ขออีก ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ส่วนเรื่องที่พวกเจ้าจะบุกรุกเข้าจวนอ๋องในวันนี้ ข้าจะไม่เอาโทษ พาคนและเก็บของๆ พวกเจ้าแล้วรีบกลับไปเดี๋ยวนี้” ท่านอ๋องฉีพูดโกหกออกมาหน้าตาเฉย
ทูตก็แปลคำพูดของเขาให้กับเยียลี่ว์อาเป่าฟัง
เยียลี่ว์อาเป่าอ้าปาก อยากจะเถียงกลับ แต่พอท่านอ๋องฉีมองเขามาด้วยสายตาดุดัน ก็กลืนคำพูดลงคอไป น้อมคารวะแล้วบอกว่า “วันนี้ข้าบุ่มบ่ามเกินไป เสียมารยาท ขอท่านอ๋องฉีอย่าได้ถือสา”
ท่านอ๋องฉีก็โบกมือ “ไม่เป็นไร เพราะธรรมเนียมของเราไม่เหมือนกัน ข้าไม่ถือโทษเจ้า และจะไม่บอกฮ่องเต้ของพวกเราว่าคนของเจ้าบุกจวนของข้า”
นี่มันขู่กันชัดๆ ตนมาจวนอ๋องเพื่อสู่ขอแท้ๆ คนของตนก็ไม่รู้เรื่องอะไร เพราะความอยากเข้าช่วยนั้น เลยทำให้ทำเรื่องไม่เหมาะสมเช่นนี้ ถ้าหากว่าฮ่องเต้แห่งรัฐอู่ฟังคำของท่านอ๋องฉี แล้วเกิดไม่พอใจล่ะก็ การที่ตนมาสานไมตรีในครั้งนี้ก็ส่งผลตรงข้ามสิ เยียลี่ว์อาเป่าเม้มปาก แล้วพูดขอโทษว่า “ขอบพระคุณท่านอ๋องที่เมตตา กลับไปข้าจะสั่งสอนพวกเขาอย่างแน่นอน”
ไม่ได้โกรธเคืองใดๆ แต่กลับขอโทษออกมาอย่างง่ายดาย มีน้ำใจไมตรีดั่งผู้ดีสูงศักดิ์เช่นนี้ ตอนนี้ท่านอ๋องฉีในใจนึกชื่นชม แต่ความดีความชอบในครั้งนี้ไม่ได้มีผลกับเรื่องที่มาสู่ขอหลานสาวเขาเลยแม้แต่น้อย
ท่านอ๋องฉีพยักหน้า โบกมือด้วยความเกรงใจ “เดินทางกลับดีๆ ล่ะ!”
หลังจากที่เยียลี่ว์อาเป่าโค้งคารวะอย่างนอบน้อม แล้วนำของและคนของเขากลับไป
ตอนมาก็ดีๆ ตอนกลับต้องกลับแบบน่าอนาถ เมื่อเห็นความอนาถของเยียลี่ว์อาเป่าแล้ว พวกอยากจะมาดองญาติกับจวนอ๋องฉีก็คิดหนักกันเลยทีเดียว ขนาดฐานะสูงส่งของขนาดนี้ บุรุษรูปโฉมงดงามเช่นนี้ ยังไม่อยู่ในสายตาของท่านอ๋องฉี แล้วไอ้ลูกขี้เหร่ไม่ได้เรื่องของตนนั่นล่ะ ยังจะมีโอกาสอยู่อีกหรือ
ไม่ว่าผู้คนในเมืองจะคิดเห็นอย่างไร ท่านอ๋องฉีไม่รู้ เขารู้เพียงแต่ถ้าหากว่าเจ้าหวงฝู่ซวิ่นนั้นไม่พูดอะไรไว้ล่ะก็ เยียลี่ว์อาเป่าคงไม่กล้ามาตีกลองอึกกะทึกสู่ขอหน้าจวนของเขาแบบนี้เป็นแน่ ดังนั้น รอให้เยียลี่ว์อาเป่าไปเสียก่อน แล้วออกคำสั่ง “เก็บกวาดหน้าประตูให้เรียบร้อย อย่าให้เหลือร่องรอยแม้แต่น้อย” หลังจากนั้น ก็สั่งให้คนไปจูงม้ามาให้เขา จากนั้นมุ่งหน้าสู่วังหลวงทันที
จวนอ๋องเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่นานก็มาถึงหูหวงฝู่ซวิ่น หวงฝู่ซวิ่นก็ชอบใจ ใครใช้ให้หวงฝู่อี้เซวียนไม่บอกเขาล่ะว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้เขานึกติดใจเช่นนี้ แบบนี้ก็ดี เอาปัญหาใหญ่ไปเลย ทำให้เขาสบายใจยิ่งนัก แต่เขายิ้มหน้าบานได้ไม่นาน ก็มีเสียงรายงานของหัวหน้าขันทีผู้ดูแลว่า “ฝ่าบาท ท่านอ๋องฉีขอเข้าพบพ่ะย่ะค่ะ”
รอยยิ้มของหวงฝู่ซวิ่นก็เจื่อนลงทันที กลืนน้ำลายลงอย่างไม่รู้ตัว ถามว่า “เสด็จอามาด้วยเหตุใดกัน”
“กราบทูลฝ่าบาท ท่านอ๋องไม่ได้บอก แต่ดูท่าจะอารมณ์ดีพ่ะย่ะค่ะ”
หวงฝู่ซวิ่นหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม จบสิ้นแล้ว เสด็จอาอารมณ์ดี ก็เพราะจะมาจัดการเขาแน่น่ะสิ ถึงได้อารมณ์ดีเช่นนี้