ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 88 ถูกปล้น
ท่าป๋าหั่นหลินตื่นจากความฝัน สะดุ้งลุกขึ้นมา สวมเสื้อคลุม สาวเท้ายาวเดินออกไปด้านนอก เปิดประตูห้อง พูดงัวเงีย “คนที่จับตามองอยู่กลับมาแล้วหรือยัง”
“เรียนนายท่าน ยังไม่กลับมาขอรับ แต่คงจวนจะกลับมาแล้วขอรับ”
สิ้นเสียง บ่าวรับใช้คนหนึ่งพุ่งเข้ามาจากประตู สาวเท้ายาวขึ้นชั้นสองไป เรียนต่อท่าป๋าฮั่นหลินว่า “นายท่านขอรับ ไฟไหม้โรงเตี้ยมซิงหลงขอรับ”
“เกิดขึ้นได้เยี่ยงไร”
“เป็นฝีมือของคนจวนฮั่วขอรับ พวกเขาส่งชายชุดดำพร้อมทั้งพลธนูจำนวนมาก เห็นว่าได้โยนยาสลบเข้าไปด้านใน พร้อมจุดไฟเผา เห็นทีครอบครัวของท่านอ๋องผู้นั้นคงหนีไม่พ้นความตายขอรับ”
น้ำเสียงของบ่าวรับใช้ที่มารายงานแฝงไปด้วยความยินดี เหตุใดเจ้านายของพวกเขาต้องมารัฐอู่ เรื่องนี้พวกเขารู้ดี บัดนี้สิ้นครอบครัวท่านอ๋องนั่นแล้ว พวกเขาจะได้กลับรัฐของตนได้เสียที เจ้านายก็จะได้กลับไปจัดการดูแลบ้านเมืองของตน
แต่ท่าป๋าหั่นหลินกลับไม่ได้ยินดีอย่างที่เขาคิด เขาขมวดคิ้ว สั่งด้วยเสียงเย็นชาว่า “จงไปสืบมา ว่ามีคนรอดชีวิตออกมาจากโรงเตี้ยมหรือไม่”
คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะมีคำสั่งเช่นนี้ บ่าวจึงชะงักเล็กน้อย ไม่ขยับตัว
ขณะที่ท่าป๋าหั่นหลินกำลังจะโมโหนั้น บ่าวนายหนึ่งหลังจากกลับมาจากโรงเตี้ยม ก็วิ่งตรงมายังชั้นสอง พูดด้วยเสียงหอบเหนื่อยว่า “นายท่านขอรับ ครอบครัวของท่านอ๋องนั่นรอดชีวิตออกมาได้ขอรับ ส่วนผู้อื่นในโรงเตี๊ยมต่างสิ้นชีพในกองเพลิงจนสิ้น”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ท่าป๋าหั่นหลินจึงได้ถอนใจออกมา ขณะที่ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนจึงเป็นเช่นนี้ ก็รับสั่งว่า “ไปสืบมา หากมีเหตุอันใดรีบมารายงานข้า”
บ่าวทั้งสองรับคำ วิ่งลงบันไดไปด้วยความรวดเร็ว
ท่าป๋าหั่นหลินเดินกลับมายังห้องของตน ไปยังหน้าต่าง เปิดออก มองเปลวไฟลุกโชน แววตาเปลี่ยนไปมา มิอาจรู้ได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
อ๋องฉีและฮั่วต้าสู้กันอยู่อยู่หลายกระบวนท่า กำลังกายเริ่มถดถอย เสียงหอบเหนื่อยดังชัดเจนขึ้น
ฮั่วต้าได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มชอบใจ เพิ่มความเร็วในการโจมตีขึ้นอีก แสดงวิชาออกมาหลายกระบวนท่า
อ๋องฉีไม่ตอบโต้ ถูกบีบให้ยอมแพ้
ฮั่วต้ายังคงโจมตีไม่ถอย เมื่อเห็นว่าอ๋องฉีกำลังจะถอยเข้าไปในกองเพลิง หวงฝู่สือเมิ่งจึงได้คว้าดาบที่พกติดเอวขึ้นมา
หวงฝู่เย่าเย่ว์เองก็ไม่ช้า คว้าดาบขึ้นมาพร้อมกัน ทั้งยังพุ่งเข้าใส่ฮั่วต้าอีกด้วย
สองพี่น้องลงมือพร้อมกัน ทำให้ฮั่วต้าต้องยอมถอยไป
อ๋องฉีได้โอกาสเว้นช่วงหายใจ ยืดตัวตรง หายใจหอบ
ฮั่วต้าสู้กับอ๋องฉีด้วยมือเปล่า บัดนี้หวงฝู่เย่าเย่ว์และหวงฝู่สือเมิ่งโจมตีเช่นนี้ เขาจึงจำต้องถอยไปหลายก้าว เมื่อยืนมั่น จึงได้มองทั้งสองด้วยความขัน
หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่ให้โอกาสเขาได้หายใจ เข้าโจมตีพร้อมกัน
แม้ว่าทั้งสองจะยังอายุน้อย แต่ได้รับการฝึกฝนจากหวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชี่ยนโยว นับว่าฝีมือดี ฮั่วต้าถูกพวกนางโจมตีจนต้องถอยไปหลายก้าว
“ท่านปู่ ท่านย่าเจ้าคะ พวกท่านขยับเข้ามาอีก” หวงฝู่สือเมิ่งทวนดาบไปหนึ่งครั้ง จากนั้นก็หันมาพูดกับอ๋องฉีและพระชายา
“ไม่ต้องสนใจพวกข้า รับมือกับศัตรูตรงหน้าของพวกเจ้าก่อน” อ๋องฉีเตือนสตินาง พร้อมทั้งดึงแขนพระชายาก้าวเข้ามา ออกห่างจากโรงเตี้ยมเพิ่มขึ้น
เมื่อเห็นว่าทั้งสองใกล้มาถึงจุดปลอดภัยแล้ว ฮั่วต้าร้อนใจ ใช้กระบวนท่าต่อกรกับทั้งสอง จากนั้นร่างกายกระโดดไปด้านหลัง สั่งว่า “รีบจัดการให้สิ้น!”
พลธนูที่ยืนคุ้มกันอยู่ด้านหลังเรือนก็ถอยออกมา เมื่อได้ยินคำสั่งของฮั่วต้า จึงได้วางคันธนูลง หยิบมีดพกเอวขึ้นมาเข้าร่วมการต่อสู้
ชายชุดดำที่กำลังต่อสู้อยู่ด้านนอกประตู เหล่าองครักษ์ลับเสียแรงไปมาก แต่คนเหล่านั้นยังคงเพิ่มพูนเข้ามา เหล่าองครักษ์ลับค่อยๆ อ่อนกำลังลง ถูกทำร้ายไปตามๆ กัน ซ้ำยังมีคนเสียชีวิตด้วยปลายดาบของชายชุดดำด้วย
เมื่อเห็นพวกเขาล้มลง กรอบตาของพระชายาแดงก่ำขึ้นมา องครักษ์ลับเหล่านี้ ถูกท่านพ่อของนางคัดเลือกเข้ามาตั้งแต่อายุได้สิบกว่าขวบ ทุ่มเทให้กับครอบครัวเขามาโดยตลอดหลายปี จนใกล้ถึงวัยปลดประจำการแล้ว แต่กลับมาตายอย่างอนาถที่นี่ เงยหน้า มองอ๋องฉี สายตาเด็ดเดี่ยว “ท่านอ๋อง!”
เป็นสามีภรรยากันมาหลายปี อ๋องรู้ทันทีว่านางต้องการจะกล่าวอะไร พยักหน้า “ซู่อิง แม้นจะไม่ได้เกิดพร้อมกัน แต่ตายพร้อมกันได้ ชีวิตนี้พวกเราก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว”
พระชายาพยักหน้า ก้มลง หยิบดาบที่ร่วงหล่นอยู่ข้างตัวขึ้นมา ยื่นให้อ๋องฉี ส่วนอีกด้ามกำไว้ในมือของตน โบยโบกด้ามดาบสู้ชายชุดดำที่ปะทะเข้ามาด้านหน้า
พระชายาเป็นลูกแม่ทัพ แม้ว่าตอนเด็กจะอ่อนแอ แต่ก็พอมีวิชาป้องกันตัวอยู่บ้าง และไม่นานก็ปะทะเข้ากับชายชุดดำ
ฮั่วต้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสายตาเย็นชา มุมปากเผยรอยยิ้มเลือดเย็นออกมา ช่างเป็นคู่ชีวิตที่รักกันเสียจริง เห็นทีตายไปก็คงไม่เหงาหรอก
อ๋องฉีติดตามอยู่ด้านหลังของพระชายา บังด้านหนึ่งของนางเอาไว้
หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์อยู่ด้วยกันตลอด ทุกครั้งที่ยื่นดาบออกไป จะต้องแลกด้วยหนึ่งชีวิตกลับมา
เหล่าองครักษ์ลับล้มลงไปตามๆ กัน ชายชุดดำเข้ามาล้อมรอบคนที่เหลือมากขึ้น พวกของเซี่ยเฟิงรู้สึกได้ว่าเหนื่อยมากขึ้น อ๋องฉีและพระชายาเองก็รู้สึกได้ว่าเริ่มเดินลำบากขึ้น
ขณะเดียวกัน ไฟนอกห้องหนังสือของฮั่วเจี่ยติดขึ้น ฮั่วเจี่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ หลับตาทำสมาธิ รอฮั่วต้านำข่าวดีมาให้ด้วยความมั่นใจ
แต่ทว่าประตูที่มุมหนึ่งด้านตะวันออกเฉียงใต้ของจวน กลับค่อยๆ ถูกเปิดออก รถม้าคันหนึ่งแล่นออกมาจากมุมนั้น บนรถม้ามิใช่ใครอื่น แต่เป็นหลิวอวี้เอ๋อร์ ที่ได้ยินคำสั่งของฮั่วเจี่ยโดยบังเอิญ รู้ว่าวันนี้เขาจะส่งคนไปจัดการครอบครัวอ๋องฉี แล้วอดรนทนไม่ได้ เลยอยากจะไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง
เมื่อรถม้าออกจากจวนไป คนรถยกแซ่ขึ้นหวด ม้าวิ่งด้วยฝีเท้าเบาแต่เร็ว มุ่งหน้าสู่โรงเตี้ยม
ภายในรถม้า หลิวอวี้เอ๋อร์นั่งอยู่ภายในด้วยความปิติ แต่ชุนเซียงกลับนอนขดตัวอยู่ในมุมด้านใน
หลิวอวี้เอ๋อร์มองค้อนใส่นาง คิดว่าการที่นางทำเช่นนี้ช่างทำลายบรรยากาศเสียจริง เหยียดเท้าออกไปถีบนาง “ไสหัวไปนั่งนอกรถม้าไป อย่ามาเกะกะสายตาข้า”
ชุนเซียงถูกเตะจนร่างงอ รีบตอบรับ คลานออกไปด้านนอก ไปนั่งที่อีกด้านของล้อรถ
หลิวอวี้เอ๋อร์เบ้ปาก เมื่อครั้งอยู่ที่เมืองหลวง สาวใช้คนนี้ดูท่าทางฉลาด ตอนตนมาจึงเลือกให้นางมาอยู่ข้างกาย ไม่คิดเลยว่าเมื่อมายังที่นี่แล้ว นางไม่เพียงแต่เขลาขึ้นทุกวัน ซ้ำยังใจเสาะเสียเหลือเกิน คืนนี้นางทำทุกวิถีทางเพื่อห้ามไม่ให้ตนออกมา หากมิใช่ตนบอกว่าจะเอานางไปขาย นางก็คงจะห้ามไม่ให้ตนออกมาเป็นแน่
ที่รถม้าดำเนินไปในความมืด เกือกม้าส่งเสียงจากพื้น เสียงกงล้อรถส่งเสียงดังบาดหู ส่งเสียงไปไกลในคืนเงียบสงัดเช่นนี้ น่ากลัวเสียจนทำเอาชุนเซียงตัวสั่น ในใจคิดว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเป็นแน่ ดวงตาเบิกโพลงมองไปรอบตัว แต่กลับเห็นเพียงความมืดสนิท มองอะไรไม่ชัดเลย
คนที่ท่าป๋าหั่นหลินส่งมา คอยจับตามองจวนฮั่วอยู่ตลอดเวลา แต่กลับไม่มีโอกาสจับตัวหลิวอวี้เอ๋อร์ได้
เมื่อรถม้าออกมาจากจวน พวกเขาได้ยินเสียง ทีแรกไม่ได้ใส่ใจ เพราะคนที่จะออกมาจากประตูเล็กนั้นมีเพียงบ่าวรับใช้ กลางดึกเช่นนี้ อาจะเป็นเพราะเจ้านายท่านใดในจวนไม่สบาย ไปตามหมอมาดู แต่เสียงดุดังที่หลิวอวี้เอ๋อร์ตวาดออกมา ลอยเข้าหูพวกเขา มองตากัน วิ่งตามไปยังเสียงของรถม้าทันที
รถม้าแล่นด้วยความเร็ว แต่พวกเขาเร็วยิ่งกว่า ไม่นานก็วิ่งตามาถึงรถม้า
จู่ๆ ก็มีคนโผล่ออกมา คนรถตกใจ ดึงเชือกไว้แน่น บังคับให้ม้าหยุดลง
หลิวอวี้เอ๋อร์ไม่ทันระวัง ร่างกายโอนเอน หัวกระแทกเข้ากับรถ ส่งเสียงดัง ตึง ออกมา รู้สึกเจ็บ ถามเสียงแหลมด้วยความโกรธว่า “เจ้าบังคับรถเช่นไรกัน อยากให้ข้าหัวโขกตายหรือไง”
คนรถตกใจจนลิ้นพันกัน “คุณ คุณหนู พวกเราเจอโจรเข้าแล้วขอรับ”
“พูดซี้ซั้ว รถม้าของเรามีป้าย มีใครบังอาจที่เห็นรถแล้วไม่ถอยไปห่างบ้าง เจ้า…” หลิวอวี้เอ๋อร์เปิดม่านรถออกมาเสียงดังด้วยความโกรธ ฉึบ ด่าทอคนรถด้วยความโกรธ พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง เมื่อเห็นร่างคนจำนวนหนึ่งปรากฎขึ้นตรงหน้ารถม้า ก็ตกใจจนพูดไม่ออก
ชุนเซียงตกใจจนกลิ้งตกจากรถม้า ร่วงหล่นลงบนพื้นอย่างแรง แม้เจ็บแต่ก็ไม่มีแม้เวลาโอดครวญ รีบลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มือจับกงล้อรถเอาไว้พยุงตนเองขึ้นมา ถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พ่อ พ่อหนุ่ม พวก พวกเราเป็น นี่เป็นรถ รถม้าของจวน จวนฮั่ว…”
ยังพูดไม่จบคำ ก็ถูกชายผู้หนึ่งตัดบทขึ้นมา “ข้าก็มาปล้นรถม้าของจวนฮั่ว มาปล้นคนของจวนฮั่วนี่อย่างไรเล่า หากมิใช่จวนฮั่วพวกเราคงไม่มาปล้นหรอก”
แขนขาของชุนเซียงอ่อนแรงลง หลิวอวี้เอ๋อร์สงบขึ้น ตวาดเสียงดังว่า “พวกเจ้าเป็นผู้ใดกัน เหตุใดจึงมาปล้นรถม้าของจวนฮั่ว”
“เจ้านายของพวกเรามีเรื่องจะถามแม่นางหลิว หวังว่าแม่นางจะตามเราไปอย่างว่าง่าย” หนึ่งในนั้นเปิดปากพูด
“เจ้านายของพวกเจ้าคือผู้ใด จะถามเรื่องใดกับข้า ข้าจะบอกพวกเจ้าให้ ข้าเป็นคุณหนูที่สูงศักดิ์ที่สุดแห่งจวนฮั่ว หากพวกเจ้าทำร้ายข้า ระวังเถิดว่าท่านตาของข้าจะถลกหนังหัวพวกเจ้า” บัดนี้หลิวอวี้เอ๋อร์ก็ยังคงไม่รู้ถึงอันตรายที่จะมาถึงตัว ยังคงข่มขู่พวกเขา
สำเนียงถูกต้อง ชื่อเรียกก็ไม่ผิด เป็นหลิวอวี้เอ๋อร์แน่นอนไม่ต้องสงสัย คนพวกนั้นหันมองหน้ากันพร้อมพยักหน้า กระโดดเข้าหารถม้าอย่างรวดเร็ว ทำร้ายคนรถและชุนเซียงจนสลบ โยนไปอีกด้าน
ขณะที่หลิวอวี้เอ๋อร์กำลังจะต่อต้าน มีมีดด้ามเล็กด้ามหนึ่งมาจ่อที่คอนาง “ข้าว่าแม่นางหลิวเชื่อฟังแต่โดยดีดีกว่า รอนายท่านของพวกเราพูดจบแล้ว ก็จะปล่อยตัวท่านมาเอง”
ตอนนี้เองหลิวอวี้เอ๋อร์เพิ่งรู้ถึงความอันตราย แต่เมื่อมองดูเงาของมีดด้ามเล็กตรงหน้า ก็ไม่กล้าปริปากร้องออกมา มองดูชายคนหนึ่งหยิบเชือกขึ้นมาด้วยความกลัว ตัวสั่นเทิ้ม รถม้าเคลื่อนที่ไปด้านหน้า
ณ หน้าโรงเตี้ยม
หลังจากการต่อสู้ที่ยาวนาน เหล่าองครักษ์ลับที่ยังมีชีวิตอยู่บาดเจ็บไม่น้อย อ๋องฉีและพระชายาเหนื่อยหอบ กระบวนท่าของหวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ช้าลง
ฮั่วต้าเห็นภาพทั้งหมด รู้ว่าพวกเขามาถึงจุดจบแล้ว จึงไม่ได้เร่งรัดลูกน้อง แต่กลับกอดอก ยืนดูอยู่อย่างสบายใจ มองดูพวกเขาด้วยความปีติ มองพวกเขาสู้ยิบตา ในใจกลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
พระชายาใช้ดาบแทงทะลุร่างของชายชุดดำ เลือดร้อนกระเซ็นออกมาเต็มหน้านาง ไม่รอให้นางดึงดาบออกมา ชายชุดดำใช้แรงที่มีทั้งหมดชกไปยังพระชายา พระชายาหลบไม่ทัน ร่างกายกระเด็นออกมาราวกับว่าวที่ขาดออกจากสาย