ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 89 วีรบุรุษช่วยชีวิต
- Home
- ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]
- ตอนพิเศษ (1) ตอนที่ 89 วีรบุรุษช่วยชีวิต
“ซู่อิง!” อ๋องฉีตะโกนสุดเสียง จากนั้น โบกดาบไล่ชายชุดดำที่เข้ามาโจมตี พุ่งตัวเข้าไปรับพระชายาที่กำลังจะล้มลงบนพื้น
“ท่านย่า!”
“ท่านย่า!”
หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ตะโกนร้องพร้อมกัน โจมตีติดกัน จนชายชุดดำถอยทัพไป จากนั้นก็ไปหาอ๋องฉีและพระชายา
พระชายาเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก น้ำเสียงอ่อนแรงพูดว่า “ข้ามิเป็นไร พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า”
พูดจบ สายตาหันไปยังอ๋องฉี “ท่านอ๋อง ท่านวางข้าลง!”
ชายชุดดำยืนมองอยู่รอบๆ อ๋องฉีบีบมือพระชายาแน่น กัดฟันวางนางลง พยุงให้นางยืนให้ดี
หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์จ้องชายชุดดำ พูดพร้อมกันว่า “ท่านปู่ พวกข้าจะป้องกันทางนี้ไว้ ท่านพาท่านย่าไปก่อน!”
ไป? ไปที่ใด สี่ทิศเต็มไปด้วยชายชุดดำ อ๋องฉีผู้เดียวอาจสู้ได้ แต่หากพาพระชายาไปด้วย ก็ไม่แม้แต่จะคิด และแน่นอนว่าเขาไม่มีทางทิ้งเด็กสองคนแล้วหนีไปผู้เดียวเป็นแน่
“ไม่ต้อง ปู่จะดูทางนี้ พวกเจ้าดูแลท่านย่า!” นี่เป็นทางออกเดียวในตอนนี้ พูดจบ ไม่รอให้พระชายาปฏิเสธ สั่งการเซี่ยเฟิงและองครักษ์ลับนายอื่นว่า “เข้าประชิดกัน!”
เซี่ยเฟิงและเหล่าองครักษ์ลับได้รับคำสั่ง เดินเข้ามาหาเขาด้วยความยากลำบาก
ชายชุดดำรุมล้อมเข้ามา ล้อมรอบพวกเขาเอาไว้
ด้านหลังเป็นทะเลเพลิง ไม่มีทางให้ถอยได้ อ๋องฉีเดินออกมาจากวงล้อมขององครักษ์ลับด้วยความอาจหาญ มองฮั่วต้าด้วยสีหน้าปกติ พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเงียบว่า “วันนี้ข้าหวงฝู่จิ้ง จะดูทีว่าพวกเจ้าจะห้ามข้าได้หรือไม่”
สิ้นเสียง ก็ลงมือทันที ชายชุดดำด้านหน้ายังไม่รู้ตัว ก็สิ้นใจอยู่กับปลายดาบของเขาเสียแล้ว
อ๋องฉีไม่แม้จะชายตามอง แกว่งดาบเดินหน้าต่อ
เหล่าองครักษ์ลับทยอยออกโรง
เริ่มต้นการรบราฆ่าฟันกันขึ้นอีกครั้ง
หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ปกป้องพระชายาอยู่ข้างกาย ดาบในมือใช้ป้องกันไม่หยุด
ขณะนั้น คนที่เหลือมีท่าทีแข็งแกร่ง ไม่อาจล้มได้อย่างง่ายดาย
ฮั่วต้าหรี่ตาลง สีหน้าสบายใจหายไป ยืดตัวขึ้นตรง ในมือคว้าเอาดาบเงางามขึ้นมา เป้าหมายชัดเจน พุ่งไปที่พระชายาที่กำลังเป็นตัวถ่วง
หวงฝู่สือเมิ่งและหวงฝู่เย่าเย่ว์ใช้ดาบป้องไว้
ฮั่วต้าได้สังเกตุการณ์มาครู่ใหญ่แล้ว ฝีมือของหวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่ดีสู้อีกคน กระบวนท่าที่เขาใช้กับพระชายาเป็นกลหลอก แต่ที่โจมตีหวงฝู่เย่าเย่ว์เป็นของจริง ดังนั้น ขณะที่เขาตรงมาที่ทั้งสามคน จู่ๆ เขาหันร่าง มุ่งไปที่หวงฝู่เย่าเย่ว์
องครักษ์ลับล้มตายไปตามกัน อ๋องฉีเริ่มสู้ไม่ไหว คนของท่าป๋าหั่นหลินมองเห็นทั้งหมด จึงรีบไปรายงานที่โรงเตี๊ยม
หลังท่าป๋าหั่นหลินได้ยินทั้งหมดแล้ว ขมวดคิ้วที่โค้งสูง เดินวนไปมาในห้องของตน ราวกับว่ากำลังทำการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่อยู่ หันหลังเดินออกไปด้านนอก สั่งว่า “ระดมพลมา ไปช่วยพวกเขา”
บ่าวรับใช้มองหน้ากัน คิดว่าเจ้านายของตนเสียสติไปแล้ว เขาหวังมาตลอดมิใช่หรือว่าให้ครอบครัวอ๋องฉีตายให้หมด ตอนนี้พวกเขากำลังแพ้แล้ว เหตุใดต้องส่งคนไปช่วยพวกเขา
บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งยืนขวางหน้าเขา คุกเข่าลง “เจ้านาย เช่นนี้มิได้นะขอรับ หากเป็นเช่นนั้น คนของเราก็ต้องเผยตัว”
แม้ว่าจะมิได้พูดตรงๆ แต่ท่าป๋าหั่นหลินเข้าใจความหมายของเขา ก้มหน้าลง จ้องมองเขา แววตามีความโกรธ พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “คนที่ข้าต้องการลงโทษ จะต้องถูกลงโทษด้วยตัวข้าเอง เข้าใจหรือยัง”
พูดจบ เดินอ้อมตัวเขาไป สาวเท้ายาวลงบันไดไป
คนด้านหลังตามติด
บ่าวรับใช้ที่นั่งคุกเข่าได้สติขึ้นมา รีบลุกขึ้น เดินตามไป
ออกมาโรงเตี้ยมได้ไม่นาน รถม้าคันหนึ่งแล่นมาขวางหน้าพวกเขาเอาไว้
“เจ้านาย!” คนรถตะโกนเรียก กระโดดลงมา เดินตรงมาหาเขา รายงานด้วยเสียงเบาว่า “เราพาตัวคุณหนูจวนอู่โหวมาแล้วขอรับ”
ฝีเท้าของท่าป่าหั่นหลินหยุดลง เดินไปด้านหน้า เปิดม่านรถออก เผยให้เห็นใบหน้าหวาดกลัวของหลิวอวี้เอ๋อร์ตรงหน้าเขา เขาขมวดคิ้วลงด้วยความรังเกียจ ปล่อยม่านประตูลง “เอาตัวคนไปยังที่พักของพวกเจ้า รอข้ากลับมาสืบความ”
พูดจบ หันหลัง มุ่งหน้าไปยังโรงเตี้ยมซิงหลง
หลังจากบ่าวไพรชะงักไป ก็ได้ควบม้าต่อ ไปยังที่พักชั่วคราวของพวกเขา
ป้ายรถม้าถูกนำออกแล้ว ต่อให้ผู้คนหน้าโรงเตี้ยมเห็นรถม้าคันนี้ ก็ไม่มีใครมองออกว่าเป็นรถของจวนฮั่ว
ไม่รู้ว่าตนจะถูกพาไปที่ใด หลิวอวี้เอ๋อร์ที่ถูกสกัดจุดจนทำให้ส่งเสียงออกมาไม่ได้กำลังตื่นกลัวเป็นที่สุด
ฮั่วต้ากลับลำไปโจมตีหวงฝู่เย่าเย่ว์อย่างกะทันหัน ไม่มีผู้ใดคิดถึงเรื่องนี้ หวงฝู่เย่าเย่ว์รีบยกดาบขึ้นปกป้อง แต่ฮั่วต้ามั่นใจว่าจะโจมตีให้ตรงเป้า จึงได้เตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้ว มีหรือจะให้นางหลบไปได้
ร่างกายเอนหลบปลายดาบของนาง อาศัยโอกาสที่นางยังไม่ได้ชักดาบกลับไป ใช้เท้าเตะเข้าที่ทรวงอกของนาง
การเตะครั้งนี้ใช้เกือบสุดแรง หวงฝู่เย่าเย่ว์รับมือไม่ไหว ร่างนางหงายล้มทั้งยืนไปด้านหลัง กำลังจะล้มเข้าไปในกองไฟ
“เย่ว์เอ๋อร์!”
“เย่ว์เอ๋อร์!”
สองเสียงตะโกนร้อง
ขณะที่หวงฝู่สือเมิ่งและพระชายากำลังจะกระโจนเข้าไปรับร่างของหวงฝู่เย่าเย่ว์เอาไว้ มีร่างหนึ่งปรากฎขึ้นมาจากด้านข้าง รับร่างของหวงฝู่เย่าเย่ว์เอาไว้ กลับมาตรงหน้าของพระชายาและหวงฝู่สือเมิ่งอย่างรวดเร็ว แล้ววางร่างนางลง
ฮั่วต้าไม่คิดว่าในเวลาเช่นนี้จะมีผู้ใดปรากฏขึ้น ผงะไป จากนั้นหรี่ตาลงมองชายผู้นั้นอย่างพินิจพิจารณา
ความสนใจของพระชายาและหวงฝู่สือเมิ่งอยู่ที่หวงฝู่เย่าเย่ว์ ไม่ได้สนใจเขา
ฮั่วต้าเอ่ยปาก น้ำเสียงเย็นชา ดุร้าย “ท่านเป็นผู้ใด เหตุใดต้องยื่นจมูกเจ้ามาในเรื่องที่ไม่ใช่ของตนด้วย”
ท่าป๋าหั่นหลินพยุงร่างยืนขึ้น สีหน้าสงบ ไม่ได้ใส่ใจเขาแม้แต่น้อย พูดอย่างสงบว่า “เย่ว์เอ๋อร์เป็นว่าที่เมียของข้า นางมีปัญหา ข้าก็ต้องมาช่วย”
หวงฝู่เย่าเย่ว์เบิกตาโพลง มองด้านหลังเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
พระชายาและหวงฝู่สือเมิ่งฉงน หากมิใช่อยู่ต่อหน้าศัตรู ทั้งสองคงจะกระโจนเข้าไปถามเขาให้รู้ความ
เห็นได้ชัดว่าฮั่วต้าไม่เชื่อ มุมปากเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา “คำโกหกเช่นนี้ท่านยังกล้าพูดออกมาอีกหรือ ดูท่าคงอยากยุ่งเรื่องของผู้อื่นล่ะสิ”
ท่าป๋าหั่นหลินชี้นิ้วออกมา โบกเล็กน้อย “เข้าผิดแล้ว ข้ามิได้โกหก และมิได้ยุ่งเรื่องผู้อื่น”
“ในเมื่อเจ้าใจร้อนอยากตายนัก อย่างนั้นข้าก็จะจัดให้เจ้าสมใจ” มองออกว่าฝีมือเขาไม่ธรรมดา และเห็นได้ว่าเขาพาคนมากว่าสิบคน ฮั่วต้าไม่มีใจจะต่อปากกับเขา พูดจบก็ยกดาบเข้าโจมตี
มีกำลังเสริมจากคนที่ท่าป๋าหั่นหลินพามาด้วย ภาระของพวกของอ๋องฉีลดลง กระบวนท่าเร็วขึ้น ชายชุดดำล้มลงตามกันไปไม่น้อย แต่คนของฮั่วต้ามีจำนวนมาก ตายไปหนึ่ง ด้านหลังยังเข้ามาเสริมได้อีก ต่อให้ภายหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยกองศพ แต่กลับไม่รู้สึกว่าชายชุดดำมีจำนวนน้อยลงเลย
เป็นการสู้รบกันอีกครั้ง คนของท่าป๋าหั่นหลินได้รับบาดเจ็บไปสองคน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คืนนี้พวกเขาทุกคนต้องตายอยู่ที่นี่เป็นแน่
เมื่ออ๋องฉีเห็นการปรากฏตัวของท่าป๋าหั่นหลิน สีหน้าก็ขรึมลง การต่อสู้รุนแรงขึ้น ขณะที่ป้องกันการโจมตีจากชายชุดดำ ยังตะโกนพูดกับท่าป๋าหั่นหลินว่า “หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มิใช่ทางออก พวกเราต้องเปิดทางโดยการฆ่าเป็นแนวเดียวกัน”
ฝีมือของท่าป๋าหั่นหลินและฮั่วต้าดีพอกัน สู้กันอย่างแยกได้ยาก เมื่อได้ยินคำของอ๋องฉีเช่นนั้น จึงได้หันไปสั่งคนของตนว่า “เข้าไปใกล้พวกเขา แล้วออกไปพร้อมกัน!”
เขาพูดภาษารัฐอิง ฮั่วต้าไม่เข้าใจ โกรธมาก จึงได้ลงมืออย่างโหดเ**้ยมยิ่งขึ้น
เมื่อลูกน้องได้ยินเช่นนั้น เดินเข้าไปประชิดตัวอ๋องฉี สองฝ่ายผนึกรวมกัน กำลังมีเพิ่มขึ้นไม่น้อย ชายชุดดำตรงหน้าล้มตายไปไม่น้อย ผ่านไปหนึ่งก้านธูป ก็สามารถเปิดทางออกมาได้จริงๆ ออกมาจากวงล้อมของชายชุดดำ
แต่กระนั้น คนของพวกเขาเหลือไม่มากแล้ว เหล่าองครักษ์ลับยังเหลืออยู่สิบกว่านาย แต่คนของท่าป๋าหั่นหลินยังเหลืออยู่ห้าหกสิบนาย
หวงฝู่สือเมิ่งปกป้องพระชายาและหวงฝู่เย่าเย่ว์อยู่ด้านหน้าสุด อ๋องฉีคุ้มกันด้านหลังพวกเขา เซี่ยเฟิงที่แขนได้รับบาดเจ็บและเหล่าองครักษ์ลับป้องกันพวกเขาอยู่ด้านหลัง คนของท่าป๋าหั่นหลินอยู่ด้านหลังสุด
หลังจากที่ท่าป๋าหั่นหลินใช้กระบวนท่าจนทำให้ฮั่วต้าถอยทัพไปได้ ก็ตามมาด้านหลังทันที
คนทั้งหมดหนีออกไป
ชายชุดดำติดตามมาไม่ห่าง
ฮั่วต้าเรียกพวกเขาเสียงดัง “กลับมาให้หมด!”
เหล่าชายชุดดำหยุดฝีเท้าลง ถอยทัพกลับมา
ฮั่วต้าโบกมือ ชายชุดดำจำนวนหนึ่งก้มหยิบคันธนูบนพื้น จัดเตรียม ขณะเดียวกันก็ยิงไปทางด้านที่พวกเขาเพิ่งถอยทัพกลับมา
เสียงคันธนูพุ่งผ่านอากาศดังขึ้นมาจากด้านหลัง คนของท่าป๋าหั่นหลินและองครักษ์ลับถูกยิงเข้าหลายคน
ฝีเท้าของคนทั้งหมดช้าลง พยุงคนบาดเจ็บถอยทัพต่อไป เลือดสดหยดตามทาง แต่กลับไม่มีผู้ใดเอ่ยปากร้อง
ฝนธนูร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง คนบาดเจ็บมีเพิ่มมากขึ้น ฝีเท้าของคนทั้งหมดช้าลงอย่างเห็นได้ชัด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป คนทั้งหมดคงไม่อาจหนีต่อไปได้
ท่าป๋าหั่นหลินหยุดฝีเท้าลง “พวกเจ้าไปก่อน ข้าจะคุ้มกันให้เอง!”
เหตุการณ์ขณะนั้นอันตรายยิ่ง ให้เขาได้ใช้โอกาสช่วยชีวิตหวงฝู่เย่าเย่ว์เอาไว้ อ๋องฉีรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากแล้ว ขณะนี้ ยังจะให้เขาคุ้มกันได้อีกหรือ ไม่อยากติดหนี้บุญคุณเขาอีก จึงได้กล่าวว่า “พวกเจ้าไปก่อน ข้าจะคุ้มกันเอง”
“หากเจ้ามาคุ้มกันด้านหลัง เกรงว่าวันนี้คนเหล่านี้คงจะต้องตายกันอยู่ที่นี่” ท่าป๋าหั่นหลินพูดออกมา โดยไร้ซึ่งความเคารพต่ออ๋องฉี
อ๋องฉีชูดาบในมือขึ้นมาด้วยความโกรธ อยากตัดคอเขา แต่คนกว่าสามสิบนายของท่าป๋าหั่นหลินมาบังเขาเอาไว้ แล้วมองเขาด้วยสายตาโกรธ
พระชายาคว้าแขนของอ๋องฉีเอาไว้ บอกให้เขาใจเย็นลง ไม่ว่าชายผู้นี้เป็นผู้ใด แต่เรื่องที่เขาช่วยชีวิตเย่ว์เอ๋อร์เป็นเรื่องจริง ช่วยพวกเขาออกมาจริงๆ แต่เมื่อถึงเวลาที่ทุกอย่างสงบลง รู้ว่าท่าป๋าหั่นหลินเป็นผู้ใด พระชายาเสียใจเหลือเกิน เสียใจที่ตอนนั้นตนห้ามอ๋องฉี ควรจะให้เขาตัดหัวชายผู้นี้ไปให้สิ้นเรื่อง
อ๋องฉีเก็บดาบของตนลง
ท่าป๋าหั่นหลินหันหลัง เหลือคนของตนไว้สามคน
อ๋องฉีกัดฟัน พูดลอดไรฟันว่า “ถอยทัพ!”