ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (2) ตอนที่ 27 ไร้ความสามารถที่จะช่วยเหลือ
- Home
- ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]
- ตอนพิเศษ (2) ตอนที่ 27 ไร้ความสามารถที่จะช่วยเหลือ
ผู้บัญชาการโต้วไม่ได้รับมา ขณะที่รู้สึกประหลาดใจก็รู้สึกสงสัยด้วยเช่นกัน คนในครอบครัวของรองแม่ทัพเมิ่งผู้นี้อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านนอกเมือง เหตุใดเขาจึงต้องฝากฝังมารดาของตัวเองให้เขาดูแลด้วยกัน? ในใจคิดเช่นนี้ ใบหน้าก็แสดงออกมาเช่นกัน
เมิ่งชิงที่เห็นอยู่ในสายตาก็เม้มริมฝีปาก “ระหว่างท่านแม่ของข้ากับคนในครอบครัวเกิดความเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ข้าก็ไม่สามารถส่งนางกลับไปด้วยตัวเองได้ ดังนั้น รบกวนท่านช่วยดูแลนางสักไม่กี่วัน ถ้าหากว่าท่านไม่มีเวลาว่างจริงๆ ก็สามารถส่งนางไปที่…” กำลังจะเอ่ยว่าส่งไปยังจวนอ๋องฉี แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขากับเมิ่งเชี่ยนโยวทะเลาะกันจนตัดขาดกันไปแล้ว เขาก็ไม่มีผู้ใดที่สามารถขอร้องได้แล้ว เมื่อคิดถึงจุดนี้ ก็คว้ามือของผู้บัญชาการโต้วเอาไว้ ยัดถุงเงินใส่มือเขา “ถึงอย่างไรก็ต้องรบกวนท่านให้ช่วยข้าดูแลท่านแม่ข้าสักหลายวัน ขอร้องล่ะ”
เมิ่งชิงเป็นถึงจอหงวนฝ่ายบู๊ของราชวงศ์ รองแม่ทัพผู้นำกองทัพขนาดใหญ่ ทั้งยังเป็นน้องชายของพระชายาซื่อจื่อ และบุคคลสำคัญของคนในตระกูลเมิ่ง ประจบเขาก็เท่ากับเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งชื่อเสียงและเกียรติยศ ผู้บัญชาการโต้วที่ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรเมื่อครู่นี้แม้แต่น้อยก็ยินยอมช่วยเหลือเรื่องนี้ ยื่นมือออกไปรับถุงเงินนี้เอาไว้ ถือเอาไว้ในมือ “รองแม่ทัพเมิ่งโปรดวางใจ ข้าน้อยจะต้องดูแลท่านแม่ของท่านให้ดีอย่างแน่นอนขอรับ”
เมิ่งชิงกำหมัดขอบคุณ “ขอบคุณท่านแล้ว เมิ่งชิงซาบซึ้งในบุญคุณนี้เป็นอย่างมาก รอเรื่องนี้จบลงแล้ว ข้าจะไปขอบคุณท่านถึงจวนด้วยตัวเอง”
ผู้บัญชาการโต้วโบกมือ ทหารสองนายก็ก้าวเข้ามาประคองหลี่ชุ่ยฮวา
เมิ่งชิงไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ ก้าวเท้ายาวเดินลงไปที่ชั้นล่าง
ผู้บัญชาการโต้วตามอยู่ด้านหลัง
ทหารสองนายที่ประคองหลี่ชุ่ยฮวาเดินตามอยู่ท้ายสุด
เศรษฐีหวังคิดจะเอ่ยห้าม “นั่นคือ…”
ยังไม่ทันได้เอ่ยจบ ก็ถูกผู้บัญชาการโต้วที่ออกคำสั่งตามหน้าที่ตัดบท “ทหาร นำตัวคนทั้งหมดกลับไปด้วย!”
นายทหารรับคำ นายทหารสองนายในจำนวนนั้นดันตัวเศรษฐีหวัง “มีคำพูดอะไร ไปถึงที่ศาลาว่าการของกองบัญชาการปัจทิศรักษาพระนครแล้วค่อยว่ากัน”
เศรษฐีหวังตกใจหน้าซีดเผือด คว้าบันไดที่อยู่ข้างกายเอาไว้แน่นภายใต้สถานการณ์วิกฤต กรีดร้องโวยวายคล้ายกับหมูที่ถูกเชือด “ทำไมข้าจะต้องไปด้วยกัน คนที่ตายก็เป็นคนของข้า!”
เหล่านายทหารล้วนปฏิบัติงานรับใช้ปวงประชาทุกวัน จับคนมาก็ไม่น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นคนที่มีอายุมากแล้วเช่นเขา กระทำการไร้ยางอายเช่นนี้ จึงรู้สึกแปลกใหม่เป็นอย่างมาก นายทหารผู้หนึ่งย่อตัวลง เอียงคอมองบนมองล่าง มองซ้ายมองขวา ปากก็เอ่ยด้วยความประหลาดใจว่า “นอกจากอายุแล้ว ก็ไม่เห็นว่าท่านจะมีอะไรเยอะไปกว่าคนอื่นๆ ทำไมถึงได้หาญกล้าขนาดนี้กัน กระทั่งคำสั่งจากกองบัญชาการปัจทิศรักษาพระนครของพวกข้าก็ยังกล้าขัดขืน”
เมื่อเห็นนายทหารที่สวมเครื่องแบบยุทโธปกรณ์ มือถือไม้พลองแล้ว เศรษฐีหวังก็หวาดกลัวแล้วจริงๆ ไม่เพียงแต่กลัวว่าชีวิตนี้ของตัวเองเข้าไปแล้วจะไม่ได้ออกมา ทั้งยังกลัวว่านี่คือบทสรุปที่ผู้อื่นจัดวางเอาไว้ กลัวว่าหลังจากที่ตัวเองเข้าไปในครั้งนี้ และยามที่ออกมาก็ต้องไปเป็นขอทานอยู่ข้างถนนแล้ว แม้ว่าเขาจะเห็นกับตาว่าเมิ่งชิงตัดขาดกับเมิ่งเชี่ยนโยวแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าพวกเขาเล่นละครต่อหน้าตัวเองหรือไม่ เป้าหมายก็คืออาศัยโอกาสนี้ให้ตนเองเข้าไปอยู่ในคุกจนไม่อาจออกมาได้ ให้คนในครอบครัวใช้ทรัพย์สินทั้งหมดไปประกันตัวเขา ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากนี้พวกเขาทั้งครอบครัวก็ต้องกลายเป็นขอทานที่เมืองหลวงแล้วจริงๆ
เมื่อดูเสร็จแล้ว ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ นายทหารก็หมดความอดทน ลุกขึ้นยืน ตวาดใส่เขา “รีบลุกขึ้นมาแล้วไปกับพวกข้าเสีย มิเช่นนั้นพวกข้าจะไม่เกรงใจแล้ว”
มือเศรษฐีหวังจับแน่นกว่าเดิม ร่างกายที่อวบอ้วนนั้นแนบสนิทติดกับบันได ร้องโหยหวนเสียงดัง “ข้าไม่ไปๆ ถ้าจะไปก็ต้องให้บ่าวรับใช้ของข้าตามไปด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องอันใดกับข้า ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”
นายทหารหัวเราะพรืด ชักดาบที่อยู่ตรงเอวออกมา เล็งไปที่มือข้างหนึ่งของเขา “ถ้ายังไม่ยอมปล่อยมือ ข้าจะตัดมือเจ้าแล้ว!”
เศรษฐีหวังที่ถูกทำให้หวาดกลัว ก็ลนลานปล่อยมือ ยกขึ้นสูง ผวาร้องโวยวาย “ข้าปล่อยแล้วๆ!”
“เชื่อฟังตั้งแต่แรกก็จบแล้ว”
นายทหารเอ่ย เก็บดาบเข้าไปบริเวณเอว และเตะเขาไปครั้งหนึ่ง “เชื่อฟังหน่อย ลุกขึ้นมาเดิน มิเช่นนั้นเจ้าจะได้เจอดี”
ดาบเล่มใหญ่กวัดแกว่งอยู่เบื้องหน้าเมื่อครู่นี้ ทำให้เศรษฐีหวังผวาไม่มีที่สิ้นสุด และไม่กล้าเล่นลูกไม้อันใดอีก คิดอยากจะยืนขึ้นเดินตามไป แต่จนปัญญาที่ขาไร้เรี่ยวแรง ฝืนลุกขึ้นอยู่หลายรอบก็ยังลุกขึ้นยืนไม่ได้
“ข้า ข้าขาไม่มีแรง ลุกไม่ขึ้น!”
นายทหารโมโหจนถีบเขาไปสองที ถึงได้ลากเขาลงไปชั้นล่างพร้อมกับนายทหารอีกคนหนึ่ง สำหรับบ่าวรับใช้ทั้งหมดนั้น ก็ถูกคุมตัวไปที่กองบัญชาการปัจทิศรักษาพระนครเช่นกัน รวมถึงบ่าวรับใช้ที่กล่าวกันว่าตายไปแล้ว แต่ความจริงยังคงมีลมหายใจรวยรินอยู่
เมื่อโรงเตี๊ยมกลับสู่ความสงบ ฝูงชนรวมไปถึงจั่งกุ้ย ทั้งหมดล้วนรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกบริเวณท้ายทอย วันนี้พวกเขาล้วนเห็นการดำเนินเรื่องทั้งหมดกับตา ถ้าหากว่าถูกคนของกองบัญชาการปัจทิศรักษาพระนครลากตัวไปด้วย นั่นต้องแย่แน่ๆ ว่ากันตามความจริง ไม่เพียงแต่จะล่วงเกินพระชายาซื่อจื่อ แต่จะยิ่งล่วงเกินจอหงวนฝ่ายบู๊ เช่นนั้นในภายภาคหน้าไม่ว่าไปที่ใด ก็ไม่เห็นหนทางในการมีชีวิตต่อไปได้ การไปเป็นพยานยิ่งเป็นไปไม่ได้ กลยุทธ์ที่ควรใช้ในสถานการณ์นี้ก็คือ รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง การหนีคือสุดยอดกลยุทธ์ที่ดีที่สุด ถูกต้อง รีบไปเร็วเข้า ไปให้ไกลจากสถานที่แห่งนี้ ยิ่งไกลยิ่งดี
เมื่อความคิดนี้แล่นเข้าสู่สมอง ร่างกายก็ขยับตามจิตใต้สำนึก แต่ละคนแย่งชิงกันเพื่อกลับไปยังห้องพักของตัวเองเป็นคนแรก เก็บสัมภาระของตัวเองอย่างว่องไว และลนลานไปคิดเงินที่โต๊ะคิดเงิน
ภายในระยะเวลาสั้นๆ หน้าโต๊ะคิดเงินของโรงเตี๊ยมก็เต็มไปด้วยผู้คน คนที่ไม่รู้เรื่องราว มองเผินๆ จากด้านนอกล้วนอิจฉาเป็นอย่างมาก สามารถทำให้กิจการโรงเตี๊ยมเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ได้ ภายในเมืองหลวงแห่งนี้นับว่าเป็นเจ้าแรก
จั่งกุ้ยยุ่งวุ่นวายจนเหงื่อท่วมตัว พร่ำบนในใจไม่หยุด
หลังจากวุ่นวายโกลาหลกันเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป ภายในโรงเตี๊ยมก็เงียบสงบแล้วจริงๆ เหลือเพียงแค่นายหญิงหวังที่ยังคงหมดสติ สำหรับบุตรชายและลูกสะใภ้ รวมถึงหลานชายสองคนของนางที่ได้รับความตื่นตระหนกจนขยับตัวไม่ได้ไปนานแล้ว บวกกับสาวใช้ที่ยืนตัวสั่นระริกอีกไม่กี่คน
จั่งกุ้ยเดินออกมาจากโต๊ะคิดเงิน มองห้องโถงที่วุ่นวาย และห้องหับที่ยุ่งเหยิงแล้ว ในใจก็มีโทสะขึ้นมา ลงบัญชีทั้งหมดนี้ให้กับคนในตระกูลเศรษฐีหวัง กัดฟันด้วยความแค้น ออกคำสั่งกับเสี่ยวเอ้อร์ “เฝ้าพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ให้ดี สักคนก็ไปจากโรงเตี๊ยมไม่ได้ ไม่ชดใช้ค่าเสียหายให้ข้า ข้าจะส่งพวกเขาทั้งหมดไปเข้าคุก”
เสี่ยวเอ้อร์รับคำ หมุนตัวเดินไปด้านหลัง ครู่หนึ่งคนที่อยู่ที่ลานด้านหลังก็ออกมา รวมไปถึงพ่อครัวทำอาหารและผู้ที่ทำงานจิปาถะด้วย ในมือแต่ละคนถือไม้พลอง เดินขึ้นไปชั้นบนด้วยท่าทางดุร้าย ยืนนิ่งอยู่ที่ทางขึ้นลงบันไดบริเวณชั้นสอง
สาวใช้หลายนางตกใจยืนเบียดกันเป็นก้อน มองไปทางพวกเขาด้วยความหวาดกลัว
หลังจากเมิ่งชิงถูกคุมตัวไปแล้ว คนของกองบัญชาการปัจทิศรักษาพระนครก็ไม่กล้าล่าช้า รีบหาคนมาไต่ถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวให้ชัดเจน ทั้งยังส่งคนไปตรวจสอบบ่าวรับใช้ที่ตกลงมาแล้วหมดสติไป เมื่อพบว่าเขายังมีลมหายใจรวยริน ก็รีบสั่งคนให้ไปรักษาทันที หลังจากนั้นก็ส่งรายงานไปให้กับกรมมหาดไทยอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักเรื่องนี้ก็ไปอยู่ในมือของฮ่องเต้
ฮ่องเต้อ่านจบแล้ว ก็มีบัญชาเรียกตัวหวงฝู่อี้เซวียนเข้ามาพบทันที กระแอมไออยู่สองครั้ง พร้อมกับเอ่ยว่า “น้องชายเจ้าผู้นี้ควรจะได้รับการจัดการอบรมสักหน่อย กระทำเรื่องเช่นนี้ภายใต้สายตาผู้คนมากมาย แม้ว่าเราจะมีใจเมตตา ก็เกรงว่าจะไร้ความสามารถที่จะช่วยเหลือแล้ว”