ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน] - ตอนพิเศษ (2) ตอนที่ 46 ตอนจบ (กลาง)
เมื่อเอ่ยจบ ก็หมุนกายเดินออกไปจากเรือนอย่างไร้ซึ่งความลังเล
หลี่ชุ่ยฮวาลนลานขึ้นมาแล้วจริงๆ แม้ว่านางจะเอ่ยวาจามั่นใจ แต่ในใจนางเข้าใจดีว่า หากไม่มีเมิ่งชิง นางอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ก็ไม่นับเป็นตัวอะไรทั้งนั้น ไม่มีใครมาประจบสอพลอเอาใจนาง และยิ่งไม่มีใครมอบเงินให้กับนาง สิ่งที่นางกิน อาศัย และใช้อยู่ทั้งหมด ก็เป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า ชั่วพริบตาก็เลือนหายไป จึงรีบหยิบเสื้อคลุมตามออกไป
ภายใต้โทสะ เมิ่งชิงนั้นเดินเร็วมาก เมื่อเห็นว่าใกล้จะออกจากประตูเรือนชั้นในแล้ว หลี่ชุ่ยฮวาที่ตามไม่ทันก็ตะโกนเสียงดังออกมาด้วยความร้อนใจ “ชิงเอ๋อร์ เจ้าหยุดนะ ถ้าหากว่าเจ้ากล้าที่จะเดินไปข้างหน้าอีกก้าว แม่จะพุ่งชนศีรษะตายอยู่ตรงนี้”
เท้าของเมิ่งชิงหยุดนิ่งในทันที
เมื่อเห็นว่าการข่มขู่ได้ผล หลี่ชุ่ยฮวาก็รีบวิ่งขึ้นไปอยู่หน้าเขา มองสีหน้าทะมึนของเขา และเอ่ยน้ำเสียงโอนอ่อน ขอร้องเสียงเบา “ชิงเอ๋อร์ แม่รู้ เจ้าไม่ชื่นชอบครอบครัวท่านตาเจ้า แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นญาติแท้ๆ ของแม่ แม่ถูกขายเข้าไปในตระกูลเศรษฐีหวังมาหลายปีนี้ ถูกคนตบตีและทารุณ ถูกทรมานราวกับไม่ใช่คน เป็นท่านลุงทั้งสามของเจ้าที่ช่วยสนับสนุนแม่ แม่ถึงสามารถมีชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนี้ ในยามนี้แม่มีชีวิตที่ดีแล้ว จะไม่ตอบแทนบุญคุณพวกเขาได้เช่นไรกัน”
เมิ่งชิงมองนาง มุมปากโค้งขึ้น เหยียดยิ้มเยาะออกมา “ตอบแทนหรือ เมื่อครู่ท่านแม่เพิ่งจะพูดว่า ในคราแรกท่านถูกขายเข้าตระกูลเศรษฐีหวัง เช่นนั้นโทษทรมานที่ท่านได้รับมาในหลายปีนี้ ล้วนเป็นพวกเขาที่สร้างขึ้นมา ข้าจะยอมรับให้พวกเขามาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าข้าได้เช่นไรกันเล่า”
ปากหลี่ชุ่ยฮวาอ้าและหุบ หลังจากนั้นก็อ้าออกอีกครั้ง ซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง ถึงได้เอ่ยออกมาได้ว่า “ชิงเอ๋อร์ เรื่องราวในอดีตล้วนผ่านไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็เป็นญาติของแม่ แม่อยากจะอยู่กับพวกเขา”
เสียงเมิ่งชิงแหบแห้ง “ในสายตาของข้า พวกเขาล้วนเป็นตัวการที่ทำให้ท่านแม่ได้รับความทรมาน ข้าไม่สามารถยอมรับพวกเขาได้ ถ้าหากพวกเขาอยู่ ข้าก็จะจากไป แต่ถ้าหากท่านแม่ต้องการให้ข้าอยู่ ก็เชิญพวกเขาจากไปเสียเถอะ บุตรชายรับปากกับท่านว่าจะเห็นแก่ญาติที่มีสายเลือดเดียวกันกับท่าน ไม่ทำให้พวกเขาลำบากใจเด็ดขาด”
กล่าวไปมากมายขนาดนี้ เมิ่งชิงก็ยังคงไม่ยอบรับปากให้คนในครอบครัวอยู่ที่นี่ โทสะที่หลี่ชุ่ยฮวายับยั้งเอาไว้ก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง เอ่ยเสียงแหลมสูง “ชิงเอ๋อร์ แม่รู้ เจ้าก็ดูถูกแม่ใช่หรือไม่ นึกว่าที่แม่ติดตามเศรษฐีหวังมานานหลายปีเช่นนี้ แม่ไม่ได้ครองตัวเป็นหม้ายเพื่อพ่อเจ้า แต่เจ้ารู้ไหมว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่แม่ยินยอม ล้วนเป็นเพราะเมิ่งเชี่ยนโยว เมิ่งเชี่ยนโยวนังสารเลวนั่น เป็นเพราะนาง เพราะนาง ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางตัด…”
“พอได้แล้ว!”
เมิ่งชิงตัดบทนางด้วยความเดือดดาล ภายใต้สายตาตื่นตระหนกของนาง ก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงเข้มว่า “ท่านแม่ ท่านแม่นึกว่าข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นในปีนั้นจริงๆ หรือ”
หลี่ชุ่ยฮวาเบิกตาโต ใบหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่อยู่
เมิ่งชิงจ้องมองสีหน้าของนาง ใบหน้ามีความรู้สึกเจ็บปวด “ในปีนั้นข้าอายุหกหนาว มีบางเรื่อง แม้ว่าจะจำได้ไม่ชัดมาก แต่ก็ยังจำได้อย่างเลือนราง ท่านพ่อเป็นคนเช่นไร ทำเรื่องอันใด และท่านทำเรื่องอันใด ข้าล้วนจำได้ นิสัยของท่านพี่โยวเอ๋อร์เป็นเช่นไร หลายปีมานี้ข้าเข้าใจเป็นอย่างดี นางไม่ใช่คนที่จะสังหารคนอื่นตามอำเภอใจอย่างเด็ดขาด และสาเหตุที่ท่านพ่อถูกนางตัดเส้นเอ็น ก็เป็นเพราะต้องทำเรื่องอันใดที่นางไม่สามารถยอมรับได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ในภายหลังท่านพ่อก็แทบจะไม่แค้นนางแม้แต่น้อย กลับช่วยเหลือนางด้วยใจจริง ส่วนข้า สาเหตุที่ข้าตัดขาดกับนางต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนั้น ก็เพราะอยากจะตัดความสัมพันธ์กับนางอย่างชัดเจน ไม่ให้นางต้องถูกคนประณามเพราะอดีตของท่าน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ท่านเป็นท่านแม่ของข้า เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดข้า ข้าพยายามที่จะกตัญญูต่อท่านอย่างสุดความสามารถ ให้ท่านได้มีบั้นปลายชีวิตที่สงบสุข”
เมื่อเขาเอ่ยจบ ภายในเรือนก็เงียบไปเนิ่นนาน
ผ่านไปเนิ่นนาน นานมาก นานเสียจนตอนที่คนตระกูลหลี่ที่อยู่ภายในเรือนเริ่มสงสัยแล้วว่าหลี่ชุ่ยฮวาและเมิ่งชิง สองคนนี้จากไปโดยลืมพวกเขาคนกลุ่มนี้ไปแล้วใช่หรือไม่นั้น หลี่ชุ่ยฮวาก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเทา “ดังนั้น ที่เจ้าตัดขาดกับนาง ก็ไม่ใช่เพราะว่าคิดเพื่อแม่ แต่เพราะไม่อยากให้นางต้องได้รับความลำบากจากชื่อเสียงของแม่เช่นนั้นหรือ”
“ใช่!”
เมิ่งชิงผงกศีรษะ ยอมรับอย่างไม่ลังเล
หลี่ชุ่ยฮวาร่างโงนเงนไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งว่า “มิน่าล่ะ แม่ให้เจ้ากลับไปยังตระกูลเมิ่งครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าก็ไม่ยอมกลับไป ที่แท้ก็เป็นเพราะเหตุนี้ ดี ดีมาก”
เมิ่งชิงไม่พูดไม่จา
ลมพัดผ่านไปวูบหนึ่ง ความหนาวเย็นซึมแทรกเข้าไปในกระดูกของหลี่ชุ่ยฮวา ทำให้นางรู้สึกว่าทั้งร่างเหน็บหนาวเป็นอย่างมาก
ภายในเรือนเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง หลี่ชุ่ยฮวาถึงได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่าตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ไปเสียเถอะ เจ้าตัดขาดจากตระกูลเมิ่งไม่ได้ และแม่ก็ปล่อยมือจากคนในครอบครัวไม่ได้เช่นกัน หากพวกเราแม่ลูกยืนกรานไม่ยอมเช่นนี้ต่อไป สุดท้ายแล้วก็จะทำให้ความสัมพันธ์แม่ลูกไม่เหลือแม้แต่น้อย”
เมิ่งชิงไม่พูดอันใด
หลี่ชุ่ยฮวาสูดลมหายใจลึก เอ่ยต่อว่า “แต่แม่มีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นบุตรชายที่แม่ให้กำเนิดมา เจ้าไม่อาจไม่ทิ้งแม่โดยไม่สนใจไยดีได้ เช่นนี้แล้ว ทุกเดือนเจ้าจะต้องให้เงินหนึ่งร้อยตำลึงเป็นเงินเลี้ยงดูยามแก่เฒ่าให้ข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะไม่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าและคนตระกูลเมิ่งอีก”
เมิ่งชิงหัวเราะเหอๆ “ท่านแม่ เบี้ยหวัดทุกเดือนของบุตรชายได้เท่าใด ท่านไม่ทราบหรือ ทุกเดือนหนึ่งร้อยตำลึง นี่ท่านกำลังบีบบังคับให้บุตรชายไปขโมยหรือแย่งชิงหรือ”
“ตระกูลเมิ่งกิจการใหญ่โต สำหรับพวกเขาแล้ว เงินหนึ่งร้อยตำลึง ไล่ขอทานที่อยู่ข้างทางไปยังใช้มากกว่านี้ ขอเพียงแค่เจ้ากลับไป บอกกับพวกเขาว่าเจ้าตัดขาดความสัมพันธ์กับแม่แล้ว เงินหนึ่งร้อยตำลึงนี่ พวกเขาจะตบปากรับคำอย่างรวดเร็ว”
หลี่ชุ่ยฮวาเอ่ยพูดด้วยความมั่นใจ เพราะนางรู้ว่า คนตระกูลเมิ่งแทบอยากจะให้นางกับเมิ่งชิงตัดขาดความสัมพันธ์กันโดยเร็ว เงินหนึ่งร้อยตำลึงนี่เล็กน้อยจนไม่มีค่าควรแก่การเอ่ยถึง พวกเขาจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน
เมิ่งชิงหัวเราะออกมาอีกครั้ง หัวเราะด้วยความโศกเศร้าเสียใจ หัวเราะด้วยความสิ้นหวัง หัวเราะจนหางตารื้นไปด้วยหยาดน้ำตา
“ในเมื่อท่านแม่คิดเรียบร้อยแล้ว ก็สันนิษฐานได้ว่าหลังจากนี้คงไม่ยินยอมที่จะได้พบกับบุตรชายอีก ไม่สู้เอาเช่นนี้ พวกเราคิดบัญชีให้เรียบร้อยในครั้งเดียวเสียเลย ท่านก็อย่าเอ่ยว่าทุกเดือนต้องการหนึ่งร้อยตำลึงอีกเลย เอ่ยจำนวนมาเถอะ ขอเพียงแค่ท่านเอ่ยออกมา แม้ว่าบุตรชายจะต้องไปขโมยหรือแย่งชิง ก็จะนำมามอบให้ท่าน”
แม้ว่าปากจะเอ่ยเช่นนี้ แต่มือกลับกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว เขาหวังว่าหลี่ชุ่ยฮวาจะปฏิเสธตัวเองมากเพียงใด สาเหตุที่ต้องการเงินหนึ่งร้อยตำลึงในทุกๆ เดือน ก็เป็นเพราะต้องการพบหน้าเขาในตอนที่มาส่งเงินให้
แต่เขาถูกกำหนดให้ผิดหวังเสียแล้ว หลังจากหลี่ชุ่ยฮวาฟังวาจาของเขาแล้ว ไม่เพียงแต่ไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์ แต่นัยน์ตากลับเป็นประกายวาบ
หัวใจเมิ่งชิงหนักอึ้ง
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ หลี่ชุ่ยฮวาเอ่ยพูดออกมา ก็ยังมีท่าทางไตร่ตรองเพื่อเขา “ทำเช่นนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องลำบากเจ้ามาส่งเงินในภายหลัง จนทำให้คนตระกูลเมิ่งไม่พอใจ เช่นนี้ แม่ก็ไม่ต้องการมากมาย ให้ห้าหมื่นตำลึงก็พอ”
มือของเมิ่งชิงกำหมัดแน่น มองหลี่ชุ่ยฮวาอย่างลึกซึ้งเป็นครั้งสุดท้าย และไม่เอ่ยวาจาใดๆ หมุนกายเดินออกไปจากเรือนรับรองทันที
“เจ้า…”
หลี่ชุ่ยฮวาขยับปากคิดจะตะโกนเรียกเขาให้หยุด เพื่อถามเขาว่า สรุปแล้วรับปากหรือไม่รับปากกันแน่ แต่เมื่อคิดดูอีกครั้ง เขาไม่ได้ปฏิเสธ นั่นก็หมายความว่ารับปากแล้ว จึงหมุนกายเดินกลับเข้าไปในเรือนอย่างมีความสุข