ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 1 บทที่ 17 ต่อสู้ซึ่งหน้าและลับหลัง
“อืม เป็นเด็กดีจริงๆ ลุกขึ้นเถิด”
น้ำเสียงอ่อนโยน แม้จะไม่ทรงพลังมาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำเสียงไร้ซึ่งความจริงใจประหนึ่งคำสุภาษิตที่ว่าหน้าเนื้อใจเสือของฮองเฮาแล้วกลับดูจริงใจกว่ามาก
หลินเมิ้งหยาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงซึ่งกำลังนั่งอยู่ทางด้านหน้า ทว่านางกลับตะลึงงันไปเล็กน้อย
รูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นของหลงเทียนอวี้จะต้องได้รับมาจากหมู่เฟยไม่ผิดแน่
เมื่อใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบประดับอยู่บนร่างกายของหลงเทียนอวี้ทำให้เขาดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่เมื่อมาอยู่บนตัวของพระสนมเต๋อเฟยแล้วกลับยิ่งงดงามจนน่าตื่นตะลึง
ปกเสื้อสีขาวสนิททอลายก้อนเมฆสีฟ้าอ่อน เส้นผมดำเงาถูกเกล้าขึ้นเป็นทรงก้อนเมฆอย่างมิได้ตั้งใจเท่าไรนัก ด้านบนปักไว้ด้วยปิ่นปักผมลายดอกฝูหรงเท่านั้น
แม้จะก้าวเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว ทว่าใบหน้าของพระสนมเต๋อเฟยกลับยังดูอ่อนเยาว์ แต่ถึงกระนั้นก็ยังอบอวลไปด้วยเสน่ห์ของหญิงวัยกลางคน
ทว่า ขนคิ้วซึ่งกำลังขมวดเข้าหากันเล็กน้อยนั้นกลับทำให้ผู้อื่นรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก
พระสนมเต๋อเฟยคงเป็นห่วงองค์ชายของพระองค์มาก
มิเช่นนั้นดวงตาเปล่งประกายราวหยดน้ำคู่นั้นคงไม่จับจ้องมองไปทางหลงเทียนอวี้ตลอดเวลา อีกทั้งนัยน์ตายังแฝงไว้ซึ่งความเศร้าโศก
“ฮองเฮาเหนียงเหนียงเพคะ ดูท่าแล้วพระสนมเต๋อเฟยคงมิรู้สึกพึงใจต่อลูกสะใภ้คนนี้เสียเท่าไรนะเพคะ”
เสียงยั่วยุดังขึ้นที่ด้านหลังของหลินเมิ้งหยา หลงเทียนอวี้เลิกคิ้วขึ้นพลางชำเลืองตามองไปทางเงาที่ดูงดงามสะโอดสะอง
ที่แท้ก็คือลี่จาวเหยี่ยน หนึ่งในคนของฮองเฮานั่นเอง เพราะเหตุนี้จึงกล้าเอ่ยวาจาไร้ซึ่งความกลัวเกรงเช่นนี้ออกมา
“โอ้? ดูท่าจะจริง พระสนมเต๋อเฟยเองก็แสดงท่าทีไม่พอใจก่อนการคัดเลือกพระชายานี่นา เมิ้งหยา เหตุใดจึงไม่รีบกราบขออภัยพระสนมเต๋อเฟยอีก”
เมื่อหัวข้อในการสนทนาเปลี่ยนแปลงกะทันหัน หลินเมิ้งหยาจึงตกเป็นเป้านิ่งของทุกคนทันที
หากดูผิวเผินจะเห็นแต่เพียงความเอาใจใส่ของฮองเฮาต่อพระสนมเต๋อเฟย ทว่าแท้จริงแล้วพระนางกำลังปลุกปั่นความสัมพันธ์ระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้ต่างหาก
สีหน้าของพระสนมเต๋อเฟยเริ่มเปลี่ยนไป ทว่านางกลับไม่กล้าเอ่ยอันใดออกมา
ฮองเฮาคิดจะกำจัดนางตั้งนานแล้ว ดังนั้นนางจึงพยายามระมัดระวังทุกฝีก้าว ราวกับว่าไม่กล้าที่จะปล่อยให้ตนเองก้าวพลาดแม้เพียงก้าวเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นก็อดสงสารแม่หนูสกุลหลินผู้นี้ไม่ได้ นอกจากจะถูกทำลายชื่อเสียงแล้ว ตอนนี้ยังกลายมาเป็นหมากตัวหนึ่งของฮองเฮาอีก
ทั้งพระตำหนักล้วนรอดูเรื่องตลกของหลินเมิ้งหยา ทว่าพระชายาพระองค์ใหม่กลับผุดยิ้มขึ้นเล็กน้อยแล้วถวายคำนับ
ชั่วขณะที่คิดจะเอื้อนเอ่ย หลงเทียนอวี้กลับชิงตอบโต้
“หมู่โฮ้ว1 เป็นผู้พระราชทานการอภิเษกสมรสในครานี้ขึ้น เอ๋อร์เฉินพึงพอใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าเมิ้งหยาจะปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมไปบ้าง แต่ความอ่อนโยนและคุณงามความดีที่นางมีทั้งหมดล้วนเหมาะสมที่จะเป็นพระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
ฮองเฮาต้องการเพียงทำลายชื่อเสียงและกำจัดหลินเมิ้งหยาทิ้งเสีย
ในเมื่อหมากตัวนี้ใช้การไม่ได้แล้ว ถ้าเช่นนั้นการกำจัดนางจึงเป็นเรื่องที่ควรทำเมื่อสบโอกาส
หากดูจากอุปนิสัยของอ๋องอวี้แล้ว แม้ผู้หญิงคนหนึ่งจะถูกฆ่าตายต่อหน้า เขากลับไม่เคยคิดจะสนใจ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอ๋องอวี้จะออกปากแก้ตัวแทนหลินเมิ้งหยาต่อหน้าผู้อื่นเช่นนี้
“ดี ดี ในเมื่ออวี้เอ๋อร์พึงใจในเมิ้งหยา เปิ่นกงเองก็สบายใจ เต๋อเฟย อวี้เอ๋อร์ช่างกตัญญูรู้คุณ ลูกสะใภ้เองก็ฉลาดเฉลียว ถ้าเช่นนั้นเจ้าย้ายไปอยู่ที่พระตำหนักอวี้เพื่อความสุขสำราญใจเถิด”
ฮองเฮารับสั่งเรื่องเดิมอีกครั้ง ทว่าน้ำเสียงในครานี้มิใช่การปรึกษาแต่อย่างใด
สายตาคมกริบดั่งเหยี่ยวแฝงไว้ซึ่งการข่มขู่ ฮองเฮายกแก้วชาของตนเองขึ้นแล้วจิบลงไปหนึ่งอึก
พระสนมเต๋อเฟยชะงักงัน ทว่านางรู้ดีว่าหากยังดึงดันปฏิเสธอีกละก็ เกรงว่าเด็กบริสุทธิ์ทั้งสองคนตรงหน้าคงมิวายถูกจองล้างจองผลาญอย่างแน่นอน นางจึงลอบถอนหายใจแล้วลุกขึ้นถวายคำนับ
“เพคะ หม่อมฉันขอน้อมรับพระบัญชา”
ในที่สุดก็ได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ อีกทั้งยังไล่หนามยอกอกออกไปได้ อารมณ์ของฮองเฮาในเวลานี้จึงดีขึ้นมาก
“เอาล่ะ พวกเจ้าไปรับพระสนมเต๋อเฟยที่ตำหนักจิ่นซิ่วแล้วออกจากวังเถิด ฮ่องเต้ยังทรงประชวร พวกเจ้าไม่ต้องเข้าไปถวายคำนับหรอก แยกย้ายกันไปเถิด”
“เพคะ ขอน้อมรับพระบัญชาฮองเฮา”
หลินเมิ้งหยาถวายความเคารพอีกครั้ง จากนั้นลุกขึ้นยืนเคียงข้างหลงเทียนอวี้
แต่ถึงกระนั้นสมองของนางกลับหมุนติ้วไม่หยุด