ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 12 บทที่ 337 หายตัวไปอย่างลึกลับ
หลินเมิ้งหยากลับมีท่าทางเคร่งขรึมผิดกับที่นางคาดไว้
ปลายมีดคมกริบถูกมือนางกำเอาไว้แน่น
ความเจ็บปวดแล่นพล่านท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืนอันหนาวเหน็บ
“เจ้าบ้าหรืออย่างไร!”
ผู้หญิงคนนั้นคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะใช้มือกุมมีดของนางด้วยท่าทางสงบนิ่ง
ความเจ็บปวดเริ่มรุนแรงจนหลินเมิ้งหยาขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น
นางทนมามากเกินพอแล้ว ทุกครั้งนางมักจะถูกปกป้องเอาไว้เบื้องหลัง ทุกคนล้วนเข้ามาทำร้ายคนของนาง
ฉะนั้นคราวนี้นางไม่คิดจะหลบซ่อนอยู่หลังใครอีกแล้ว แต่นางจะเผชิญหน้ากับคนที่คิดจะเอาชีวิตของนางโดยตรง
“ใครส่งเจ้ามา? หรือเป็นเจ้าเองที่เกลียดข้าและต้องการจะฆ่าข้า?”
อยู่ๆ ร่างของผู้หญิงภายใต้เสื้อคลุมพลันสั่นสะท้าน
เหตุเพราะนางได้เห็นดวงตาเย็นชาที่สุดในโลกคู่นั้น
แสงจันทร์สาดส่องลงมายังตรอกมืดแห่งนี้ แม้จะเป็นเวลาเพียงครู่เดียว แต่นางกลับเห็นสีหน้าเย็นชาเสมือนปีศาจหลุดมาจากนรกของฝ่ายตรงข้าม
“ข้า…”
ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นคิดจะตอบคำถาม นางกลับพบว่าไม่ว่าจะพยายามขยับมีดเช่นไรก็มิอาจดึงออกจากมือของหลินเมิ้งหยาได้
ไม่ว่าแผลจะลึกขนาดไหน ทว่าหลินเมิ้งหยากลับแสดงสีหน้าไร้ความรู้สึกและไม่ยอมปล่อยมือ
อยู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ตัดสินใจอย่างโหดเหี้ยม นางออกแรงดึงมีดเพื่อจะเฉือนมือของหลินเมิ้งหยา
ทว่าอยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็ปล่อยมือ เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นกลางอากาศ คิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดเข้าหากันแน่น
“มิใช่ว่าจะฆ่าข้าหรือ? มาสิ จงใช้มีดของเจ้าแทงเข้ามาที่หัวใจของข้า! เข้ามา!”
ส่งเสียงแผดร้องด้วยความเย็นชาระคนเจ็บปวด
หลินเมิ้งหยาจ้องสตรีนางนั้นด้วยใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง บาดแผลที่ได้รับยิ่งทวีความเจ็บปวดมากขึ้น
ในที่สุดความกระหายเลือดที่ถูกเก็บเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจพลันระเบิดออกจากแรงกระตุ้นที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นับตั้งแต่วันที่สกุลหลินก้าวเข้าสู่เส้นทางทางการทหาร ไม่ว่าหลินมู่จือหรือหลินหนานเซิงล้วนกลายเป็นเทพเจ้าแห่งความกล้าหาญ
แม้หลินเมิ้งหยาจะเป็นเพียงสตรี ทว่าความกล้าหาญที่ถูกปลูกฝังอยู่ในหัวใจมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ นางเหมือนกับหลินมู่จื่อในข้อนี้
“ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดทุกคนจึงอยากสังหารข้านัก! หากโลกใบนี้ไม่ต้องการข้าแล้วล่ะก็ เช่นนั้นทำไมจึงให้ข้าข้ามภพมาอยู่ที่นี่เล่า?”
ย่างสามขุมเข้าหาผู้หญิงคนนั้น เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังรู้สึกหวาดกลัว
ตอนแรกนางตั้งใจว่าจะมาปลิดชีพหลินเมิ้งหยา แต่หลังจากที่ได้เห็นนางจับมีดด้วยมือเปล่า ความเกลียดชังที่มีในหัวใจพลันแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว
เหตุใดนางจึงมีดวงตาเย็นชาไร้หัวใจคู่นั้น!
เหมือน…เหมือนกับหลงเทียนอวี้ไม่มีผิด!
“พวกเจ้าต้องการชีวิตของข้า เช่นนั้นก็เข้ามาเถิด! ถึงอย่างไรข้าก็ไม่กลัวตายอยู่แล้ว แต่เพราะเหตุใดพวกเจ้าจึงต้องทำร้ายคนของข้าด้วย! ทั้งพี่เยว่ถิง เสี่ยวอวี้และชิงหู หากไม่ใช่เพื่อข้า เช่นนั้นพวกเขาคงมีโอกาสเลือกเส้นทางชีวิตที่ดีกว่านี้! เหตุใดพวกเจ้าจึงต้องบีบบังคับข้าถึงเพียงนี้?”
ราวกับว่าหลินเมิ้งหยาตกอยู่ในห้วงแห่งฝันร้าย ความเจ็บปวดที่ต้องจากลาเพื่อนพ้องโจมตีหัวใจของนาง
เหตุใดทุกคนที่นางรักจึงต้องจากไป?
เหตุใดสิ่งที่นางรักจึงต้องร่วงหล่นหายไปจนหมดสิ้น!
เหยียบย่ำกองเลือดของตนเอง ในที่สุดความเจ็บปวดทั้งหมดของหลินเมิ้งหยาก็ถูกระบายออกมา
คืนนี้ผู้หญิงที่ต้องการจะสังหารนางโชคไม่ดีเอาเสียเลย
สตรีนางนั้นเริ่มกระสับกระส่าย ยากนักกว่าที่จะดึงความโหดเหี้ยมกลับมาได้อีกครั้ง แต่เมื่อได้เห็นท่าทางของหลินเมิ้งหยา ความรู้สึกเหล่านั้นพลันสลายหายไปในทันที
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกอยากหนีออกไปจากที่นี่
ทั้งที่ในมือของนางมีอาวุธ แต่นางกลับรู้สึกว่าคนที่กำลังจะโดนสังหารคือตนเอง!
ร่างบางหดลงเล็กน้อย สัญชาตญาณกำลังร้องเตือนว่าหากนางยังไม่หยุดการกระทำ เช่นนั้นสิ่งที่กำลังรอนางอยู่ก็คือความตาย
แม้มือจะสั่นระริก แต่ผู้หญิงคนนั้นพยายามรวบรวมความกล้า
เม้มปากแน่น สมองคิดจะแทงมีดเข้าไปฝังที่อกของหลินเมิ้งหยาอีกครั้ง
ทว่าอีกวินาทีต่อมา ร่างในชุดดำพลันล้มลงต่อหน้าหลินเมิ้งหยา
“ก็แค่ฆ่าคนเท่านั้น จำเป็นต้องทำให้มือของเจ้าแปดเปื้อนด้วยหรือ?”
แม้จะอยู่ท่ามกลางความมืด แต่หลินเมิ้งหยากลับรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าคือใคร
ผู้มาใหม่ก้าวเท้าออกมาสบตากับหลินเมิ้งหยา ก่อนที่เขาจะส่งยิ้มอ่อนโยนไร้พิษภัย
“เหตุเพราะไปส่งเจ้าไม่ทัน ฉะนั้นจึงเตรียมออกมาหาเจ้า แต่ดูเหมือนการมาเร็วจะเทียบไม่ได้กับการเจอกันโดยบังเอิญเช่นนี้ เจ้าคิดเห็นเช่นเดียวกันหรือไม่?”
ชิวอวี้ดึงดาบออกมา ใบหน้ายังคงหยักยิ้มอ่อนโยน
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับใช้สายตาเสมือนกำลังมองคนแปลกหน้าส่งไปหาเขา สายตาจับจ้องใบหน้าและดาบในมือนิ่ง
“เจ้าเป็นใครกันเล่า? เหตุใดพวกเจ้าทุกคนจึงต้องปิดบังตัวตนของตัวเองเอาไว้และมาปรากฏตัวในชีวิตข้า? พวกเจ้ารับรู้ความเจ็บปวดของข้าหรือไม่? ข้าไม่อยากถูกใครหลอกใช้อีกต่อไปแล้ว!”
ตอนนี้อารมณ์ของหลินเมิ้งหยาไม่ปกติ นางไม่แม้แต่จะสนใจบาดแผลบนมือ
ชิวอวี้ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นหลังจากได้เห็นท่าทางของนาง
ดูเหมือนสถานการณ์ตอนนี้จะไม่ดีเสียแล้ว
เหตุเพราะเสียเลือดมาก ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงเริ่มสูญเสียการควบคุมตัวเอง
เลือดที่รินไหลออกจากมือข้างที่บาดเจ็บท่วมผืนดินจนกลายเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ แต่หลินเมิ้งหยากลับจ้องมองชิวอวี้ด้วยความโกรธเกรี้ยวราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เขากำลังอธิบายอย่างไรอย่างนั้น
ช่วยไม่ได้ ชิวอวี้ทำได้เพียงกระโดดขึ้นไปยืนด้านหลังของหลินเมิ้งหยาแล้วใช้ฝ่ามือสับคอนาง
ร่างของสิงโตน้อยที่แสดงท่าทางดุร้ายเมื่อครู่พลันอ่อนยวบลงแล้วตกอยู่ในวงแขนของชิวอวี้
“หลับลงก่อนเถิด พอตื่นแล้วความเจ็บปวดก็จะหายไป”
เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นภายในตรอกแห่งนั้น ก่อนที่ร่างของคนทั้งสองจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เมิ้งหยา เมิ้งหยา”
มือถือโคมรูปผีเสื้อลวดลายงดงาม ใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขาพลันหุบลงทันทีที่มาถึงตรอกแห่งนั้น
ใบหน้าแข็งทื่อ ดวงตาเย็นชา จมูกได้กลิ่นเลือดตลบอบอวล
ย่างสามขุมเข้าไปทีละก้าว ท่ามกลางความมืดมิดแห่งนั้น ร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นทำให้หัวใจของเขาบีบตัวเข้าหากัน
อาศัยแสงไฟจากโคมไฟในมือเพื่อส่องดูร่างนั้น ก่อนจะได้เห็นศพนอนตายตาไม่หลับ
โชคดีที่ไม่ใช่หลินเมิ้งหยา
ขณะที่หลงเทียนอวี้กำลังจะหมุนตัวจากไป อยู่ๆ เขาพลันได้กลิ่นหอม ดวงตาจึงหรี่เล็กลง
นั่นมัน….
ก้มหน้าลง ก่อนจะหาอย่างละเอียด ในที่สุดเขาก็ได้เห็นกองเลือดบนพื้น
ไม่ผิดแน่ ไม่รู้ว่าเพราะคุ้นเคยกับนางหรือไม่ หลงเทียนอวี้จึงจำกลิ่นเลือดของหลินเมิ้งหยาได้อย่างชัดเจน
กลิ่นเลือดปะปนไปด้วยกลิ่นหอมเย็นอ่อนๆ มีเพียงหลินเมิ้งหยาคนเดียวที่มีมัน
จ้องกองเลือดบนพื้นนิ่ง คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากันแน่น
เลือดออกมากมายขนาดนี้ หลินเมิ้งหยาได้รับบาดเจ็บสาหัสมากขนาดไหนกัน?
เดินลึกเข้าไปในตรอกอีกสองสามก้าว แต่เขากลับไม่พบร่องรอยการหายตัวไปของหลินเมิ้งหยา
หัวใจเสมือนถูกบีบเค้นอย่างรุนแรง หรือว่า…
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยไร้ความสามารถ พวกเราไม่พบเบาะแสของพระชายาเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ด้านนอกตรอก ร่างของหลินขุยพลันปรากฏต่อหน้าหลงเทียนอวี้
คุกเข่าลงบนพื้น ทว่าศีรษะกลับมีเหงื่อชุ่ม
เมื่อครู่ท่านอ๋องรับสั่งว่าพระชายามิได้อยู่ในสถานที่ซึ่งนัดกันไว้ คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงพริบตาเดียว พระชายาจะหายตัวไป
หางตามองเห็นร่างไร้วิญญาณที่กองอยู่บนพื้นก่อนหน้านั้นแล้ว
หรือจะเกิดเหตุอันใดขึ้นกับพระชายา?
เขาไม่กล้าที่จะคิดต่อ แม้เขาจะเป็นคนสมองช้า แต่ก็ยังรู้ได้ว่าพระชายาในตอนนี้ไม่เหมือนพระชายาคนก่อน ไม่รู้ว่าใครบังอาจลักพาตัวพระชายาไป
“ตรวจสอบให้ละเอียดว่าใครกันแน่ที่ลักพาตัวพระชายาไป”
ภายใต้แสงจากโคมไฟ หลงเทียนอวี้หรี่ตาลง
เพิ่งจะมอบความอบอุ่นให้หลินเมิ้งหยา แต่เพียงพริบตาเดียวนางก็หายไปเสียแล้ว
ถือโคมไฟรูปผีเสือเดินออกจากตรอก เงยหน้ามองพระจันทร์เต็มดวง สายตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง
ดีนัก ดีเหลือเกิน
นี่พวกมันอยากจะได้ชีวิตหลินเมิ้งหยาขนาดนี้เชียวหรือ?
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาเองก็จะไม่เกรงใจที่จะมอบความตายให้พวกมันเร็วขึ้น!
หลินเมิ้งหยาที่นอนสลบไม่ฟื้นมิอาจรู้ได้เลยว่าการหายตัวไปของตนส่งผลกระทบต่อชีวิตของทุกคนมากเพียงไหน
บางทีอาจเพราะอาการบาดเจ็บ ดังนั้นนับตั้งแต่ชิวอวี้พามาทำแผล นางจึงมีอาการไข้ขึ้น
ไม่รู้ว่าเพราะหัวใจที่กำลังบอบช้ำหรือไม่ แม้นางจะได้ทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่หลินเมิ้งหยากลับยังนอนปิดตาสนิท
“คุณชายรอง ร่างกายของแม่นางคนนี้หาได้บาดเจ็บสาหัสไม่ แต่กลับยังสลบมิฟื้น หรือว่า…”
ภายในห้องสว่างไสวอบอุ่น ชิวอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สีแดง สายตายังคงจับจ้องมองใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่ซีดเซียวบนเตียงนิ่ง
ม่านสีฟ้าป้องกันสายลมมิให้พัดเข้ามามากจนเกินไป ผ้าคลุมเตียงสีชมพูถูกรัดมุมอย่างรัดกุม
ริมฝีปากของคนบนเตียงขาวซีด สีหน้าไร้ชีวิตชีวาเหมือนก่อนจนทำให้ผู้คนรู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในโลก
เส้นผมสีดำขลับแผ่บนหมอนหนุนปักดิ้นทองราวกับต้องการแต่งแต้มความงดงามให้แก่ผู้นอน แต่ถึงกระนั้นนางกลับยังไม่ยินยอมที่จะลืมตาขึ้น
ชิวอวี้หันไปมองคนรับใช้ก่อนจะโบกมือเพื่อให้พวกเขาออกไปจากห้อง
ทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงหลินเมิ้งหยา
ดวงตาของเขาหาได้สงบนิ่งดั่งทองไม่รู้ร้อนอีกต่อไป ทว่ากลับเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด
แม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหลินเมิ้งหยา แต่คำถามของนางในตรอกแห่งนั้นทำให้เขารู้สึกแสบร้อนที่จมูกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้