ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 12 บทที่ 360 สิ่งของของท่านแม่
“ท่านยังจะยิ้มได้อีก เหตุเพราะพวกนางไม่อยากเจอท่าน ฉะนั้นจึงหาข้ออ้างอย่างไรเล่าเจ้าคะ แต่ไม่เจอก็ดีเหมือนกันเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่อยากเจอพวกนางอยู่ดี”
แม้ป๋ายจื่อจะบ่นกระปอดกระแปด แต่ถึงกระนั้นก็มิได้คะยั้นคะยอให้หลินเมิ้งหยาบุกเข้าไป
แม้สาวใช้ทั้งสามจะเป็นคนสนิทของหลินเมิ้งหยา แต่ถึงกระนั้นก็ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี แม้จะขี้บ่นไปบ้าง แต่ถึงกระนั้นพวกนางก็เพียงแค่แสดงความคิดเห็นเท่านั้น
เหตุเพราะพวกนางรู้ดีว่านายหญิงของตนเองมีเหตุผลเสมอ
ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องอ่านหนังสือของหลินมู่จือโดยไม่มีใครเข้ามาห้าม
ห้องอ่านหนังสือยังคงสะอาดเอี่ยมดั่งวันวาน บนโต๊ะหิน แท่นหมึกที่ท่านพ่อมักใช้เป็นประจำเหือดแห้งไปหมดแล้ว
สมัยเด็ก นางและพี่ชายมักจะอยู่อ่านหนังสือกับท่านพ่อที่นี่ แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป พวกนางเติบโตจนกลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ทว่าห้องอ่านหนังสือแห่งนี้ยังคงเหมือนเดิมมิเปลี่ยนแปลง
“เจ้าจงสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก ข้าจะเข้าไปหยิบของ ไม่นานก็เสร็จ”
หลินเมิ้งหยากำชับป๋ายจื่อ ก่อนที่ตัวนางจะเดินไปยังชั้นวางหนังสือของท่านพ่อ
ท่านแม่ทิ้งตำราเอาไว้มากมาย ตั้งแต่ตำรารักษาอาการบาดเจ็บจนกระทั่งวิธีรักษาโรคเฉพาะทาง หลินเมิ้งหยาทำเพียงพลิกดูผ่านๆ แต่นางกลับรู้สึกว่าตำราเหล่านี้สั้นกระชับจับใจความได้ง่ายกว่าตำราของท่านอาจารย์
หลินเมิ้งหยาเปิดระบบเซินหนงเพื่อทำการสแกนเนื้อหาในตำรา
ทว่าหลังจากสแกนได้เพียงครึ่งหนึ่ง หลินเมิ้งหยากลับรู้สึกผิดหวัง เหตุเพราะแม้ตำราเหล่านี้จะล้ำค่า แต่กลับไร้ประโยชน์
สแกนต่อไปอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าเนื้อหาภายในมิเกี่ยวข้องกับต้นจิ้งซินเหลียนเลยแม้แต่น้อย
หรือข้อมูลของชิวอวี้จะไม่ถูกต้อง?
หลินเมิ้งหยาวางตำราเล่มสุดท้ายกลับเข้าชั้นวางหนังสือ
นางไม่มีทางดูชิวอวี้ผิด ยิ่งไปกว่านั้น หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าหมอหลวงผู้สง่าผ่าเผยคนนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังไม่ธรรมดา
โดยเฉพาะตอนที่เขาพูดเรื่องวิธีการใช้ต้นจิ้งซินเหลียนในหนังสือของท่านแม่ นางมั่นใจว่าลางสังหรณ์ของตนเองต่อชายผู้นี้ถูกต้อง
บางทีท่านแม่อาจเคยใช้ต้นจิ้งซินเหลียนช่วยชีวิตผู้อื่นมาก่อน ฉะนั้นชิวอวี้จึงมั่นใจกระมัง
แต่…ตำราเล่มนั้นอยู่ที่ใดกัน?
ยกมือขึ้นนวดขมับ นั่งลงที่โต๊ะ ดวงตาทั้งสองข้างเหม่อลอยเหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด
หากอ้างอิงจากคำพูดของชิวอวี้แล้วล่ะก็ ต้นจิ้งซินเหลียนหาใช่สมุนไพรที่เกิดในต้าจิ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังมีวิธีการปลูกเฉพาะทาง วิธีการใช้งานเองก็ค่อนข้างพิเศษ ฉะนั้นจึงมิอาจใช้งานมั่วซั่วได้
ยิ่งไปกว่านั้น สรรพคุณของมันคือการยับยั้งพิษ เช่นนั้นตำราที่บันทึกเนื้อหาจะต้องเป็นตำราเกี่ยวกับการถอนพิษเฉพาะทางอย่างแน่นอน
แต่นางกลับหาไม่เจอ หรือมันจะเป็นตำราหายากกันนะ?
ในโทรทัศน์เองก็เคยฉายเกี่ยวกับตำราหายากบนโลกที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้มิใช่หรือ? เช่นนั้นมันอาจจะถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในสถานที่ที่ไม่สะดุดตาก็เป็นได้
ความรู้สึกสนใจใคร่รู้ระคนตื่นเต้นพลุ่งพล่าน หลินเมิ้งหยาค้นหาตำราเล่มนั้นทั่วทุกมุมห้อง
คิดไม่ถึงเลยว่าหาอย่างไรก็หาไม่เจอ
ฟุบตัวลงกับโต๊ะอีกครั้ง หรือนางจะคิดมากเกินไป?
ลอบมองนายหญิงของตัวเองที่กำลังถกแขนเสื้อยกแขนเขย่งขาหาของยกใหญ่ ป๋ายจื่ออยากเข้าไปช่วย แต่นายหญิงสั่งให้นางดูต้นทางเอาไว้
แต่เมื่อกวาดสายตามองทั้งสี่ทิศแล้วไม่พบผู้ใด ป๋ายจื่อจึงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อที่จะช่วยเหลือ
“นายหญิง ท่านกำลังหาอะไรหรือเจ้าคะ?”
หลินเมิ้งหยาหันหน้ากลับมาพร้อมรอยยิ้มไร้เรี่ยวแรง
“ข้าหาตำราเล่มหนึ่ง เจ้าช่วยข้าคิดหน่อยว่านอกจากห้องอ่านหนังสือของท่านพ่อแล้ว สิ่งของของแม่ข้ายังถูกเก็บเอาไว้ที่ใด?”
แม้จะได้รับการสืบทอดร่างกายและความทรงจำของหลินเมิ้งหยามาแล้ว แต่นางมิอาจมั่นใจได้ว่าจะไม่มีข้อมูลส่วนใดหล่นหายไป
เรื่องเหล่านี้ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่การที่หลินเมิ้งหยายังจำรายละเอียดได้ นั่นหมายความว่านางมีความจำยอดเยี่ยมมาตั้งแต่เด็ก
ป๋ายจื่อครุ่นคิด ก่อนจะใช้นิ้วเคาะศีรษะของตัวเอง
“มีอยู่ที่ห้องอ่านหนังสือของนายท่าน โรงเก็บของเล็กของคุณชายและเรือนของพวกเราเจ้าค่ะ แต่ก็มีบางส่วนอยู่ที่เรือนของฮูหยินชิงและโรงเก็บของส่วนกลาง สมัยที่พวกเรายังเด็ก สิ่งของถูกขายออกไปไม่น้อย ส่วนที่อื่นข้าก็จำไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ”
หลินเมิ้งหยาเองก็จำสิ่งเหล่านี้ได้ ทว่าของเหล่านั้นเป็นเพียงภาพวาด อัญมณีหรือหยก หากนางต้องไล่หาทีละชิ้น นอกจากจะทำให้ตนเองเหนื่อยแล้ว บางทีอาจจะยังไม่ได้อะไรอีกด้วย
“นั่นใคร? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
สัญชาตญาณว่องไวของหลินเมิ้งหยาพลันสังเกตเห็นใครบางคนด้านล่างหน้าต่างของห้องอ่านหนังสือ
ป๋ายจื่อรีบวิ่งออกไปดู แต่กลับได้เห็นเพียงแผ่นหลังในชุดสีน้ำเงินเข้ม
กระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด เมื่อครู่นายหญิงกำชับนางเอาไว้แล้วแท้ๆ ว่าอย่าประมาท แต่เวลาเพียงชั่วขณะกลับมีคนมาลอบฟังบทสนทนาของพวกนางสองนายบ่าวเสียได้
“จริงๆ เลย ข้าผิดเองเจ้าค่ะ ข้าจะไปจับตัวนางกลับมา”
ป๋ายจื่อคิดจะไล่ตามไป แต่หลินเมิ้งหยากลับร้องห้าม
มองทางที่คนคนนั้นหายลับไป หลินเมิ้งหยากลับหัวเราะออกมา
“ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรพวกนางก็ไม่รู้อยู่ดีว่าข้าต้องการจะทำอะไร อีกอย่าง ของทั้งหมดของท่านแม่ล้วนถูกท่านพ่อบันทึกเอาไว้หมดแล้ว หากมีสิ่งใดหายไป ท่านพี่จะต้องเอาเรื่องพวกนางจนตายอย่างแน่นอน คาดว่าพวกนางคงสงสัยว่าพวกเรากำลังจะทำอะไรแต่เพียงเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้พวกนางไม่มีเวลาเข้ามาก้าวก่ายเรื่องของพวกเราหรอก”
สีหน้าของหลินเมิ้งหยาผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
เมื่อครู่นางได้กลิ่นบางอย่างจากนอกเรือนของหลินเมิ้งหวู่ มันคือกลิ่นยาอ่อนๆ
ส่วนผสมยาเหล่านั้นประกอบด้วยหงฮวา ตานผี ฟู่จื่อ ต้าฮวง เถาเหริน เกากุ้ย แม้นางจะได้กลิ่นเพียงเล็กน้อย แต่กลับรู้ได้ทันทีว่ายาเหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร
“นายหญิงหมายความว่า…..”
มองป๋ายจื่อ หลินเมิ้งหยายื่นมือป้องหูนางก่อนจะกระซิบเสียงเบา
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ป๋ายจื่อยกมือขึ้นปิดปากของตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเลื่อนไปสบกับหลินเมิ้งหยาเสมือนต้องการการยืนยัน
“เป็นไปได้อย่างไรเจ้าคะ? คุณหนูรองยังไม่ออกเรือน เหตุใด….เหตุใดจึงท้องได้เล่า!”
ถูกต้อง สูตรยานั้นคือยาขับเลือด
แน่นอนว่าอาจใช้เพื่อทำให้เลือดในร่างกายของผู้หญิงไหลเวียนได้ดี แต่ถ้าหากนำไปใช้กับผู้หญิงที่เพิ่งจะมีครรภ์อ่อนๆ แล้วล่ะก็ เช่นนั้นอาจจะทำให้แท้งได้
หลินเมิ้งหวู่เป็นพวกโอหัง แม้จะยังไม่ออกเรือน แต่นั่นก็มิได้หมายความว่าเรื่องเช่นนี้จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น
ทว่าหากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไปและทุกคนได้ล่วงรู้ว่าสกุลหลินสั่งสอนลูกสาวไม่ดี เช่นนั้นเกียรติยศชื่อเสียงที่สั่งสมมาตลอดหลายปีคงถูกทำลายลง
ไม่รู้ว่ามารดาที่ฝากความหวังไว้กับลูกสาวอย่างซ่างกวนชิงมีปฏิกิริยาเช่นไรกับเรื่องนี้
“ไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน ฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอก ฮูหยินชิงทำได้เพียงส่งคนมาจับตาดูพวกเราเท่านั้น นางทำเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเราไม่รู้เรื่องนี้ ครุ่นคิดดูแล้ว บางทีตอนที่เรื่องนี้เกิดขึ้นก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พวกเรากลับมาพอดี ฉะนั้นนางจึงคิดว่าพวกเรารู้เรื่องนี้”
เรื่องนี้ช่างบังเอิญยิ่งนัก
อย่าว่าแต่ซ่างกวนชิงและหลินเมิ้งหวู่เตรียมการป้องกันนางเลย แม้แต่หลินเมิ้งหยาเองก็สงสัยเช่นเดียวกัน
แต่สูตรยาเหล่านั้นไม่ผิดอย่างแน่นอน
หลินเมิ้งหยาสั่งให้ป๋ายจื่อไปบอกพ่อบ้านเติ้งเพื่อกราบทูลท่านอ๋องว่าจะพักที่บ้านสกุลหลินสักสองสามวัน
แม้จะค้นหาตลอดทั้งวันจนท้องร้องโครกคราก แต่หลินเมิ้งหยากลับไม่สนใจ
ตอนนี้นางกำลังคุกเข่าอยู่ในห้องเก็บของเล็กในเรือนของตนเอง ก่อนจะพลิกดูของที่ท่านแม่ทิ้งเอาไว้
ของล้ำค่าล้วนถูกซ่างกวนชิงและหลินเมิ้งหวู่แย่งไปหมดแล้ว
สิ่งที่เหลืออยู่ในตอนนี้เป็นเพียงสิ่งของที่ท่านแม่เคยใช้และมีความทรงจำของท่านแม่มากมาย
ของทั้งหมดล้วนถูกเก็บไว้ในหีบใบใหญ่ บนแม่กุญแจมีสนิมเกาะเกรอะกรัง ทว่าของที่อยู่ภายในกลับยังดูใหม่เอี่ยม
หลินเมิ้งหยาไม่กลัวสกปรก นางหยิบของออกดูโดยมีป๋ายจื่อคอยช่วยเหลือ
แม่ของนางเป็นผู้หญิงฉลาดเฉลียวคนหนึ่ง
สายตาจ้องมองชุดที่ท่านแม่เคยสวมใส่ แม้บนชุดจะมีกลิ่นยาพิษอ่อนๆ ติดอยู่ แต่หลินเมิ้งหยากลับไม่รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย
มือเล็กลูบไล้เนื้อผ้าหยาบกระด้างเล็กน้อยด้วยความระมัดระวัง อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็รู้สึกแสบร้อนที่จมูก
ชุดที่เคยเป็นสีขาวบริสุทธิ์ดุจไข่มุกบัดนี้กลายเป็นสีเหลืองอ่อน
ทว่าวัสดุที่ใช้ตัดเย็บผ้าชุดนี้กลับเป็นของหายาก
ทั้งปกเสื้อและแขนเสื้อถูกปักลายดอกเหอหวนสีม่วงด้วยความประณีตเสมือนจริง
“นี่คงเป็นชุดของฮูหยินสินะเจ้าคะ สวยงามนัก แต่เหตุใดจึงดูแตกต่างจากชุดที่พวกเราสวมใส่เล่า?”
ป๋ายจื่อเองก็คุกเข่าลงบนพื้น สายตาจับจ้องไปที่ชุดนั้น
ประโยคที่เอ่ยออกมาโดยมิได้ตั้งใจของนางทำให้หลินเมิ้งหยานึกอะไรบางอย่างได้
หยิบชุดที่เหลือออกมา หลินเมิ้งหยามองให้ละเอียดอีกครั้ง
ชุดของผู้หญิงแห่งต้าจิ้นได้รับอิทธิพลมาจากสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง
แขนเสื้อกว้างและกระโปรงยาวจรดพื้นเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงชนชั้นสูง
แต่ชุดตรงหน้ากลับมีแขนเสื้อรัดกุม กระโปรงยาวคลุมข้อเท้าแต่เพียงเท่านั้น บริเวณเอวรัดแน่น หลินเมิ้งหยานำชุดมาทาบกับร่างกายของตนเอง
ตอนนี้เงาในกระจกหาได้สะท้อนภาพหญิงสาวผู้สง่างามบนเสื้อผ้าหรูหรา แต่กลับแทนที่ด้วยหญิงสาวผู้งดงามในชุดกระฉับกระเฉง
แม้จะเป็นชุดที่มีอายุราวยี่สิบสามสิบปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ได้ยินมาว่าฝีมือการเย็บปักของท่านแม่ล้ำเลิศเป็นอย่างมาก บางทีชุดเหล่านี้อาจถูกตัดด้วยมือของท่านแม่เอง
หรือท่านแม่ของนางจะมิใช่คนของต้าจิ้น?
มองดูชุดในกระจก หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าผ้าคาดเอวแตกต่างออกไปเล็กน้อย
ด้านซ้ายหนากว่าด้านขวาเล็กน้อย หากไม่สังเกตให้ดีก็จะมองไม่เห็น
หลินเมิ้งหยารีบถอดผ้าคาดเอวออก ก่อนจะใช้มือลูบและสัมผัสได้ถึงความหนาทางฝั่งด้านซ้าย