ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 13 บทที่ 361 ตราประทับลึกลับ
สมองของหลินเมิ้งหยาประมวลผลอย่างหนัก แต่กลับยังไม่แกะมันออก
แม้บ่าวไพร่จะไม่สามารถเข้ามาในเรือนเล็กได้ง่าย แต่เพื่อความปลอดภัย หลินเมิ้งหยาจึงตัดสินใจจะเปิดดูตอนกลางคืน
ป๋ายจื่อช่วยเก็บของลงหีบอีกครั้ง หลินเมิ้งหยาตัดสินใจนำสิ่งของเหล่านี้กลับจวนอวี้ทั้งหมด
หากทิ้งไว้ที่นี่ก็รังแต่จะถูกหนูหรือแมลงสาบแทะ สู้เอากลับไปด้วยเพื่อรำลึกถึงท่านแม่ดีกว่า
ภายนอก ท้องฟ้าถูกแต่งแต้มด้วยสีรัตติกาล มีคนถือโคมไฟเดินเข้ามาเรียก
“คุณหนูใหญ่ถึงเวลารับประทานอาหารเย็นแล้วเจ้าค่ะ”
เสียงอ่อนโยนคุ้นหูพลันดังขึ้น ร่างของป๋ายจื่อราวกับถูกไฟช็อต ฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะวิ่งกระโดดโลดเต้นออกไปเปิดประตู
“เถียนมามา! ท่านจริงๆ ด้วย! ท่านกลับไปอยู่บ้านเกิดกับลูกชายแล้วมิใช่หรือ? ป๋ายจื่อคิดถึงท่านเหลือเกิน”
ร่างหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู
เป็นผู้หญิงสวมใส่ผ้าหยาบสีเหลืองเข้ม แม้จะเรียบง่ายแต่กลับสะอาดสะอ้าน
เถียนมามาอายุราวห้าสิบปี ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย ชีวิตของนางน่าเวทนานัก
แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจดับความมุ่งมั่นในดวงตาของนางได้
“เหล่าหนู่ยังคงกังวลเรื่องคุณหนูใหญ่และคุณชายอยู่เจ้าค่ะ เยว่เอ๋อร์ ข้าได้ยินว่าเจ้าไปอยู่กับคุณหนูใหญ่ที่จวนอ๋องแล้ว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เถียนมามาไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ แขนข้างหนึ่งถือกล่องอาหารไว้
เพียงได้เห็นข้าวกล่องใหญ่ ดวงตาของป๋ายจื่อเป็นประกายรื้นไปด้วยน้ำตา
อาศัยในบ้านสกุลหลินมานานหลายปี แต่กลับได้ใช้เพียงกล่องอาหารเก่าๆ ที่ไม่รู้ว่าผ่านการใช้งานมานานมากขนาดไหน แต่ถึงกระนั้นก็ยังพยายามหาอาหารมาให้นางและคุณหนูเสมอ
แม้ร่างกายของเถียนมามาจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่นางจะไม่ยิ้มและนำซาลาเปาและพุทราที่ดีที่สุดมาให้พวกนาง
“เจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าเปลี่ยนชื่อเป็นป๋ายจื่อแล้ว คุณหนูได้ย้ายเข้าไปอยู่ในจวนอ๋องอันแสนใหญ่โตโอ่อ่า”
ป๋ายจื่อพูดด้วยน้ำเสียงภูมิอกภูมิใจ มือเล็กยื่นเข้าไปรับกล่องอาหารจากมือเถียนมามา
หลินเมิ้งหยายืนอยู่กับที่ นางรู้สึกลังเลเล็กน้อย
คนที่รับผิดชอบชีวิตนางสมัยที่ยังอาศัยอยู่ในจวนหลิน นอกจากแม่ผู้ให้กำเนิดที่จากไปแล้วก็คงเป็นเถียนมามาซึ่งอุปถัมภ์ค้ำชูนางมาตั้งแต่เด็ก
ภายในความทรงจำปรากฏภาพที่เพิ่งเคยพบกับเถียนมามาเป็นครั้งแรก นางเป็นแม่บ้านที่มีความสามารถโดดเด่น เหตุเพราะมีหน้าที่เป็นแม่นมของพี่ชาย ฉะนั้นนางจึงเอ็นดูพวกตนเองเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะหลังจากที่ท่านแม่จากไป เถียนมามากลายเป็นแม่ไก่หวงไข่ที่มักจะปกป้องพวกนางสองพี่น้องเสมอ
เถียนมามาถูกซ่างกวนชิงกลั่นแกล้งรังแกอยู่หลายครั้งเพราะพวกนางสองพี่น้อง
นางช่างเป็นคนไม่รู้จักบุญคุณคนเอาเสียเลย ทั้งที่แต่งงานออกเรือนไปเกือบปีแล้ว แต่กลับลืมผู้หญิงที่ทำหน้าที่เสมือนแม่และดูแลตนเองกับพี่ชายคนนี้ไปได้
หลินเมิ้งหยาไม่รู้สึกตัวเลยว่าตนเองเริ่มดำดิ่งสู่ห้วงแห่งความรู้สึกของหลินเมิ้งหยาคนก่อนไปเสียแล้ว…
เถียนมามามองป๋ายจื่อด้วยความรัก ก่อนดวงตาอ่อนล้าคู่นั้นจะหันกลับมามองหลินเมิ้งหยาด้วยความกังวล
พวกนางยืนห่างกันเพียงไม่กี่ก้าว ทว่าเถียนมามากลับก้มๆ เงยๆ มองสำรวจหลินเมิ้งหยา
ในที่สุดเด็กที่นางรักสุดหัวใจก็เติบโตขึ้นมาอย่างงดงาม
เรือนร่างสะโอดสะองนั้นยังไม่เท่าไหร่ แต่ใบหน้าของนางไร้ซึ่งร่องรอยน่าเกลียดน่ากลัวแล้ว
“คุณหนู ท่าน...สบายดีหรือไม่?”
เสียงสั่นเครือแผ่วเบาเปล่งออกมา ขอบตาของเถียนมามาแดงก่ำ
หลินเมิ้งหยาเดินออกจากส่วนลึกของเรือนทีละก้าว
ผิวพรรณขาวเนียนดุจหิมะ ฟันเรียงตัวสวย ผมเกล้าขึ้นเป็นทรง เสื้อผ้าหรูหราสง่างาม หลินเมิ้งหยาในเวลานี้มิเหลือเค้าโครงเดิมของเด็กสาวผู้น่าสงสารแห่งจวนหลินเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่พวกคุณหนูชนชั้นสูงในเมืองหลวงก็มิอาจเทียบนางได้
“ข้าสบายดี มิได้เจอเถียนมามานานมากแล้ว ร่างกายของท่านเป็นเช่นไรบ้าง?”
เถียนมามามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยอาการตกตะลึง นางได้ยินข่าวมาว่าชายาอวี้ตกใจหวาดผวาตอนที่อยู่ในเกี้ยวเจ้าสาว สติปัญญาของนางจึงกลับมาเป็นปกติ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเช่นนี้
ทว่านางมั่นใจว่าหญิงสาวตรงหน้าคือเด็กที่นางรักและเอ็นดูที่สุดคนนั้น
“เถียนมามา ข้ารู้ว่าท่านมีเรื่องสงสัยมากมาย แต่ที่นี่หาใช่สถานที่ที่เหมาะจะสนทนากัน ป๋ายจื่อ พวกเราไปกันเถิด”
หลินเมิ้งหยาชิงเอ่ยตัดบท ก่อนจะส่งสายตาเป็นนัยให้เถียนมามา
เถียนมามาเข้าใจได้ในทันที นางยกชายเสื้อขึ้นเช็ดรอบดวงตา ก่อนจะช่วยป๋ายจื่อยกหีบชุดเก่าของฮูหยินเข้าไปยังห้องพักของหลินเมิ้งหยา
เมื่อคนรู้จักมักคุ้นได้พบกัน ฉะนั้นบทสนทนามากมายจึงพรั่งพรูออกมาไม่จบสิ้น
บนโต๊ะอาหารธรรมดา เถียนมามาหยักยิ้มกว้างขณะฟังเรื่องเล่าของป๋ายจื่อที่กำลังเล่าเรื่องของหลินเมิ้งหยาหลังจากแต่งงานให้ฟัง
“ท่านอาจไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่ของพวกเรานอกจากจะฉลาดแล้ว แต่คุณหนูยังมีเก้าชีวิตอีกด้วย ทุกครั้งข้าเกือบหัวใจวายตายเพราะคุณหนู”
ป๋ายจื่อยกมือขึ้นตบหน้าอกตัวเอง ครึ่งปีที่ผ่านมานางผ่านประสบการณ์เฉียดตายมามากเสียยิ่งกว่าตอนอาศัยอยู่ในจวนหลินแห่งนี้เสียอีก
แม้ท่าทางของเถียนมามาจะยังคงสงบนิ่ง ทว่าดวงตากลับเผยให้เห็นความกังวล
“มามาอย่าฟังคำพูดนางเลยเจ้าค่ะ ข้าหาได้สร้างเรื่องราวใหญ่โตเหล่านั้นไม่ เอาล่ะ เจ้าเองก็เลิกเติมแต่งเรื่องราวได้แล้ว หากทำให้มามาตื่นตระหนก ข้าจะลงโทษเจ้า”
หลินเมิ้งหยาจิบน้ำอุ่น ดวงตาคู่สวยมองทางเถียนมามาด้วยความสงสัย
นางสังเกตเห็นโดยมิได้ตั้งใจว่าเถียนมามาที่ดูไม่ค่อยมีประสบการณ์ด้านนี้กลับสงบนิ่งยิ่งกว่าป๋ายจื่อเสียอีก แม้จะได้ยินเรื่องศพเดินได้ของฮูหยินหวัง แต่นางกลับไม่เผยอาการตื่นตระหนกออกมาเลยแม้แต่น้อย
นางเคยได้ยินมาว่านอกจากท่านแม่จะเป็นหมอหญิงเทวดาแล้ว นางยังมีไหวพริบและเข้าใจจิตใจผู้อื่นอีกด้วย
เถียนมามาคนนี้คือคนที่ท่านแม่ถูกใจ บางทีอาจมีบางอย่างที่นางไม่รู้ก็ได้
ครุ่นคิด ความคิดสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
“คุณหนูใหญ่ อย่าหาว่าเหล่าหนู่ปากมากเลยนะเจ้าคะ แต่วังหลวงแตกต่างจากจวนของพวกเรา หากเดินพลาดเพียงหนึ่งก้าวก็อาจหมายถึงชีวิตของเราได้ ท่านเป็นผู้หญิง ได้โปรดระมัดระวังตัวให้มาก อย่าประมาทเด็ดขาดนะเจ้าคะ”
เถียนมามาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น คิดไม่ถึงเลยว่าคำพูดนี้จะตรงใจหลินเมิ้งหยา
หลินเมิ้งหยารีบอาศัยจังหวะนี้รับลูก
“มามาพูดถูกแล้วเจ้าค่ะ ข้างกายข้ามีแค่พวกสาวใช้ไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนนั้นพระสนมเต๋อเฟยส่งท่านน้าคนหนึ่งมาคอยรับใช้ แต่ไม่นานท่านน้าคนนั้นก็ตายจากไป ตอนนี้ข้าไม่มีสาวใช้ที่สามารถใช้งานได้ ฉะนั้นเรื่องบางเรื่องก็อาจดูแลได้ไม่ดี หากมีใครสักคนคอยชี้แนะอยู่ใกล้ๆ ก็คงจะดีไม่น้อย”
เถียนมามามิได้ตอบกลับในทันที สีหน้าของนางเผยให้เห็นถึงความลำบากใจ
อันที่จริงเถียนมามาเปรียบเสมือนมารดาแท้ๆ ของพวกนางสองพี่น้อง
“มามามีเรื่องไม่สบายใจหรือ? เช่นนั้นพูดออกมาให้ข้าฟังเถิด แม้ตอนนี้ข้าจะมิใช่คนใหญ่คนโต แต่ถ้าหากลูกชายของเถียนมามามีเรื่องเดือดร้อน ข้าก็พร้อมจะช่วยเหลือ”
เถียนมามามีลูกชายเพียงแค่คนเดียว ได้ยินมาว่าเพื่อหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องลูกชาย เถียนมามาจึงเข้ามาทำงานในจวนสกุลหลิน
หลินเมิ้งหยาเคยเจอพี่ชายคนนั้นมาก่อนตอนสมัยยังเด็ก
จำได้ว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่ใจดีและซื่อสัตย์ ไม่รู้ว่าหลังจากเวลาผ่านไปหลายปี ตอนนี้เขาจะเป็นเช่นไรบ้าง
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ เพียงแค่เหล่าหนู่แก่แล้ว ความสามารถเองก็เริ่มถดถอย อีกไม่กี่วันเหล่าหนู่ก็จะกลับบ้านเกิดแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะเจ้าคะ”
หลินเมิ้งหยาเดาเอาไว้แล้วว่าเถียนมามาจะต้องปฏิเสธ
แต่หลินเมิ้งหยามิได้คิดยอมแพ้ ยิ่งไปกว่านั้นนางเดาได้ว่าเถียนมามากำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่
ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างใบหูของเถียนมามา หลินเมิ้งหยากระซิบเสียงเบา หลังจากฟังจบ เถียนมามาก็ผุดลุกขึ้นก่อนจะขอตัวจากไป
เหลือเพียงป๋ายจื่อที่กำลังมองตามแผ่นหลังของเถียนมามา ท่าทางของนางเสมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
สีสันของนภายิ่งมืดสนิท บรรยากาศในเรือนเล็กพลันเงียบลง
เรือนเล็กของนางมีข้อดีเช่นนี้ เหตุเพราะบริเวณรอบๆ เงียบสงบ อีกทั้งยังมีองครักษ์ของจวนคอยคุ้มกัน ฉะนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกแอบฟัง
หลินเมิ้งหยาอาศัยแสงริบหรี่ของเปลวเทียนแกะผ้าคาดเอวออก
ตัดผ้าคาดเอวสีซีด ก่อนจะต้องตกตะลึงเมื่อพบตราประทับเล็กๆ อันหนึ่ง
ตราประทับอันนี้ทำจากหยกขาว แต่รูปทรงกลับดูประหลาด
แม้หลินเมิ้งหยาจะอ่านตัวอักษรใต้ตราประทับไม่ออกเลยแม้แต่น้อย แต่นางกลับรู้สึกว่าช่างงดงามโดดเด่นเหลือเกิน
หลินเมิ้งหยามองสำรวจอยู่หลายรอบ ก่อนจะเก็บเอาไว้ข้างกายเผื่อมีโอกาสได้ใช้ในอนาคต
ทางฝั่งของนางได้รับตราประทับแปลกประหลาดมา แต่บัดนี้ป๋ายจื่อกลับยังนั่งมองหน้าต่างเสมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
หลินเมิ้งหยามิได้รบกวนนาง ตอนนี้แม้กระทั่งของกินนางยังคิดก่อนเอาเข้าปาก ดูเหมือนสาวใช้ของนางจะเติบโตขึ้นแล้ว
“นายหญิง ข้ารู้สึกว่ามันผิดปกติเจ้าค่ะ”
อยู่ๆ ก็เอ่ยโดยไม่มีหัวไม่มีท้าย หลินเมิ้งหยาหัวเราะ แต่กลับมิได้เอ่ยขัด นางปล่องให้ป๋ายจื่อพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด
“อันที่จริงท่านตัดสินใจกลับมาที่จวนหลินกะทันหัน แต่เพราะเหตุใดทันทีที่ท่านกลับมา คนเฝ้าประตูก็ถูกเปลี่ยน คุณหนูรองเองก็ป่วย ตอนนี้แม้แต่เถียนมามาเองก็กลับมาที่นี่ ข้าจำได้ว่าก่อนท่านจะแต่งงานออกเรือน ฮูหยินชิงเคยสั่งเอาไว้ว่าห้ามมิให้เถียนมามาเข้าใกล้จวนนี้อีกเป็นอันขาด ท่านไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้มันบังเอิญเกินไปหรือเจ้าคะ?”
โอ้! ริมฝีปากของหลินเมิ้งหยาฉีกยิ้มกว้าง คิดไม่ถึงเลยว่าสาวใช้ของนางจะเริ่มมีสมองแล้ว
ส่งสายตาชื่นชมให้อีกฝ่าย หลินเมิ้งหยาลองฟังดูอีกครั้งว่าสาวใช้จอมตะกละของตนเองมีความคิดเห็นเช่นไร
“ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่ท่านพูดอ้อมไปอ้อมมาเชิญชวนให้เถียนมามาไปอยู่กับพวกเรา ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนเถียนมามาเคยร้องห่มร้องไห้ว่าจะไปจวนอ๋องกับท่าน แต่เมื่อวันนี้โอกาสมาถึงแล้ว เช่นนั้นเหตุใดนางจึงปฏิเสธกันเล่า? อีกอย่าง ตอนนี้ท่านเป็นถึงพระชายาผู้กุมอำนาจในจวน หากข้าเป็นเถียนมามา เช่นนั้นข้าจะยินยอมพร้อมใจไปกับท่านทันทีเลยเจ้าค่ะ”