ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 13 บทที่ 371 สตรีผู้แข็งแกร่ง
เป็นครั้งแรกที่ความเยียบเย็นสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจของซ่างกวนชิง
ถูกต้อง หลินเมิ้งหยากำลังข่มขู่นาง
มองรอยยิ้มขัดหูขัดตาบนใบหน้างดงามเรียวเล็กรูปไข่ที่พิมพ์เดียวกับผู้หญิงคนนั้นไม่มีผิดเพี้ยน
มือของซ่างกวนชิงกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ
จั่วซูชิง! ใช่แล้ว เหตุเพราะชื่อของตนเหมือนกับผู้หญิงคนนั้น เหล่าเหยียจึงยอมรับนางใช่หรือไม่?
นางไม่เพียงคลอดลูกสาวให้เหล่าเหยีย แต่ยังปรนนิบัติรับใช้เขามานานยี่สิบกว่าปี ทว่าหัวใจของเหล่าเหยียยังคงมีแต่ผู้หญิงคนนั้น!
แม้จั่วซูชิงจะตายไปนานหลายปีแล้ว แต่ลูกสาวของนังแพศยายังคงได้รับชัยชนะและมอบความเจ็บปวดให้นางอย่างไม่รู้จบ
ไม่ ไม่มีทาง!
จวนหลินเป็นของซ่างกวนชิงคนนี้ หลินมู่จือเองก็เป็นสามีของนางเพียงคนเดียว!
จั่วซูชิงตายไปแล้ว ร่างกายถูกเผาจนเหลือเพียงเถ้าถ่าน นาง…นางไม่มีทางมาช่วงชิงความสุขของตนเองได้อีก!
เมื่อได้เห็นดวงตากระวนกระวายระคนหวาดกลัวของซ่างกวนชิง หลินเมิ้งหยามิได้กล่าวยั่วโทสะต่อ
แมวไม่ได้ไล่จับหนูเพื่อหวังเอาชีวิตหรอกนะ
ซ่างกวนชิงรังแกนางมามากเกินพอแล้ว คราวนี้คงถึงเวลาที่นางจะต้องเอาคืน
หากมองจากอีกมุมหนึ่ง อันที่จริงซ่างกวนชิงเองก็เป็นสตรีน่าสงสารคนหนึ่ง ลูกสาวไม่รักดี ซ้ำสามียังไม่สนใจ
แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลกรรมของนางทั้งสิ้น ความโชคร้ายของตนเองหาใช่ข้ออ้างในการทำร้ายผู้อื่น
บ่าวไพร่ส่วนใหญ่ในจวนล้วนแอบยอมรับว่าคุณหนูใหญ่คือผู้กุมอำนาจในจวนที่แท้จริง
แม้นายท่านมักจะไม่ค่อยอยู่จวน แต่ฮูหยินมิได้รับความรักหรือได้รับเกียรติจากนายท่านเลย การถูกหักหน้าในคราวนี้จึงทำให้นางรู้สึกอับอายขายหน้ามากขึ้น
ฉะนั้นตอนนี้ไม่ว่าหลินเมิ้งหยาอยากจะพูดหรือทำสิ่งใดก็ล้วนไม่มีใครกล้าคัดค้าน
“ท่านแม่รีบกลับไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อน”
หลินเมิ้งหยาขอตัวกลับ อันที่จริงนางบรรลุเป้าหมายแล้ว
นางมาเพื่อทำให้ซ่างกวนชิงต้องใช้ชีวิตอยู่บนความหวาดกลัว
ตอนแรกนางคิดจะบีบเค้นความจริงจากซ่างกวนชิงอีกสักหน่อย แต่เมื่อนึกได้ว่าผู้ที่มีอำนาจสั่งการทหารหลวงได้คือใคร นางจึงเลือกที่จะหยุด
นอกจากฮองเฮาแล้ว ก็เห็นจะไม่มีใครอื่น
คิดไม่ถึงเลยว่าสองพี่น้องคู่นี้จะห่วงหาอาทรกันอย่างลึกซึ้ง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางจึงไม่เกรงใจที่จะส่งสองพี่น้องผู้ชื่นชอบการทำร้ายผู้อื่นลงนรก
อาบน้ำล้างหน้าจนสะอาดสะอ้าน หลังจากเปลี่ยนชุดแล้ว หลินเมิ้งหยาจึงนั่งคุยเล่นกับป๋ายจื่อและเถียนมามา
ป๋ายจื่อส่งเสียงเจื้อยแจ้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากพวกนางย้ายเข้าไปอยู่ในจวนอวี้
“คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ข้าเพิ่งจะได้รู้ว่าคุณหนูใหญ่แต่งงานไปอยู่ในจวนอ๋องตอนที่ข้ากลับมาที่นี่ สวรรค์เมตตา คุณหนูใหญ่ผ่านช่วงเวลาอันแสนขมขื่นมามากพอแล้ว”
เถียนมามาอิ่มเอมใจ แต่หลินเมิ้งหยาและป๋ายจื่อหันไปสบตากัน
เรื่องบางเรื่องอย่าให้เถียนมามารู้เลยจะดีกว่า
“แม้ป๋ายซูจะจากไปแล้ว แต่มามาก็มีมาแทน ต่อจากนี้จะไม่มีใครกล้ารังแกพวกเราอีกแล้ว”
ป๋ายจื่อกล่าวถึงป๋ายซูออกมาโดยมิได้ตั้งใจ หัวใจของหลินเมิ้งหยารู้สึกหนักอึ้ง
เด็กคนนั้น…
นับตั้งแต่วันที่นางไล่ป๋ายซูออกไป นางหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่รู้ว่านางกลับไปยังประเทศของตนเองอย่างปลอดภัยหรือไม่? นางจะได้เจอพวกพ้องของตนเองหรือเปล่า?
“เรื่องนั้นข้ายังไม่แน่ใจ วันนี้พอพวกเรากลับมาก็เกิดเรื่องราวใหญ่โต หากข้าเข้าไปอยู่ในจวน เช่นนั้นจะไม่เป็นการสร้างความลำบากให้ทุกคนหรือ?”
เถียนมามาจะไม่รู้จักหลินเมิ้งหยาได้อย่างไร แม้คุณหนูใหญ่จะไม่พูด แต่นางรับรู้ได้ว่าชีวิตในจวนอวี้จะต้องไม่ราบรื่นอย่างที่เล่ามา
นางเป็นเพียงผอจื่อไร้ประโยชน์คนหนึ่ง หากเข้าไปในจวนก็รังแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้คุณหนูใหญ่เสียเปล่าๆ
แม้จะยังคงลังเล แต่เมื่อหลินเมิ้งหยาและป๋ายจื่อส่งเสียงออดอ้อน เถียนมามาจึงทำได้เพียงพยักหน้าตอบตกลง
หลังจากจบการสนทนา ไม่นานก็ถึงเวลาอาหารเย็น
ที่น่าแปลกก็คือหลังจากนางเข้าจวนมาแล้ว หลงเทียนอวี้ก็หายไป แต่เขากลับปรากฏตัวพร้อมหลินหนานเซิง
แม้สีหน้าของทั้งสองจะเป็นปกติ แต่หลินเมิ้งหยารับรู้ได้ว่าพวกเขาเก็บงำความลับบางอย่างอยู่
“ท่านอ๋อง ท่านพี่ พวกท่านมีเรื่องอะไรปิดบังข้าหรือไม่?”
ป๋ายจื่อและเถียนมามาปฏิเสธอย่างถ่อมตนว่ามิอาจร่วมรับประทานอาหารกับพวกเขาได้ ดังนั้นนางและป๋ายจื่อจึงขอตัวออกไป
โต๊ะอาหารจึงเหลือเพียงพวกเขาสามคน
ชายหนุ่มทั้งสองยืนรับลมกันอยู่ทางด้านนอก เมื่อนางปรากฏตัวต่อหน้า พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนักใจ
ทว่าสัญชาตญาณของผู้หญิงมักเฉียบไวเสมอ ฉะนั้นนางจึงมองออกว่าพวกเขามิได้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนท่าทาง
ดี พวกเขากล้าไม่พูดความจริงกับนางอย่างนั้นหรือ
หลินเมิ้งหยาแค่นหัวเราะเสียงเย็น แววตาคมกริบประหนึ่งใบมีดตกอยู่ที่พี่ชายและสามีของตนเอง
คิดจะปิดบังนางหรือ? ฝันไปเถิด!
“ท่านพี่เป็นถึงแม่ทัพแห่งเขตชายแดน แต่กลับมาเมืองหลวงด้วยเรื่องส่วนตัว ข้าเห็นว่าไม่เหมาะสมยิ่งนัก หรือข้าควรจะแสดงความจงรักภักดีต่อบ้านเมืองด้วยการส่งท่านไปคุกหลวงด้วยตนเอง?”
หลินเมิ้งหยามองพี่ชายตนเองอย่างมีเลศนัย นางรู้จักหลินหนานเซิงดี
พอลองครุ่นคิดดูแล้ว นางคิดว่าเรื่องในวันนี้ผิดปกติ
พี่ชายหาใช่คนบุ่มบ่าม แต่วันนี้เขาเหมือนคนกินยาผิดขนานจนเกือบจะฆ่าป๋ายหลี่อู๋เฉินตาย
หากเขากลับมาที่นี่ด้วยเรื่องส่วนตัวจริง เช่นนั้นการปรากฏตัวต่อหน้าป๋ายหลี่อู๋เฉินจะไม่เป็นการยื่นมีดให้ศัตรูหรือ?
แต่ช่วงนี้นางไม่ได้ยินข่าวจากราชสำนักว่าต้องการขอให้พี่ชายและท่านพ่อกลับมา
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเขากลับมาถึง เหตุใดเขาจึงรู้ว่านางอยู่ที่เรือนเล็กหลังนั้นและกำลังถูกทหารหลวงจับกุม?
คนที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้มีเพียงผู้ชายสองคนนี้เท่านั้น!
“ท่านอ๋อง ไม่สิ ข้าควรเรียกว่าน้องเขย ไข่กบหิมะตุ๋นมะละกอของจวนเรารสชาติไม่เลว เจ้าอยากลองชิมดูหรือไม่?”
สายตาของหลินหนานเซิงเบนหนีไปอีกทาง เขาพยายามหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้
หลงเทียนอวี้อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาดูแคลนให้กับพี่ชายภรรยา ถึงอย่างไรหลินเมิ้งหยาก็เป็นน้องสาวของเขา แต่เขากลับถูกน้องสาวของตนเองข่มขู่ มันช่าง….ดูหมิ่นศักดิ์ศรีของชายชาตรีแห่งต้าจิ้นยิ่งนัก!
“แค่ก แค่ก เช่นนั้นหรือ? รสชาติไม่เลวจริงๆ อร่อยกว่าที่จวนของข้ามาก”
หลงเทียนอวี้ตักชิมคำใหญ่ ก่อนจะแสดงสีหน้าชื่นชม ทว่าหลินเมิ้งหยากลับหลุดขำพรืด
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันจำได้ว่าพระองค์ไม่เคยเสวยไข่กบหิมะตุ๋นมะละกอมาก่อน อีกอย่าง…นี่เป็นของกินสำหรับผู้หญิง เช่นนั้นพระองค์จะเคยเสวยได้อย่างไรเพคะ?”
อยู่ๆ การเคลื่อนไหวของหลงเทียนอวี้พลันหยุดชะงัก
จากนั้นเขาก้มหน้าลงแล้วกินอาหารโดยไม่พูดอะไร
หลินหนานเซิงที่พยายามหาข้ออ้างยิ่งรู้สึกหนักใจ เวลาเพียงชั่วพริบตา เขาได้เห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของหลงเทียนอวี้
สวรรค์โปรด เหตุใดน้องสาวของเขาจึงน่ากลัวถึงเพียงนี้
เขาเป็นถึงท่านอ๋องลำดับที่สามแห่งต้าจิ้นผู้ไม่หวาดกลัวกระทั่งคมดาบและทะเลเลือด แต่…แต่กลับถูกน้องสาวของเขาเอาชนะได้เสียอย่างนั้น
ทันใดนั้นสถานะของหลินเมิ้งหยาในหัวใจของหลินหนานเซิงพลันสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
สมแล้วที่เป็นลูกสาวสกุลหลิน ฝีมือร้ายกาจยิ่งนัก!
“เอาล่ะ ข้าจะไม่บีบบังคับพวกท่านอีก หากพวกท่านอยากบอกก็จงบอกให้ข้าฟัง แต่ถ้าหากไม่อยากบอก เช่นนั้นข้าก็จะไม่ถาม แต่พวกท่านต้องระวังตัวให้ดี หากกล้าร่วมมือกันวางแผนเล่นงานข้า ข้าจะไม่ไว้หน้าพวกท่านแน่!”
หลินเมิ้งหยาตวัดสายตาคมกริบจ้องพวกเขาทั้งคู่
ทั้งสองรีบส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่าทางว่านอนสอนง่ายทำให้หลินเมิ้งหยาหัวเราะออกมา
ดูเหมือนคำขู่ของนางจะได้ผลแล้ว หลินเมิ้งหยาจึงเลิกสร้างความลำบากใจให้แก่พวกเขา
ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงผู้หญิงในเรือน เรื่องบางเรื่องก็ไม่สมควรรู้
ทว่า…
ยกจอกเหล้าแตะริมฝีปาก ก่อนจะหยักยิ้มเจ้าเล่ห์
หากบนโลกนี้ยังมีกลุ่มสามสหายอยู่ เช่นนั้นจะมีเรื่องใดรอดพ้นไปจากสายตาของนางได้อีกหรือ?
ตอนแรกหลงเทียนอวี้คิดจะพาหลินเมิ้งหยากลับจวนไปพร้อมกัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะขอร้องเขาเพื่ออยู่ต่อที่จวนหลินอีกหนึ่งคืน
หลงเทียนอวี้ที่ไม่สามารถปฏิเสธคำขอของนางได้จึงต้องจำใจกลับจวนไปก่อน
แม้เถียนมามาจะไม่เห็นด้วย แต่หลินเมิ้งหยามีเหตุผลของนางเอง
เถียนมามาและพี่ชายมีความทรงจำมากกว่านาง นางยังไม่คิดตัดใจยอมแพ้ง่ายๆ หากเถียนมามาและพี่ชายไม่รู้จริงๆ ว่าตำราแพทย์อยู่ที่ใด เช่นนั้นนางก็คงต้องยอมแพ้
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เถียนมามา ป๋ายจื่อและหลินเมิ้งหยาช่วยกันเก็บสิ่งของของฮูหยิน
แม้จวนเจิ้นหนานโหวจะเป็นบ้านฝ่ายแม่ของหลินเมิ้งหยา แต่สิ่งของของท่านแม่ควรจะเก็บไว้กับนางจึงจะดีที่สุด
“เสื้อผ้าเหล่านี้ล้วนเป็นชุดที่ฮูหยินชอบใส่เจ้าค่ะ ฮูหยินมีรูปโฉมงดงามเหมือนกันกับคุณหนูใหญ่ไม่มีผิด แต่น่าเสียดาย หลังจากฮูหยินชิงแต่งงานเข้าจวน นางเอาข้าวของไปไม่น้อย อันที่จริงสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นสินเดิมของคุณหนูใหญ่ ผอจื่ออย่างข้าไม่ได้เรื่องเอง ข้ามิอาจปกป้องสิ่งของเหล่านั้นเอาไว้ได้”
มือของเถียนมามาลูบไล้เสื้อผ้าเหล่านั้นเบาๆ
แม้เวลาจะล่วงเลยไปสิบกว่าปีแล้ว แต่เสื้อผ้าเหล่านี้ยังคงงดงามเหมือนก่อน
หากปรับแก้ใหม่สักเล็กน้อยจะต้องงดงามชวนมองอย่างแน่นอน
โชคดีที่ซ่างกวนชิงนำไปเพียงเครื่องประดับ
เหตุเพราะนางมีรูปร่างอ้วนและเตี้ยกว่าแม่ของหลินเมิ้งหยาเล็กน้อย ฉะนั้นจึงมิได้เอาไป
“แค่มีเสื้อผ้าพวกนี้ก็ดีมากแล้ว มามาอย่าได้โทษตัวเองเลย อันที่จริงซ่างกวนชิงไม่รู้หรอกว่าของล้ำค่าที่สุดของท่านแม่อยู่ในเสื้อผ้าเหล่านี้ต่างหาก”
หลินเมิ้งหยาพูดพลางยื่นมือเข้าไปหยิบผ้าคาดเอวเส้นหนึ่งขึ้นมา
พูดได้เต็มปากว่ามารดาของหลินเมิ้งหยาเป็นหญิงเฉียวฉลาด
นางเดาออกว่าเครื่องประดับและผ้าแพรจะต้องถูกแย่งชิงไป แต่ชุดเก่าๆ ของนางอาจไม่มีใครแตะต้อง
ฉะนั้นนางจึงนำของล้ำค่าที่สุดซ่อนไว้ในชุดเหล่านี้
หากไม่สังเกตก็คงไม่รู้ว่าภายในมีของล้ำค่ายิ่งกว่าเงินทองซ่อนอยู่