ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 13 บทที่ 372 แผนโหดเหี้ยมอำมหิต
แปลกจริง หลินเมิ้งหยาจ้องมองเสื้อผ้าเหล่านั้น ก่อนจะตกอยู่ในภวังค์
ทุกคนล้วนเล่าว่าสมัยที่ท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ ท่านพ่อรักท่านแม่อย่างสุดหัวใจ อย่าว่าแต่อนุภรรยาเลย กระทั่งข่าวเรื่องการปันใจสักนิดก็ไม่มี
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เหตุใดท่านแม่จึงเตรียมการเหล่านี้ไว้ให้ลูกสาวของตัวเองกันเล่า?
หลินเมิ้งหยาพลิกเสื้อผ้าไปมา อัญมณีที่ปักบนเนื้อผ้างดงามหรูหรา
แม้ท่านพ่อจะมอบของขวัญให้ท่านแม่อยู่บ่อยครั้ง ทว่าของเหล่านี้กลับไม่เหมือนสิ่งที่ท่านพ่อมอบให้
“เถียนมามา ท่านพ่อเป็นผู้มอบของเหล่านี้ให้ท่านแม่อย่างนั้นหรือ?”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยถามโดยมิได้ใส่ใจ เถียนมามากลับส่ายหน้า หยักยิ้มก่อนจะตอบ
“เหล่าเหยียของพวกเราหาได้ใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ จำได้ว่าสมัยที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานในจวน ฮูหยินมักจะขุ่นเคืองนายท่านเพราะความไม่เข้าใจของเขา ของเหล่านี้ล้วนเป็นสินเดิมของฮูหยิน เมื่อก่อนข้าเองก็เคยถามฮูหยินว่าบ้านฝ่ายแม่ของนางอยู่ที่ใด แต่ฮูหยินมักจะหลีกเลี่ยงที่จะตอบ พอนานวันเข้าข้าก็เลยเลิกถาม”
ของเหล่านี้เป็นสินเดิมของท่านแม่?
หลินเมิ้งหยามองชุดสีเหลืองนวล ชุดนี้ประดับตกแต่งด้วยไข่มุกจำนวนมาก นางตื่นตะลึงเล็กน้อย
ปัจจุบันของเหล่านี้ล้วนมีราคาสูงลิบ เช่นนั้นเมื่อสิบกว่าปีก่อนเล่า?
ตอนแรกนางคิดว่าท่านแม่วางแผนอนาคตเพื่อลูกสาวและลูกชาย แต่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนนางนำมาเป็นเครื่องประดับตกแต่งเสียมากกว่า
ราวกับนำมาใช้ได้โดยมิต้องคิดอะไรมากมาย ดูเหมือนท่านแม่ที่นางไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนจะต้องเป็นคุณหนูในตระกูลที่มั่งคั่งอย่างแน่นอน
แต่น่าแปลกยิ่งนัก หากนางมาจากตระกูลสูงศักดิ์ เช่นนั้นเหตุใดจึงมิเคยเอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อน?
อีกทั้งตระกูลของนางยังไม่เคยมาเยี่ยมเยียนที่นี่เลยแม้แต่ครั้งเดียว
หลินเมิ้งหยารู้สึกประหลาดใจกับตระกูลที่สามารถเลี้ยงดูลูกสาวให้เป็นคนฉลาดเฉลียวยิ่งนัก
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ ข้าคิดว่าท่านแม่คงตระหนักว่าการตัดสินใจแต่งงานด้วยตัวเองเช่นนี้อาจทำให้เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลกระมัง”
อันที่จริงหลินเมิ้งหยารู้สึกเสียดายเล็กน้อย แม้ท่านพ่อและท่านแม่จะรักกันอย่างลึกซึ้ง แต่เพราะนี่เป็นยุคสมัยโบราณ ฉะนั้นการกระทำของทั้งคู่จึงไม่ถูกต้องตามประเพณี
แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังมีคนนินทาลับหลัง แต่ถึงกระนั้นนางกลับรักและเคารพท่านแม่มาก ไม่ว่าคนรับใช้ในจวนหรือพวกฮูหยินทั้งหลายก็ล้วนแต่อิจฉาท่านแม่ทั้งสิ้น
กระจกใบใหญ่สะท้อนใบหน้าของหญิงสาวผู้งดงาม
แม้แต่เถียนมามายังบอกว่ารูปร่างหน้าตาของนางเหมือนกับมารดามาก ฉะนั้นสมองจึงผุดภาพท่านแม่ในจินตนาการสมัยที่นางยังมีชีวิตอยู่
ตกลงท่านแม่ที่เก็บงำความลับอันน่าพิศวงผู้นั้นเป็นคนเช่นไรกันนะ?
หลังจากทั้งสามจัดของเสร็จ ในที่สุดทุกอย่างก็เตรียมพร้อม
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ทุกคนสมควรนอนหลับพักผ่อน
มองตามเถียนมามาที่เดินกลับไปยังห้องรับแขก หลินเมิ้งหยาตบศีรษะของตนเองเบาๆ
แย่แล้ว พวกนางมัวคุยกันจนเพลิน นางลืมไปตรวจดูอาการของเถียนหนิงเสียสนิท
เหตุเพราะตอนนี้เป็นเวลากลางคืน หลินเมิ้งหยาไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของทุกคน นางจึงกระซิบบอกป๋ายจื่อ ก่อนที่ทั้งสองจะตรงไปยังห้องที่อยู่เรือนด้านนอกของเถียนหนิง
“พี่เถียนหนิง ข้าคือหลินเมิ้งหยา ท่านนอนหลับแล้วหรือไม่?”
ก่อนที่จะมีเสียงตอบ หลินเมิ้งหยาก็ได้ยินเสียงไอราวกับปอดกำลังฉีกขาดดังลอดออกมาก่อน
สมัยยังเด็ก เหตุเพราะอาการป่วยของเถียนหนิงทำให้หัวใจของเถียนมามาแหลกสลาย แต่สิ่งที่ทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกประหลาดใจก็คือ เถียนมามาและท่านแม่อยู่ในฐานะนายบ่าว แต่จริงๆ แล้วพวกนางกลับสนิทสนมกันยิ่งกว่าพี่น้อง
เช่นนั้นเหตุใดท่านแม่จึงไม่รักษาอาการของเถียนหนิงเล่า?
“คุณหนูใหญ่เหรอ ดึกขนาดนี้แล้ว เหตุใดท่านยังไม่พักผ่อน ข้า…ข้าไม่เป็นไร”
หลินเมิ้งหยารู้ดี เหตุเพราะนี่เป็นยุคโบราณ ฉะนั้นการกระทำของนางจึงไม่เหมาะสมนัก
ทั้งหมดต้องโทษนางที่มัวสนทนากับเถียนมามาจนลืมเรื่องสำคัญ
“เช่นนั้นก็ดี ข้ามียาผีผาเกาสำหรับลดอาการไอ หากท่านมีอาการไอรุนแรงก็กินมักเถิด ประสิทธิภาพของมันไม่เลวเชียวล่ะ”
หลังจากนั้นราวหนึ่งนาที ประตูก็ค่อยๆ เปิดออกช้าๆ
ท่ามกลางแสงเทียนริบหรี่ ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือดของเถียนหนิงปรากฏให้เห็น
อยู่ๆ ระบบเซินหนงก็เริ่มทำงานและปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับยาพิษ
คิ้วของนางขมวดเข้าหากันแน่น เหตุใดตอนแรกที่นางพบเขาจึงไม่ได้กลิ่นยาพิษ?
“ท่านกินอะไรลงไป? มันคือยาอะไร?”
หลินเมิ้งหยารีบผลักประตูออก ก่อนจะเข้าไปหยิบถ้วยยาของเถียนหนิง
เถียนหนิงกลับแสดงท่าทางประหนึ่งถูกไฟช็อต เขายืนนิ่งเพราะไม่รู้ว่าหลินเมิ้งหยากำลังถามอะไรตนเองอยู่กันแน่
“ข้า…ข้าเพียงกินยารักษาอาการป่วยเท่านั้น หากข้าไม่กินยา ข้าคงมิอาจนอนหลับได้”
ยา? หลังจากเถียนหนิงอธิบาย หลินเมิ้งหยาจึงปล่อยมือเขาพร้อมทั้งค้นหาทั่วห้อง
ในที่สุด นางก็พบกล่องยาที่เต็มไปด้วยผงยาบนหัวนอนของเถียนหนิง
“ยาที่ท่านกินคือยาเหล่านี้อย่างนั้นหรือ?”
เมื่อเถียนหนิงเห็นใบหน้านิ่วคิ้วขมวดของหลินเมิ้งหยา เขาก็พยักหน้าลงด้วยความลังเลเล็กน้อย
ระบบในสมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว ยาที่คุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นอย่างไรปรากฏรายชื่อในสมอง
ยาเหล่านี้มีส่วนผสมของยาพิษที่เคยใช้ควบคุมชิงหูในตอนนั้น!
ชิงหูเล่าว่ามีเพียงพวกนักฆ่าอย่างเช่นพวกเขาที่กินยาเหล่านี้มิใช่หรือ? เหตุใด…เหตุใดเถียนหนิงจึงมียาเหล่านี้?
แม้ปริมาณของยาจะไม่มาก แต่การที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ก็นับเป็นเรื่องอัศจรรย์
“ใครเป็นคนให้ยานี้แก่ท่าน? นอกจากมัน ท่านยังกินยาอื่นอีกหรือไม่?”
สีหน้าหลินเมิ้งหยาเคร่งขรึมจนเถียนหนิงตื่นตระหนก
ประคองร่างไปที่โต๊ะ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้อย่างยากลำบาก ทว่าเสียงไอรุนแรงกลับเป็นคำตอบแรกของเขา
“ยาเหล่านี้เป็นสูตรยาของหมอคนหนึ่งได้ให้เอาไว้ ตอนที่ฮูหยินยังอยู่ ข้าเองเคยหยุดใช้ยาเหล่านี้ แต่หลังจากฮูหยินจากไป อาการป่วยของข้าก็ย่ำแย่ลง”
ขณะพูด หลินเมิ้งหยาตรวจชีพจรของเขาไปด้วย
แตกต่าง ชีพจรของเขาแตกต่างจากชิงหู
อาการป่วยของชิงหูเหมือนมีรูรั่วอยู่เต็มไปหมด ฉะนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่หลินเมิ้งหยามิอาจใช้วิธีการกระตุ้นเพื่อถอนพิษออกจากร่างกายของเขาได้
แม้ภายนอกของชิงหูจะดูเป็นปกติ แต่หากถอนพิษออกไปจนหมด ชีวิตของเขาก็คงจบสิ้น
แต่มันแตกต่างจากอาการป่วยของพี่เถียนหนิง ร่างกายภายนอกของเขาอ่อนแอ แต่อวัยวะภายในกลับแข็งแรง ยิ่งไปกว่านั้น ปริมาณยาพิษในร่างของเขากำลังสลายไป
ฉะนั้นยาที่เขากินเปรียบเสมือนเครื่องประวิงเวลาให้ยาพิษใช้งานต่อไปได้
แม้แต่นางยังมิอาจทำอะไรยาพิษเหล่านี้ได้ นี่หรือว่าเมื่อสิบปีก่อนท่านแม่ของนางจะเป็นคนคิดค้นยาถอนพิษเหล่านี้?
เมื่อสิบปีก่อนเถียนหนิงเป็นเพียงเด็กน้อยเท่านั้น ท่านแม่ใช้ยาอะไรบำรุงร่างกายของพี่เถียนหนิงมิให้เสียหายตั้งแต่เขายังเล็กกันนะ?
“หยาเอ๋อร์? หยาเอ๋อร์?”
เถียนหนิงส่งเสียงเรียกคุณหนูใหญ่ ทว่าหลินเมิ้งหยากลับตกอยู่ในอาการเหม่อลอย
เขาร้องเรียกนางอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดนางก็ดึงสติกลับมาได้
“ต่อจากนี้ไปอย่ากินยาเหล่านี้อีก พรุ่งนี้ข้าจะมอบสูตรยาให้ท่าน พี่เถียนหนิง ท่านยังจำรูปร่างหน้าตาของคนที่ให้สูตรยานี้แก่ท่านได้หรือไม่?”
คนธรรมดาจะต้องมิใช่ผู้คิดค้นยาสูตรนี้อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น เหตุที่ยังไม่มีใครพบความผิดปกติของยาสูตรนี้นั่นก็เพราะรายชื่อยาหาได้มีชื่อของยาพิษไม่
แต่หากนำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมเข้าด้วยกัน ผลของมันมิได้ด้อยไปกว่ายาพิษเลยแม้แต่น้อย
เหงื่อผุดขึ้นบนแผ่นหลังของหลินเมิ้งหยา เหตุใดจึงมีคนวางแผนทำร้ายคนธรรมดาอย่างพี่เถียนหนิงกัน?
เถียนหนิงพยายามหยุดยั้งอาการไอของตัวเอง เขาครุ่นคิดก่อนจะค่อยๆ เล่าออกมา
“ข้า…ลืมรูปร่างหน้าตาของชายคนนั้นไปแล้ว แต่ท่านแม่เคยเล่าว่าที่หมู่บ้านของพวกข้าเคยเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ พวกผู้ใหญ่ต่างไม่อาจทนพิษของโรคระบาดในคราวนั้นได้ แต่เพราะเด็กๆ อายุยังน้อย ดังนั้นเมื่อได้ดื่มยาจึงยังคงมีชีวิตรอดได้ ต่อมามีหมอเทวดาท่านหนึ่งปรากฏตัว เขาแจกจ่ายยาให้กับเด็กๆ ในหมู่บ้าน โดยบอกว่ายาเหล่านี้สามารถทำให้เด็กๆ มีชีวิตรอดต่อไปได้อีกสองสามวัน ตอนนั้นหัวหน้าหมู่บ้านคิดจะทอดทิ้งเด็กๆ เหล่านั้นแล้ว แต่ท่านแม่ข้าโชคดีได้ทำงานในจวน ฉะนั้นจึงสามารถพาข้าหลบหนีมาได้ ฮูหยินที่ได้ยินเรื่องนี้รีบเดินทางไปยังหมู่บ้านข้าด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่ไปไม่ทัน เด็กเหล่านั้นจึงล้มตายจนหมด”
โรคระบาด? เด็ก? หมอเทวดา? สูตรยา?
คำสี่คำนี้วนเวียนอยู่ในสมองของหลินเมิ้งหยา
ชิงหูเล่าว่าพวกเขาถูกเก็บมาหรือไม่ก็ถูกซื้อมาจากพวกค้ามนุษย์
หากความจริงเป็นอย่างที่พี่เถียนหนิงเล่า เช่นนั้นหมู่บ้านแห่งนั้นอาจจะมิได้เกิดโรคระบาดธรรมดาอย่างแน่นอน
มีเพียงเด็กที่ได้เห็นพ่อแม่ตายไปต่อหน้าต่อตาเท่านั้นจึงจะรู้สึกหมดหวังจากโลกใบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กเหล่านั้นติดโรคระบาดไปแล้ว ฉะนั้นสิ่งที่ชายคนนั้นได้ไปก็เป็นเพียงเด็กที่ตายแล้ว ซ้ำยังไม่มีใครกล้าเสี่ยงเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้
เพราะเหตุนี้ เพราะเหตุนี้ชิงหูจึงไม่ยอมพูดว่าผู้อยู่เบื้องหลังคนนั้นเป็นใคร
นั่นคงเพราะคนคนนั้นเป็นพวกบ้าคลั่ง!
อภัยให้ไม่ได้ อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด!
เถียนหนิงและป๋ายจื่อมองหลินเมิ้งหยาที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ด้วยความกังวล
มองดูสายตาโกรธเกรี้ยวที่แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมของนาง แม้แต่ป๋ายจื่อเองก็ไม่กล้าหายใจแรงๆ
นานกว่าหลินเมิ้งหยาจะกลับมาเป็นปกติ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้นางกำลังคิดอะไรอยู่
“ข้าจะเอายาพวกนี้ไป พี่เถียนหนิง ข้าจะรักษาอาการของท่านให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน”
นางจะรักษาอาการของเถียนหนิง
นางจะไม่มีวันยอมแพ้ให้กับคนโหดเหี้ยมอำมหิตคนนั้น!