ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 4 บทที่ 120 ความตายของหูลู่หนาน
หลงเทียนอวี้และหลินจงอวี้ยืนอยู่ด้านหน้ากระโจม สายตาจ้องมองพวกหญิงสาวที่กำลังเข้าๆ ออกๆ กระโจม
เวลาเพียงไม่นาน ภายในกระโจมเกิดเสียงร้องดังลั่น
“เหตุใดถึงเป็นแบบนี้!”
“พี่สาว ฮือๆ พี่สาวที่น่าสงสารของข้า”
ยังดีที่ไร้ซึ่งสุ้มเสียงของหลินเมิ้งหยา ชายทั้งสองสบตากัน พยายามสะกดกั้นความร้อนใจ
หลังจากผ่านช่วงเวลาเร่งด่วนไปแล้ว หลินเมิ้งหยาเดินออกจากกระโจม ใบหน้าแข็งทื่อ
“เป็นอย่างไรบ้างพี่สาว เหตุใดสีหน้าท่าน?”
หลินจงอวี้พุ่งตัวเข้าไปก่อนเป็นคนแรก มือเล็กกระตุกแขนเสื้อของหลินเมิ้งหยา เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ข้าไม่เป็นไร เพียงแค่….เพียงแค่คิดไม่ถึงเลยว่าไอ้พวกสารเลวนั่นจะทำเช่นนั้นกับพี่เยว่ถิง พวกมันทำเรื่องเลวร้ายมาก”
ในโลกยุคปัจจุบัน นางที่เป็นนักศึกษาแพทย์เคยเห็นความเป็นความตายมาอย่างมากมาย
แต่นางที่ได้เห็นร่างกายส่วนล่างของเยว่ถิงแล้วถึงกับชะงักงัน
คนสารเลวพวกนั้น แค่ข่มขืนไม่พอ แต่ยัง….
พี่เยว่ถิงผู้น่าสงสาร นางพยายามอดทนอดกลั้นมาตลอด หากมิใช่เพราะบาดแผลได้รับบาดเจ็บจนติดเชื้อ บางทีนางก็อาจจะอดทนต่อไป
หลินเมิ้งหยาโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม หากมิใช่เพราะป๋ายจีฉุดรั้งร่างของนางเอาไว้ เกรงว่านางคงไปฆ่าคนเหล่านั้นแล้ว
“พี่สาว อย่าปล่อยให้ความโกรธทำร้ายร่างกายของท่านเลย ข้าจะสั่งให้คนไปฆ่าพวกมันเอง”
หลินจงอวี้มองพี่สาวของตนเองด้วยความสงสาร มือเล็กกุมมือของพี่สาวแน่น ก่อนจะคลายออกเล็กน้อย
เมื่อได้เห็นมือสีขาวกำแน่นจนกลายเป็นสีแดง หัวใจของหลินจงอวี้เจ็บปวดเหลือเกิน
“พวกมันตายไปแล้ว”
หลงเทียนอวี้หยุดยืนตรงหน้าหลินเมิ้งหยา แววตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง
คนกลุ่มนั้นถูกเขาจัดการไปนานแล้ว พอมาลองคิดดู บางทีเขาอาจปล่อยให้คนเหล่านั้นตายง่ายเกินไป
เพลิงพิโรธฉายชัดในดวงตาของหลินเมิ้งหยา ร่างบอบบางเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง
“ใช่แล้ว พวกมันตายไปแล้ว แต่ตัวการยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายเสียด้วย”
น้ำเสียงเจือไว้ซึ่งความเย็นชา สายตาเย็นชาของหลินเมิ้งหยาพุ่งไปทางกระโจมของไท่จื่อซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล
โชคดีที่กระโจมรอบๆ บริเวณถูกย้ายไปแล้ว
อีกทั้งกระโจมซึ่งอยู่รอบๆ กระโจมของนางล้วนเป็นกระโจมคนสนิทของหลงเทียนอวี้ แม้หลินเมิ้งหยาจะพูดอะไรไป พวกเขาก็มิได้หันมาให้ความสนใจ
“ใจเย็นก่อนเถิด พวกเราจะต้องแก้แค้นให้เยว่ถิงอย่างแน่นอน”
หลงเทียนอวี้ยืนขวางหน้าหลินเมิ้งหยา เขากลัวว่านางจะกระโจนออกไปทำเรื่องไม่เหมาะไม่ควรตอนนี้
“วางใจเถิด ข้ารู้ดี”
นางสะกดกลั้นความโกรธและเย็นชาเอาไว้ในหัวใจ
หากทำอะไรไปตอนนี้รังแต่จะเสียเรื่อง ยิ่งไปกว่านั้น นางจะคิดบัญชีทั้งเก่าและใหม่ในคราวเดียว
นาง…จะเดินหมากครั้งใหญ่
ไม่ไกล อยู่ๆ เสียงร้องโวยวายดังขึ้น
สายตาของทั้งสามถูกเสียงนั้นดึงดูดไปในทันที ครู่ต่อมา องครักษ์วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาพวกเขา
“ทูลท่านอ๋องและพระชายา องค์ชายรองแห่งซีฟานถูกฆ่าตายในกระโจมพ่ะย่ะค่ะ!”
“อะไรนะ!?”
หลงเทียนอวี้และหลินเมิ้งหยาสบตากัน สมองประมวลผลอย่างรวดเร็ว
เหตุใดเขาจึงตายง่ายดายเช่นนี้?
“ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อน”
หลงเทียนอวี้เอ่ยกับองครักษ์ พาหลินเมิ้งหยาและหลินจงอวี้เดินมาที่กระโจมของหลงชิงหาน
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกำลังโอบกอดสาวงามและเล่นสนุกกันอยู่ เมื่อเห็นทั้งสามเดินเข้ามา สีหน้าพลันคล้ำลง
“พี่สาม พี่สะใภ้ แล้วก็เจ้าขวดน้ำมันนั่นด้วย นี่มันกระโจมของข้านะ!”
สาวงามที่เสื้อผ้ากำลังหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อยรีบซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดของหลงชิงหาน แต่ถึงแม้เขาจะเอ่ยเช่นนี้ ทว่ามือกลับตบบ่าของสาวงามเพื่อให้นางกลับออกไปก่อน
“ชิ ไอ้คนเจ้าชู้ประตูดิน”
หลินจงอวี้ไม่เคยชอบองค์ชายจอมกำมะลอผู้นี้เป็นทุนเดิม ดังนั้นจึงเอ่ยจิกกัดเขาออกมาโดยไร้ซึ่งความเกรงใจ
ใบหน้าของหลงชิงหานเคร่งขรึมลงไป ดีจริง แม้แต่เจ้าเด็กน้อยที่เดินตามพี่สะใภ้สามต้อย ๆ ก็มองไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแล้ว
“เพื่อเห็นแก่หน้าพี่สะใภ้สาม ข้าจะไม่เอาเรื่องเจ้า พูดมาเถิด ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
หลงชิงหานโบกมือ มิได้แสดงท่าทีอึดอัดเพราะเพิ่งถูกขัดความสุขเลยแม้แต่น้อย
ราวกับว่าเขาชินชากับการโดนสายตาดูถูกจ้องมองแล้ว
คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากัน
“หูลู่หนานตายแล้ว เพิ่งเกิดเรื่องเมื่อครู่นี้”
“อะไรนะ? เป็นไปได้อย่างไร! เมื่อเช้าข้ายังส่งคนไปแอบฟังหมอหลวงเองว่าอาการของเขาดีขึ้นแล้ว แล้วเหตุใดตอนนี้จึงตายไปแล้วเล่า?”
หลงชิงหานลุกขึ้นจากตั่ง ท่าทางไม่เหมือนเชื้อพระวงศ์เลยแม้แต่น้อย
“ถึงอย่างนั้นตอนนี้เขาก็ตายไปแล้ว เกรงว่าฮ่องเต้หมิงจะต้องเอาเรื่องถึงที่สุดอย่างแน่นอน”
คิ้วของหลินเมิ้งหยาขมวดเข้าหากันแน่น วิเคราะห์อย่างใจเย็น
ตอนนี้นางอยากรู้สถานการณ์ในเวลานี้ หากหูลู่หนานตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวก็คงไม่เป็นไร
แต่ถ้าหากถูกฆ่าตายในกระโจมแล้วละก็ คราวนี้สายตาของทุกคนคงพุ่งเป้ามาที่นางอีกครั้ง
“ท่านอ๋อง เราคงเก็บนักฆ่าของเถาฮวาอู๋เอาไว้ไม่ได้แล้ว”
ครุ่นคิด หลินเมิ้งหยารีบเอ่ยตัดสินใจ
ตอนแรกยังคิดอยากปล่อยสายเบ็ดเอาไว้ก่อน ทว่าตอนนี้คงต้องล้มเลิกความคิดนั้นเสียแล้ว
“ได้ ข้าจะแสร้งทำเหมือนว่าพวกนางถูกฆ่าตายระหว่างหลบหนี เจ้าต้องระวังตัวด้วย”
หลงเทียนอวี้เดินออกไปนอกกระโจม ตอนนี้เขาหวังเพียงว่าแผนการจะสำเร็จ
คิ้วของหลินเมิ้งหยายิ่งขมวดเข้าหากันแน่น ตกลงใครเป็นคนส่งคนไปฆ่าหูลู่หนาน?
เสียงร้องโหวกเหวกโวยวายยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง การตายของหูลู่หนานสร้างความหวาดผวาให้กับทุกคน
ตอนนี้ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ แม้จะมีคนบอกว่าเป็นฝีมือของชายาอวี้ที่ทำขึ้นเพื่อแก้แค้นก็ตาม
แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น หากเป็นคนนอกทำแล้วล่ะก็ เช่นนั้นหัวของพวกเขาคงหลุดออกจากบ่า
หลินเมิ้งหยาสวมใส่เสื้อคลุมสีดำ
เสื้อคลุมตัวยาวบังร่างของนางจนมิด เคลื่อนไหวภายใต้ความมืด หากไม่สังเกตให้ดีจะไม่มีทางมองเห็นเลยแม้แต่น้อย
“ตามข้ามา”
ภายในความมืด อยู่ๆ แขนสองข้าเข้ามาจับข้อมือของหลินเมิ้งหยาเอาไว้
เจ้าของมือทั้งสองข้างรีบพาหลินเมิ้งหยาผลุบหายไปในความมืด ไม่นานร่างของทั้งคู่ก็หายไป
ศพของหูลู่หนานถูกตั้งไว้ที่กลางเขา
ตามธรรมเนียมของซีฟาน หากมีคนตายจะต้องทำการเผาศพ
ดังนั้น ไท่จื่อจึงรับสั่งให้หาพื้นที่ว่างบริเวณกลางเขาเพื่อทำพิธีเอ่ยคำอำลาหูลู่หนานเป็นครั้งสุดท้าย
ฮ่องเต้หมิงและหูเทียนเป่ย รวมถึงองค์หญิงหมิงเยว่ล้วนเดินทางมาที่กลางเขา
ไม่นาน ร่างของหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้ปรากฏขึ้นในบริเวณนั้น
“พวกเจ้ามาแล้วหรือ”
อยู่ๆ ร่างสูงยาวพลันปรากฏขวางหน้าทั้งสองเอาไว้
อาศัยแสงจันทร์จ้องมอง ก่อนจะรู้ว่าเขาคือหูเทียนเป่ย
“ข้าเป็นคนขอความช่วยเหลือจากอาเป่ยเอง ไม่เป็นไรหรอก อย่าได้ตกใจไป”
หลงเทียนอวี้ตบบ่าของหลินเมิ้งหยาเพื่อทำให้ร่างกายซึ่งกำลังแข็งทื่อของนางผ่อนคลายลง
“ใช่ ข้าพูดกับเสด็จพ่อเรียบร้อยแล้ว ท่านเอ่ยว่าจะให้โอกาสพวกท่านหนึ่งคนเข้าไปพบ”
ทั้งที่น้องชายของตนเองตายแล้ว ทว่าหูเทียนเป่ยกลับไร้ซึ่งความเสียใจ
ยังคงส่งยิ้มเป็นปกติมาให้ ไร้ร่องรอยของความเจ็บปวด
“ได้ ขอบพระทัยเพคะ”
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลง ทั้งสองเดินตามหลังหูเทียนเป่ยเข้าไปยังตำแหน่งตรงกลางซึ่งเป็นกระโจมของฮ่องเต้หมิง
“เสด็จพ่อเอ่ยว่าจะพบพวกท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น ใครจะเข้าไป?”
หลงเทียนอวี้ไม่อยากปล่อยให้หลินเมิ้งหยาเจอเข้ากับอันตรายใด ๆ หากฮ่องเต้หมิงโกรธเกรี้ยวขึ้นมาและทำร้ายนางจะทำอย่างไร?
“หม่อมฉันไปเอง”
แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะชิงก้าวออกไปก่อน
“ชายาอวี้ใจกล้ายิ่งนัก เช่นนั้นเชิญ”
หูเทียนเป่ยคิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวร่างเล็กผู้นี้จะใจกล้าเยี่ยงชายชาตรี
แววตาเผยให้เห็นร่องรอยของความชื่นชม มือผายออกเชื้อเชิญ
ร่างเล็กบอบบางในชุดสีดำเยื้องย่างเข้าไปในกระโจมของฮ่องเต้หมิง ดวงตาของหลงเทียนอวี้เผยให้เห็นความกังวล
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าว่าชายาของท่านมิใช่คนธรรมดาทั่วไป ไปเถิด ไปดื่มเหล้าที่กระโจมของข้ากัน จะได้ทำให้ร่างกายอบอุ่น”
หูเทียนเป่ยหัวเราะแล้วพาหลงเทียนอวี้ออกไป ขณะเดียวกัน ร่างของหลินเมิ้งหยาพลันหายเข้าไปในกระโจม
เพียงแหวกผ้าม่านออก กลิ่นเหล้าพวยพุ่งเข้ามาเตะจมูก
คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากลูกชายของตนเองตายไปแล้ว ฮ่องเต้หมิงจะยังมีกะจิตกะใจดื่มเหล้า
หลินเมิ้งหยายิ่งมั่นใจในทฤษฎีของตนเอง
กระโจมของฮ่องเต้หมิงหาได้มีหญิงสาวคอยปรนนิบัติไม่ จะมีก็แต่เหล่าชายหนุ่มร่างกำยำเท่านั้น
หนังเสือขนาดใหญ่ถูกวางพาดบนโต๊ะตัวยาว
ฮ่องเต้หมิงสวมใส่ชุดสีดำ นั่งอยู่บนเก้าอี้ มือที่ถือเหล้ายกแก้วขึ้นกระดก
“เอ๋? เหตุใดจึงเป็นหญิงสาวร่างเล็กเช่นเจ้าเล่า? ฟู่จวินของเจ้าอยู่ที่ใด?”
ประหลาดใจเล็กน้อย เหตุใดจึงเป็นหลินเมิ้งหยาจึงมาหาพบเขา
สายตาที่กำลังจ้องมองทางหลินเมิ้งหยาเผยให้เห็นร่องรอยของการดูถูก
“คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายของต้าจิ้นจะไร้ซึ่งความกล้า เสียดายคำชมของอาเป่ยเสียจริง”
หลินเมิ้งหยากลับกระตุกยิ้ม ก่อนจะถอดผ้าคลุมสีดำออก
นั่งลงยังตำแหน่งของแขก มือเล็กจับขวดเหล้ายกขึ้นดื่ม “อึก อึก”
“เหล้าชั้นเลิศ”
ใช้แขนเสื้อเช็ดมุมปากของตนเอง ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่กลายเป็นสีแดง
ฮ่องเต้หมิงคิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวร่างเล็กบอบบางจะกล้าหาญชาญชัยเช่นนี้
นางครุ่นคิด นึกถึงชาติกำเนิด ถือขวดเหล้าพลางหัวเราะเสียงดังลั่น
“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเป็นลูกสาวของมู่จือ พ่อเป็นเสือ ลูกจึงไม่ใช่หมา เจ้าเหมือนกับพี่ชายของเจ้ามาก”
หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มดีใจ ก่อนจะยกขวดเหล้าพลางเอ่ย
“ท่านพ่อเองก็เคยพูดเอาไว้ว่าบนโลกใบนี้ หากเขาเป็นวีรบุรุษ ท่านเองก็เป็นจอมวายร้าย!”