ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 6 บทที่ 166 คนเหมือนกัน แต่ชีวิตแตกต่างกัน
ป๋ายจียกมือปาดน้ำตา สายตาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น
นางตัดสินใจเอาไว้แล้ว หากแผนการล้มเหลว นางจะออกไปบอกว่านางเป็นคนลงมือทำทุกอย่างเอง
อย่างไรเสียก็เพียงแค่โดนประหารเท่านั้น ขอเพียงปกป้องดูแลความปลอดภัยของนายหญิงได้ก็เพียงพอแล้ว
“ไม่ ป๋ายจี เจ้ามีน้องชายน้องสาวให้ดูแลมากมาย หากเกิดเรื่องกับเจ้าขึ้นมา พวกเขาจะทำอย่างไร?”
ป๋ายซ่าวรีบส่ายหน้า ใบหน้างดงามรูปไข่เผยให้เห็นหยาดน้ำตาที่กำลังรินไหลอย่างน่าสงสาร
“นายหญิง ข้าไปเองดีกว่าเจ้าค่ะ แม่ของข้าเป็นคนเห็นแก่เงิน ขอเพียงมอบงานให้นางเล็กน้อย นางก็ไม่สนใจแล้วว่าลูกสาวจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร ให้ข้าไปเถิด ชาติหน้าข้าก็จะยังเกิดมาเป็นสาวใช้ของท่าน”
พายุที่ถาโถมเข้ามาทำให้หัวใจของหลินเมิ้งหยาเจ็บปวด
ตอนแรกนางคิดว่าตนเองจะต้องอาศัยอยู่บนโลกใบนี้เพียงลำพัง
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเมล็ดที่นางได้หว่านออกไปอย่างไม่ตั้งใจ ตอนนี้จะงอกงาม ผลิดอกออกผลแล้ว
“ไอหยา พวกเจ้าอย่าร้องไห้ มีเหล่าเหนียงอยู่ทั้งคน ไม่ว่าใครก็จะทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้”
ชิงหูเท้าเอว ดูท่าจะคุ้นชินกับท่าทางการเป็นผู้หญิงของตนเสียแล้ว
ปากร้องว่าเหล่าเหนียงอย่างนั้นอย่างนี้
หลินเมิ้งหยารู้สึกอึ้งเล็กน้อย เหตุใดนางจึงลืมเขาไปกันนะ
“วางใจเถิด แม้เหล่าเหนียงจะต่อยตีกับคนทั้งหมดนั่นไม่ได้ แต่เหล่าเหนียงเก่งเรื่องลักขโมย หากพวกนั้นจับพวกเจ้าไปเข้าคุก เช่นนั้นเหล่าเหนียงจะหาทางพาพวกเจ้าออกมาเอง”
เมื่อได้เห็นท่าทางหยิ่งผยองของคนตัวสูงตรงหน้า บรรยากาศเศร้าสร้อยจึงหายไปชั่วคราว
หลินเมิ้งหยาไม่รู้ว่าควรเอ่ยอะไรดี หรือคุกแห่งนี้จะกลายเป็นสวนผักที่ถูกลืมกันนะ
แม้จะเป็นสวนผักที่ถูกลืม แต่พวกนางก็มิใช่แตงกวาหรือมันฝรั่งที่ใครคิดจะมาเด็ดก็เด็ดได้
“ท่านอ๋อง เหตุใดจึงมาที่นี่หรือเจ้าคะ?”
ป๋ายจีส่งเสียงร้อง กระตุกชายเสื้อของหลินเมิ้งหยาให้หันไปมองทางหน้าประตู
หลงเทียนอวี้ยืนอยู่ที่นั่น เขาได้ยินเรื่องทุกอย่าง นับแต่ตอนที่ป๋ายจีพูดว่าจะสละชีวิตของตนเอง
เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นเป็นเช่นไร เหตุใดป๋ายจีกับป๋ายซ่าวจึงกล้าที่จะสละชีวิตของตนเองเพื่อรับผิดแทนหลินเมิ้งหยา
แต่เขารู้ หลินเมิ้งหยามีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าคนในครอบครัวของพวกนาง
“ข้าจะปกป้องพวกเจ้าทุกคน”
เขาเอ่ยเพียงประโยคเดียวก่อนจะจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
หลินเมิ้งหยามองตามหลัง ประโยคนั้นของเขาดังก้องในหูซ้ำๆ
ให้ตายเถอะ…หล่อชะมัด
หลงเทียนอวี้มิใช่คนที่จะสัญญาอะไรกับใครง่ายๆ แต่ว่าทุกเรื่องที่เขารับปาก เขามักจะทำสำเร็จเสมอ
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหัวใจที่เคยเต้นระรัวพลันสงบนิ่งลง
แปลกจริง ทั้งที่เขาพูดเพียงประโยคเดียวเท่านั้น
“มีคนช่วยแล้ว พวกเรารอดแล้ว นายหญิง ดีจังเลยเจ้าค่ะ”
ป๋ายซ่าวดีใจมาก สำหรับพวกนางแล้วหลงเทียนอวี้เป็นคนที่เชื่อถือได้
ทว่าหัวใจของหลินเมิ้งหยากลับเกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
ผู้ชายคนนั้นมักทำให้หัวใจของนางสั่นไหวโดยไม่ตั้งใจเสมอ
“เอาล่ะ ตั้งสติให้ดี ในเมื่อท่านอ๋องรับปากแล้ว เช่นนั้นพวกเราต้องตั้งสติ ป๋ายจี ป๋ายซ่าว ป๋ายซู เลิกร้องไห้ได้แล้ว”
สาวใช้ทั้งสามพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย โชคดีที่พวกนางซึมซับวิธีการวางตัวมาจากหลินเมิ้งหยา ดังนั้นสาวใช้ทั้งสี่นอกจากป๋ายจื่อ แล้ว จึงรู้วิธีควบคุมอารมณ์ของตนเอง
“เช่นนั้นพวกเราไปทดสอบกันต่อเถิด”
อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็พลันรู้สึกมีพลังอยู่เต็มเปี่ยม เมื่อมีหลงเทียนอวี้คอยคุ้มครอง นางจึงไม่รู้สึกกลัวอะไรทั้งสิ้น
“เจ้าค่ะ”
สาวใช้ทั้งสามขานรับพร้อมกัน ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าจะหนีไปแล้วเสียอีก”
คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่เดินออกมานอกประตู จะได้พบกับหมิงเยว่
คราวนี้หากมิอาจเอาชีวิตของนางได้ หมิงเยว่คงมิอาจตายตาหลับ
“ข้าหลินเมิ้งหยามิเคยคิดหนี พวกเราสกุลหลินไม่เคยรู้จักคำนั้น”
หลินเมิ้งหยาหมุนตัวเผชิญหน้า
หมิงเยว่โกรธจนหัวเราะออกมาราวกับว่ามั่นใจแล้วว่าหลินเมิ้งหยาไม่มีทางหนีรอด
“อย่าปากแข็งไปเลยคุณหนูหลิน พ่อของเจ้าอยู่ที่แถบชายแดน อ้อ จริงซิ พี่ชายของเจ้ากำลังจะกลับเมืองหลวงแล้วนี่นา ชิชิ แม่ทัพที่อายุยังน้อยกลับต้องถูกน้องสาวทำให้อับอาย น่าเสียดายเหลือเกิน”
หมิงเยว่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำร้ายกาจ
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น เชื่อว่าหากต้องปะทะวาจากันแล้ว นางไม่เคยแพ้ใคร
“พวกเราสกุลหลินมีความจงรักภักดี ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตัดสินจากผู้อื่น แต่ว่า…สกุลหลินของข้ามีการสั่งสอนที่เข้มงวด พวกเราจะมิยินยอมให้ลูกสาวของตนเองทำเรื่องเสื่อมเสียจนตกเป็นขี้ปากของชาวบ้าน อีกอย่าง…จงเรียกข้าว่าชายาอวี้”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยชัดถ้อยชัดคำเพื่อทิ่มแทงหมิงเยว่
เพียงประโยคเดียว กลับทำให้หมิงเยว่โกรธจนแทบกระอักเลือด
ยิ่งไปกว่านั้นนางได้เอ่ยซ้ำเติมเรื่องข่าวฉาวของหมิงเยว่ ดังนั้น องค์หญิงผู้งดงามแทบจะอยากเข้าไปฉีกร่างของหลินเมิ้งหยาออกเป็นชิ้นๆ ด้วยตนเอง
“คงต้องเสียมารยาท เชิญองค์หญิงตามสบาย”
หลินเมิ้งหยาเดินออกไปด้วยท่วงท่าสง่างาม ราวกับมองไม่เห็นสายตาโกรธเกรี้ยวของหมิงเยว่
“หลินเมิ้งหยา ไม่ว่าช้าหรือเร็ว ข้าจะเหยียบเจ้าให้จมดิน”
หมิงเยว่จ้องเขม็งตามหลังหลินเมิ้งหยา ขบฟันเข้าหากันแน่น ราวกับกำลังมองดูม้าห้าตัวแยกร่างของหลินเมิ้งหยาออกจากกันอย่างไรอย่างนั้น
“นายหญิง เมื่อครู่ท่านคุยอะไรกับองค์หญิงหมิงเยว่หรือเจ้าคะ?”
ป๋ายจีเดินเข้ามาหาด้วยความกังวล ขณะที่องค์หญิงหมิงเยว่ยังอยู่ที่จวน พวกนางเคยฉีกหน้าองค์หญิงหลายต่อหลายรอบ
จะพูดว่าอย่างไรดีนะ ความงามขององค์หญิงหมิงเยว่มิได้ด้อยกว่านายหญิง
แต่พวกนางกลับรู้สึกเสมอว่าองค์หญิงผู้นี้มิได้เป็นคนธรรมดาดั่งรูปลักษณ์ภายนอก
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อมาพวกนางได้ข่าวลืออื้อฉาวต่างๆ นานา ของนาง ดังนั้นพวกนางจึงรู้สึกว่าองค์หญิงผู้นี้จะต้องมิใช่คนดีอย่างแน่นอน
“อย่าไปสนใจนางเลย มาเถิด พวกเราทำเรื่องที่ควรทำกันจะดีกว่า”
หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า โยนสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องคิดออกจากสมอง
มีผู้ที่ยังไม่ได้ทดสอบอีกเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เมื่อดูจากรายชื่อ ในที่สุดก็มาถึงคนที่น่าสงสัยที่สุดอย่างเจียงหรูฉิน
หลินเมิ้งหยาหรี่ตา นางเดาไว้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนทำ
ฉะนั้นนางจึงตั้งใจกำชับป๋ายจีให้เก็บเจียงหรูฉินเอาไว้เป็นคนสุดท้าย
ยิ่งมีรายชื่อเป็นคนสุดท้าย นางจะยิ่งตื่นตระหนก
นางต้องการให้เจียงหรูฉินกลายเป็นนกตื่นธนู
“คนต่อไป คุณหนูเจียงหรูฉินและสาวใช้ซิ่งเอ๋อร์”
ป๋ายจียังคงขานชื่อด้วยท่าทางสงบนิ่ง ทว่าฝ่ามือของเจียงหรูฉินกลับชุ่มไปด้วยเหงื่อ
นางส่งสายตาเป็นสัญญาณให้กับซิ่งเอ๋อร์อย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าร่างกายของซิ่งเอ๋อร์กลับสั่นเทิ้ม ไม่ยอมเงยหน้า
“อย่าลืมนึกถึงชีวิตของพ่อแม่และน้องชายของเจ้า!”
เจียงหรูฉินกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของซิ่งเอ๋อร์
สาวใช้ผู้น่าสงสารใกล้จะสติแตกเต็มที ร่างกายสั่นสะท้าน
“คุณหนู ได้โปรดเมตตาครอบครัวของข้าด้วยเจ้าค่ะ”
ในที่สุดซิ่งเอ๋อร์ก็ตัดสินใจ ฝืนพาร่างกายที่กำลังสั่นเทาก้าวออกจากกลุ่มคน
“ซิ่งเอ๋อร์ เจ้าจะทำอะไร?”
เจียงหรูฉินทั้งตื่นตะลึงและรู้สึกยินดีในคราวเดียวกัน
ในที่สุดหลินเมิ้งหยาก็จะถูกำจัดเสียที ทว่าสีหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง
“คุณหนู ซิ่งเอ๋อร์ ซิ่งเอ๋อร์ต้องได้รับโทษเจ้าค่ะ”
สายตาของทุกคนจับจ้องมองทางซิ่งเอ๋อร์ที่กำลังคุกเข่าร้องห่มร้องไห้อยู่บนพื้น
ฮองเฮาที่หลับตาอยู่ตลอดเวลาถูกเสียงร้องไห้ตรงหน้าทำให้ตกใจเล็กน้อย นางลืมตาขึ้น ดวงตาคมกริบดั่งเหยี่ยวจ้องไปที่ร่างกำลังซึ่งกำลังสั่นเทาตรงหน้า
“หืม? เจ้าทำผิดกระไร พูดให้ข้าฟังเดี๋ยวนี้?”
คิดจะเสียสละตนเองอย่างนั้นหรือ? หลินเมิ้งหยาล่วงรู้ได้ทันที ทว่า นางยังคงสงบนิ่ง
กลับกันเสียงของนางกลับเจือไปด้วยอารมณ์นึกสนุก
“ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หนู่ปี้คงมิอาจปิดบังพระองค์ได้อีก ชายาอวี้เป็นผู้สั่งให้หนู่ปี้ทำเรื่องนี้เพื่อใส่ร้ายคุณหนูของข้า”
เพียงซิ่งเอ๋อร์เอ่ยประโยคนี้ออกมา ทุกคนผงะไปในทันที
หลินเมิ้งหยาส่งสายตาเย็นชาไปทางซิ่งเอ๋อร์ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนพื้น ก่อนจะกวาดสายตาไปทางเจียงหรูฉิน
“อย่างนั้นหรือ? ข้าเป็นคนสั่งให้เจ้าทำ?”
ซิ่งเอ๋อร์มองดูคุณหนูของตนเองด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะพยักหน้า
“เจ้า…เจ้าค่ะ ชายาอวี้ซื้อหนู่ปี้ หนู่ปี้จึงทำเรื่องนั้น”
สายตาของทุกคนหันไปทางหลินเมิ้งหยา
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับไร้ซึ่งท่าทางกระวนกระวาย
เจียงหรูฉินรู้สึกสะใจจนอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ
หลินเมิ้งหยา ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะหยิ่งผยองต่อไปได้อีกนานแค่ไหน
“ข้าซื้อเจ้า? มีหลักฐานหรือไม่?”
มองดูซิ่งเอ๋อร์ที่นั่งอยู่บนพื้นเหมือนกำลังดูเรื่องสนุกภายในใจหลินเมิ้งหยาลอบถอนหายใจ
เมื่อมองดูจากรูปการณ์ คาดว่าซิ่งเอ๋อร์จะต้องถูกขู่บังคับอย่างแน่นอน
หากคิดจะช่วยเจ้านายทำผิดคิดชั่ว เช่นนั้นนางก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะตาย
นางมิใช่คนที่จะใจอ่อนให้ศัตรูเสียด้วย
“มี…มีหลักฐานเจ้าค่ะ”
มือที่สั่นเทาล้วงเข้าไปในเสื้อแล้วหยิบธนบัตรใหม่เอี่ยมออกมา
“นำมานี่”
นางกำนัลที่อยู่ข้างกายฮองเฮารีบออกคำสั่ง
ธนบัตรถูกส่งมอบให้ฮองเฮาท่ามกลางสายตาของทุกคน
นางหรี่ตามอง ก่อนจะเอ่ย
“อืม เป็นธนบัตรที่ราชวงศ์ใช้ ชายาอวี้ เจ้ายังมีข้อแก้ตัวอีกหรือไม่?”
ไม่โกรธ แม้แต่เค้นถามก็ไม่ทำ
ทุกคนไม่เข้าใจความคิดของฮองเฮา
หลินเมิ้งหยากลับยิ้ม นางหมุนตัวหันไปมองทางซิ่งเอ๋อร์
“เจ้าบอกว่าข้าเป็นคนให้เงินเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
ซิ่งเอ๋อร์ไม่ลังเลเลยที่จะพยักหน้าลง อันที่จริงเจียงหรูฉินเพิ่งจะยัดมันให้นางเมื่อครู่
“อืม ป๋ายซ่าวจงไปดูหน่อยซิว่าใช้ธนบัตรของพวกเราหรือไม่?”
ทันทีที่สิ้นเสียงของหลินเมิ้งหยา ป๋ายซ่าวก้าวไปข้างหน้า ถวายคำนับ คุกเข่าลงบนพื้นแล้วมองดูให้ละเอียด
“ทูลพระชายา หาใช่ธนบัตรของพวกเราไม่ บนธนบัตรขาดอะไรบางอย่างไปเจ้าค่ะ”
คำพูดของป๋ายซ่าวทำให้คิ้วของเจียงหรูฉินขมวดเข้าหากัน
ไม่สิ นี่เป็นธนบัตรของจวนอวี้จริงๆ เหตุใดจึงขาดของบางอย่างไปได้?
เห็นได้ชัดว่านางกำลังหาข้อแก้ตัว
“เช่นนั้นเจ้าลองพูดมาเถิดว่าขาดอะไรไป?”
หลินเมิ้งหยายังคงแสดงท่าทีไม่สนใจ
“ทูลพระชายา ธนบัตรของพวกเราล้วนถูกประทับตราประจำตัวของพระองค์ ธนบัตรทุกใบที่ทุกจวนของราชวงศ์ใช้ล้วนส่งมาจากฝ่ายในของพระราชวัง ดังนั้นเพื่อให้เกิดข้อแตกต่าง ด้านบนธนบัตรจึงถูกประทับตราประจำจวนเอาไว้ แต่ธนบัตรใบนี้ไม่มีเพคะ”
“ไม่จริง ธนบัตรใบนี้มีตราประทับของจวนอวี้!”