ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 6 บทที่ 175 ชีวิตคนเราเหมือนละคร ขึ้นอยู่กับตนเองว่าจะแสดงเช่นไร
- Home
- ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ
- เล่มที่ 6 บทที่ 175 ชีวิตคนเราเหมือนละคร ขึ้นอยู่กับตนเองว่าจะแสดงเช่นไร
“ตลอดหลายปีมานี้ ชายาหลิงหนานข่มขู่ข้าให้ทำงานแทนนางมากมาย ไม่ว่าจะทั้งจวนหลิงหนานหรือในวัง นางสั่งให้ข้าทำหลายเรื่อง”
คำพูดของพระสนมเต๋อเฟยแฝงไว้ซึ่งความเย็นชา
คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นนางมีหรือจะยอมเป็นหุ่นเชิดของใครง่ายๆ
ดังนั้นงานที่ช่วยทำทั้งหมดจึงเป็นเพียงการรอโอกาสในการเอาคืนเท่านั้น
“ที่นางอาละวาดเช่นนั้นก็เพราะนางกุมของบางอย่างของข้าเอาไว้ในกำมือ”
ใบหน้าของพระสนมเต๋อเฟยเย็นชาดุจน้ำแข็ง มุมปากเผยรอยยิ้มเยือกเย็น
“ฉะนั้นหมู่เฟยจึงต้องจำยอมเพื่อให้ได้มาซึ่งของที่ชายาหลิงหนานครอบครองเอาไว้ใช่หรือไม่เพคะ?”
สมองของหลินเมิ้งหยาประมวลผลอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมองออกว่าพระสนมเต๋อเฟยต้องการจะสื่ออะไร
“เจ้าพูดถูกเพียงครึ่งเดียว อันที่จริงของชิ้นนั้น…”
คำพูดของพระสนมเต๋อเฟยกลับหยุดลงเพราะเสียงหนึ่งดังขัดขึ้น
“พี่เต๋อเฟย เมื่อครู่น้องทำผิดเองท่านอย่าได้โกรธเคืองข้าเลย”
ไม่ไกลกันนั้น หลิงหนานพาซ่างกวนฮุ่ยเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ไม่หรอก พวกเราล้วนเป็นพี่น้องกันทั้งนั้นแต่เพราะช่วงนี้มีเรื่องมากมายเกิดขึ้น ดังนั้นจึงพูดจาขึงขังไปสักหน่อยเจ้าอย่าได้ใส่ใจเลย”
หลินเมิ้งหยาเพิ่งเข้าใจ คนที่แสดงละครเก่งที่สุดในบ้านคือพระสนมเต๋อเฟยแม่สามีของนาง
นางลอบมองและเพียงพริบตาเดียว นางกลับกลายเป็นนางเอกผู้เศร้าโศก
ทุกความรู้สึกที่แสดงออกมาบนใบหน้าล้วนเหมือนจริง
หากมิใช่เพราะก่อนหน้านี้นางเพิ่งพูดความจริงกับหลินเมิ้งหยา เกรงว่าแม้แต่หลินเมิ้งหยาเองก็คิดว่าพระสนมเต๋อเฟยกำลังกลัวชายาหลิงหนานมาก
แต่ว่า…ซ่างกวนฮุ่ย?
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ตระกูลซ่างกวนในเมืองหลวงมีเพียงตระกูลของฮองเฮาเท่านั้น
หรือเด็กสาวคนนี้จะเป็นคนของฮองเฮา
ลอบสำรวจซ่างกวนฮุ่ยอย่างละเอียด
อ่อนหวานเสมือนน้ำไม่มีท่าทางเย่อหยิ่งของสกุลซ่างกวนเลยแม้แต่น้อย
อาจจะ…เป็นอุปนิสัยใจคอแท้จริงของนาง
อาจจะ…เป็นการแสดง
สรุปแล้วนางควรระมัดระวังตัวเอง
“พี่สาวกำลังโกรธที่ข้าพาคนของตระกูลซ่างกวนมาใช่หรือไม่? พี่สาวอย่าเข้าใจข้าผิด แม้ฮุ่ยเอ๋อร์จะเป็นคนของสกุลซ่างกวน แต่นางมิมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับคนเหล่านั้น ข้าไตร่ตรองไม่รอบคอบเองเพราะเหตุนี้พี่สาวจึงโกรธ”
ชายาหลิงหนานแสดงละครเก่งไม่แพ้กัน
หลินเมิ้งหยายังคงรักษาภาพลักษณ์ของตนเอง ไม่แม้แต่จะเลิกคิ้วแต่กลับเข้าไปยืนข้างกายพระสนมเต๋อเฟย
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? ไม่ว่าคุณหนูซ่างกวนจะมาจากตระกูลใด แต่นางก็เป็นคนดี”
พระสนมเต๋อเฟยแสดงท่าทางประหนึ่งนกตื่นธนู
ชายาหลิงหนานรู้สึกสะใจนักที่เห็นท่าทางตื่นตระหนกของพระสนมเต๋อเฟยดังนั้นนางจึงเอ่ยแกมสั่ง
“ข้ากับพระสนมเต๋อเฟยยังมีเรื่องต้องคุยกัน เช่นนั้นพระชายาพาฮุ่ยเอ๋อร์ออกไปเดินชมวังได้หรือไม่?”
ชายาหลิงหนานไม่กลัวว่าหลินเมิ้งหยาจะปฏิเสธ เหตุเพราะพระสนมเต๋อเฟยยังคงเชื่อฟังคำพูดของนาง
“หยาเอ๋อร์ เจ้าพาคุณหนูซ่างกวนไปเดินเล่นเถิด ข้า…ข้าไม่เป็นไร”
พระสนมเต๋อเฟยหลุบตาลงก่อนจะส่งยิ้มฝืดฝืน
หลินเมิ้งหยารู้สึกว่านั่นเป็นเพียงการแสดง นางถวายคำนับก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปเพียงลำพังโดยไม่สนใจซ่างกวนฮุ่ย
“ไปเถิด แม้หยาเอ๋อร์จะเจ้าอารมณ์ไปสักหน่อย แต่นางเป็นเด็กดี คุณหนูซ่างกวนอย่าโกรธนางเลย”
ซ่างกวนฮุ่ยยิ้มเอียงอาย
นางหมุนตัวก่อนจะตามหลินเมิ้งหยาไป
“พี่เต๋อเฟย หนี้ของพวกเราควรแก่เวลาที่ต้องชำระแล้วใช่หรือไม่”
ดวงตาของหลิงหนานเผยรอยยิ้มมีเลศนัย
“ได้”
หยักยิ้มแปลกประหลาด
ทั้งสองเดินออกไปทางด้านหลังสวน มิรู้ว่ากำลังพูดเรื่องอะไร
หลินเมิ้งหยาแม้จะเดินนำหน้า แต่นางก็ลอบสังเกตคนที่เดินตามมาเบื้องหลัง
ซ่างกวนฮุ่ยดูเหมือนมิมีพิษสงร้ายอันใด
หลินเมิ้งหยากลอกตา ก่อนจะหยุดอยู่ที่สวนดอกไม้ริมสระน้ำ
“ได้ยินมาว่าพระชายาอวี้เป็นคนฉลาด วันนี้พอได้เห็นแล้วก็รู้สึกว่ามิใช่คนธรรมดา”
ดังนั้นซ่างกวนฮุ่ยจึงเผยธาตุแท้ออกมา
ท่าทางอ่อนหวานของนางลดหายไปเล็กน้อย ท่าทางเช่นนั้นมีเพียงหญิงสาวฉลาดเฉลียวเท่านั้นที่จะมี หลินเมิ้งหยาจึงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น
นางบอกแล้วไงว่าบนโลกใบนี้ไม่มีทางมีคนจิตใจดีดุจนางฟ้าหรอก
“จนถึงทุกวันนี้ข้ายังเก็บหน้ากากที่พระชายาทำขึ้นในงานชมดอกเก๊กฮวยเอาไว้ พระชายาคงไม่ลืมข้าใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินนางพูดถึงงานเลี้ยงชมดอกเก๊กฮวย หลินเมิ้งหยาพลันนึกถึงหญิงสาวสวมหน้ากากในวันนั้นขึ้นมาได้
มองดูรูปร่างของซ่างกวนฮุ่ย หรือคนที่ส่งเสียงออกมาในวันนั้นจะเป็นนาง? แต่เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน!
“ที่แท้ก็เป็นเจ้า?”
หลินเมิ้งหยาตกตะลึงเล็กน้อยถึงอย่างไรซ่างกวนฮุ่ยก็เป็นคนของตระกูลซ่างกวน
ซ่างกวนฮุ่ยยิ้มแล้วพยักหน้า
“เป็นข้าเอง ข้าเพียงแค่ต้องการช่วยพระชายา น่าเสียดาย ฐานะของข้ามิอาจเปิดเผยได้เหตุเพราะฮองเฮาเองก็อยู่ที่นั่นดังนั้นข้าจึงต้องระวังตัว”
อย่างไรก็ตามหลินเมิ้งหยายังคงรู้สึกผิดปกติ
โดยเฉพาะหญิงสาวที่มีความฉลาดเฉลียวอย่างซ่างกวนฮุ่ย
“แต่เมิ้งหยามิรู้ว่าเพราะเหตุใดคุณหนูซ่างกวนจึงมีแก่ใจช่วยเหลือข้า”
อยู่ๆ ดวงตาที่กำลังมองหลินเมิ้งหยาของซ่างกวนฮุ่ยก็กระพริบถี่ ๆ ก่อนที่ใบหน้าจะแดงก่ำ
“อันที่จริง เรื่องนี้ยากเกินกว่าที่จะพูดออกมา แต่…ถ้าหาก…ถ้าหากข้าบอกว่า…ข้าทำไปเพื่อ…ท่านแม่ทัพเล่า?”
ท่านแม่ทัพ? หลินเมิ้งหยาผงะ หรือจะหมายถึงพี่ชายของนาง…หลินหนานเซิง?
“ข้า…เป็นเพียงลูกสาวที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของสกุลซ่างกวน แม้จะเกิดมาอย่างถูกต้องแต่ครอบครัวก็ล่มสลาย ข้าจึงกลายเป็นเครื่องมือของผู้อื่น แต่หลังจากที่ข้าได้พบท่านแม่ทัพในงานเลี้ยงเมื่อสามปีก่อน ข้ารู้สึกเพียงแค่ว่ามิมีเทพเซียนองค์ไหนจะเทียบเทียมเขาได้”
คำตอบเช่นนี้ทำให้หลินเมิ้งหยาเบิกตากว้าง
สวรรค์โปรด! ซ่างกวนฮุ่ยชอบพี่ชาย?
แม้พี่ชายของนางจะหล่อเหลาเก่งกาจอาจหาญเกินกว่าใครในใต้หล้า
แต่เยว่ถิงก็เคยต้องพยายามอย่างหนักมาก่อนจึงจะครองใจท่านพี่ได้ แล้วตอนนี้ยังมีซ่างกวนฮุ่ยที่หลงรักพี่ชายตั้งแต่แรกพบมาอีก
นี่….มันจะซับซ้อนเกินไปหรือไม่?
เพียงแต่…พี่เยว่ถิงเพิ่งจะจากไปได้ไม่นาน นางมิอาจหักหลังนางได้
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของคุณหนูซ่างกวนดี ทว่าเจ้าเองก็รู้เรื่องของคุณหนูสกุลเยว่ พี่ชายของข้ายังไม่รู้เรื่องนาง หากเขารู้แม้แต่ข้าก็ยากจะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นข้าคิดว่าคุณหนูซ่างกวนอย่าเพิ่งมอบหัวใจให้กับพี่ชายข้าเลยจะดีกว่า”
หลินเมิ้งหยารู้จักคำว่ามีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระดี เหตุเพราะซ่างกวนฮุ่ยช่วยนางเอาไว้ ดังนั้นนางจึงไม่คิดผูกใจแค้นกับนาง
แต่ว่า…พวกนางสกุลหลินล้วนเป็นพวกคลั่งรัก
ท่านพ่อก็ด้วย ท่านพี่เองก็เช่นกัน
เกรงว่าต่อให้พี่ชายรู้ว่าพี่เยว่ถิงจากไปแล้วแต่หัวใจของเขายังคงผูกติดกับนาง
ทว่าแม้ใครจะมองว่านางเห็นแก่ตัวแต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่อยากให้พี่ชายต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปทั้งชีวิต
แน่นอนว่าตอนนี้ยังไม่เวลาที่จะพูดเรื่องนั้น
รอยยิ้มของซ่างกวนฮุ่ยพลันหม่นหมอง
แต่ครู่ต่อมานางกลับส่งยิ้มอย่างมั่นใจอีกครั้ง
“ข้ารู้เรื่องของคุณหนูสกุลเยว่ดี ข้ายังรู้อีกด้วยว่าคุณหนูสกุลเยว่ต้องถูกปองร้ายอย่างแน่นอน”
หัวใจของหลินเมิ้งหยากระตุก น้อยมากที่จะมีคนรู้เรื่องนั้น
ซ่างกวนฮุ่ยรู้ได้อย่างไร?
ราวกับกำลังตื่นเต้นซ่างกวนฮุ่ยจับแขนหลินเมิ้งหยา สบตานาง ก่อนจะเอ่ยด้วยความจริงใจ
“ตระกูลซ่างกวนผูกพันธสัญญากับฮ่องเต้หมิงนานโขแล้ว ข้าเคยเห็นคุณหนูสกุลเยว่อยู่สองสามครั้ง ขอสารภาพตามตรงว่านางเป็นหญิงสาวที่หาตัวจับยาก นางคือสตรีที่เพียบพร้อมทั้งกิริยาและวาจา นางไม่มีทางยั่วยวนผู้ชายและทำเรื่องหยาบช้าเช่นนั้น ข้าไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นองค์ชายรองของฮ่องเต้หมิงมิได้โดดเด่น เขาเทียบเคียงท่านแม่ทัพไม่ได้เลยสักนิด”
หลินเมิ้งหยาคาดไม่ถึงเลยว่าซ่างกวนฮุ่ยจะวิเคราะห์ได้ลึกซึ้งถึงเพียงนี้
จะว่าแสดงก็ใช่จะว่าจริงใจก็ดี
หลังจากพี่เยว่ถิงตายจากไปนี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินประโยคที่ฟังดูเหมือนกำลังยืนอยู่ฝั่งของพี่เยว่ถิง
“แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าจริงใจหรือไม่ขณะพูดสิ่งเหล่านี้ออกมา แต่ข้าก็อดยอมรับไม่ได้ว่าข้ารู้สึกดีกับเจ้า”
หลินเมิ้งหยาจับมือของซ่างกวนฮุ่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
หลินเมิ้งหยารู้สึกว่าแม้ซ่างกวนฮุ่ยจะมิได้พูดความจริง แต่ความรู้สึกที่มีให้พี่ชายไม่มีทางเป็นเรื่องหลอกลวง
“ข้ารู้ว่าเจ้ากับคุณหนูสกุลเยว่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่ข้ารู้สึกตื้นตันยิ่งนักที่เจ้าเอ่ยเช่นนี้ออกมา ข้าไม่รู้ว่าเจ้าต้องการทำอะไร แต่ข้าก็พอจะเดาได้ วางใจเถิดข้าจะร่วมมือกับเจ้าเอง”
ซ่างกวนฮุ่ยกระพริบตาจากนั้นจึงซ่อนรอยยิ้มที่มุมปาก
จู่ๆๆ นางก็ดึงมือหลินเมิ้งหยาไปข้างสระน้ำ ก่อนจะแสดงท่าทางประหนึ่งถูกผลักตกลงไป
“ตูม” เสียงดังขึ้น หลินเมิ้งหยาผงะ
มองดูซ่างกวนฮุ่ยที่กำลังแสร้งตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ แต่กลับกระพริบตาใส่นางปริบๆ ตอนนั้นเองที่นางรู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร
นาง…เป็นนักแสดงตัวยง!
แสดงละครออกมาได้แนบเนียนเหลือเกิน
“ป๋ายซู ร้องตะโกนเดี๋ยวนี้ จงร้องว่าคุณหนูซ่างกวนตกน้ำ จริงสิ สาวใช้ของคุณหนูซ่างกวนรีบไปบอกคนอื่นเถิดว่าชายาอวี้ผลักคุณหนูซ่างกวนตกน้ำ”
หญิงสาวที่ยืนอยู่บนบกและแหวกว่ายอยู่ในน้ำสบตากัน
ครู่ต่อมา สาวใช้คนสนิทของทั้งสองฝ่ายรีบร้องโวยวาย
“ขอบใจ”
ส่งเสียงเบาแต่ซ่างกวนฮุ่ยกลับได้ยินอย่างชัดเจน
นางเงยหน้าส่งยิ้มให้กับหลินเมิ้งหยาก่อนจะเริ่มหาทางขึ้นจากสระน้ำ
งานเลี้ยงเทศกาลไหว้พระจันทร์คึกคักตั้งแต่เริ่มงาน
“ดูเจ้าซิ คุณหนูซ่างกวนทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ? เหตุใดต้องผลักนางลงน้ำ!”
ภายในตำหนักพระสนมเต๋อเฟยสั่งสอนหลินเมิ้งหยาต่อหน้าทุกคน
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับมีท่าทางน้อยใจไม่ยอมรับผิด
ชำเลืองมองซ่างกวนฮุ่ยและถลึงตาใส่นางด้วยความเกลียดชัง
“พูดออกมาเดี๋ยวนี้ ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น!”