ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 7 บทที่ 186 ร่ำรวยเงินทอง
“หมู่เฟยเล่า? หมู่เฟยเป็นเช่นไรบ้าง?”
เป็นครั้งแรกที่หลงเทียนอวี้ตื่นตระหนกถึงเพียงนี้
แต่ไม่นานเขาก็กลับมาสงบนิ่งดั่งเดิม
เขาจะขาดสติตอนนี้ไม่ได้ ตอนนี้คนที่หมู่เฟยสามารถพึ่งพาได้คือเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
“พระสนมเต๋อเฟย….ปลอดภัยดีพ่ะย่ะค่ะ”
เย่รีบตอบอย่างรวดเร็ว หลงเทียนอวี้จึงกลับมาสงบนิ่ง
ร่องรอยของความโศกเศร้าปรากฏขึ้นในดวงตา
น้าจิ่นเยว่เป็นคนสำคัญมากสำหรับเขา
หากมิใช่เพราะมีน้าจิ่นเยว่อยู่ เกรงว่าเขาคงถูกคนของฮองเฮาเล่นงานไปนานแล้ว
แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะจากไปโดยมิได้ร่ำลาเช่นนี้
มือหนากำเข้าหากันแน่น แต่ทำได้เพียงทิ้งลงข้างกาย
หลงเทียนอวี้รู้ดี นี่…คือคำเตือนจากฮองเฮา
ไม่ว่าอย่างไรต้าจิ้นก็ยังคงตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้หญิงคนนั้น
“ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปก่อน”
ร่างของเย่หายไปราวกับภูตผี
สายตาวุ่นวายสับสนจับจ้องประตูที่ปิดสนิท
เขาปกป้องไม่ได้แม้กระทั่งคนที่ตนเองให้ความสำคัญ
บางทีคนต่อไปที่อาจจะจากเขาไปตลอดกาลคงเป็นหญิงสาวที่เฉลียวฉลาดในห้องนี้
เรื่องนี้…จะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้
เมื่อได้นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียง หลินเมิ้งหยารู้สึกอารมณ์ดียิ่งนัก
มุมปากยกยิ้มกว้าง ราวกับว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางและหลงเทียนอวี้ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว
นางครุ่นคิด อันที่จริงท่านหญิงหลินหลางซึ่งอยู่ไกลถึงปิ้งโจวต่างหากที่เป็นคนในสายตาของเขา
แต่ยังมีสุภาษิตหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า “ตึกใกล้น้ำมักได้ดวงจันทร์ก่อน” บางทีนางอาจจะได้รับความรักมาก่อนก็ได้นี่นา
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา หลินเมิ้งหยาถึงกับผงะ
สวรรค์โปรด นางกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?
ฝืนหลับตาลง หลินเมิ้งหยาหวังเหลือเกินว่าว่าพรุ่งนี้จะมาถึงเร็วขึ้น
คราวหน้า หากหลงเทียนอวี้ยื่นคำขอเช่นนี้มาอีก เช่นนั้นทำสัญญากับเขาไว้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่นา
สำหรับคนในจวน ยามรุ่งสางคือช่วงเวลาอันแสนวุ่นวาย
เมื่อเวลาเช้ามาถึง สาวใช้ทั้งสี่แต่งหน้าแต่งตัว ก่อนจะยกน้ำผสมดอกกุหลาบในอ่างล้างหน้า ผ้าสะอาดและของใช้จำเป็นเข้ามา ช่วยหลินเมิ้งหยาอาบน้ำเสร็จแล้วจึงเลือกเสื้อผ้าให้นาง
“นายหญิง วันนี้จะสวมใส่ชุดสีฟ้าหรือสีเขียวดีเจ้าคะ?”
หลินเมิ้งหยามองดู ทว่านางกลับเลือกชุดสีชมพู
ปกติสาวใช้มักจะช่วยเลือกแทนนาง
แต่มิรู้ว่าเพราะเหตุใดวันนี้นางจึงอยากเลือกด้วยตนเอง แม้กระทั่งทรงผมก็เช่นเดียวกัน
แม้จะมิใช่เรื่องยากสำหรับป๋ายซ่าวซึ่งรับหน้าที่จัดแต่งทรงผมให้แก่นาง ทว่า สาวใช้ทั้งสี่อดที่จะแปลกใจไม่ได้
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะนายหญิง?”
มองดูหลินเมิ้งหยารับประทานอาหารเช้า สาวใช้ทั้งสี่สบตากัน สายตาฉงนงงงวย
ความแปลกประหลาดของนายหญิงมิใช่เพียงเรื่องนี้ ทว่าตั้งแต่ตื่นนอน นางมักจะหัวเราะคิกคักอยู่เสมอ
อีกทั้งยังส่งเสียงชื่นชมรสชาติอาหารไม่ขาดปาก
ขนาดขิงดองที่ปกติไม่เคยแตะต้องยังกินเข้าไปถึงสามคำ
ตอนแรกป๋ายจื่อที่จัดเตรียมเอาไว้อย่างไม่ทันระวังเตรียมรอรับคำตำหนิอยู่ก่อนแล้ว
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะกระพริบตาปริบๆ แล้วกลืนลงไป
“นายหญิง ท่าน…ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
ป๋ายจื่อเอ่ยถามเสียงเบา แต่ไหนแต่ไรมาคุณหนูของนางไม่เคยกินขิงดองมาก่อน
นางไม่อาจทนกลิ่นของมันได้ ทุกครั้งที่กินขิงเข้าไป นางมักจะรู้สึกอยากอาเจียนทุกครั้ง
แม้อุปนิสัยของนางจะเปลี่ยนไป แต่ความเคยชินนี้ไม่เคยเปลี่ยน
ทว่าวันนี้นางกลับทำให้พวกนางต้องตกตะลึง
“ไม่มีอะไรหรอก จริงสิ พวกเจ้ากินข้าวหรือยัง? มานั่งกินด้วยกันสิ”
หลินเมิ้งหยายิ้มแย้มโบกมือเรียกพวกนาง รอยยิ้มของนางอ่อนหวานเสียยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะนายหญิง พวกเรากินแล้ว ขอบคุณนายหญิงมากเจ้าค่ะ”
สาวใช้ทั้งสี่หัวเราะแห้งๆ แต่โชคดีที่หลินเมิ้งหยากำลังอารมณ์ดีจึงไม่สังเกตเห็น
“จริงสิ อีกเดี๋ยวไปตามครอบครัวของป๋ายจีมาเถิด พวกเราออกไปเดินเล่นข้างนอกกันหน่อย”
หากอยู่ในจวนก็อาจจะได้เจอหลงเทียนอวี้
รอยยิ้มขวยเขินปรากฏบนใบหน้านวล
เหล่าสาวใช้ที่อยู่ด้วยกันทุกวันถึงกับผงะ
นาย…นายหญิงเปลี่ยนไป
พวกนางทั้งกลุ่มออกจากจวนอวี้ หลินเมิ้งหยาใจกว้างเป็นอย่างยิ่ง
ระหว่างทาง ไม่ว่าพบเห็นอะไรก็เอ่ยเพียงซื้อ ซื้อ ซื้อ
ไม่เพียงแค่เหล่าสาวใช้ แม้แต่พ่อแม่ของป๋ายจียังตกตะลึง
แม้นายหญิงจะมีเงิน แต่ถ้ายังซื้อไม่หยุดเช่นนี้ เกรงว่าจะต้องล้มละลายอย่างแน่นอน
แต่ใครใช้ให้วันนี้หลินเมิ้งหยาอารมณ์ดีกันเล่า
พวกนางเดินซื้อของจนกระทั่งมาถึงถนนของร้านสามสหาย สติสัมปชัญญะของหลินเมิ้งหยาจึงกลับมา
หลายวันนี้หยุนจู๋น่าจะมาถึงที่นี่แล้ว อีกทั้งด้านหน้าร้านยังถูกเก็บกวาดสะอาดตา
ครุ่นคิดชั่วครู่ หลินเมิ้งหยาลงจากรถม้าก่อนจะไล่คนของจวนให้กลับไปทั้งหมด
ดังนั้นบนนถนนเส้นนี้จึงเหลือเพียงแค่พวกนางกลุ่มเดียว
“นายหญิง ที่นี่คือ…”
ป๋ายจีมองไปรอบๆ อย่างไม่เข้าใจนัก
หลินเมิ้งหยาหัวเราะ ชี้ไปด้านหน้าร้าน
“ต่อจากนี้ไปที่นี่คือที่ของพวกเรา ไปกันเถิด ตามข้าเข้าไปดู”
สาวใช้ทั้งสี่และหลินจงอวี้ต่างรู้สึกประหลาดใจ
เมื่อมั่นใจว่าคนในจวนกลับไปแล้ว ชิงหูจึงปรากฏตัวที่ด้านหลังของหลินเมิ้งหยา
“เจ้าแน่ใจนะว่าเย่มิได้ตามมา?”
หลินเมิ้งกระซิบเสียงเบา ชิงหูส่ายหน้า ดวงตาปรากฏความสงสัย
“ไม่หรอก แม้แต่องครักษ์ของจวนเองก็กลับไปเกินครึ่งแล้ว”
องครักษ์กลับไปแล้ว? หลินเมิ้งหยาเองก็เริ่มรู้สึกสงสัย ทว่ามิได้เก็บมาใส่ใจ
ร้านไม่ได้ใหญ่มาก ด้านหลังเป็นสวน ทว่าสาวใช้ของนางต่างชอบที่นี่มาก
พวกนางล้วนมองหลินเมิ้งหยาด้วยความเลื่อมใส
“ต่อจากนี้ไป ตึกเล็กหลังนั้นจะเป็นที่พักของพวกเจ้า เข้าไปเลือกห้องกันเองเถิด นำของที่ข้าซื้อมาในวันนี้ไปตกแต่งให้เรียบร้อย ที่นี่จะกลายเป็นห้องของพวกเจ้าจริงๆ”
เมื่อสิ้นเสียงของหลินเมิ้งหยา สาวใช้ทั้งสี่รีบวิ่งออกไปเลือกห้องของตนเองด้วยความดีใจ
พ่อแม่ของป๋ายจีมองดูพวกนางอย่างมีความสุข
“ท่านพ่อมู่ ท่านแม่มู่ ร้านทางด้านหน้าคงต้องฝากพวกท่านด้วย ส่วนห้องทางด้านนี้เป็นห้องที่จัดเตรียมไว้สำหรับพวกท่านทั้งสอง ข้าได้ยินป๋ายจีเล่าว่านางยังมีน้องชายและน้องสาว เช่นนั้นรับพวกเขามาอยู่ด้วยกันที่นี่เถิด”
หลินเมิ้งหยาแสดงความใจกว้าง คนชราทั้งสองรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
ที่ดินในเมืองหลวงแห่งนี้แพงมาก ทว่าหลินเมิ้งหยากลับซื้อสวนขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ ไม่ว่าใครต่อใครต่างก็รู้สึกอิจฉา
“ขอรับ ขอรับ ขอบพระทัยพระชายา”
ทั้งสองฉีกยิ้มกว้าง ช่วงหลายวันที่ผ่านมา พวกเขาฝากลูกๆ ไว้กับคนข้างบ้าน
เมื่อได้รู้ว่าสามารถรับลูกๆ มาอยู่ที่นี่ได้ พวกเขาจึงรู้สึกซาบซึ้งน้ำใจของหลินเมิ้งหยาเหลือเกิน
นางเดินขึ้นไปบนชั้นสองพร้อมกับชิงหู แม้สาวใช้จะชอบมากแต่สุดท้ายก็เลือกห้องที่ใหญ่และสวยที่สุดเอาไว้ให้หลินเมิ้งหยา
ดังนั้นนางจึงเดินเข้าไปในห้องที่กว้างขวางที่สุดห้องหนึ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาในช่วงเวลากลางวัน นางจึงเห็นทุกสิ่งทุกอย่างอย่างชัดเจน
เป็นห้องที่กว้างขวาง เพียงเปิดประตูออก แสงแดดพลันสาดส่องไปทั่วทั้งห้อง
ภายในห้องมีเพียงเตียงขนาดใหญ่หนึ่งหลัง นอกนั้นก็เป็นเพียงของใช้เล็กๆ น้อยๆ
“เจ้าเด็กน้อย ชอบหรือไม่?”
ชิงหูเอ่ยถามหลินเมิ้งหยา ทั้งหมดนี้เขาเตรียมเอาไว้เพื่อให้หลินเมิ้งหยาดีใจ
“ชอบสิ ข้าต้องชอบแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ข้าขอบใจเจ้ามาก”
ใบหน้างดงามเผยรอยยิ้มอ่อนหวาน
ร่องรอยของความว้าวุ่นปรากฏขึ้นในดวงตาของชิงหู
“เช่นนั้นก็ดี จริงสิ หากวันหนึ่งเจ้าเจอเรื่องลำบาก เจ้ายังจำห้องนั้นได้หรือไม่? ข้าซ่อนของหลายอย่างเอาไว้ที่นั่น”
ดวงตาของหลินเมิ้งหยาเปล่งประกายแสดงความประหลาดใจ
“เจ้าซ่อนอะไรไว้? รีบบอกข้ามาเร็ว”
ชิงหูกลับส่ายหน้า
“เจ้าเดาดูสิ”
“เจ้า! เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ อย่าหนีนะ”
ชิงหูกระโดดหนีลงไปยังชั้นล่าง
หลินเมิ้งหยากระทืบเท้า นางไม่อาจจัดการเขาได้
หลังจากสาวใช้เลือกห้องเสร็จแล้ว ป๋ายจี ป๋ายซ่าวและป๋ายซูอยู่ที่ชั้นล่าง
ป๋ายจื่อและหลินจงอวี้อยู่ที่ชั้นบนเหมือนกับหลินเมิ้งหยา
แม้ที่นี่จะกว้างใหญ่แต่กลับว่างเปล่า
ยังมีห้องว่างอีกหลายห้อง ทว่าหลินเมิ้งหยาเอ่ยว่าสักวันจะได้ใช้งาน
มองดูสวนเล็ก หลินเมิ้งหยานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
แม้ร้านยาทางด้านหน้าจะใหญ่ แต่หากก่อตั้งกลุ่มสามสหายที่นี่ก็ยังนับว่าเล็ก
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนธรรมดา แต่คนของเจียงหูมิได้ใจดีเสียหมดทุกคน
สบตากับชิงหู ทว่าอีกฝ่ายกลับส่งสายตาเป็นสัญญาณให้นางวางใจ
หรือเจ้านี่จะเตรียมการเอาไว้แล้ว?
เมื่อสบายใจได้ชั่วคราว หลินเมิ้งหยาจึงพาสาวใช้ไปหาช่างไม้
เหตุเพราะไม่อยากทำให้ความลับเรื่องกลุ่มสามสหายแตก นางจึงเช่าสวนเล็กๆ ไว้อีกแห่งเพื่อทำอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้ที่กลุ่มสามสหาย
ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมการพร้อมสรรพ
เมื่อของมาถึง ร้านนี้ก็จะเปิดทำการได้ในทันที
หลินเมิ้งหยากำชับอีกครั้งว่าเรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไป
พ่อแม่ของป๋ายจีถูกสั่งให้อยู่ที่สวนเล็กเพื่อดูการทำเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ
มองดูร้านยาที่ใกล้จะเปิดดำเนินการ หลินเมิ้งหยารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
นางที่เดินพาพวกสาวใช้ไปซื้อของมากมายจนเหนื่อยหาร้านน้ำชาเพื่อนั่งพักผ่อน
“เจ้าเด็กน้อย ตอนนี้เจ้าร่ำรวยแล้ว ดูเจ้าเด็กน้อยพวกนั่นสิ หาทางกลับบ้านไม่เจอแล้ว”
ชิงหูยืนอยู่ข้างกายหลินเมิ้งหยาตลอดเวลา ส่วนหลินจงอวี้และป๋ายซูทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของพวกสาวใช้
เหตุเพราะหญิงสาวหน้าตางดงามทั้งสามอาจดึงดูดพวกหื่นกระหายในสตรีเพศก็เป็นได้
ในใต้หล้านี้มีพวกขวางหูขวางตามากมาย
“ปล่อยให้พวกนางมีความสุขแบบนั้นสักพัก ปกติพวกนางต้องลำบากดูแลข้า ข้าจึงมีชีวิตอย่างสงบสุขเช่นนี้ได้”
หลินเมิ้งหยานั่งอยู่ในห้องบนชั้นสอง มองดูคนทั้งห้าด้านล่างที่กำลังมีความสุขสนุกสนาน
บางทีอาจเพราะประสบการณ์จากชาติที่แล้ว เมื่อเทียบกับสาวใช้พวกนั้นแล้ว นางจึงมีอายุมากกว่าพวกนางมาก