ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 7 บทที่ 191 กุมอำนาจมิใช่เรื่องง่าย
“นายหญิง เหตุใดท่านจึงมอบกุญแจกับสมุดบัญชีให้ไปง่ายๆ เล่าเจ้าคะ?”
ป๋ายซ่าวเทน้ำชาก่อนจะยกมาให้หลินเมิ้งหยา ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความฉงน
หลินเมิ้งหยารับชาไป ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ช้าหรือเร็วจนเกินไป
“พวกเจ้าไม่คิดหรือว่าพระสนมเต๋อเฟยเปลี่ยนไปมากหลังจากที่กลับมาในคราวนี้?”
หลินเมิ้งหยายกชาขึ้นจิบพลางครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
เมื่อวานพระสนมเต๋อเฟยลดทอนบทบาทของนางลงที่หน้าประตูจวน
วันนี้ยังส่งผอจื่อเข้ามาสร้างความวุ่นวาย
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงหรูฉินยังถูกเรียกตัวกลับมา ดูเหมือนจะมิใช่ความตั้งใจเพียงชั่วคราว
“ข้าเองก็รู้สึกว่าแปลกเจ้าค่ะ วันนั้นพระสนมเต๋อเฟยกริ้วเป็นอย่างมาก เหตุใดพระองค์จึงให้อภัยนางได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้หรือเจ้าคะ?”
ป๋ายจีเป็นคนละเอียดรอบคอบ จึงไร้ท่าทางโกรธเกรี้ยวดั่งเช่นป๋ายซ่าว
บรรยากาศภายในห้องจึงอึมครึมขึ้นมา
“เจ้าเด็กน้อย ผู้หญิงคนนั้นมาทำไม?”
ผู้คนด้านนอกแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ดังนั้นชิงหูจึงปรากฎตัวออกมา
ทันทีที่โผล่มาเขาก็เอ่ยถามถึงเจียงหรูฉินทันที
ผู้หญิงคนนั้นมักมีความคิดมุ่งร้ายต่อเจ้าเด็กน้อยของเขา หากมิใช่เพราะเจ้าเด็กน้อยสั่งให้ไว้ชีวิตนาง ป่านนี้นางคงไร้ลมหายใจไปนานแล้ว
“ข้าเองก็ไม่รู้ วันนี้ทุกคนอย่าออกไปนอกจวนก็พอ”
หลังจากผ่านช่วงเวลาอันแสนทรมานมานานหลายวัน อันที่จริงหลินเมิ้งหยารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
เช่นนั้นขอนางพักผ่อนสักหน่อยเถิด
“จวนแห่งนี้มิได้ดูแลได้ง่ายๆ เลย ช่วงนี้ป๋ายซ่าวคงต้องเหนื่อยมาก พวกเรามาพักผ่อนกันดีกว่า”
เมื่อพูดถึงการดูแลจวน ดวงตาของป๋ายซ่าวเผยให้เห็นเลศนัยบางอย่าง
หากมิเคยดูแลจวนมาก่อนจะไม่รู้ถึงความเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย คนในจวนอวี้มีมากถึงหลักร้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ของมีราคาหรือแม้กระทั่งเงินตราล้วนอยู่ในห้องเก็บของเล็กของนาง
เจ้านายทุกคนล้วนมีห้องเก็บของเล็ก ห้องเก็บของหาใช่ของที่นำมาใช้ร่วมกัน จะทำการใหญ่โดยไร้กำลังอย่างนั้นหรือ เจียงหรูฉินจะควบคุมอำนาจในจวนได้อย่างไร
“นายหญิงพูดถูกเจ้าค่ะ ใครอยากดูแลจวนนี้ก็ปล่อยให้ดูแลไปเถิดเจ้าค่ะ”
นอกจากป๋ายซ่าวแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าหลินเมิ้งหยากำลังหมายถึงอะไร
ทว่าในสายตาของคนนอก ตำหนักหลิวซินตกอับเสียแล้ว
“ยินดีด้วยเจ้าค่ะคุณหนู ในที่สุดคุณหนูก็ได้กุมอำนาจของจวนแห่งนี้แล้ว”
ตำหนักเล็กข้างตำหนักหยาเสวียน เจียงหรูฉินมองกุญแจในมืออย่างพึงพอใจ
แม้ท่านป้าจะกริ้ว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน
นังแพศยาคนนั้นจะต้องทำให้พี่เทียนอวี้ต้องพบกับความโชคร้าย ท่านป้าเล็งเห็นในข้อนี้จึงเรียกตัวนางกลับมา
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่นางมาถึง ท่านป้าจะยกอำนาจในจวนให้แก่นาง
เกรงว่าผู้หญิงคนนั้นคงคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้
“นำสมุดบัญชีมา พรุ่งนี้เช้าตามตัวคนดูแลแต่ละตำหนักมาพบข้า”
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
ขอเพียงนางกุมอำนาจทุกอย่างในจวน ไม่ว่าพี่เทียนอวี้หรือผู้หญิงคนนั้นก็จะตกอยู่ในกำมือของนาง
น่าเสียดาย ความลำพองใจในคราวนี้ดำเนินไปได้เพียงสองวัน เข้าวันที่สามก็เกิดปัญหาขึ้น
“คุณหนู ฟืนสำหรับทำอาหารไม่พอเจ้าค่ะ ท่านจำเป็นต้องไปตรวจสอบเจ้าค่ะ”
ฟ้ายังไม่ทันจะสว่าง ผอจื่อซึ่งทำหน้าที่ดูแลโรงครัวรีบเข้ามาแจ้งเจียงหรูฉิน
“เรื่องนี้พวกเจ้าจัดการกันเองได้เลย เหตุใดคุณหนูของข้าต้องลงไปดูแลเองด้วยเล่า?”
สาวใช้ที่เจียงหรูฉินซื้อตัวมาใหม่นามว่าหลิวเอ๋อร์ยืนอยู่หน้าประตู ส่งเสียงอย่างไม่พอใจ
ผอจื่อที่ดูแลโรงครัวอายุมากแล้ว
ทว่านางเป็นคนฉลาดเฉลียว ดังนั้นจึงส่งยิ้มพลางเอ่ย
“แม่นางคาดหวังกับข้าเกินไปแล้ว จวนอวี้แตกต่างจากจวนอื่น ทั้งของกินและของใช้ล้วนเป็นของดี เมื่อก่อนแม่นางป๋ายซ่าว สาวใช้ประจำตัวของพระชายาเป็นผู้ลงมาควบคุมงานด้วยตนเอง ท่านอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย หากเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นมา ข้าคงรับผิดชอบไม่ไหว”
ผอจื่อเอ่ยด้วยความสัตย์จริง จวนอวี้ต้องซื้อวัตถุดิบใหม่ทุกสามวัน
ส่วนพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ จะต้องซื้อทุกวัน
แม้ป๋ายซ่าวจะมิได้ลงมาควบคุมทุกครั้ง แต่นางก็จัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
ผอจื่อเพิ่งกลับมาจากตำหนักหลิวซิน เหตุเพราะทางฝั่งนั้นเอ่ยว่าต่อจากนี้ไปคุณหนูผู้นี้จะเป็นคนดูแลงานภายในจวน
สวรรค์โปรด ช่างประหลาดเหลือเกิน
ไม่เคยมีใครให้คุณหนูที่ยังมิออกเรือนมากุมอำนาจในจวน
ความคิดของชนชั้นสูง พวกนางที่เป็นสาวใช้ยากจะเข้าใจ
“หลิวเอ๋อร์ ในเมื่อเกี่ยวข้องกับอาหารการกินของพระสนมเต๋อเฟยด้วย เช่นนั้นข้าจะไปดูสักหน่อยก็แล้วกัน”
เหตุเพราะถูกปลุกแต่เช้าจึงอารมณ์ไม่ดี แต่เพื่อดูแลจวนให้เกิดความเรียบร้อย นางจึงไม่สามารถแสดงท่าทีอิดออดได้
คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงเดินไปถึงโรงครัว ยังไม่ทันตรวจสอบให้ละเอียด เหล่าผู้ดูแลส่วนต่างๆ ของจวนจะแวะเวียนมาหานาง
ทั้งส่วนซักล้าง ดูแลสวน เครื่องหอมและอื่นๆ
ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่ ล้วนต้องให้เจียงหรูฉินไปตัดสินใจด้วยตัวเองทั้งสิ้น
“ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ข้าว่าคนพวกนั้นต้องจงใจอย่างแน่นอน”
หลังจากทำงานตลอดทั้งเช้า เจียงหรูฉินเพิ่งมีเวลาจิบน้ำ
หลิวเอ๋อร์ช่วยนางนวดขา แต่ถึงกระนั้นเจียงหรูฉินกลับรู้สึกว่าร่างกายของนางกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
“เท่าที่หนู่ปี้ดู พวกเขามิได้ต้องการสร้างความลำบากให้แก่คุณหนูหรอกเจ้าค่ะ บางทีอาจเพราะคุณหนูเพิ่งจับงานได้ไม่นาน คนพวกนั้นจึงยังไม่รู้จักคุณหนูดีเลยพากันมาขอความเห็นจากคุณหนูเจ้าค่ะ”
แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังรู้สึกไม่พอใจ
ทว่าเจียงหรูฉินก็รู้ดีว่าทุกอย่างเป็นไปดั่งที่หลิวเอ๋อร์เอ่ย
แต่หากยังยุ่งวุ่นวายเช่นนี้ต่อไป นางจะต้องเหนื่อยตายอย่างแน่นอน
“ช่างเถิด ต่อไปคงชิน จริงสิ ข้าของีบสักประเดี๋ยว เดี๋ยวตอนบ่ายค่อยไปถวายคำนับท่านป้า”
เจียงหรูฉินนวดเอวของตนเอง นางรู้สึกเมื่อยล้าเหลือเกิน
ทว่ายังมิทันที่ศีรษะของนางจะถึงหมอน เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้น
หลิวเอ๋อร์ออกไปดู ก่อนที่จะกลับมาด้วยสีหน้าลำบากใจ
“คุณหนู ผู้ดูแลของแต่ละตำหนักมาแล้วเจ้าค่ะ อีกทั้งยังบอกด้วยว่าวันนี้เป็นวันจ่ายเงินเดือน ดังนั้นจึงมาขอกุญแจจากท่านเจ้าค่ะ”
จ่ายเงินเดือน?
ใบหน้าของเจียงหรูฉินเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
นางเคยได้ยินมาว่าเงินทองของจวนอวี้มีมากมายทั่วทุกมุมห้อง
เมื่อนึกถึงเรื่องเงินขึ้นมาได้ สติของนางพลันแจ่มชัด
“ไป ไปดูที่คลังกัน”
เมื่อเดินมาถึงคลังเก็บเงิน นางกลับพบเพียงความว่างเปล่า ไร้วี่แววเงินทองแม้แต่ตำลึงเดียว
“เงินเล่า? เงินอยู่ที่ไหน?”
เจียงหรูฉินตวาดเสียงดังลั่น ผอจื่อซึ่งทำหน้าที่ดูแลคลังรีบเข้ามารายงาน
“เรียนคุณหนู เงินทั้งหมดถูกย้ายไปไว้ที่ห้องเก็บของเล็กของพระชายาเจ้าค่ะ”
พลิกไปพลิกมา ในมือของเจียงหรูฉินไม่มีกุญแจห้องเก็บของเล็ก
เจียงหรูฉินโกรธมาก ที่แท้หลินเมิ้งหยาก็หลอกนาง
“เข้ามา ไปเอาเงินที่ตำหนักหลิวซินกับข้า”
ขณะเดียวกัน หลินเมิ้งหยาเดาเหตุการณ์เอาไว้อยู่แล้ว
ก่อนที่เจียงหรูฉินจะมาถึงประตูทางเข้าตำหนัก หลินเมิ้งหยาสั่งให้คนลงกลอนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“หลินเมิ้งหยา เปิดประตูให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
เจียงหรูฉินร้องเรียกชื่อของหลินเมิ้งหยาตรงๆ เพราะความโกรธเกรี้ยว
นางใช้ฝ่ามือตบลงบนประตูของตำหนักหลิวซินเต็มแรง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าประตูจะถูกเปิดออก
เจียงหรูฉินที่ทุ่มแรงออกไปเต็มที่เกือบจะหกคะมำคว่ำหน้าลงพื้น
“คุณหนูเจียง ได้โปรดระวังฐานะของท่านด้วย แม้ท่านจะเป็นผู้ดูแลจวน แต่พระชายายังคงดำรงตำแหน่งพระชายา หากท่านแสดงกิริยาก้าวร้าวเช่นนี้ ท่านอย่าหาว่าพระชายาไม่เกรงใจเลย”
สายตาเย็นชาของป๋ายซูจับจ้องเจียงหรูฉินเขม็ง
แม้ท่านป้าจะถือหางของนางเอาไว้ แต่ถึงอย่างไรหลินเมิ้งหยาก็ยังเป็นพระชายา
ท่านพ่อของนางเกือบจะไม่เอานางไว้เพราะเรื่องคราวก่อน
นางจึงไม่อาจสร้างเรื่องใดๆ อีกได้
“ข้า…ข้าก็แค่ร้อนใจ พระชายาคงไม่ใจแคบขนาดนั้นหรอกกระมัง?”
ทั้งที่มุ่งหน้ามาเพื่อหาเรื่องหลินเมิ้งหยาโดยเฉพาะ แต่นางกลับถูกป๋ายซูกำราบจนขวัญหนีดีฝ่อ
“ข้าเป็นเพียงสาวใช้ มิอาจตัดสินใจแทนเจ้านายได้ แต่พระชายาอยู่ด้านใน ท่านลองไปถามเอาเองแล้วกัน”
เมื่อพูดจบป๋ายซูก็เดินกลับเข้าไปในสวนของตำหนักหลิวซิน
เจียงหรูฉินโกรธมาก ตอนนี้แม้แต่สาวใช้ยังเมินเฉยต่อนาง
ช่างเป็นสาวใช้ที่จงรักภักดีต่อหลินเมิ้งหยาเหลือเกิน!
“คุณหนู เหตุใดต้องโกรธเกรี้ยวเพราะสาวใช้คนหนึ่งด้วยล่ะเจ้าคะ อย่าลืมวัตถุประสงค์ที่เรามาในครั้งนี้สิเจ้าคะ”
ถูกต้อง ที่นางมาคราวนี้ก็เพราะเรื่องเงิน
มุมปากยกยิ้มเย็นชา นางมุ่งหน้าเข้าไปในสวน
ทว่าประตูเรือนทุกหลังปิดสนิท
ในสวนไร้ซึ่งผู้คน แม้แต่สาวใช้หรือผอจื่อก็ไม่ออกมาต้อนรับ
นางจึงจำใจพาสาวใช้มุ่งหน้าไปยังเรือนหลักของตำหนัก
“ไปเคาะประตู”
ปรายตาไปทางหลิวเอ๋อร์ หากนางเป็นผู้เคาะประตูเองจะทำให้ฐานะของนางต้องแปดเปื้อน
หลิวเอ๋อร์ยื่นมือออกไปตบประตูสองสามครั้ง ทว่าไม่มีเสียงอันใดตอบกลับมา
“พระชายา คุณหนูของพวกเราต้องการพบท่าน ได้โปรดเปิดประตูด้วย”
แน่นอนว่าสาวใช้ธรรมดามิกล้าเรียกชื่อของหลินเมิ้งหยาโดยตรง
แต่แม้หลิวเอ๋อร์จะร้องเรียกไปแล้วถึงสามครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับ
“เคาะต่อไป ข้าไม่เชื่อหรอกว่านางจะไม่ได้ยิน”
หลิวเอ๋อร์ทำได้เพียงเคาะประตูต่อไปเรื่อยๆ ทว่าแม้จะเคาะอยู่นาน ประตูกลับยังปิดสนิท
เจียงหรูฉินเกือบจะพังประตูเข้าไป แต่เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้ว หากนางทำเช่นนั้น เกรงว่าหลินเมิ้งหยาจะไม่มีทางปล่อยนางไปแน่นอน
อย่าว่าแต่หลินเมิ้งหยาเลย แม้แต่ญาติสนิทมิตรสหายในวังคงไม่เหลียวแลนาง
การกระทำของนางมิต่างอะไรจากการทำลายราชวงศ์
“พี่สะใภ้ ท่านเปิดประตูเถิด ข้ามีเรื่องต้องคุยกับท่าน”
ไม่มีทางเลือก เจียงหรูฉินทำได้เพียงส่งเสียงอ่อนหวาน
ครู่ต่อมา เสียงจากภายในดังขึ้น
“ข้ากำลังพักผ่อน มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันตอนบ่ายเถิด”
เจียงหรูฉินโกรธจนใบหน้าบิดเบี้ยว คิดไม่ถึงเลยว่านังแพศยาคนนี้จะเห็นนางเป็นเพียงของเล่น
“พี่สะใภ้ ท่านให้กุญแจข้าขาดไปดอกหนึ่งหรือไม่?”
ที่นางมาในคราวนี้ก็เพราะต้องการกุญแจโรงเก็บของเล็ก แม้จะไม่เปิดประตูก็มิเป็นไร
อย่างน้อยนางก็ไม่ต้องเห็นหน้าของหลินเมิ้งหยา
“เจ้าหมายถึงกุญแจประตูใหญ่ตำหนักข้ากระนั้นหรือ? เจ้าไปเอาที่ผอจื่อเถิด พวกนางมีกุญแจของแต่ละตำหนัก หากเจ้าต้องการจริงๆ แล้วล่ะก็ เช่นนั้นข้ารบกวนเจ้ามาลงกลอนประตูให้ตำหนักข้าทุกคืนด้วยแล้วกัน”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ จากพวกคนที่อยู่ด้านหลังเจียงหรูฉิน