CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 7 บทที่ 193 ร้อยเล่ห์เพทุบาย

  1. Home
  2. ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ
  3. เล่มที่ 7 บทที่ 193 ร้อยเล่ห์เพทุบาย
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

“ไม่มีอะไร ข้าแค่คิดเรื่องอะไรบางอย่างเท่านั้น”

หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจทำยาถอนพิษขึ้นมา

หากเจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ไม่ยอมกิน นางจะจับเขากรอกยาเอง

“เรื่องกลุ่มสามสหาย เจ้ากับหยุนจู๋ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว?”

หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจถามเรื่องกลุ่มสามสหาย

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเส้นทางหลังจากถอนตัวจากตำแหน่งของนาง

“หยุนจู๋มีวิธีการทำงานที่ยอดเยี่ยม ตอนนี้หาคนเข้ากลุ่มได้มากมาย แต่มีบางส่วนที่ต้องคัดออก”

เมื่อพูดถึงการจัดการ วิธีการของชิงหูยังเทียบไม่ได้กับหยุนจู๋

ทว่าวิทยายุทธ์ของเขาทำให้คนของเจียงหูต้องสั่นสะท้าน

เหตุเพราะใบหน้าที่เปลี่ยนไปของหยุนจู๋ พวกเขาจึงคิดว่านางเป็นเพียงคนแก่คนหนึ่ง

ส่วนเขาทำได้เพียงนั่งอยู่ในห้องอย่างเบื่อหน่าย

“อืม ก็จริง กลุ่มสามสหายรับเฉพาะคนมีความสามารถเท่านั้น”

หลินเมิ้งหยายกแก้วชาขึ้นจิบ

“จริงสิ เจ้าเด็กน้อย เจ้าคงมิได้หาพวกยอดฝีมือมาเลี้ยงไว้เฉยๆ โดยไร้ประโยชน์ใช่หรือไม่ เช่นนั้นพวกเรามาหาธุรกิจทำกันดีกว่า หรือว่า…พวกเรารับจ้างวานฆ่าดีหรือไม่?”

นางถลึงตาใส่ชิงหู นี่เขาคิดจะสร้างเถาฮวาอู๋สาขาสองหรืออย่างไร?

“เบื้องหน้าของกลุ่มสามหสายคือร้านขายยา ฉะนั้นคนที่เบื่อเจียงหูก็ให้ไปหายาสมุนไพรมา ส่วนเบื้องหลังข้าจะใช้กลุ่มสามสหายเป็นหน่วยข่าวกรอง”

หลินเมิ้งหยารู้ดี การกรองข่าวเป็นสิ่งสำคัญ

ไม่ว่าจะแก้แค้น ตอบแทนบุญคุณ สิ่งที่คนของเจียงหูต้องทำให้เคยชินคือการกรองข่าวก่อนเสมอ

นางลองวิเคราะห์ดูแล้ว การคมนาคมของสมัยโบราณยังด้อยพัฒนา

ฉะนั้นขอเพียงนางกุมความลับในการส่งข่าวได้ เช่นนั้นโอกาสของนางจะมาถึงก่อนใครเสมอ

ฟังดูเป็นทางเลือกที่ไม่เลวสำหรับคนของเจียงหู

“ได้ เช่นนั้นเอาแบบนี้ล่ะ”

ชิงหูเห็นด้วยอย่างยิ่ง หลินเมิ้งหยาใช้ร้านขายยาปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดสงสัยอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น วิชาแพทย์พิษของนางล้ำเลิศดั่งนางพญาแพทย์พิษ เชื่อว่าอีกไม่นานชื่อเสียงของนางจะโด่งดังไปทั้งเจียงหู

ถอนพิษอย่างนั้นหรือ จะต้องใช้ตัวยาเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าหากคนของนางออกตามหายาทั่วทั้งประเทศ เช่นนั้นการกรองข่าวก็จะเป็นไปอย่างราบรื่นตามไปด้วย

“อืม”

หลินเมิ้งหยาพยักหน้ารับ มือข้างที่บาดเจ็บใกล้จะหายดีแล้ว

โชคดีที่เจียงหรูฉินรับหน้าที่ดูแลจวนไปแทน

มิเช่นนั้น นางจะมีเวลารักษาบาดแผลได้อย่างไร

เจียงหรูฉินแสดงความโอหังได้อีกเพียงแค่สามวัน ก่อนจะพาคนมายังตำหนักหลิวซินเพื่อยอมรับความผิด

น่าเสียดาย หลินเมิ้งหยาอ้างว่าร่างกายของนางไม่แข็งแรง ดังนั้นจึงไม่ยอมแม้แต่จะเปิดประตูให้

ยิ่งไปกว่านั้น หลายวันมานี้จวนอวี้เกิดความโกลาหลอย่างใหญ่หลวง

แม้แต่เรื่องอาหารสามมื้อต่อวันยังเป็นปัญหาใหญ่

ตอนนี้นอกจากตำหนักหลิวซินที่ยังคงสงบเงียบดั่งเดิม ตำหนักฉินหวู่และหยาเสวียนใกล้จะขาดเสบียงอาหารเต็มที

คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น พระสนมเต๋อเฟยมองดูอาหารเย็นชืดบนโต๊ะ ดวงตาเผยให้เห็นความโกรธเกรี้ยว

“นี่คือวิธีการดูแลจวนของเจ้าหรือ? เจ้าจะให้เปิ่นกงกินแต่ผักหรืออย่างไร? หรือเจ้าคิดว่าเปิ่นกงเป็นม้า?”

เจียงหรูฉินคุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้สะอึกสะอื้น

“ท่านป้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของหลินเมิ้งหยา หลายวันมานี้จวนอวี้ไม่มีเงินซื้อเนื้อสัตว์ ดังนั้นจึงซื้อได้เพียงฟักทองและหัวไชเท้าเจ้าค่ะ”

เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เจียงหรูฉินรู้สึกหดหู่เหลือเกิน

นางมิรู้ว่าเงินสำหรับซื้อผักและเนื้อสัตว์ในจวนสามารถใช้ได้กี่วัน

คราวก่อน เงินเดือนของพวกคนรับใช้ถูกแจกจ่ายหมดแล้ว

คราวนี้หลินเมิ้งหยาไม่ใจดีอีกต่อไป

“เจ้าบอกว่ากุญแจทุกดอกในจวนอยู่ที่เจ้ามิใช่หรือ? กุญแจคลังเก็บเงินเล่า?”

พระสนมเต๋อเฟยฟาดตะเกียบลงบนโต๊ะ มองดูเด็กสาวตรงหน้า

ตอนแรกคิดว่าการมอบอำนาจในการดูแลจวนให้เด็กคนนี้จะทำให้หลินเมิ้งหยาต้องทุกข์ระทม

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ต้องทนทุกข์จะกลายเป็นตัวเอง

“นางเอ่ยว่าคลังเก็บเงินไม่มีเงินแล้ว แต่ข้าได้ยินมาว่าอันที่จริงนางย้ายเงินจากคลังไปเก็บไว้ในห้องเก็บของเล็กของตนเองทั้งหมด ฉินเอ๋อร์โกรธมาก เคยไปถามไถ่อยู่หลายครั้ง แต่นางกลับบอกว่าของเหล่านั้นคือสินเดิมของนาง ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้อง”

เจียงหรูฉินเอ่ยด้วยท่าทางน่าสงสาร เรื่องพวกนี้หลิวเอ๋อร์เป็นคนแต่งขึ้น

ตอนแรกนางคิดจะไปฟ้องท่านป้าแต่กลับถูกหลิวเอ๋อร์ห้ามเอาไว้

หากทำเช่นนี้ ท่านป้าจะยิ่งโกรธเกรี้ยว

สบตากับหลิวเอ๋อร์เพื่อชื่นชมนาง

ตอนนี้คนที่กำลังจะซวยคือหลินเมิ้งหยา

ท่านป้าหาใช่คนที่หลินเมิ้งหยาจะต่อกรด้วยได้

“เจ้าว่าอะไรนะ? ไร้เหตุผลยิ่งนัก ไปตำหนักหลิวซินกับข้า ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าใครบังอาจสั่งให้นางนำเงินของจวนไปไว้ที่นั่น”

พระสนมเต๋อเฟยผุดลุกขึ้น พาสาวใช้และคนทั้งหมดไปยังตำหนักหลิวซิน

เพียงเดินมาถึง พวกนางทันเห็นสาวใช้กำลังยกอาหารอันโอชะเข้าไปในตำหนักหลิวซิน

ตลอดสามวันที่ผ่านมา พวกนางที่มิได้ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศต่างพากันน้ำลายสอ

“ร้ายนักนะนังลูกสะใภ้ตัวดี ปล่อยให้ข้ากินแต่อาหารหมู แต่ตัวเองกินอาหารอร่อย”

เจียงหรูฉินรู้ว่าโอกาสมาถึงแล้ว ในที่สุดสีหน้าของพระสนมเต๋อเฟยก็ถมึงทึงกว่าเดิมหลายเท่า

“พระสนมเต๋อเฟยเสด็จ…”

เสียงขันทีร้องประกาศ

บางทีอาจเพราะไม่ได้กินอาหารดีๆ มาหลายวัน ดังนั้นเสียงของเขาจึงราวกับคนหมดแรง

“ลูกสะใภ้ขอถวายคำนับหมู่เฟย”

หลินเมิ้งหยากลับไร้ซึ่งท่าทางกระวนกระวาย นางยังคงมีกิริยาท่าทางเหมือนเดิมทุกประการ

มองดูเจียงหรูฉินที่กำลังขบฟันเข้าหากันแน่น

“คุณหนูสกุลหลินตัวดี เปิ่นกงขอถามเจ้าหน่อยว่าเจ้าขนเงินของจวนทั้งหมดมาไว้ที่ห้องเก็บของเล็กของเจ้าใช่หรือไม่”

ไร้ซึ่งเยื่อใย ดูท่าพระสนมเต๋อเฟยคงเกลียดชังนางแล้วจริงๆ จึงเอ่ยถามตามตรงโดยไม่ถนอมน้ำใจกันเช่นนี้

หลินเมิ้งหยาคุกเข่าลงตรงหน้าพระสนมเต๋อเฟยอย่างว่านอนสอนง่าย

“เป็นเช่นนั้นเพคะ ท่านอ๋องเอ่ยว่าคลังเก็บเงินเก่ามากแล้ว ฉะนั้นจึงให้หม่อมฉันนำเงินทั้งหมดมาไว้ที่ห้องเก็บของเล็ก”

เมื่อได้เห็นท่าทางอารมณ์ดีของหลินเมิ้งหยา แม้แต่พระสนมเต๋อเฟยและเจียงหรูฉินก็นึกไม่ถึง

สายตาเย็นชาจับจ้องมองทางหลินเมิ้งหยา พระสนมเต๋อเฟยเอ่ยสำทับ

“หากเจ้ายอมรับก็ดี ตอนนี้จงนำเงินออกมาให้หมด”

พระสนมเต๋อเฟยมองหลินเมิ้งหยาด้วยหางตาพร้อมออกคำสั่งเสียงเย็น

ทว่าหลินเมิ้งหยากลับแย้มยิ้ม ก่อนจะเอ่ยปฏิเสธ

“เหนียงเหนียงอาจลืมไป พระองค์เคยรับสั่งว่าแม้แต่พระองค์ก็ไม่อาจนำเงินออกไปได้ หากมิแสดงตราประทับคู่ของพระองค์และท่านอ๋องที่ประทับไว้ด้วยกัน หากพระองค์แสดงตราประทับ เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะหยิบเงินออกมาให้เพคะ ลูกสะใภ้พยายามปกป้องดูแลตามคำสั่งของหมู่เฟย หากหมู่เฟยนำตราประทับมาแสดงต่อหน้าหม่อมฉัน เช่นนั้นหม่อมฉันจะมอบเงินทุกตำลึงให้แก่หมู่เฟยโดยไม่ขาดแม้แต่อีแปะเดียวเพคะ”

คำโต้เถียงของหลินเมิ้งหยาทำให้พระสนมเต๋อเฟยพูดไม่ออก

นางเพิ่งจำได้ว่าตนเองเคยพูดเช่นนั้น

แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะนำมันมาใช้ประโยชน์เช่นนี้

“ได้ เช่นนั้นเปิ่นกงจะไปนำตราประทับมาให้เจ้า จิ้งเยว่ จงไปนำตราประทับมา”

ทว่าท่านน้าจิ้งเยว่ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างกลับเอี้ยวตัวเข้าไปกระซิบข้างหูพระสนมเต๋อเฟย

“เจ้าว่าอะไรนะ?”

คิ้วของพระสนมเต๋อเฟยขมวดเข้าหากัน สายตามองทางจิ้งเยว่

“ทูลเหนียงเหนียง นับตั้งแต่วันที่ออกจากวัง หนู่ปี้ก็ไม่เคยเห็นตราประทับอันนั้นเลยเพคะ”

ครู่ต่อมา อย่าว่าแต่หลินเมิ้งหยา แม้แต่พระสนมเต๋อเฟยยังแทบไม่อยากจะเชื่อ

ไม่มีตราประทับ หากบังคับให้หลินเมิ้งหยาเปิดประตูเพื่อเอาเงิน เช่นนั้นก็มิต่างอะไรจากการที่นางกลืนน้ำลายตัวเอง

ตอนนี้นางเริ่มนึกเสียใจภายหลังเสียแล้วที่พูดเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน

“เจ้า…เจ้าทำได้ดีมาก เจ้าจำคำพูดของเปิ่นกงได้ทุกกระเบียดนิ้ว ฉินเอ๋อร์ จงนำกุญแจและสมุดบัญชีคืนให้แก่พี่สะใภ้ของเจ้า”

เรื่องราวกลับตาลปัตร

ไม่มีใครคาดคิด เจียงหรูฉินที่เพิ่งจะครองอำนาจในจวนได้เพียงสามวัน แต่กลับถูกยึดอำนาจคืนให้แก่พระชายาเสียแล้ว

“ท่านป้า ข้า…”

เรื่องราวเป็นเช่นนี้ไปแล้ว เมื่อถึงเวลาคืนก็ต้องคืน

ทว่าในสายตาของทุกคน เจียงหรูฉินไม่มีแม้แต่หน้าให้รู้สึกอับอาย

“เปิ่นกงบอกว่าเอาคืนพี่สะใภ้เจ้าไป ไม่ได้ยินหรือ?”

เจียงหรูฉินคิดไม่ถึงเลยว่าท่านป้าจะทำเช่นนี้

นางเบิกตากว้าง จ้องมองหลินเมิ้งหยาด้วยความโกรธแค้น ราวกับต้องการจะจับนางกินอย่างไรอย่างนั้น

“เจ้าค่ะ หลิวเอ๋อร์ จงนำของไปคืนให้พี่สะใภ้”

“พี่สะใภ้ เก็บเอาไว้ให้ดีล่ะ อย่าทำหาย”

ป๋ายซ่าวก้าวขึ้นมาข้างหน้าเพื่อรับ ใครจะรู้ว่าเจียงหรูฉินต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอดสูเช่นนี้

ทว่าหลินเมิ้งหยากลับยังไม่หยุดเรื่องราวแต่เพียงเท่านี้ กลับกันนางเข้าไปหยิบของในมือของป๋ายซ่าว ก่อนจะเอ่ย

“การดูแลจวนนั้นไม่ง่าย การเป็นผู้ดูแลก็ไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ลูกสะใภ้อายุยังน้อย มิรู้ความเท่าไรนัก ด้วยเหตุนี้เชิญหมู่เฟยรับของเหล่านี้กลับไปเถิดเพคะ”

ไม่ว่าใครต่างก็คิดไม่ถึงว่าหลินเมิ้งหยาจะดันของเหล่านั้นกลับ

มีเพียงพระสนมเต๋อเฟยคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าหลินเมิ้งหยากำลังประท้วง

อำนาจในการดูแลจวน ใช่ว่านางบอกว่าจะคืนก็คืนกลับไปได้

ราวกับว่านางมิเคยปรึกษาหรือนึกถึงหัวใจของหลินเมิ้งหยาเลย

ฉะนั้นเด็กคนนี้จึงมีปฏิกิริยาแข็งขืนเช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้น นางพิจารณาคนข้างกาย แต่ไม่มีใครจะทำหน้าที่นี้แทนได้

หลินเมิ้งหยาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพระสนมเต๋อเฟยกำลังลำบากใจ

“นี่เจ้ากำลังจะทำอะไร?”

แม้จะเกลียดชังหลินเมิ้งหยาจับจิตจับใจ

ทว่าสีหน้าของนางกลับอ่อนโยนลง

ยื่นมือเข้าไปประคองหลินเมิ้งหยา ก่อนจะจ้องมองนางด้วยความรักใคร่

“พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เหตุใดจึงพูดเหมือนเป็นคนอื่นเช่นนั้นเล่า เปิ่นกงเพียงแค่อยากให้ฉินเอ๋อร์เรียนรู้งานบ้านงานเรือนเพื่อที่จะได้ช่วยเจ้าในอนาคต ทว่าฉินเอ๋อร์กลับไม่ได้เรื่อง ยังไม่ทันไรก็ทำงานในจวนวุ่นวายยุ่งเหยิง เจ้าเป็นพี่สะใภ้ของนาง เช่นนั้นช่วยดูแลนางหน่อยเถิด”

ไม่ว่าใครก็มองออก เวลานี้พระสนมเต๋อเฟยทำได้เพียงพูดจาเสียงอ่อนเสียงหวานแต่เพียงเท่านั้น

หลินเมิ้งหยามิใช่ลูกพลับนุ่มนิ่มที่คิดจะหยิกนางก็สามารถทำได้ง่ายๆ

แต่ถ้าหากนางยังดึงดันต่อไป เกรงว่าพระสนมเต๋อเฟยคงหมดความอดทน

หลินเมิ้งหยายกยิ้มเชิงขอโทษ

“หมู่เฟยอย่ารับสั่งเช่นนั้นเลยเพคะ ไม่ว่าอย่างไร คุณหนูเจียงก็เป็นญาติสนิทของพวกเรา หม่อมฉันต้องคอยดูแลนางอยู่แล้ว หมู่เฟยโปรดวางพระทัย”

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "เล่มที่ 7 บทที่ 193 ร้อยเล่ห์เพทุบาย"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์