ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 8 บทที่ 230 ใครเป็นผู้สั่ง
หลังจากผอจื่อสบตาหลินเมิ้งหยา ร่างกายพลันสั่นเทา นางกัดฟันเอ่ยตอบ
“แม่นางป๋ายซ่าวเป็นคนบอกให้หนู่ปี้ทำเจ้าค่ะ นางบอกว่าป๋ายจื่อขวางหูขวางตานาง ทำให้นางเสียการเสียงาน ดังนั้นจึงอยากสั่งสอนป๋ายจื่อเล็กน้อย นายหญิงได้โปรดเย็นพระทัยลงก่อน หนู้ปี้เพียงแค่ได้รับคำสั่งจากป๋ายซ่าวเท่านั้น”
ทุกคนอ้าปากค้าง คิดไม่ถึงเลยว่าป๋ายซ่าวจะเป็นคนจิตใจอำมหิตเช่นนี้
“เจ้าพูดความจริงหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาเลิกคิ้วสูง ท่าทางเหมือนคนยังไม่เชื่อ
ทว่าผอจื่อกลับพยักหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ซ้ำยังนำกำไลหยกของป๋ายซ่าวออกมายื่นให้หลินเมิ้งหยาดู
“นี่คือของที่ป๋ายซ่าวมอบให้หนู่ปี้ นายหญิงได้โปรดพิจารณาด้วยเจ้าค่ะ”
ป๋ายซ่าวไม่อาจปฏิเสธได้ เหตุเพราะทุกคนเคยเห็นนางสวมใส่กำไลหยกอันนั้น
“ไม่จำเป็น ข้าไม่อยากเห็นของชิ้นนี้ ไปเชิญพระสนมเต๋อเฟยและท่านอ๋องเสด็จมาเถิด วันนี้ข้าจะตัดสินเรื่องราวทุกอย่างเอง”
เมื่อเห็นว่าหลินเมิ้งหยาโกรธเกรี้ยวแล้วจริงๆ หัวใจของทุกคนสั่นสะท้าน
ไม่ว่าพวกเขาจะสวามิภักดิ์กับใคร แต่หลินเมิ้งหยาเป็นนายหญิงที่มีอำนาจในการปกครองจวน ดังนั้นหากนางเห็นว่าผิดก็คือผิด
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดสงครามภายในตำหนักของนางเอง
ดูราวกับว่าหลินเมิ้งหยาถูกตบหน้าก็มิปาน ไม่มีใครที่จะไม่รู้สึกโกรธ
จิ่นซู่และจิ้งเยว่รีบออกไปทำตามคำสั่ง ป๋ายซูยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน ราวกับไม่คิดปรากฏตัวให้เป็นจุดสนใจ
“นายหญิง ป๋ายจื่อถูกทุบตีอย่างทรมาน ข้าคิดอยากเข้าไปช่วยหลายครั้ง แต่เพราะคำสั่งของท่าน ข้าจึงทำได้เพียงอดทน”
ริมฝีปากบางมีรอยฟันอย่างเห็นได้ชัดหลินเมิ้งหยาพยักหน้า
ใบหน้าของป๋ายซูเย็นชา การที่ต้องทนมองพี่น้องของตัวเองถูกตบตีแต่ตนเองกลับมิอาจเข้าไปช่วยเหลือได้ ก่อให้เกิดความทรมานในหัวใจของนางอย่างใหญ่หลวง
“เจ้าพยายามได้ดีแล้ว ป๋ายจื่อ…ข้าไม่โทษเจ้าหรอก”
หลินเมิ้งหยากัดฟันแน่น นางเองก็เจ็บปวดใจไม่แพ้กัน
สาวใช้ของนางคนนี้เติบโตมาพร้อมกันกับนาง ตอนที่ป๋ายจื่อยังเป็นเด็กไม่รู้เรื่องรู้ราว ป๋ายจื่อกลับยืนกำบังร่างกายของนางเอาไว้เพื่อปกป้องมิให้นางถูกทำร้าย
นิ้วมือเรียวยาวกำเข้าหากัน ใบหน้าเรียวเล็กเผยให้เห็นความเย็นชาดุจหิมะ
กล้ามายุ่งกับคนของนางอย่างนั้นหรือ บังอาจนัก!
“ท่านอ๋องเสด็จ…”
“พระสนมเต๋อเฟยเสด็จ…”
เสียงประกาศแตกต่างกันสองเสียงดังขึ้นไล่กันไป
หลินเมิ้งหยายืนอยู่ที่เดิม ท่าทางเดียวดายของนางทำให้คนรู้สึกสงสาร
คิ้วของหลงเทียนอวี้ขมวดเข้าหากันแน่น มองดูป๋ายจื่อที่ถูกตีไม่ต่างอะไรจากหมูหมา เขาครุ่นคิด หลินเมิ้งหยาจะต้องรู้สึกแย่มากอย่างแน่นอน
ก้าวไปยืนด้านหลังของนางโดยไม่รู้ตัว มองดูร่างอ่อนแอบอบบาง ทว่าสายตากลับแน่วแน่
“มีอะไรกัน?”
ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกแต่ก็ยังเอ่ยถาม พระสนมเต๋อเฟยแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องใดๆ เหลือบมองป๋ายซ่าว สายตาเผยให้เห็นความเสียดาย
หลินเมิ้งหยาถวายคำนับ ถึงอย่างไรพระสนมเต๋อเฟยก็เป็นคนรักกฎระเบียบ ดังนั้นนางต้องทำตัวให้สมฐานะอยู่เสมอ
“ทูลหมู่เฟย แม้คนของหม่อมฉันจะถูกฟ้องร้องว่าเป็นผู้ยักยอกเงินห้าสิบตำลึง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีหลักฐานมาแสดงให้แน่ชัด! แต่นางกลับถูกตบตีจนแทบจะขาดใจ หรือว่ามีคนกำลังวางแผนคิดร้ายอยู่กันแน่?”
คำพูดของหลินเมิ้งหยารุนแรงเอาการ แม้แต่สีหน้าก็ไม่น่ามอง
เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็มองออกว่าป๋ายซ่าวคิดจะปิดปากป๋ายจื่อ เห็นได้อย่างชัดเจนว่านางจะต้องมีเอี่ยวกับเงินที่หายไปอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่ป๋ายซ่าวทำงานอยู่ในตำหนักหลิวซิน นางอาจจะรู้สึกไม่พึงพอใจป๋ายจื่ออยู่บ้าง
ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกคนจับจุดอ่อนได้แล้วนำมาเล่นงาน
“เช่นนั้นหรือ? ดูเหมือนป๋ายซ่าวจะทำเกินกว่าเหตุ จิ่นซู่ นำตัวป๋ายซ่าวมา เปิ่นกงจะถามนางต่อหน้า”
น้าจิ้งเยว่เอ่ยว่าได้รับคำสั่งจากพระสนมเต๋อเฟยให้ไปหานางที่ตำหนัก ทว่าตอนนี้พระสนมเต๋อเฟยกลับแสร้งทำท่าทีไม่รู้เรื่อง
หลินเมิ้งหยามองดูพวกนางที่กำลังแสดงละครด้วยสีหน้าเคร่งขรึมกว่าปกติ
ไม่นานป๋ายซ่าวก็ถูกน้าจิ้งเยว่พาตัวมา
เพียงได้เห็นสีหน้าเย็นชาของหลินเมิ้งหยาและสภาพอันน่าสงสารของป๋ายจื่อ ใบหน้าของป๋ายซ่าวพลันซีดเผือด
“หนู่ปี้ถวายคำนับพระสนมเต๋อเฟย ท่านอ๋องและพระชายา”
สายตาของทุกคนจับจ้องมองทางป๋ายซ่าว ราวกับว่าพวกเขากำลังมองหายาพิษร้ายแรงบนใบหน้าของนาง
“เปิ่นกงเรียกเจ้ามาเพื่อสอบถามว่าเจ้ารู้จักผอจื่อคนนี้หรือไม่?”
พระสนมเต๋อเฟยเอ่ยถามเสียงเรียบเสมือนเป็นผู้พิพากษาอย่างไรอย่างนั้น
ป๋ายซ่าวหันไปมองผอจื่อที่กำลังตัวสั่นเทิ้ม ก่อนจะพยักหน้าอย่างสงสัย
“ทูลพระสนมเต๋อเฟย นางเป็นคนบ้านเดียวกันกับหนู่ปี้ เหตุเพราะต้องทำงานด้วยกัน ดังนั้นจึงรู้จักกันเพคะ”
ตอนแรกคิดว่าป๋ายซ่าวจะพลิกลิ้นหาทางเอาตัวรอด แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะยอมรับอย่างง่ายดาย
“แม่นาง แม่นาง ข้าขอโทษ นี่คือกำไลหยกของเจ้า ข้าจะคืนให้เจ้าเดี๋ยวนี้ ข้าขอร้อง ได้โปรดปล่อยข้าไป ข้าเป็นเพียงสาวใช้ตัวเล็กๆ ข้ายังมีพ่อแม่พี่น้องให้ต้องดูแลนะเจ้าคะ”
จู่ๆ ผอจื่อก็ปรี่เข้าไปคว้าตัวของป๋ายซ่าว ก่อนจะร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“สวีมามา เจ้าอย่าใส่ร้ายข้า! กำไลหยกอะไร เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?”
สายตาของป๋ายซ่าวฉายแววสับสน กำไลหยกในมือที่หายไปเมื่อหลายวันก่อน เหตุใดจึงไปอยู่ที่สวีมามาได้เล่า? นางมิได้สั่งให้สวีมามาไปทำอะไรเสียหน่อย เหตุใดนางจึงเอ่ยเช่นนี้?
“แม่นาง ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านยอมรับเสียเถิด ทั้งที่ท่านเป็นคนเรียกข้าเข้าไปในห้องแล้วมอบกำไลหยกให้แก่ข้า จากนั้น…สั่งให้ข้าลงมือใส่ร้ายแม่นางป๋ายจื่อ!”
ผอจื่อคนนั้นร้องตะโกนเสียงดัง ท่าทางร้องห่มร้องไห้อย่างน่าสงสารของนางทำให้ผู้อื่นเชื่อถือ
ทว่าคิ้วของหลินเมิ้งหยากลับขมวดเข้าหากันแน่น ราวกับว่านางเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
“สวีมามา ข้ามิเคยทำตัวเป็นศัตรูกับเจ้าเลย เหตุใดจึงใส่ร้ายข้าเช่นนี้? ข้ากับป๋ายจื่อรักกันเสมือนพี่น้อง ไม่ว่าใครต่างก็รู้ความจริงในข้อนี้ ต่อให้พวกเราพี่น้องผิดใจกัน แต่ก็ไม่มีทางผันตัวมาเป็นศัตรูกันอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่มีทางสร้างเรื่องเช่นนี้ขึ้น เจ้าอย่าได้พูดจาเลื่อนเปื้อน!”
ต่างฝ่ายต่างพูดเข้าข้างตัวเองจนไม่อาจรู้ได้ว่าใครพูดจริงพูดเท็จ
แน่นอนว่ากำไลหยกเป็นของป๋ายซ่าว แต่ตอนนี้กลับอยู่ในมือของสวีมามา ดังนั้นจึงไม่อาจตัดสินอะไรได้
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับมั่นใจอะไรบางอย่างแล้ว
“เรื่องนี้ดูจะตัดสินยากเกินไป อวี้เอ๋อร์ เมิ้งหยา พวกเจ้าคิดเห็นเช่นไร?”
แสร้งแสดงสีหน้าลำบากใจ พระสนมเต๋อเฟยโยนปัญหาที่น่าอึดอัดนี้ให้กับหลงเทียนอวี้และหลินเมิ้งหยาเป็นผู้ตัดสิน
แม้ป๋ายซ่าวจะไม่ได้ทำ แต่สวีมามากลับป่าวประกาศว่าป๋ายซ่าวเป็นคนมอบกำไลหยกให้กับนาง ดังนั้นป๋ายซ่าวจึงไม่อาจเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้
“ไม่ว่าใครจะเป็นคนสร้างเรื่องนี้ สุดท้ายแล้วจะต้องเค้นเอาความจริงจนถึงที่สุด”
เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้หญิง หลงเทียนอวี้จึงลำบากใจที่จะเอ่ยออกมา ทว่าหลินเมิ้งหยากลับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ย
สายตากวาดมองพระสนมเต๋อเฟย ป๋ายซ่าว ป๋ายจื่อและสวีมามาที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ก่อนจะกระตุกยิ้มเย็นยะเยือก
“ป๋ายซ่าว ปากของป๋ายจื่อมิอาจพูดอะไรได้ เช่นนั้นเจ้าจงอธิบายมาเถิด”
หลินเมิ้งหยามอบอำนาจในการอธิบายให้แก่ป๋ายซ่าว ริมฝีปากของนางเผยอขึ้น ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน
ป๋ายซ่าวรีบคุกเข่าลงแล้วโขกศีรษะลงกับพื้นตรงหน้าหลินเมิ้งหยา
“เจ้าค่ะ นายหญิง หนู่ปี้จะเอ่ยด้วยความสัตย์จริงทุกประการ กำไลหยกอันนี้เป็นของหนู่ปี้จริงและเป็นกำไลหยกที่จิ่นซู่ซึ่งเป็นสาวใช้ข้างกายพระสนมเต๋อเฟยเป็นคนมอบให้ นางเอ่ยว่าเหนียงเหนียงต้องการมอบรางวัลให้กับหนู่ปี้ ดังนั้นจึงนำมาให้ หนู่ปี้เคยเล่าเรื่องนี้ให้นายหญิงฟังแล้ว ดังนั้นนายหญิงจึงย่อมรู้เรื่องนี้ดี”
สีหน้าของหลินเมิ้งหยาอ่อนโยนลง
อันที่จริงความสัมพันธ์แตกหักทรยศระหว่างเจ้านายและลูกน้องเป็นกลอุบายที่นางสร้างขึ้นเพื่อให้ศัตรูตกหลุมพรางแต่เพียงเท่านั้น
“พูดต่อไป ท่านอ๋องอยู่ที่นี่ ผู้ดูแลทุกคนก็อยู่ที่นี่แล้ว”
หลินเมิ้งหยาเข้าไปประคองป๋ายจื่อ มองดูใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของนางอย่างสงสารจับใจ สายตาเผยให้เห็นความรู้สึกผิด
ทว่าสายตาของป๋ายจื่อกลับเผยให้เห็นความยินดี เด็กโง่คนนี้จะต้องกำลังรู้สึกดีใจที่ได้เห็นพี่น้องของตนเองมิได้ทรยศเจ้านายอย่างแน่นอน
“เจ็บหรือไม่?”
นางไม่กล้ายื่นมือเข้าไปสัมผัส ป๋ายจื่อส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วพยักหน้าด้วยท่าทางน่าสงสาร
ทว่าทางฝั่งของป๋ายซ่าวเสมือนกำลังเล่นเกม นางพูดเรื่องราวต่อจากนั้นอย่างชัดเจน
“ต่อมา จิ่นซู่บอกกับหนู่ปี้ว่าพระสนมเต๋อเฟยชื่นชมหนู่ปี้มาก ต้องการให้หนู่ปี้เป็นอนุภรรยาของท่านอ๋อง ดังนั้นท่ามกลางความเห็นชอบ หนู่ปี้จึงถูกส่งตัวไปที่ตำหนักฉินหวู่อยู่บ่อยครั้งเพื่อถวายอาหารและเสื้อผ้าให้แก่ท่านอ๋อง เหตุเพราะท่านอ๋องเห็นแก่หน้าพระชายา จึงมีท่าทีเกรงใจหนู่ปี้ หนู่ปี้รู้ฐานะของตนเองดีจึงไม่เคยคิดเกินเลยกับท่านอ๋องเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้นายหญิงเองก็รู้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”
ป๋ายซ่าวหยิบกรรไกรออกจากวงแขน หลินเมิ้งหยามองสาวใช้ของตนเองด้วยความกังวล
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
สายตาของจิ่นซู่เผยให้เห็นความกระวนกระวาย ขยับเท้าถอยหลัง ก่อนจะพบว่ามีองครักษ์สองคนเข้ามาประกบตัวนางเอาไว้
“ถูกต้อง ข้าหนีการแต่งงานจากที่บ้านมา พ่อข้าเป็นคนเห็นแก่เงิน เขาไม่เพียงทำให้บ้านของพวกเราล่มจม แต่ยังขายข้ากับน้องๆ หากมิใช่เพราะท่านแม่ของข้าเป็นคนเก่ง ข้า…ข้าคงแปดเปื้อนไปนานแล้ว ต่อมาพ่อของข้ากลับไปที่บ้านเกิดของท่านแม่และหลอกพาข้าออกมา เขาคิดจะขายข้าให้กับชายแก่เพื่อไปเป็นอนุภรรยา ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดว่าใบหน้าของข้ามีเสน่ห์เย้ายวน ดังนั้นจึงคิดส่งข้าไปเป็นอนุภรรยาของท่านอ๋อง แต่ข้าป๋ายซ่าวคนนี้หาใช่คนที่ยอมก้มหัวให้ใครง่ายๆ ข้าเคารพนายหญิงสุดหัวใจ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีวันหักหลักนายหญิงเด็ดขาด”
หลังจากหยดน้ำตาพรั่งพรูออกมามิขาดสาย ป๋ายซ่าวใช้กรรไกรตัดเส้นผมของตนเองจนขาดแหว่ง หลินเมิ้งหยารีบออกคำสั่งให้ป๋ายซูหยุดยั้งนางเอาไว้
“ยังไม่ทันจะพูดจบเลยแท้ๆ เจ้าคิดจะทำอะไรกัน?”
หลินเมิ้งหยาถอนหายใจอย่างโล่งอก เหตุใดสาวใช้ของนางจึงบ้าดีเดือดกันเช่นนี้?