ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ - เล่มที่ 9 บทที่ 258 ประลองพิษ
หนอนกู่คือสัตว์มีพิษชนิดหนึ่ง
นางเป็นถึงลูกศิษย์เพียงคนเดียวของปรมาจารย์ด้านยาพิษ หากต้องมาพ่ายแพ่ให้กับคนเป็นโรคสองบุคลิกเช่นนี้คงจะต้องทำให้ท่านอาจารย์อับอายขายหน้าอย่างแน่นอน
เปิดกล่องออก หลินเมิ้งหยากลืนเม็ดยากลิ่นหอมหวานเข้าไปในปาก
แหวะ….คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น คิดไม่ถึงเลยว่ายาของท่านอาจารย์จะขมปี๋ขนาดนี้
“เจ้าฉลาดใช้ได้เลยนี่ คิดจะเอาตัวรอดอย่างนั้นหรือ? แล้วพวกคนที่อยู่รอบตัวเจ้าเล่า? เช่นนั้นจงกลายมาเป็นอาหารของลูกๆ สุดที่รักของข้าเถิด”
หนอนกู่คืบคลานจากพื้นดิน หลินเมิ้งหยาหงายฝ่ามือขึ้นก่อนจะใช้มีดกรีดลงไป
กลิ่นหอมหวานคละเคล้าอยู่ในโลหิตสีแดงสด ก่อนกลิ่นเหล่านั้นจะฟุ้งกระจายอบอวลอยู่ในอากาศ
ความเจ็บปวดทำให้หลินเมิ้งหยาขมวดคิ้วแน่น ทั้งหมดต้องโทษท่านอาจารย์ที่คิดค้นยาซึ่งจะแสดงผลสัมฤทธิ์ออกมาได้ก็ต่อเมื่อตัวยาผสมกับเลือดของนางเท่านั้น
“จี๊ด จี๊ด” เสียงดังขึ้น กลิ่นหอมหวานค่อยๆ อ่อนลง
โชคดีที่คนของหลินเมิ้งหยาค่อนข้างน้อย ดังนั้นนางจึงสามารปกป้องพวกเขาได้ คิดไม่ถึงเลยว่ายาของท่านอาจารย์จะออกฤทธิ์ดีขนาดนี้
“เกิดอะไรขึ้น? นี่มันกลิ่นอะไร?”
ซินชิงขมวดคิ้วแน่น ราวกับกำลังประหลาดใจที่ลูกรักของนางถูกหลินเมิ้งหยาควบคุมเอาไว้ได้
“ยังมีเรื่องที่เจ้ายังไม่รู้อีกมาก ขอเพียงข้ายังอยู่ เจ้าอย่าหวังว่าจะทำร้ายพวกเขาได้”
เลือดรินไหล กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ
ขยับเข้าไปใกล้หนอนกู่ที่มีท่าทางเหมือนกำลังมึนเมา หลงทิศทางหยุดอยู่ที่จุดหนึ่ง ราวกับแมลงมีพิษเหล่านี้รู้ว่าด้านนอกเต็มไปด้วยอันตราย ดังนั้นพวกมันจึงขดตัวอยู่แต่ภายใน
“น่าสนใจดีนี่? ดูเหมือนเจ้าจะมียาดี”
แสยะยิ้มประหลาดใจ จู่ๆ ซินชิงเปลี่ยนวิธีเขย่าระฆัง แมลงสีเหลืองทองบินออกจากแขนเสื้อของนาง
“หึ่ง หึ่ง” เสียงดังขึ้น พวกมันเมินเฉยต่อกลิ่นหอมของหลินเมิ้งหยา แต่ถึงกระนั้นก็มิได้เข้าไปเกาะตัวนาง แต่กลับเลือกเกาะที่ร่างขององครักษ์สองคน
“ระวัง” ขณะที่หลินเมิ้งหยาคิดจะร้องเตือน แมลงเหล่านั้นก็บินไปเกาะที่ลำคอขององครักษ์ทั้งสองแล้ว ราวกับพวกเขาได้รับความเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก ใบหน้าบิดเบี้ยว ก่อนจะแข็งทื่อ
“นี่คือแมลงคงซิน ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้ายังมีเลือดให้ไหลอีกมากขนาดไหน”
ซินชิงแสดงท่าทีลำพองใจ ดูเหมือนกลิ่นหอมของยาเหล่านั้นจะควบคุมหนอนกู่สุดที่รักของตนเองเอาไว้ได้ แต่แมลงคงซินมักเคยชินกับการเร้นกายในร่างของมนุษย์ ต่อให้กลิ่นยาของหลินเมิ้งหยาจะหอมมากขนาดไหน แต่ก็ไม่มีทางไล่แมลงเหล่านั้นไปได้
ชายร่างกำยำทั้งสองจับดาบในมือแน่น พวกเขาเดินมาทางตำแหน่งที่หลินเมิ้งหยายืนอยู่ แต่เพราะร่างกายของพวกเขาถูกพิษในร่างแพร่กระจาย ดังนั้นท่วงท่าการเดินจึงแข็งทื่อ
หลินเมิ้งหยารีบหลบตามสัญชาตญาณ
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะต้องถูกบั่นคอเป็นแน่ พวกคนที่กำลังหวังพึ่งนางทางด้านหลังเริ่มขยับเท้าถอยหลังตามนาง
ยาหอมที่เคยส่งกลิ่นฟุ้งกระจายกลับกลายเป็นอ่อนลง ราวกับสิ่งที่ทำให้พวกหนอนกู่จางหายไปแล้ว หลินเมิ้งหยาเพิ่งรู้สึกตัวว่าเหตุใดซินชิงจึงควบคุมทั้งสองคนมาโจมตีนาง
ยิ่งนางขยับมากขึ้น กลิ่นยาก็จะยิ่งรุนแรง หากยาหมดฤทธิ์ เช่นนั้นพวกนางก็จะตกอยู่ในอันตราย
“เจ้าเด็กน้อย มาอยู่ข้างหลังข้า”
จู่ๆ มือหนาก็เข้ามาจับบ่าของนาง ชิงหูที่ปรับสมดุลของลมหายใจได้มากแล้วรีบดันตัวหลินเมิ้งหยาไปไว้ทางด้านหลัง
“เจ้าเป็นอะไรมากหรือไม่?”
แม้ใบหน้าของชิงหูจะขาวซีด แต่ท่าทางดีกว่าเมื่อครู่มาก
“ไม่เป็นไรแล้ว ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำเข้ามาแล้ว พวกหลงเทียนอวี้น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะ”
ชิงหูมิได้กระซิบบอก ทว่าหลังจากซินหลีได้ยิน นางกลับหัวเราะเบาๆ กวัดแกว่งแขนของตนเองอย่างรวดเร็ว หนอนกู่เหล่านั้นเสมือนกำลังคลั่ง พวกมันพยายามเข้าใกล้พวกหลินเมิ้งหยา
“ข้าไม่มีทางปล่อยให้เขาจัดการข้าได้อย่างแน่นอน ก็แค่คนโรคจิตคนหนึ่งเท่านั้น ข้าจะอดทนจนกว่าหลงเทียนอวี้มา แล้วก็อย่าได้ฆ่าพวกเขาเป็นอันขาด ข้าจะลองดูว่ายังสามารถช่วยพวกเขาได้หรือไม่”
กลิ่นยาหอมเข้มข้นจางลงไปแล้ว หลินเมิ้งหยาไม่มียาเหลือเก็บไว้ แต่โชคดีที่หนอนกู่ยังคงมีท่าทางหวาดกลัว ดังนั้นหากทุกคนล้อมวงอยู่ด้วยกันก็จะไม่มีใครถูกทำร้าย
“นายหญิง ท่านรีบหนีไปเถิดเจ้าค่ะ อย่าสนใจพวกเราเลย”
ป๋ายซูถูกชิงหูพยุงมา หลินเมิ้งหยารับร่างของนางไป ทว่าป๋ายซูได้รับบาดเจ็บหนักเอาการ ใบหน้าขาวซีดจนแทบไร้สีเลือด
“อย่าพูดอะไรโง่ๆ หากข้าทิ้งพวกเจ้าไป เช่นนั้นชั่วชีวิตของข้าคงไม่มีทางอยู่อย่างสงบสุขอีก อดทนอีกหน่อย อีกไม่นานก็จะดีขึ้น”
บางทีซินชิงเองก็คงได้ยินเสียงฝีเท้าด้วยเช่นกัน เขาไม่อยู่เฉย แต่กลับพุ่งตัวเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว
เมื่อเทียบกับซินหลีแล้ว วิทยายุทธ์ของซินชิงไม่อาจเทียบกับซินหลีได้ ดังนั้น ชิงหูจึงสามารถต่อกรกับคนโรคจิตสองบุคลิกนั่นได้โดยไม่คณนามือ
ทว่าสภาพร่างกายของหลินเมิ้งหยาในเวลานี้กลับไม่สู้ดีนัก เวลาเพียงชั่วครู่ แต่นางกลับเสียเลือดไปมากมาย เหตุเพราะจำต้องปกป้องทุกคน ดังนั้นนางจึงไม่ยอมห้ามเลือดของตนเอง
หลังจากเสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก นางรู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเองเริ่มเย็นลง
“คุณหนูใหญ่รีบห้ามเลือดเถิดขอรับ ต่อให้พวกเราต้องตายก็ไม่คิดเสียดายชีวิต ท่านจะต้องรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้”
หลังจากได้เห็นหลินเมิ้งหยาเสียเลือดไปค่อนข้างมาก เหล่าองครักษ์เริ่มเห็นว่ามิอาจปล่อยให้เหตุการณ์เป็นเช่นนี้อีกต่อไปได้ แม้แมลงเหล่านั้นจะน่ากลัว แต่พวกเขาไม่อาจหดหัวอยู่แต่ในกระดอง เมื่อดูจากสถานการณ์ในเวลานี้แล้ว หากไม่มีพวกเขาอยู่เป็นภาระ คาดว่าคุณหนูใหญ่คงหนีไปได้นานแล้ว
ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจพุ่งตัวเข้าไปพลีชีพ
“ข้าไม่อนุญาตให้พวกเจ้าสละชีวิตเพื่อข้า เข้าใจหรือไม่? ในตำราพิชัยยุทธ์ของสกุลหลินไม่มีบทกำหนดว่าต้องยอมสละทหารแปดร้อยคนเพื่อฆ่าศัตรูหนึ่งพันคน พวกเจ้าเป็นทหาร แต่กลับจะยอมตายที่นี่เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว พวกเจ้าคิดว่าคุ้มค่าแล้วหรือไม่?”
หลินเมิ้งหยามิได้หันหน้าไปพูด ทว่าคำพูดเหล่านั้นกลับฝังลึกในหัวใจของพวกเขา
ในสนามรบ พวกเขาติดตามท่านแม่ทัพและรองแม่ทัพบุกโจมตีเข่นฆ่าศัตรูไปอย่างมากมายโดยไม่คิดเสียดายชีวิต
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาติดอยู่ที่นี่
“ช่วยไม่ได้ พวกเจ้าจงช่วยข้าดูแลนาง ข้าจะไปจัดการพวกหนอนกู่”
ท่ามกลางความมืด หลินเมิ้งหยาได้เห็นหัวคนเคลื่อนไหวอยู่ไกลๆ บางทีอาจเป็นคนของจวนอวี้หรือไม่ก็สกุลหลิน
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร พวกเขาอาจถูกหนอนกู่ทำร้ายเอาได้
หยิบกระเป๋าหนังออกจากเอว เปิดกล่องหยิบเข็มเล็กๆ ขึ้นมาหนึ่งเล่ม นี่คือเข็มที่ป๋ายหลี่รุ่ยทำขึ้นเพื่อนางโดยเฉพาะ
หลินเมิ้งหยาถือเข็มเงินเอาไว้ในมือ ก่อนจะฝังลงไปในจุดฝังเข็มของตนเอง กลิ่นยาหอมที่เคยจางลงพลันเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง ทว่าคิ้วของหลินเมิ้งหยากลับขมวดเข้าหากันแน่น
ไม่รู้ว่านางหยิบขวดหยกออกมาตั้งแต่ตอนไหน หลินเมิ้งหยาเทลงตรงหน้าของตนเอง กลิ่นเหม็นตลบอบอวลผสมผสานกับกลิ่นยาหอมฉุนจนคนที่ได้กลิ่นต่างรู้สึกพะอืดพะอม
ราวกับหนอนกู่กำลังคุ้มคลั่ง พวกมันเปลี่ยนเป้าหมายมาทางหลินเมิ้งหยา
ทุกคนตกใจเป็นอย่างมาก แม้แต่ซินชิงเองก็หยุดโจมตีชิงหูแล้วหันไปมองหลินเมิ้งหยา
หรือนางจะยอมตาย?
“เข้ามา จะได้เห็นดีกันว่าใครแพ้ใครชนะ”
หนอนกู่ทั้งหมดบินเข้าไปหานาง ทันใดนั้นหนอนกู่ก็เข้าไปทับถมร่างของหลินเมิ้งหยาไว้
“นายหญิง!”
ป๋ายซูส่งเสียงแผดร้องอย่างสิ้นหวัง นางรู้จักหนอนกู่เหล่านี้ดี พวกมันทำร้ายคนไปอย่างมากมาย หยดน้ำตารินไหล คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่นายหญิงก็…
ราวกับคนหัวใจแหลกสลาย จู่ๆ กลิ่นชวนคลื่นเหียนในอากาศกลับยิ่งรุนแรงมากขึ้น
สายตาของทุกคนเปี่ยมไปด้วยความสงสัย กลิ่นนี้มาจากที่ใด?
จู่ๆ ลำตัวของหนอนกู่ที่เคยเป็นสีส้มกลับกลายเป็นสีแดงเพลิง
ขณะเดียวกัน กลิ่นเหม็นไหม้ตลบอบอวลออกมา ที่แท้หนอนกู่ก็กลายเป็นเชื้อเพลิงไปแล้ว
“ไม่ ทำไมข้าจึงเก็บกลับมาไม่ได้” ซินชิงตะคอก นางคิดอยากเก็บหนอนกู่กลับมา แต่กลับพบว่ามันไม่ได้ผล
เวลาเพียงไม่นาน หนอนกู่ที่เคยอยู่รวมกันถูกเผาจนกลายเป็นตอตะโก ส่วนพวกหนอนกู่ที่เหลือก็ไม่ตกอยู่ในการควบคุมอีกต่อไป พวกมันพากันพุ่งเข้าหากองไฟ
“แปลกใจใช่หรือไม่ นี่เป็นวิชาแพทย์พิษที่ท่านอาจารย์สอนข้า อีกไม่นานพวกแมลงสุดที่รักของเจ้าก็จะถูกข้าเผาตายจนหมด”
เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น ไม่มีใครคาดคิดว่าหลินเมิ้งหยาที่ตกอยู่ในวงล้อมของหนอนกู่จะโผล่ออกมาจากกองหิมะเหมือนคนไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
เสื้อคลุมถูกนางใช้เป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟ เส้นผมสีดำขลับตกลงอยู่ทางด้านหลังอย่างยุ่งเหยิง ใบหน้าสีขาวนวลราวกับหิมะกระตุกยิ้ม
“นังแพศยา! จงคืนหนอนกู่ของข้ามาเดี๋ยวนี้”
นี่หาใช่บทสรุปที่ซินชิงคิดเอาไว้ ไม่ว่านางจะสั่นระฆังถี่สักเพียงไหน ทว่าหนอนกู่เหล่านั้นกลับยังคงแย่งกันกระโดดเข้าหากองไฟ
“เจ้าเด็กน้อย ระวัง!”
ชิงหูรู้สึกเกลียดชังคนที่จะว่าชายก็ไม่ใช่จะว่าหญิงก็ไม่เชิงตรงหน้านานแล้ว แต่หลินเมิ้งหยากลับไม่รู้สึกเกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย ใบหน้ายังคงแย้มยิ้มงดงาม
“ฆ่าข้าเหรอ? เจ้าเก่งพอที่จะฆ่าข้าได้อย่างนั้นหรือ? หนอนกู่เป็นอาวุธสังหารชั้นดี ข้าเดาว่าในระฆังของเจ้าจะต้องมีพญาหนอนกู่อยู่ในนั้นแน่ แต่น่าเสียดาย หนอนกู่เหล่านี้ถูกข้าควบคุมเอาไว้ด้วยพิษจนหมดสิ้น ฉะนั้นเจ้าที่เป็นเจ้าของเองก็ย่อมโดนแว้งกัดใช่หรือไม่?”