คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 174 ขนสิ่งล้ำค่า
โชคดี คืนนั้นทุกคนต่างกำลังดื่มกิน คนสีเทาผู้นั้นไม่ได้เอ่ยเรื่องใส่เขาปลอมให้จินเฟยเหยา
ปู้จื้อโหยวแนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน คนสีเทาที่ชื่อว่าเต๋อสี่ผู้นั้นแนะนำเส้นทางต่อจากนี้ของพวกเขาให้จินเฟยเหยารู้อย่างจริงจัง
คนสีเทาต้องนำสินค้าไปยังโลกเผ่ามาร และหาร้านค้าเผ่ามารที่รับรองคนสีเทาโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้นหากถูกเผ่ามารพบเห็นและจำได้ข้างนอกจะถูกกินจนเกลี้ยง เห็นเขาบรรยายว่าคนเผ่ามารกินคนอย่างไรอย่างจริงจัง บรรยายเสียเห็นภาพ บอกว่าเลือดเนื้อปลิวว่อน จินเฟยเหยากลับไม่เชื่อเลยสักนิด
แค่เห็นนิสัยของจอมมารหลงก็รู้แล้ว ไม่ใช่คนป่าเสียหน่อย ทั้งยังกินเต็มปากพ่นโลหิตออกมา หลอกสตรีเพศล้วนๆ เจ้าหมอนี่ที่แท้เชื่อถือได้หรือไม่
ส่วนเต๋อสี่เล่าเรื่องคนเผ่ามารกินคนจบ ก็ดึงกิ่งไม้ด้านข้างมาวาดแผนที่บนพื้นใต้แสงไฟ
วาดพลางอธิบายว่า “พวกเราไปเมืองอูกู่ก่อน หาสินค้าบางอย่างที่นั่น จากนั้นเดินตามทางน้อยข้ามไปยังเขตต้องห้ามของเทือกเขาอูกู่จากทางตะวันตกของเมืองอูกู่แล้วแอบข้ามไปยังโลกเผ่ามาร สถานที่ขายสินค้าก็คือเมืองปาต๋าของเผ่ามาร นั่นเป็นสถานที่รวมตัวและแยกย้ายที่สำคัญของคนสีเทา”
“ข้าทำเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรก ปกติเอาสินค้าอะไรไปขายจึงขายดีหน่อย?” จินเฟยเหยาซักถามอย่างละเอียด
เต๋อสี่เอียงศีรษะเริ่มนับ “หญ้าวิญญาณอายุหลายร้อยปี ทางที่ดียิ่งถือกำเนิดห่างไกลจากที่นี่ก็ยิ่งดี ยังมีพวกแร่และสิ่งของฟุ่มเฟือยที่ค่อนข้างขายดี คนเผ่ามารยอมจ่ายเงินก้อนโตซื้อตานสัตว์ปิศาจมากเป็นพิเศษ ถึงจะสามารถใช้ถุงเฉียนคุนบรรจุสิ่งของได้ แต่ข้าไม่แนะนำให้พกพาสิ่งของราคาถูกปริมาณมาก จะขายให้หมดเกลี้ยงต้องรั้งอยู่เป็นเวลานาน แต่ถ้าเจ้าไม่มีสินค้ามีค่า ก็บรรจุสิ่งของราคาถูกนิดหน่อยเป็นเงินทุนก่อนก็ได้”
“สิ่งของฟุ่มเฟือยคือสิ่งของใด? พวกเขาคงไม่ซื้อของเล่นที่ไม่มีค่าจำพวกคนขายเสียงเพลง หยก อัญมณี อาวุธอะไรหรอกนะ?” จินเฟยเหยารู้สึกสนใจสิ่งของฟุ่มเฟือย บางทีความคุ้นเคยของสองสถานที่แตกต่างกัน ไม่แน่ว่าขยะของทางนี้พวกเขาอาจจะถือเป็นสมบัติล้ำค่าก็ได้
เต๋อสี่หัวเราะเสียงดัง “เจ้ากลับคิดเพ้อฝันนัก เจ้าถือว่าตนเองเป็นคนค้าขายธรรมดาหรือ”
หลังจากฟังคำอธิบายอย่างละเอียดจากเขาที่เมาจนดวงตาหรี่ปรือ จินเฟยเหยาก็เข้าใจสินค้าขายดีชนิดนี้ขึ้นมาก
งานฝีมือของคนเผ่ามารธรรมดากลับย่ำแย่ ปกติอาวุธเวทและของวิเศษที่ผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามารใช้ล้วนทำจากวัตถุดิบชั้นยอด ฝีมือการทำกลับห่วยแตก รูปลักษณ์ภายนอกย่ำแย่ ผู้บำเพ็ญเซียนชั้นสูงอย่างจอมมารหลงยังดีหน่อย ผู้บำเพ็ญเซียนที่มีเงินทุนไม่มากสามารถนำอาวุธที่งดงามและน่ารักไปเล็กน้อย ขายให้กับบรรดาผู้บำเพ็ญเซียนสตรีเผ่ามารโดยเฉพาะ ขายออกได้รวดเร็ว และที่ขายดีที่สุดคือวัตถุดิบและหญ้าวิญญาณอายุร้อยปีขึ้นไป
หญ้าวิญญาณตัวนางเองยังมีไม่พอใช้ จึงไม่สามารถขายได้ ถ้าเป็นวัตถุดิบจินเฟยเหยากลับมีกองยุ่งเหยิงอยู่หนึ่งกองใหญ่ ฉวยโอกาสถามตอนเต๋อสี่เมามาย จินเฟยเหยาเริ่มนำขยะที่ตนเองไม่ต้องการออกมาถามราคาเขา
ถึงทั้งสองแห่งจะมีความแตกต่างกัน แต่คงไม่เห็นขยะเป็นของมีค่า สิ่งของที่จินเฟยเหยานำออกมาทั้งหมดไม่มีค่าสักแดงเดียว ให้ไปเปล่าๆ ยังรู้สึกว่ากินพื้นที่เลย
จินเฟยเหยาอับอายจนกลายเป็นโทสะ นี่มันเรื่องอะไรกัน หรือว่าสิ่งของมากมายที่ตนเองเก็บสะสมไว้คือขยะทั้งหมด? นางโยนสิ่งของสีขาวชิ้นใหญ่ออกมาโดยไม่ดูเลยสักนิดดังตุ้บ “สิ่งนี้ล่ะ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่มีสิ่งของมีค่าสักชิ้น”
เต๋อสี่ถูกขยะที่นางโยนออกมาทำเอาเหนื่อยหน่ายและตาลายแต่แรก เห็นนางโยนขยะออกมาอีก ก็ยกจอกสุราไม้ไผ่มองไปอย่างอัดอั้นตันใจ
“เอ๋?” เต๋อสี่พลันหายเมาไปกว่าครึ่ง มองสิ่งของที่ถูกจินเฟยเหยาโยนออกมาอย่างประหลาดใจ ทั้งยังขยี้ตา เกรงว่าตนเองจะดื่มสุรามากไปจนตาลาย
สิ่งที่โยนลงบนพื้นคือรูปปั้นสัตว์ปิศาจประมาณสิบกว่าจิน สิ่งที่ดึงดูดเขาย่อมไม่ใช่รูปลักษณ์ของรูปปั้น ทว่าเป็นคุณภาพวัสดุของรูปปั้น
เต๋อสี่ใช้มือลูบคลำ ทั้งยังพลิกดูอย่างละเอียด สุดท้ายจุปากเอ่ยอย่างแปลกใจ “เจ้าถึงกับมีหยกจินกังชิ้นใหญ่ขนาดนี้ แถมยังสร้างเป็นรูปปั้น นี่ต้องสิ้นเปลืองไปมากเพียงใด เศษที่ร่วงลงมาตอนสลักรูปปั้นยังถือว่ามีค่าเช่นเดียวกัน เจ้าคงไม่ได้โยนเศษทิ้งหรอกนะ?”
“นี่ข้าเก็บมาได้ เจ้าว่าลักษณะอย่างข้าเหมือนคนสลักรูปปั้นเป็นหรือ?” จินเฟยเหยาไหวไหล่
“เจ้าโชคดีจริงๆ เก็บของแบบนี้ได้ เจ้าเก็บได้ที่ใด? ข้าจะลองไปดูเผื่อจะเก็บเศษที่เหลือได้บ้าง” เต๋อสี่อิจฉาสุดๆ พลิกหยกจินกังชิ้นนี้ดูไม่หยุด ครู่หนึ่งก็เปื้อนดินเต็มมือ
วันนั้นจินเฟยเหยาโยนหยกจินกังใส่ถุงเฉียนคุนแล้วไม่ได้นำออกมาอีก ยังไม่ได้ทำความสะอาดดินออกไป ตอนนี้ถูกมือที่เปื้อนน้ำมันของเต๋อสี่ลูบซ้ายลูบขวา ดินแห้งจึงติดอยู่บนมือของเขา
เห็นเขาใช้เวทควบคุมน้ำล้างรูปปั้นหยกจินกังอย่างคึกคักราวกับเป็นสมบัติของตนเอง จินเฟยเหยาอดเอ่ยไม่ได้ว่า “บอกเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ต้องเอ่ยว่าสิ่งของถูกคนหยิบไปจนเกลี้ยงแล้ว ด้วยรูปโฉมในตอนนี้ของเจ้า ถึงไปก็รนหาที่ตาย แต่สิ่งของที่เรียกว่าหยกจินกัง มีราคาขนาดนั้นเลย นำไปโลกเผ่ามารสามารถแลกตานสัตว์ปิศาจท้องถิ่นได้มากเพียงใด?”
ยามนี้เต๋อสี่ล้างหยกจินกังจนสะอาดเอี่ยม เห็นหยกจินกังเป็นประกายวาววับก็เอ่ยโดยไม่ต้องคิด “นี่เป็นของดีที่ใช้หลอมสร้างของวิเศษ สามารถเพิ่มโอกาสการหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวของของวิเศษได้สำเร็จ ทว่ามีเพียงร่องน้ำภูเขาเทียนซานจึงมีหยกจินกังชนิดนี้ มีปริมาณไม่มาก มนุษย์และมารล้วนใช้สอย เพียงแต่เนื่องจากโลกเผ่ามารไม่ผลิตสิ่งนี้ ดังนั้นทางเผ่ามารจึงมีราคาสูงกว่าหน่อย”
“การหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันตอนหลอมจะมีปรากฏการณ์เกิดขึ้นมิใช่หรือ ยังจำเป็นต้องใส่สิ่งอื่นๆ เพิ่มอีก?” จินเฟยเหยาไม่เข้าใจอย่างยิ่ง ถึงนางจะเคยหลอมอาวุธจำนวนมากแต่กลับไม่เคยได้ยินว่าต้องเติมวัตถุดิบอะไรเพื่อช่วยให้หลอมเข้ากัน
ปู้จื้อโหยวมองสีหน้าไม่เข้าใจของนาง จึงยิ้มเอ่ยว่า “ของวิเศษและอาวุธเวทระดับล่างย่อมไม่จำเป็นต้องใส่เพิ่ม ทว่าเนื่องจากของวิเศษชั้นยอดและอาวุธเวทแก่นชีวิตต้องเพิ่มเติมวัตถุดิบชั้นยอดเข้าไปเป็นประจำจะมีสิ่งปนเปื้อนและการหลอมไม่เข้ากันเกิดขึ้น ในยามนั้นขอเพียงใส่หยกจินกังชิ้นเล็กๆ ลงไป ก็จะสามารถชำระสิ่งปนเปื้อนทิ้งและทำให้ของวิเศษหลอมรวมกันได้ตามธรรมชาติ”
“อ้อ วิเศษขนาดนั้นเชียว เช่นนั้นไม่ขายเก็บไว้ใช้เอง” จินเฟยเหยาคิดไม่ถึงว่ารูปปั้นที่ตนเองสุ่มเก็บได้จะเป็นวัตถุดิบที่ดีขนาดนี้ คาดว่าผู้บำเพ็ญเซียนที่ดุร้ายกลุ่มนั้น ต้องได้ของล้ำค่าไปมากมายแน่ เฮ้อ จินเฟยเหยาถอนหายใจ ถ้าตอนนั้นมีเวลา นางคิดจะขุดพื้นกระเบื้องทั้งหมดไปจริงๆ
ทันใดนั้นจินเฟยเหยาก็เห็นปู้จื้อโหยวมองตนเองด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย รู้ทันทีว่าเขามีแผนการร้าย จึงอดกลอกตาใส่เขาไม่ได้ “มองอะไร คิดจะเอาเปรียบอะไรอีกล่ะ!”
ปู้จื้อโหยวชี้หยกจินกังแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มแฉ่ง “เจ้ายังมีหน้ามาพูด ตอนแบ่งสิ่งของเท่าๆ กัน เจ้าไม่ได้หยิบมันออกมา ทำตามที่ตกลงกันไว้ตอนนั้น แบ่งคนละครึ่ง ข้าจะหาอะไรมาผ่ามัน”
เห็นเขาถกแขนเสื้อ เช็ดมือสองข้างที่เต็มไปด้วยน้ำมันบนพื้นหญ้า คิดจะถือมีดมาแบ่งหยกจินกัง จินเฟยเหยากระโดดมาขวางเบื้องหน้าเขา ใช้สองมือเท้าสะเอว เอ่ยเสียงเกรี้ยว “อย่ามาเล่นลูกไม้หน่อยเลย ข้ายังไม่ได้แบ่งสิ่งของที่เจ้าได้มา ให้หมอนอิงผุๆ ข้าใบเดียว หยกจินกังชิ้นนี้เจ้าไม่มีเอี่ยว”
“หมอนผุๆ อะไรกัน! นั่นเป็นสิ่งที่ทำจากผ้าไหมเทียนจี๋เชียวนะ เจ้าจะไปหาของดีๆ แบบนี้จากที่ไหนได้ จริงๆ เล้ย ได้เปรียบแล้วยังแสร้งทำเป็นผู้บริสุทธิ๋” ปู้จื้อโหยวไม่ยินยอม ตะโกนเสียงดังเอะอะ
“หึหึหึ” จินเฟยเหยาเท้าสะเอวหัวเราะเสียงเย็น จากนั้นเอ่ยอย่างช้าๆ “พี่ปู้ ข้าว่าเจ้าคงลืมคำพูดตอนเจ้าดื่มมากเกินไปเมื่อครู่แล้ว”
“ข้าพูดว่าอะไร!”
“เจ้าบอกว่าผ้าไหมเทียนจี๋ถ้าทอเป็นผ้า คิดจะหลอมทำชุดอาคม อย่างน้อยต้องมีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นแปลงจิตจึงทำได้ ต้องใช้ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ย่างกลับไปกลับมาไม่หยุดถึงเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าวันจึงสามารถหลอมขึ้นรูปได้ เจ้าจะให้ผู้บำเพ็ญเซียนตัวเล็กๆ ที่เพิ่งขั้นสร้างฐานช่วงกลางอย่างข้าหลอมมันอย่างไร ดังนั้นเจ้าจึงไม่ต้องการ รู้สึกว่าการขายเปลี่ยนมือสิ่งของเช่นนี้ยุ่งยากเกินไป มีราคาแต่ไม่มีตลาดขาย สู้ยาและวัตถุดิบที่เรียบง่ายกว่าไม่ได้” จินเฟยเหยาเท้าสะเอวเชิดหน้า พูดจนปู้จื้อโหยวพูดอะไรไม่ออก แค้นตนเองว่าทำไมดื่มเยอะแล้วต้องพูดเหลวไหลด้วย
ในยามนี้เอง เต๋อสี่ที่พลิกดูหยกจินกังอยู่ด้านข้างก็เอ่ยอย่างผิดหวังออกมา “พวกเจ้าสองคนทะเลาะอะไรกัน บนหยกจินกังชิ้นนี้มีสัญลักษณ์ของจอมมารหลง พวกเจ้าเอาไปขายที่โลกเผ่ามาร เพิ่งหยิบออกมาก็ถูกคนอัดตาย ก่อนหน้านี้ตอนเขาหายสาบสูญสถานการณ์ยังดีหน่อย ตอนนี้เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง คนเผ่ามารเหล่านี้ก็เปลี่ยนเป็นสาวกผู้บ้าคลั่งอีก ขายสิ่งของที่มีสัญลักษณ์ของเขาไม่ได้”
หลังเอ่ยจบ เขาก็ส่งเสียงถุยอย่างเดือดดาลอีกแล้วเอ่ยด่าทอ “ไอ้สารเลวคนใดนะที่ปล่อยเขาออกมา คนเผ่ามารจำนวนมากแล่นไปกราบคารวะเขาถึงภูเขาวั่นซั่น ทำให้การค้าหดหายไปไม่น้อย ตอนนี้ได้ของดีๆ มาก็ขายไม่ได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะไอ้สารเลวคนนั้นทำร้ายแท้ๆ” จินเฟยเหยาเหล่มองเขา ไม่ส่งเสียงอยู่นาน
ส่วนปู้จื้อโหยวแอบหัวเราะกับตนเอง ไม่ได้คิดจะบอกว่าไอ้สารเลวคนนั้นคือใคร
“พวกเจ้าสองคนหัวเราะอะไรกัน มีอะไรน่าขำ ทำการค้าดีๆ ไม่ได้ ยังหัวเราะออก” เขากอดหยกจินกัง เสียดายราวกับเป็นสิ่งของของตนเอง
จินเฟยเหยาสูดลมหายใจลึกๆ จากนั้นเดินไปหาอย่างมีโทสะ ใช้มือแย่งหยกจินกังมา ถลึงตาใส่เต๋อสี่อย่างดุร้าย
“ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่คืนให้เจ้าเสียหน่อย ไม่จำเป็นต้องดุร้ายขนาดนี้ก็ได้” เต๋อสี่มองจินเฟยเหยาอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม รู้สึกว่าตนเองถูกใส่ความ
ทว่าในยามนี้ จินเฟยเหยาวางรูปปั้นหยกจินกังบนพื้น กำหมัดต่อยลงไปหลายหมัด ได้ยินเสียงดังตุ้บ หยกจินกังทั้งก้อนแตกเป็นชิ้นเล็กๆ เจ็ดแปดชิ้น
จินเฟยเหยาหยิบชิ้นขนาดเท่ากำปั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่งโยนให้เต๋อสี่ที่จ้องมองอย่างอึ้งๆ และอีกชิ้นหนึ่งใหญ่หน่อยโยนให้ปู้จื้อโหยว จากนั้นนางก็หยิบหยกจินกังที่เหลือใส่ถุงเฉียนคุนทั้งหมด เศษเล็กๆ ที่เหลือบนพื้นก็ถูกนางใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อไว้
หลังลุกขึ้นยืน จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างกระหยิ่ม “ต่อยแตกเป็นชิ้นเล็กๆ แบบนี้ ยังจะมีใครเห็นสัญลักษณ์ของจอมมารหลงว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร”
“เพราะเหตุใดเจ้าจึงแบ่งให้ข้าชิ้นหนึ่ง?” เต๋อสี่ถือหยกจินกังในมืออย่างไม่เข้าใจ ใจกว้างเกินไปหน่อยแล้ว ต่อให้ก่อนหน้านี้ไม่รู้ราคาของหยกจินกัง เมื่อครู่ก็น่าจะได้ฟังคำอธิบายของข้าแล้ว เหตุใดยังใจกว้างขนาดนี้อีก?
ปู้จื้อโหยวเองก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน คำพูดของเขาเมื่อครู่ล้อเล่นเสียแปดส่วน มีเพียงสองส่วนที่เอาจริง คิดไม่ถึงว่าจะได้หยกจินกังชิ้นใหญ่จริงๆ
จินเฟยเหยากลับทำปากยื่นเอ่ยว่า “เห็นท่าทางเจ้าชอบจนตัดใจปล่อยมือไม่ได้ ถ้าไม่แบ่งให้เจ้าสักนิด ถ้าเมื่อไรเจ้ายั้งใจตนเองไม่อยู่ เกิดจิตคิดร้ายขึ้นมากะทันหันจะทำอย่างไร ไปถึงโลกเผ่ามารข้าไม่รู้จักสภาพแวดล้อมเลยสักนิด ติดกับเจ้ายังไม่รู้ตัว มิสู้แบ่งให้คนละหน่อย เจ้าจะได้รู้สึกขอบคุณข้า แต่ถ้าเจ้ารู้สึกว่าน้อยไป เกิดละโมบขึ้นมาข้าก็ไม่มีทางเลือก ถึงตอนนั้นได้แต่ให้ทุกคนเห็นเลือด”
ฟังคำพูดของนาง ปู้จื้อโหยวและเต๋อสี่นิ่งอึ้ง จากนั้นจึงเอ่ยอย่างจนใจยิ่ง “เจ้าตรงเกินไปแล้ว มีนิสัยซื่อตรงเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่มีคนที่รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาเหมือนเจ้า อ้อมค้อมหน่อยได้หรือไม่”