คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 195 ข้าไม่มีปรากฏการณ์ประหลาด
มองดูอย่างละเอียด จินเฟยเหยาจึงสังเกตเห็นว่าด้านหลังร่างมารดำยังมีคนอีกผู้หนึ่ง เส้นผมสีดำอันคุ้นเคย ริมฝีปากที่ปิดสนิท และสีหน้าซีดขาวนิดๆ ถ้าไม่ใช่จอมมารหลงแล้วจะเป็นใคร เห็นร่างของเขาราวกับได้รับบาดเจ็บ กำลังมองนางด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
จินเฟยเหยาตะลึงงันไปหลายอึดใจ ทันใดนั้นก็หมุนตัวหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
มารดำและมังกรยักษ์ไม่ได้ไล่ตามนางมา ฝุ่นธุลีเล็กๆ แบบนี้ไม่น่าสนใจมองดูเลยสักนิด จอมมารหลงเพียงแค่มองทิศทางที่นางหลบหนีไป แล้วเพ่งความสนใจมาที่ร่างมังกรยักษ์เบื้องหน้า
เมื่อครู่มีปรากฏการณ์เจี๋ยตันบนท้องฟ้าเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ช่วยเหลือจอมมารหลงได้มาก คิดไม่ถึงว่าจะทำร้ายมังกรชางหวงอวี้เบื้องหน้าให้บาดเจ็บสาหัส อีกนิดเดียวก็จะติดกับของมันแล้ว
ในยามนี้เอง ไกลออกไปเงาร่างสีฟ้าดำดวงหนึ่งเร่งรุดมาอย่างรีบร้อน คิดไม่ถึงว่าจินเฟยเหยาจะวิ่งกลับมา เห็นนางพุ่งเข้าใส่ด้านหลังของจอมมารหลง โยนของวิเศษออกมาอย่างรวดเร็ว กางม่านแสง พริบตาก็ปกป้องตนเองอย่างแน่นหนา
ในขณะที่จอมมารหลงไม่เข้าใจว่านางกลับมาได้อย่างไร ก็เห็นไกลๆ มีเงาสีดำกลุ่มหนึ่งพุ่งมาหา ที่แท้เป็นมังกรหมอกขั้นห้ากลุ่มหนึ่ง มังกรหมอกกำลังไล่ตามจินเฟยเหยามาอย่างชั่วช้าสามานย์สุดขีด เห็นมังกรชางหวงอวี้และมารดำลอยอยู่เบื้องหน้า ทั้งหมดก็หยุดลงและสะบัดหน้าหนีไปหมดโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
จินเฟยเหยาที่ยืนอยู่ห่างจากด้านหลังจอมมารหลงประมาณสิบจั้งยังหวาดกลัวไม่หาย เจ้าหมอนี่อันตรายมาก อยู่ห่างไว้หน่อยดีกว่า
จินเฟยเหยาไม่รู้เลยว่าตนเองอยู่ที่ใด หลังจากหลบหนีออกไปรอบด้านก็เป็นโลกสีเทาขมุกขมัวผืนหนึ่ง
มองไม่เห็นท้องนภาและไม่มีแผ่นดิน แยกแยะทิศตะวันออกตะวันตกเหนือใต้และบนล่างไม่ออก อีกทั้งหนีไปไม่ไกล ในสีเทาขมุกขมัวพลันปรากฏมังกรหมอกขั้นห้าจำนวนสิบกว่าตัว ถึงแม้จินเฟยเหยาจะบรรลุขั้นหลอมรวมแล้ว ทว่ามังกรหมอกขั้นห้ามากมายปานนี้นางรับมือไม่ไหวจริงๆ
อีกทั้งเวลานี้ นางยังมองเห็นเงาร่างของสัตว์ปิศาจปรากฏขึ้นเบื้องหน้าได้ไกลๆ ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงพุ่งตัวกลับมาโดยไม่คิดเลยสักนิด เวลานี้ไม่มีที่ใดปลอดภัยไปกว่าด้านหลังของจอมมารหลง
หลังจากจินเฟยเหยาเจี๋ยตัน ไม่ใช้ของวิเศษก็สามารถลอยอยู่กลางอากาศได้ พอจอมมารหลงเบื้องหน้าขยับร่าง นางก็รีบขยับตามไปอยู่ด้านหลังในที่เดียวกัน ราวกับลูกไก่ตามหลังแม่ไก่ ถึงอย่างไรก็ต้องหลบอยู่ด้านหลังจอมมารหลง
“อย่าวกไปวนมาอยู่ด้านหลังข้า มาด้านหน้า” ดูเหมือนจอมมารหลงจะหงุดหงิดจึงเอ่ยอย่างหมดความอดทน
จินเฟยเหยาส่ายศีรษะอย่างแรงอยู่ด้านหลัง “ไม่เอา ด้านหน้าอันตรายเกินไป พวกเจ้าขั้นแปลงจิตต่อสู้กัน ข้าดูอยู่ด้านหลังก็พอ เจ้าไม่ต้องเกรงใจถือเสียว่าข้าไม่อยู่”
“ไม่ต้องพูดจาเหลวไหล มาข้างหน้าเร็ว ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าไม่อยู่จริงๆ” จอมมารหลงตวาด
“จริงๆ เลย ไร้มนุษยธรรม” จินเฟยเหยาเหาะมาข้างหน้าอย่างไม่ยินยอม ยืนอยู่ด้านซ้ายของจอมมารหลง
ทว่าสิ่งที่คาดไม่ถึงคือ จอมมารหลงกลับชี้ไปข้างหน้าพลางเอ่ย “เจ้ายืนอยู่ด้านหน้าข้า”
จินเฟยเหยาไม่เอาแล้ว ตะโกนขึ้นอย่างไม่พอใจ “ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้! คิดไม่ถึงว่าจะใช้ข้าเป็นโล่ เจ้าไม่ดูหน่อยล่ะว่าเบื้องหน้าคือตัวอะไร ถ้าเป็นสัตว์ธรรมดาคงกลายร่างเป็นคนได้นานแล้ว ให้ข้ายืนอยู่ข้างหน้ามิสู้บอกให้ข้าไปหาที่ตายตรงๆ เลยดีกว่า”
“เจ้าจะให้ตายพร้อมกันทั้งสองคนหรือ? ถ้าข้าไม่รอด เจ้าก็อย่าคิดจะรอดเลย” จอมมารหลงมองนางด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยถามอย่างเยียบเย็น
จินเฟยเหยารู้สึกตลอดร่างหนาวเยือก ได้แต่เคลื่อนไปข้างหน้า ขยับไปพลางบ่นพึมพำ “ทำไมชีวิตข้าถึงรันทดขนาดนี้ เพิ่งออกจากนรกก็ร่วงลงในปากพยัคฆ์ทันที ข้าขั้นหลอมรวมแล้วนะ ยังถูกคนบีบให้ทำเรื่องเสี่ยงอันตรายอีก ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมคนอื่นๆ คงบุกเบิกภูเขาตั้งสำนักไปนานแล้ว ทุกวันได้รับการคุกเข่ากราบไหว้จากศิษย์มีอำนาจอิทธิพลอย่างยิ่ง ชาติที่แล้วข้าทำชั่วอะไรไว้กันแน่ ชาตินี้จึงทำให้ข้าโชคร้ายขนาดนี้!”
“เจ้าบังอยู่ข้างหน้าให้ดีๆ ถ้ามันโจมตีมา เจ้าก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดต้านทาน ที่เหลือมอบให้ข้าจัดการ พูดไร้สาระให้น้อยๆ หน่อย” จอมมารหลงกำชับ ไอมารทะลักออกมาทั่วร่าง พอร่างของมารดำเบื้องหน้าขยับ หอกวิญญาณมารดำในมือก็กระพริบแสงสีดำ ใช้อานุภาพกดดันแทงมังกรชางหวงอวี้
มังกรชางหวงอวี้เพิ่งคิดจะเคลื่อนไหว ร่างกายพลันแข็งค้าง จินเฟยเหยาจึงสังเกตเห็นว่าส่วนท้องของมันมีบาดแผลขนาดใหญ่เลือดหยดติ๋งๆ ยาวเกือบสิบจั้ง อีกทั้งลักษณะของบาดแผลราวกับถูกตัวอะไรกัด แต่ปากใหญ่ขนาดนั้น มิตัวใหญ่กว่าเศียรมังกรชางหวงอวี้หรือ
จินเฟยเหยาเงยหน้าขึ้นมองมารดำรูปร่างสูงใหญ่เบื้องหน้า อดตื่นตะลึงและทอดถอนใจไม่ได้ “ผู้อาวุโส สัตว์ภูติของท่านเป็นตัวอะไรกันแน่ คิดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจ กัดมังกรตัวนั้นจนกลายเป็นเช่นนี้ ดูแล้วลักษณะเหมือนร่างมนุษย์ คิดไม่ถึงว่าปากจะใหญ่ปานนี้!”
ระหว่างที่พูดคุย มารดำก็เริ่มโจมตีมังกรชางหวงอวี้ หอกวิญญาณมารดำในมือใช้กระบวนท่าที่ทำให้ดวงตาพร่าพราย ทิ่มแทงมังกรชางหวงอวี้หอกแล้วหอกเล่า
มังกรชางหวงอวี้ต้านทานอย่างสุดกำลัง ทว่าบาดแผลตรงส่วนท้องใหญ่เกินไป โลหิตมังกรสีขาวน้ำนมไหลทะลักออกมาจากบาดแผลไม่หยุด กลิ่นโลหิตมังกรดึงดูดสัตว์ปิศาจจำนวนมาก ครู่หนึ่งรอบด้านก็มีมังกรหมอกมารวมตัวกัน พวกมันแหวกว่ายไปรอบด้านอย่างระแวดระวังและจ้องมองมังกรชางหวงอวี้ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างตะกละตะกลาม
“กัดมัน! กัดมัน! รีบกัดมันเร็ว!” จินเฟยเหยาให้ทงเทียนหรูอี้กลายเป็นโล่ขนาดใหญ่สองชิ้นอย่างตึงเครียด ตั้งป้องกันอยู่เบื้องหน้า จากนั้นตะโกนเสียงดังอยู่ด้านหลัง
จอมมารหลงทนไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงด่าทอใส่เงาหลังนางที่กระโดดไปกระโดดมาอย่างมีโทสะ “กัดบ้าอะไร! รูนั่นคือปรากฏการณ์เจี๋ยตันประหลาดของเจ้ากัดเอา!”
“ท่านเห็นว่าข้าโง่หรือ ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าของการเจี๋ยตันล้วนเป็นเสียงนกร้องและกลิ่นหอมของดอกไม้ ต่อให้เป็นปรากฏการณ์ประหลาดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกัดคน ไม่เคยได้ยินว่ามีปรากฏการณ์ประหลาดที่สามารถกัดสัตว์ปิศาจตัวใหญ่เป็นแผลแบบนี้ได้” จินเฟยเหยากลอกตาใส่เขา ไม่เชื่อคำพูดของเขาเลยสักนิด
จอมมารหลงคร้านจะเปลืองคำพูดกับนาง เพียงแต่เอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าเพียงแค่เตือนเจ้า อย่าร้องตะโกนวุ่นวายแล้วกระโดดไปกระโดดมาต่อหน้าข้า มันส่งผลกระทบต่อการมองเห็น เดี๋ยวแทงเจ้าตายในหอกเดียว”
“เชอะ” จินเฟยเหยาหุบปาก รู้สึกว่าตนเองโชคร้ายจริงๆ รู้แต่แรกรออีกหนึ่งปีค่อยเจี๋ยตันเสียก็ดี
มังกรชางหวงอวี้ลากบาดแผลส่วนท้อง ภายใต้การโจมตีของมารดำ ในใจเกิดความคิดล่าถอยแล้ว ทว่าจอมมารหลงยังต้องการตานสัตว์ปิศาจของมันไปรักษาบาดแผลและฟื้นฟูพลังการบำเพ็ญเพียร ไม่เช่นนั้นคงไม่เสี่ยงอันตรายมาสังหารมังกรชางหวงอวี้ ตอนนี้จะปล่อยให้มันหนีไปได้อย่างไร
“ทะเลเพลิงนรก!” จอมมารหลงพลันยื่นมือออกมา ใช้ไฟนรกกับมังกรชางหวงอวี้
นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาใช้เวทมนตร์ในเคล็ดวิชาฟ้าดินดับสูญ จินเฟยเหยาอดแอบมองดูไม่ได้ นี่คือเวทมนตร์ที่สามารถใช้ได้หลังจากขั้นกำเนิดใหม่ ต่อให้ใช้ไม่ได้ ดูไว้ล่วงหน้าก่อนก็ดี
นางเห็นเพียงไอมารสีดำกลุ่มหนึ่งหมุนวนบนมือของจอมมารหลง จากนั้นพอหันไปดูอีกที ก็เห็นใต้ร่างของมังกรชางหวงอวี้พลันปรากฏความมืดมิดผืนหนึ่ง ในความมืดมิดมีมือสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนยื่นออกมา มือสีดำทะลุร่างของมันอย่างง่ายดาย ฉากนี้น่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง ราวกับมีหนอนสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนชอนไชเข้าไปในนั้นก็มิปาน ทำให้คนรู้สึกไม่สบายไปทั่วร่าง
“เพราะเหตุใดไฟนรกช่วงท้าย ดูแล้วไม่เหมือนช่วงต้นเลย ไม่มีสิ่งที่ดูเหมือนไฟเลยสักนิด” จินเฟยเหยาพึมพำเบาๆ ไม่รู้ว่าหลังเจี๋ยตันแล้วเจ็ดวิญญาณรวมจิตที่สามารถเรียนได้พอใช้ออกมาจะมีพลังพิเศษเช่นไร
มือสีดำเหล่านี้ไม่รู้ว่าคว้าโดนสิ่งใด เริ่มค่อยๆ ลากออกมาข้างนอก ส่วนมังกรชางหวงอวี้กำลังร่ำร้องอย่างทุกข์ทรมาน คิดจะดิ้นรนออกจากการโจมตีของทะเลเพลิงนรก
“นิ่งอึ้งทำไม รีบคุ้มกันสิ!” ในขณะที่ความสนใจของจินเฟยเหยาเพ่งไปยังมังกรชางหวงอวี้ จอมมารหลงทางด้านหลังก็ตวาดอย่างเย็นชา
จินเฟยเหยารีบหันมาก็เห็นมังกรหมอกตัวหนึ่งพุ่งปราดมาจากด้านหลัง อ้าปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวอันแหลมคม คิดจะลอบโจมตีจอมมารหลงที่กำลังควบคุมไฟนรกและมารดำอย่างสุดกำลัง
“ไป!” จินเฟยเหยาสะบัดมือ โล่ทงเทียนหรูอี้ชิ้นหนึ่งพุ่งไปสกัดทางด้านหลังของจอมมารหลงทันที
มังกรหมอกใช้หัวกระแทกโล่ จินเฟยเหยาฉวยโอกาสนี้ล้วงพั่งจื่อที่ซ่อนอยู่ในอกออกมาแล้วเหวี่ยงไปใส่มังกรหมอก “ท่าไม้ตาย!”
พั่งจื่อที่เพิ่งมีพลังการบำเพ็ญเพียรขั้นสี่ถูกบีบให้ทำเรื่องที่ความสามารถไม่ถึง หลังจากพลิกตัวขยายร่างใหญ่ก็ร่วงลงด้านหลังจอมมารหลง ขาหน้าสองข้างคว้ามังกรหมอกแล้วอ้าปากกัดมันจากนั้นก็เคี้ยว
ถึงแม้มังกรหมอกจะมีขนาดไม่ใหญ่เท่ามังกรชางหวงอวี้ แต่ก็มีขนาดไม่เล็กนักยาวประมาณสิบกว่าจั้ง ทว่าก็ถูกพั่งจื่อที่เปลี่ยนร่างให้ใหญ่ขึ้นเคี้ยวกินจนหมดทั้งหนังทั้งกระดูก
“พั่งจื่อ ด้านนี้พุ่งมาอีกตัวแล้ว!” ทางซ้ายมีมังกรหมอกพุ่งมาอีกตัว จินเฟยเหยาไม่กล้าไปจากเบื้องหน้าของจอมมารหลง รีบเคลื่อนโล่ทงเทียนหรูอี้อีกชิ้นขึ้นต้านรับจากนั้นตะโกนเสียงดังบอกพั่งจื่อ
พั่งจื่อลูบท้อง พลันพบว่ามังกรหมอกขั้นห้าจัดการได้ง่ายดายยิ่ง ไม่ร้ายกาจอะไรสักนิด ความเชื่อมั่นของมันเพิ่มขึ้นมาก จึงกระโดดยื่นขาหน้าไปจับมังกรหมอกอีก
มังกรหมอกตัวนี้เห็นท่าทางไม่ดี หมุนตัวคิดจะหลบหนี กลับถูกพั่งจื่อใช้ลิ้นแปะติดไว้และถูกมันลากกลับมา พอคว้าได้ก็กัดเคี้ยว ถูกพั่งจื่อกินจนหมดราวกับลมแรงกวาดม้วนเศษเมฆ พั่งจื่อกินเสร็จยังไม่หนำใจ เริ่มดีดลิ้นออกไปคว้ามังกรหมอกที่เหาะไปมารอบด้านราวกับสายฟ้าแลบ ทำให้มังกรหมอกหวาดกลัวจนต้องหลบหลีกไปทั่ว แต่เนื่องจากตัดใจจากกลิ่นโลหิตของมังกรชางหวงอวี้ไม่ได้ จึงเหาะไปมาอยู่รอบๆ ไม่ยอมจากไป ทำให้พั่งจื่อจับได้หลายตัว
เสียงร้องของมังกรชางหวงอวี้ยิ่งดังขึ้นทุกที ปากของมันพ่นบอลแสงออกมาทีละดวง โจมตีไปรอบด้านอย่างสะเปะสะปะ มังกรหมอกจำนวนมากถูกมังกรชางหวงอวี้โจมตีร่วง และถูกพั่งจื่อได้ประโยชน์ไป บอลแสงเหล่านี้มีจำนวนมากที่โจมตีมาทางจอมมารหลง ทั้งหมดถูกจินเฟยเหยาใช้ทงเทียนหรูอี้สกัดไว้ แต่ละครั้งทำให้นางสั่นสะเทือนจนต้องล่าถอยไปหลายจั้ง หากมิใช่เพิ่งบรรลุขั้นหลอมรวมเกรงว่าเพียงถอนหายใจทีเดียวนางคงถูกอัดปลิวออกไป
นี่ยังเป็นเพียงมังกรชางหวงอวี้หลังได้รับบาดเจ็บหนักจึงโจมตีอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้ามันไม่ได้รับบาดเจ็บแล้วโจมตีอย่างจริงจัง จินเฟยเหยาคิดว่าตนเองจะต้านรับได้สักกระบวนท่าหนึ่งหรือไม่ยังเป็นปัญหา หลังจากเลื่อนขั้นก็พบสัตว์ปิศาจขั้นสูงแบบนี้ทันที ทำให้จินเฟยเหยาเกิดความรู้สึกว่าตนเองไม่ใช่ขั้นหลอมรวมจริงๆ ทว่าร่วงกลับไปขั้นฝึกปราณ
ในเวลานี้ มือสีดำในทะเลเพลิงนรกลากสิ่งของที่เต็มไปด้วยแสงรัศมีออกมาจากร่างมังกรชางหวงอวี้ พอจินเฟยเหยามองดูอย่างละเอียด คิดไม่ถึงว่าจะเป็นวิญญาณมังกรของมังกรชางหวงอวี้!
เห็นวิญญาณมังกรถูกลากออกมาจากร่างมังกรชางหวงอวี้ครึ่งหนึ่ง ปฏิกิริยาแรกของนางคือ ถ้าเอาวิญญาณมังกรเหล่านี้ไปไว้ในวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจ ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่หรือขั้นแปลงจิต ก็ไม่อาจทำลายวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจได้ง่ายๆ วงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจ ในที่สุดก็สามารถแสดงความสามารถที่แท้จริงได้
……………………………….