คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 231 ไถเงิน
เผชิญหน้ากับการติเตียนของหลู่หงกวง จินเฟยเหยาก้มหน้าลงอย่างขลาดกลัว เอ่ยเสียงเบาว่า “ศิษย์พี่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะทำตามเจตนาของท่าน”
“ฮึ รู้ก็ดี ตอนนี้พาพวกเราไปดูด้านล่างก่อนแล้วเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบรอบหนึ่ง” หลู่หงกวงไพล่สองมือไว้ด้านหลัง เชิดหน้าขึ้นเอ่ยอย่างกระหยิ่ม
“ได้” จินเฟยเหยาตอบรับแล้ววิ่งออกมา นำพวกเขามาถึงข้างหลุมจากนั้นตะโกนบอกอวี้จู “อวี้จู! มานี่หน่อย”
ตอนนี้อวี้จูได้ยินคำพูดของจินเฟยเหยาแล้ว พอนางได้ยินเสียงตะโกนก็รีบวิ่งมา “ผู้อาวุโสจิน ท่านเรียกข้าหรือ?” พอเห็นหลู่หงกวงของตำหนักเซียวเทียนอยู่ด้วยก็รีบคารวะเขา
จินเฟยเหยาชี้หลู่หงกวงและผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมของแต่ละสำนักอย่างน้อยยี่สิบคนด้านหลังเขา พลางกล่าวกับอวี้จู “เจ้าพาผู้อาวุโสทุกท่านลงไปดูแล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ข้ายังต้องจัดการกับผู้บำเพ็ญเซียนสตรีเหล่านี้ เจ้าพาไปก่อน”
“อ้อ” อวี้จูตอบรับอย่างสงสัยอยู่บ้าง นำผู้บำเพ็ญเซียนที่มีสีหน้าเคร่งขรึมเหล่านี้เหาะลงไปในหลุมอย่างสุภาพ
หลังจินเฟยเหยาเห็นพวกเขาลงไปหมดแล้วก็หมุนตัวกลับหอเฟยฮวา และเอ่ยกับบรรดาผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานที่มารับคนว่า “ทุกท่าน ขอโทษด้วยจริงๆ เมื่อครู่พวกเจ้าคงได้ยินคำพูดของศิษย์พี่ข้าแล้ว ข้าได้แต่..เฮ้อ”
ทุกคนต่างได้ยินคำสนทนาเมื่อครู่ นี่คือเตรียมมอบของขวัญที่เก็บไปออกมา แต่เพราะเหตุใดท่าทางของนางจึงดูเหมือนไม่ถูกต้อง นางไม่ได้จะคืนสิ่งของให้พวกเขาทั้งยังดูเหมือนจะขึ้นราคาด้วย
จินเฟยเหยาถูมือ เอ่ยอย่างไม่ยินยอม “รบกวนทุกท่านแล้ว ตอนนี้ข้าไม่อยากรับสิ่งของตอบแทนของทุกคนก็จนปัญญา ตำแหน่งสูงกว่าหนึ่งขั้นกดทับคนตาย[1] ขอโทษทุกคนด้วย ข้าได้แต่ทำหน้าหนาบอกว่า ศิลาวิญญาณชั้นกลางยี่สิบก้อนต่อคน สามารถใช้หญ้าวิญญาณหรือตานสัตว์ปิศาจแทนได้ ขอโทษด้วย”
“หา?” ทุกคนฮือฮา ไม่เพียงไม่คืนสิ่งของคิดไม่ถึงว่าจะขึ้นราคาด้วย
“ข้าไม่มีทางเลือก พวกเจ้าก็ได้ยินคำพูดของศิษย์พี่ข้า สิ่งของที่พวกเจ้ายอมมอบให้ข้าเป็นสิ่งของตอบแทนข้า แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วต้องเอาเข้าคลังส่วนรวม ทุกคนต่างก็อยู่ในสำนักคาดว่าคงรู้หลักเหตุผลในนั้นดี ข้าคงไม่ต้องอธิบายมาก ขอให้ทุกคนเห็นใจอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย” จินเฟยเหยามองทุกคนเหมือนมีเรื่องในใจด้วยสีหน้ากังวล
นี่…นี่คือพูดอย่างหนึ่งทำอีกอย่างหนึ่ง! วุ่นวายอยู่นาน คือเบื้องบนคิดจะนำสิ่งของของนางไป ดังนั้นเมื่อครู่จึงหาข้ออ้างพูดแบบนั้น
ทุกคนหมดวาจาทันที ถึงแม้แต่ละสำนักล้วนมีคนประเภทใช้อำนาจหาผลประโยชน์ส่วนตัว ทว่าปกติล้วนแอบๆ ทำ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าคนมากมาย ไม่เสียทีที่เป็นคนของสำนักตงอวี้หวง ไม่กลัวถูกคนอื่นพูดลับหลังเลยสักนิด
“ผู้อาวุโสอย่าทำแบบนี้ พวกเราเข้าใจ ทุกคนล้วนไม่เป็นตัวของตัวเอง ถ้าพวกเขามีความสามารถจริงๆ ศิษย์พี่ศิษย์น้องเหล่านี้คงถูกช่วยออกมานานแล้วจะลากถ่วงเวลามานานขนาดนี้ได้อย่างไร ผู้อาวุโสช่วยทุกคนไว้ พวกเราจะทำให้ท่านลำบากใจได้อย่างไร นี่เป็นส่วนที่ข้าออกให้ศิษย์น้อง” หลังเงียบงันไปครู่หนึ่ง ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานเหล่านี้ก็เริ่มล้วงถุงเฉียนคุน ศิลาวิญญาณยี่สิบก้อนไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย ทุกคนได้แต่ใช้หญ้าวิญญาณหรือตานสัตว์ปิศาจมาแลกเปลี่ยน ทั้งยังมีบางคนรวบรวมวัตถุดิบออกมาให้จินเฟยเหยา
“ขอบคุณทุกคน” จินเฟยเหยาเอ่ยขอบคุณทุกคนอย่างซาบซึ้ง เดิมทีผู้อื่นขอบคุณนาง ตอนนี้กลับกลายเป็นนางขอบคุณผู้อื่น
เป็นถึงผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมคิดไม่ถึงว่าจะทำตัวต่ำต้อยเช่นนี้ ท่าทางเบื้องหลังของสำนักตงอวี้หวงจะซับซ้อนอย่างยิ่ง ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานของแต่ละสำนักมองจินเฟยเหยาแล้วได้แต่เจ็บใจและทอดถอนใจ ส่วนผู้บำเพ็ญเซียนสตรีเหล่านั้นไม่มีความเห็นใดๆ ต่อจินเฟยเหยา ได้แต่ก้มหน้าบอกเล่าความขมขื่นที่ตนเองได้รับมาหลายปีกับบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้อง เทอ่างอุจจาระ[2]บนตัวราชครูเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ครั้งนี้มอบของขวัญให้อย่างรวดเร็ว ครู่หนึ่งจินเฟยเหยาก็เก็บสิ่งของทั้งหมดจากนั้นโบกไม้โบกมือให้ทุกคน “ข้าไปก่อนละ เรื่องถัดไปมอบให้ศิษย์พี่จัดการ แล้วพบกันใหม่นะทุกคน”
จากนั้นไม่รอให้ทุกคนเอ่ยอะไร นางก็เหยียบพรมบินนำพั่งจื่อและต้านิวแหวกอากาศไป
คงจู๋อู๋พาศิษย์ปะปนอยู่ในกลุ่มคนพลางมองดูนาง เห็นนางสะบัดก้นจากไปเช่นนี้ทุกคนก็เหงื่อตก อีกสักครู่รอหลู่หงกวงกลับมา ถ้ารู้ว่าจินเฟยเหยาอ้างคำพูดของเขารับสิ่งของไปมากมาย ไม่รู้ว่าจะมีโทสะจนเป็นเช่นไร
“อาจารย์ พวกเราจะทำอย่างไรดี? จะกลับไปก่อนหลู่หงกวงกลับมาหรือไม่” เฟิงอวิ๋นจู๋ยืนอยู่ข้างกายคงจู๋อู๋ เห็นจินเฟยเหยาหนีไปจึงเอียงศีรษะมาเอ่ยถาม
คงจู๋อู๋เอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดี “ถ้าพวกเราไปแล้ว อุจจาระอ่างนี้มิเทลงบนศีรษะของตำหนักซวีชิงหรือ ตอนนี้ย่อมต้องแอบปะปนในกลุ่มคนที่ลงไปในหลุม จะให้คนพบเห็นว่าพวกเราไม่ได้ตามลงหลุมไปไม่ได้เป็นอันขาด เช่นนี้จึงสามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องได้”
“อาจารย์ร้ายกาจจริงๆ ท่าทางอาจารย์จะมีประสบการณ์เรื่องนี้มากกว่าพวกเรา ก่อนหน้านี้เหตุใดข้าจึงไม่รู้ว่าอาจารย์ยังมีด้านนี้อยู่ด้วย” เฟิงอวิ๋นจู๋พยักหน้าเอ่ยชมเชยอยู่ด้านหลัง
“ประจบประแจงให้มันน้อยๆ หน่อย รีบไป” คงจู๋อู๋จนปัญญาอย่างยิ่ง ยังมิใช่เพราะอาจารย์และเจ้าตัวกินจุบีบคั้นหรือ
คงจู๋อู๋พาศิษย์ลงไปในหลุมอย่างเงียบเชียบ ส่วนทุกคนยังติดตามอวี้จูยืนอยู่หน้าเศษซากของราชครู ฟังอวี้จูเล่าคำพูดที่เตรียมไว้ล่วงหน้า นางพูดจาติดๆ ขัดๆ บางคำถามเนื่องจากตนเองถูกจับตัวไว้จึงเล่าได้ไม่ชัดเจน
ในที่เกิดเหตุมีเพียงซากศพของราชครูและบรรดาคนที่ถูกพั่งจื่อและต้านิวทุบตีจนทนดูไม่ได้ ท่านอ๋องหมาจื่อกลายเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว ภายใต้ความต้องการอย่างรุนแรงของทุกคนอวี้จูจึงจำต้องพาพวกเขาไปดู ชิ้นเนื้อที่ห่อด้วยวัสดุสีทองขนาดเท่าฝ่ามือเหล่านั้นทำให้นางไม่อยากเข้าใกล้เลยจริงๆ
คงจู๋อู๋พาพวกไป๋เจี่ยนจู๋ปะปนในกลุ่มคนด้านหลังโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว และมีสีหน้าแบบดูมานานแล้ว ดูรอบหนึ่งทุกคนก็มีข้อสงสัยเต็มไปหมด ถ้าเอ่ยถึงต้งหวงเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนพวกเขาพอจะรู้จักอยู่บ้าง ทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ในยามนั้นมีชื่อเสียงอย่างยิ่ง ขอเพียงรวมรวบทารกได้หนึ่งหมื่นคน หลอมสร้างออกมาก็เป็นของวิเศษชั้นยอด มีปัญญาญาณ อานุภาพแกร่งกล้าอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำให้ต้งหวงยึดครองดินแดนของโลกวิญญาณเป่ยเฉินทั้งหมดได้
เพียงแต่สิ่งที่ทุกคนสงสัยคือ ทารกหนึ่งหมื่นคนนั้นต้องมีเงื่อนไข ที่แท้เป็นเงื่อนไขอะไร ก็เพียงแค่เคยได้ยินตำนานเล่าว่าต้องใช้บุตรของตนเอง ทว่าศิษย์สตรีที่ถูกจับตัวมาเหล่านี้ล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเพียงแค่ถูกดูดพลังหยิน ใช่ปิดบังอะไรบางอย่างไว้หรือไม่
ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมไม่ใช่คนโง่ มีคนหนึ่งคิดถึงความเป็นไปได้นี้ คนอื่นๆ ก็คิดได้เช่นกัน แต่นึกถึงว่าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปจะไม่เป็นผลดีต่อสำนักตนเอง ถึงอย่างไรพวกเขาก็หาเรื่องใส่ตัวจึงมีจุดจบเช่นนี้ ขอเพียงแต่ละคนกลับไปถามศิษย์สตรีเหล่านี้ใหม่อีกรอบหนึ่งก็พอ
ทุกคนต่างมีความคิดเช่นนี้ กลับเป็นหลู่หงกวงถือโอกาสว่าเป็นคนของสำนักตงอวี้หวง เอ่ยกับอวี้จูว่า “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าสิ่งของที่นี่ถูกจินเฟยเหยาค้นไปแล้ว เจ้าไปเรียกนางมาให้ข้า ในสิ่งของเหล่านั้นอาจจะมีร่องรอยอะไร ดูรอบหนึ่งยังมีเรื่องหลายอย่างที่ไม่กระจ่างชัด จะให้พวกเรากลับไปรายงานเบื้องบนได้อย่างไร”
“เจ้าค่ะ” อวี้จูไม่ได้คิดมากความ เหยียบอาวุธเวทบินออกนอกหลุมไปหาจินเฟยเหยา
หลู่หงกวงมองรอบด้านอย่างกระหยิ่ม จะมากจะน้อยทายาทต้งหวงต้องมีสิ่งของล้ำค่าอยู่บ้าง จะให้สตรีผู้นี้เอาไปได้อย่างไร ฉวยโอกาสที่ผู้บำเพ็ญเซียนแต่ละสำนักใหญ่ยังอยู่ ข้าจะหาข้ออ้างเอาสิ่งของมา เชื่อว่าต่อไปนางคงไม่กล้ามาทวง
ไม่นานนักก็เห็นอวี้จูกลับมาคนเดียว ด้านหลังไม่มีจินเฟยเหยา
“ให้เจ้าไปเรียกนางมามิใช่หรือ คนเล่า?” พอหลู่หงกวงเห็นจินเฟยเหยาไม่มาก็มีโทสะ
อวี้จูเอ่ยด้วยสีหน้าว่างเปล่า “ไปแล้ว”
“ไปแล้ว?” หลู่หงกวงเอ่ยอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าจะไปแล้ว ยังไม่ได้คลี่คลายเรื่องราวก็กลับไปคนเดียวโดยไม่บอกกล่าว หรือว่าไม่สมควรมีคำอธิบายให้ทุกคน
“ใช่ ข้าถามผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ แล้ว พวกเขาบอกว่าผู้อาวุโสจินจากไปครู่หนึ่งแล้ว นางบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ในเมื่อทุกคนไม่เป็นไรแล้วนางก็กลับไป ทั้งยังบอกว่าทารกที่ถูกขโมยมายังมีชีวิตอยู่ขอมอบให้ทุกท่านจัดการ นางยังมีธุระ อยู่ลอยชายที่นี่ไม่ได้ จะกระทบถึงเรื่องที่ทุกท่านต้องจัดการหลังจากนี้” อวี้จูไม่ได้ปิดบังเรื่องที่สอบถามมาได้เลยสักนิด บอกหลู่หงกวงไปจนหมดสิ้น แต่เรื่องจินเฟยเหยาเก็บสิ่งของตอบแทนเพิ่มกลับไม่มีใครเอ่ยถึงก่อน นางจึงไม่รู้
หลู่หงกวงฟังจบ ก็มีโทสะจนจมูกเบี้ยว ยังไม่ทักทายก็จากไปแล้ว เหลวไหลสิ้นดี! นางต้องเอาสิ่งของดีๆ ไปแน่ ดังนั้นจึงจากไปก่อน
อวี้จูพลันนึกอะไรขึ้นได้ จึงเอ่ยกับหลู่หงกวงว่า “อาจารย์ลุงหลู่ ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสจินเคยบอกข้าว่า ถ้าในสำนักส่งอาจารย์ลุงอาจารย์อามา ให้ข้าช่วยบอกแทนนางสักคำ”
“บอกว่าอะไร?” สิ่งของดีๆ ถูกนางเอาไปหมดแล้ว ยังเตรียมคำพูดอะไรไว้ล่วงหน้าอีก! สีหน้าหลู่หงกวงอึมครึมเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา
“นี่…” อวี้จูเห็นสีหน้าอึมครึมของหลู่หงกวง จึงเอ่ยอย่างลังเล “ผู้อาวุโสจินบอกว่า นางไม่ได้สิ่งของมีค่าจากที่นี่ไปเลยจริงๆ ดังนั้นบรรดาอาจารย์ลุงที่มาไม่ต้องกังวล มีเพียงเคล็ดวิชาที่ใช้ทารกหลอมสร้างทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้และป้ายหยกที่จดบันทึกประวัติศาสตร์ต้งหวง นางฝากไว้ที่ข้า ให้ข้ารอพวกท่านมาก่อนจึงมอบให้”
“หืม? นำเคล็ดวิชามาให้ข้าดูหน่อย!” คิดไม่ถึงว่าจะทิ้งเคล็ดวิชาไว้ หลู่หงกวงบอกให้เอามาทันทีโดยไม่สนใจคนอื่นๆ
อวี้จูไม่ได้พูดอะไรมาก หยิบกล่องหยกใบหนึ่งออกมาจากถุงเฉียนคุนและยื่นส่งให้ต่อหน้าทุกคน “ขณะที่ผู้อาวุโสจินตรวจสอบที่นี่ ข้าติดตามอยู่ด้านข้างตลอดเวลา ไม่ได้พบสิ่งใดจริงๆ ผู้บำเพ็ญเซียนสองคนนี้ยากจนอย่างยิ่ง ขนาดผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานที่เป็นลูกสมุนก็ใช้เพียงอาวุธเวท ไม่มีของวิเศษใช้”
หลู่หงกวงรับกล่องหยกมาเปิดออกดู ด้านในวางป้ายหยกไว้สองชิ้น หนึ่งขาวหนึ่งดำ ชิ้นสีดำเห็นได้ชัดว่าจดบันทึกสิ่งของที่มีปัญหา ดังนั้นเขาจึงหยิบชิ้นสีดำขึ้น ภายใต้การจับจ้องของผู้บำเพ็ญเซียนรอบด้าน ต่อให้เขาหน้าหนากว่านี้ก็รู้สึกขัดเขินที่จะหยิบไปทันที
หลังใช้การรับรู้กวาดดูด้านใน สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นประหลาด ขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดาว่าต้องเป็นเคล็ดวิชาสะท้านฟ้าสะเทือนดินอะไร ก็ได้ยินอวี้จูเอ่ยอย่างช้าๆ “อาจารย์ลุง ผู้อาวุโสจินบอกว่าวิธีเพาะเลี้ยงทารกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ชั่วร้ายเกินไป ทิ้งไว้ในโลกนี้มีแต่จะทำร้ายคน แต่ก็กลัวว่าถ้าทำลายป้ายหยกทันทีจะบอกกล่าวไม่กระจ่างชัด นางจึงเลือกลบเนื้อหาด้านในส่วนหนึ่ง นางยังบอกว่าวิธีฝึกบำเพ็ญที่ชั่วร้ายเช่นนี้ ถ้าบรรดาอาจารย์ลุงมาก็จะทำลายมันโดยมีทุกคนเป็นประจักษ์พยาน”
หลู่หงกวงถือป้ายหยกชิ้นนี้ ขี่หลังเสือยากจะลง[3]ทันที
…………………………………
[1] ตำแหน่งสูงกว่าหนึ่งขั้นกดทับคนตาย หมายถึง ต้องยอมทำตามคนที่มีตำแหน่งสูงกว่า เขาบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำอย่างนั้น
[2] เทอ่างอุจจาระ หมายถึง เรื่องชั่ว หรือ ชื่อเสียงในทางไม่ดี
[3] ขี่หลังเสือยากจะลง หมายถึง ตกอยู่ในภาวะที่จะเดินหน้าต่อไปก็ลำบาก จะหยุดก็หยุดไม่ได้