คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 245 สัตว์ร้ายคุ้มครองนาย
จินเฟยเหยานั่งพิงอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ขนาดสิบคนโอบต้นหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ยังเป็นสีเทาขมุกขมัวดังเดิม ฝนตกมาครึ่งเดือนแล้วและไม่มีทีท่าจะหยุดลงเลยสักนิด นางยังขยับตัวไม่ได้เหมือนเดิม อีกทั้งในระหว่างนั้นบางครั้งยังตื่นบางครั้งยังสลบ ใช้การรับรู้และพลังวิญญาณไม่ได้เลย
นี่เป็นสถานที่ใดกันแน่ หรือว่าเป็นโลกระดับเทพ? จินเฟยเหยาหลุบตาลงอย่างจนใจ มองเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลายผสมปนเป พั่งจื่อและต้านิวที่เรือนร่างสูงถึงสิบกว่าจั้งกำลังยืนอยู่ตรงนั้น
น้ำพิษสีขาวน้ำนมที่ไหลจากร่างของพวกมันสองตัวอยู่ห่างจากจินเฟยเหยาสองจั้ง และรวมกันกลายเป็นวงล้อมน้ำพิษกว้างร้อยจั้ง ต้นไม้แน่นขนัดภายในวงล้อมน้ำพิษถูกน้ำพิษเหล่านี้กัดกร่อนจนกลายเป็นพื้นที่ว่างผืนใหญ่ จินเฟยเหยาและต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นจึงตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวกลางน้ำพิษ
ตูม!
เบื้องหน้ามีเสียงโจมตีอันรุนแรงดังมา เศษไม้ปลิวกระจาย และมีเสียงสัตว์คำรามไม่หยุด จินเฟยเหยาได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นมองการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าอย่างช่วยอะไรไม่ได้
ทันใดนั้น! ลำต้นของต้นไม้ขนาดสามสี่คนโอบก็ลอยมาทางนาง ตรงส่วนที่หักของต้นไม้เป็นปลายแหลมพกพาแรงกระแทกมหาศาลแสดงความดุร้ายออกมา จินเฟยเหยานั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น มองดูลำต้นของต้นไม้ลอยมาทางตนเอง
มีเสียงดังสนั่นขึ้นอีก ขณะที่ลำต้นของต้นไม้อยู่ห่างจากนางเพียงสิบกว่าก้าว เงาดำสายหนึ่งก็วาบขึ้น พั่งจื่อปรากฎตัวขึ้นเบื้องหน้าจินเฟยเหยา ใช้ฝ่ามือตบลำต้นของต้นไม้ให้ลอยออกไปอย่างเต็มแรง
จากนั้นมันก็กระโดดออกไปอีก พุ่งเข้าใส่หมีหลังแดงสองเขาสูงสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งเบื้องหน้า ต้านิวก็เก็บความอ่อนโยนในวันวาน เผยสายตาดุร้ายและคำรามใส่มัน
หมีหลังแดงสองเขาตัวนี้เพิ่งบรรลุขั้นเจ็ด เตร็ดเตร่ไปมาอยู่ที่นี่สองวันแล้ว ไม่รู้ว่านี่เป็นเขตแดนของมัน หรือคิดจะกินพวกนาง ขับไล่อย่างไรก็ไม่ไป
คิดถึงตรงนี้ จินเฟยเหยาพลันมองในน้ำพิษ กระดูกสัตว์ที่ยังละลายไม่หมดพวกนั้นเป็นสัตว์ปิศาจที่พั่งจื่อและต้านิวสังหารทิ้งในครึ่งเดือนกว่ามานี้ เนื้อถูกพั่งจื่อและต้านิวกินหมด ส่วนกระดูกและหนังก็โยนทิ้งไว้ในน้ำพิษ ไม่ให้สัตว์ปิศาจอื่นๆ ตามกลิ่นคาวโลหิตมา
จินเฟยเหยารู้สึกว่าตนเองโชคดีจริงๆ ไม่ถูกฟ้าผ่าตาย แค่ถูกฟ้าผ่าจนพิการ ร่วงตกลงมาในสถานที่ซึ่งสัตว์ปิศาจขั้นต่ำสุดล้วนเป็นขั้นห้าขั้นหก ต้องเบิกตามองสัตว์ภูติขั้นห้าสองตัวเสี่ยงชีวิตคุ้มครองตนเอง
พั่งจื่อและต้านิวมีบาดแผลทั่วร่าง ด้านหลังของพั่งจื่อมีบาดแผลที่กรงเล็บของพยัคฆ์เทาขั้นเจ็ดทำขึ้นสามรอย ตอนนี้ยังไม่หายดี ภายใต้การชะล้างของน้ำฝน ยังมองเห็นคราบโลหิตจางๆ ไหลลงมา
ถึงแม้ต้านิวจะไม่มีบาดแผลใหญ่ขนาดนั้น ทว่าสองตาแดงก่ำ และมีบาดแผลทั่วร่าง ต่อสู้กับสัตว์ร้ายอย่างเต็มที่พลางหอบหายใจแฮ่กๆ
สภาพของหมีหลังแดงสองเขาตัวนั้นก็ไม่ได้ดีกว่าพวกมันเท่าใด บนร่างถูกน้ำพิษของพั่งจื่อและต้านิวกัดกร่อนตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยจนกลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน
ในเวลานี้เอง มุกสีสันสดใสบนศีรษะของต้านิวก็เปล่งแสง จินเฟยเหยารีบหลับตา
หลายวันมานี้นางถูกแสงสว่างสาดส่องหลายครั้ง ขอเพียงหลับตาไม่ทัน รับประกันว่าดวงตาจะสูญเสียการมองเห็นไปสิบกว่าอึดใจ ต่อให้หลับตาก็แค่ชลอเวลาการสูญเสียการมองเห็นเท่านั้น
รอจนจินเฟยเหยาลืมตาขึ้น ก็เห็นบนร่างหมีหลังแดงสองเขามีบาดแผลเพิ่มขึ้นมาสิบกว่าแห่ง พั่งจื่อและต้านิวฉวยโอกาสสร้างขึ้นตอนที่มันสูญเสียการมองเห็นจนไม่ได้ระวังป้องกัน กระบวนท่านี้ใช้จัดการศัตรูได้ยอดเยี่ยมยิ่ง ทว่าปล่อยแสงได้วันละครั้งเท่านั้น ถ้าไม่ถึงโอกาสที่ดีที่สุดพวกมันจะไม่ใช้
หลายวันนี้ที่หมีหลังแดงสองเขาเสียเปรียบล้วนเป็นเพราะแสงของมุกล้ำค่า เห็นต้านิวใช้ความสามารถนี้แล้ว ถึงแม้บนร่างของตนเองจะมีบาดแผลเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยทว่ายังไม่ถึงตาย มันยกฝ่ามือขนาดยักษ์ฟาดตบมา
พั่งจื่อที่อยู่ด้านข้างพลันยกหินยักษ์ก้อนหนึ่งทุ่มใส่ ฝ่ามือของหมีหลังแดงสองเขามีเรี่ยวแรงมหาศาล ฝ่ามือเดียวฟาดก้อนหินกว้างเจ็ดแปดจั้งที่ทุ่มมาใส่หัวแตกเป็นเสี่ยงๆ ฉวยโอกาสที่เศษหินปลิวว่อน กระทบถึงการมองเห็น ต้านิวหายตัวแวบไปอยู่ด้านหลังหมีหลังแดงสองเขา ฟาดตบหลังมันอย่างหนักหน่วง ทุบตีจนบาดแผลที่หน้าอกด้านหน้าของหมีหลังแดงมีโลหิตสดสาดกระจาย
หมีหลังแดงสองเขาร้องคำราม ยกขาหน้าที่แฝงพลังลมหมุนฟาดตบมา ต้านิวรีบถอยหลังเฉียดพลังลมหมุนไป ลมหมุนกรีดบนผิวหนังของมันเป็นบาดแผลนับร้อยสาย ต้านิวกระโดดถอยหลังไปโดยไม่ส่งเสียง
ส่วนหมีหลังแดงสองเขาฟาดตบไม่โดนจึงหมุนร่างมาโจมตีต้านิวอย่างต่อ ไม่รู้ว่าพั่งจื่อหายร่างมาอยู่เบื้องหน้ามันตั้งแต่เมื่อใด มุกล้ำค่าบนศีรษะสว่างวาบขึ้น แสงสว่างสายนี้พอดียิงใส่ดวงตาของหมีหลังแดงสองเขา
“โฮก!” ครั้งนี้หมีหลังแดงสองเขารู้สึกว่าดวงตามืดมิด สองตาสูญเสียการมองเห็นไปโดยสมบูรณ์
มันคิดไม่ถึงว่านี่เป็นวันที่สามแล้ว หมีหลังแดงสองเขาเคยชินกับกบอีกตัวหนึ่งที่ปล่อยแสงแบบนี้มาตลอดจนเห็นเป็นเรื่องปกติ ขอเพียงระวังหลบให้พ้นก็พอ พวกมันก็ไม่มีทางปล่อยได้เป็นครั้งที่สอง แต่คิดไม่ถึงว่า เจ้ากบตัวนี้ก็มีกระบวนท่านี้เช่นกัน มุกล้ำค่าบนหัวไม่ได้งอกมาเปล่าๆ 0ib’q
ครั้งนี้เนื่องจากหมีหลังแดงสองเขาคลายความระวังป้องกันมุกล้ำค่าจึงถูกพั่งจื่อสาดแสงเข้าดวงตาในระยะประชิด ประสิทธิผลในการสูญเสียการมองเห็นดียิ่งกว่าหลายครั้งก่อน
เห็นมันมองไม่เห็นโดยสิ้นเชิง เพียงแต่ฟาดตบวุ่นวายราวกับแมลงวันไร้หัว พั่งจื่อและต้านิวก็กระโดดเข้าใส่ ฉวยโอกาสที่มันมองไม่เห็นประเคนเท้าเหยียบย่ำมันหนึ่งยก ไม่มีเวทมนตร์ใดๆ มีเพียงกำปั้นลุ่นๆ อันหนักหน่วงโจมตี พอทุบตีจนฝ่ายหลังใกล้จะสิ้นแรง พั่งจื่อและต้านิวก็อ้าปากกัดลงไปทันที
กบผานอวิ๋นธรรมดาไม่มีเขี้ยว ทว่าไท่จื่อโซ่วอย่างพั่งจื่อและต้านิวไม่เหมือนกัน พวกมันมีฟันอันแหลมคมนับร้อยซี่ ปกติซ่อนอยู่ในกราม ตอนใช้งานจะโผล่ออกมาทั้งหมดราวกับฟันเลื่อย แม้แต่ของวิเศษชั้นล่างยังสามารถฉีกทึ้งได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงกระดูกเล็กๆ ของสัตว์ปิศาจ
ตามเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดของหมีหลังแดงสองเขา พั่งจื่อและต้านิวต่างกัดแขนของมันลงมาคนละข้าง หมีหลังแดงสองเขาที่สูญเสียแขนร้องโหยหวนไม่หยุด ต่อให้มันดุร้ายกว่านี้ก็สูญเสียความสามารถหลักในการโจมตีกลับแล้ว
สุดท้ายมันถูกพั่งจื่อและต้านิวเตะจนร่วงกระแทกลงในน้ำพิษ บนร่างส่งเสียงดังชี่ๆ ออกมาทันทีและถูกน้ำพิษกัดกร่อนอย่างบ้าคลั่ง หมีหลังแดงสองเขาเกลือกกลิ้งอยู่ในน้ำพิษจนน้ำพิษกระเซ็นขึ้นสูงหลายจั้ง
เห็นน้ำพิษกระเด็นขึ้นและร่วงลงห่างจากเท้าของตนเองหนึ่งฝ่ามือ จินเฟยเหยาก็ได้แต่ยิ้มขื่นในใจ ถ้าโยนสัตว์ปิศาจประเภทงูที่ร้ายกาจที่สุดที่ดิ้นรนก่อนตายสักตัวลงมา ตนเองจะถูกน้ำพิษที่กระเซ็นขึ้นมากัดกร่อนจนกลายเป็นกระดูกเร็วกว่ามันหรือไม่
พั่งจื่อกับต้านิวจัดการสัตว์ปิศาจขั้นเจ็ดตัวนี้เสร็จก็หมดแรงนอนแผ่อยู่บนพื้นทันทีและอ้าปากหอบหายใจไม่หยุด ตอนนี้ถ้ามีสัตว์ปิศาจขั้นห้ามาสักตัวก็สามารถฆ่าเจ้าสองตัวนี้ได้
นับว่าพวกมันโชคดี กลิ่นหอมหวานอย่างประหลาดของน้ำพิษบวกกับสัตว์ปิศาจที่พวกมันสองตัวฆ่าไปจำนวนมากก่อนหน้านี้ คิดไม่ถึงว่าสองวันนี้จะไม่มีสัตว์ปิศาจขั้นสูงมา บางครั้งมีสัตว์ปิศาจขั้นห้าหลายตัววิ่งมาโดยบังเอิญ พอถูกพั่งจื่อและต้านิวใช้สายตาที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าถลึงใส่ก็หวาดกลัวจนวิ่งหนีไป
อานุภาพกดดันของสัตว์ปิศาจแผ่ออกมาจากร่าง ความแข็งแกร่งของเจ้าเป็นอย่างไร อานุภาพกดดันของเจ้าก็ยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น ไม่เหมือนผู้บำเพ็ญเซียน ที่บางครั้งยังสามารถอาศัยวิธีอื่นๆ เพิ่มประสิทธิผลของอานุภาพพลังวิญญาณหรือการรับรู้ ให้ความรู้สึกร้ายกาจอย่างยิ่งชัดๆ แต่ถ้าเจ้าสู้กับเขาขึ้นมาจริงๆ กลับพบว่าเขาอ่อนแออย่างยิ่ง
สามวันต่อมา จินเฟยเหยาพบว่าสามารถขยับนิ้วของตนเองได้แล้ว ถึงแม้จะสั่นนิ้วนิดๆ ได้เพียงนิ้วเดียว ทว่าก็ก้าวหน้าไปมาก ลำคอสามารถส่งเสียงแหบๆ ออกมาได้ พูดมากก็เจ็บคอรุนแรง อีกทั้งสิ่งที่ทำให้นางยินดีอย่างที่สุดคือในที่สุดก็สามารถโคจรพลังวิญญาณในร่างกายได้ ถึงจะเพียงน้อยนิดทว่าก็สามารถเปิดถุงเฉียนคุนได้อย่างไม่มีปัญหา
หลังจากยินดี จินเฟยเหยาก็พูดกับพั่งจื่อและต้านิวอย่างตื่นเต้น พูดประโยคแรกหลังจากนึกว่าตนเองเป็นใบ้ออกมาว่า “ครั้งหน้าถ้าฝืนยัดตานสัตว์ปิศาจขนาดเท่ากำปั้นใส่ปากข้าอีก ข้าจะเตะก้นพวกเจ้าสองตัว”
พั่งจื่อและต้านิวกลอกตาใส่นางอย่างอารมณ์ไม่ดี ถ้าไม่ได้พวกข้าสองตัว เจ้าคงถูกสัตว์ปิศาจกินจนกลายเป็นมูลสัตว์ปิศาจกองหนึ่งไปนานแล้ว ตอนนี้สมควรจะขอบคุณพวกเราอย่างยิ่ง ต่อไปเจ้าต้องเคารพพวกเราสองตัวและกราบขอบคุณทุกวัน
ไม่ต้องเอ่ยวาจา หลังจากสองตัวหนึ่งคนสบตากัน ก็มองความคิดในดวงตาของอีกฝ่ายออกทันที
“คนที่เคารพล้วนเป็นคนตาย หึๆๆ…” จินเฟยเหยากระแอมแล้วหัวเราะออกมา
นี่เวลาใดแล้ว เจ้าพวกนี้ยังมีเวลาว่างมาปะทะคารมอีก โชคดีที่ครู่หนึ่งนางก็นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นได้
จินเฟยเหยาใช้นิ้วที่สั่นไม่หยุดเหมือนเป็นตะคริว หยิบเกาะลอยได้ออกมาจากในถุงเฉียนคุน สภาพการณ์เช่นนี้ ถึงเวลาที่เกาะลอยได้จะแสดงอานุภาพแล้ว นางให้ต้านิวอุ้มตนเองไป ถ่ายทอดพลังวิญญาณเล็กน้อยเข้าเกาะลอยได้แล้วให้พั่งจื่อโยนเกาะลอยได้ออกไป เกาะลอยได้ขยายใหญ่เบียดต้นไม้ใหญ่กลางสระน้ำพิษทันที จากนั้นตั้งอยู่กลางน้ำพิษ
ภายใต้การวาดนิ้วของจินเฟยเหยา จัดวางก้อนหินที่พั่งจื่อย้ายมาลงบนน้ำพิษ สุดท้ายจินเฟยเหยานำวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจออกมากางรอบนอกเกาะลอยได้
วงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจบวกกับสระน้ำพิษ สุดท้ายประกอบกับวงแสงรอบตัวเกาะลอยได้ ในที่สุดก็สามารถทำให้พวกนางอยู่อย่างสบายใจได้
จินเฟยเหยาหลบรักษาบาดแผลอยู่บนเกาะลอยได้ บางครั้งพั่งจื่อและต้านิวออกไปล่าสัตว์ปิศาจระดับขั้นต่ำหน่อย เอาตานสัตว์ปิศาจมาให้จินเฟยเหยา ตนเองก็ทำอาหารกิน เห็นพวกมันสองตัวยุ่งวุ่นวาย จินเฟยเหยาพลันนึกได้ว่าตอนที่ตนเองทำงานให้จอมมารหลงก็เป็นแบบนี้ ท่าทางประโยชน์ของเกาะลอยได้คือใช้รักษาบาดแผลระยะยาว ไม่เป็นมงคลเกินไปแล้ว
ในสถานที่ซึ่งไม่รู้เลยว่าเป็นที่ใด จินเฟยเหยานอนอยู่สองปี ระหว่างนั้นสัตว์ปิศาจจำนวนนับไม่ถ้วนเคยมาโจมตีพวกนาง ทว่ามีการป้องกันสามชั้นจึงพอฝืนขับไล่สัตว์ปิศาจเหล่านี้ไปได้
ครั้งที่อันตรายที่สุดคือปิศาจดอกท้อหน้าคนขั้นแปดกลุ่มหนึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ใด พวกมันมีใบหน้ามนุษย์ รูปร่างคล้ายมนุษย์ และปีกรูปดอกท้อ ล้อมเกาะลอยได้ไว้ครึ่งปี ทำให้พวกนางตกใจจนต้องกอดกันแน่น และมองปิศาจดอกท้อหน้าคนเหล่านี้อย่างหวาดกลัว
ขั้นแปดนะ ทั้งยังมาเป็นกลุ่มอย่างน้อยยี่สิบกว่าตัว ถ้าลงมือขึ้นมา เกาะลอยได้และวงเวทวิญญาณสิบสองปิศาจอะไรนี่ล้วนเป็นเมฆาล่องลอยทั้งนั้น!
แต่ยังโชคดี เหมือนพวกมันไม่สนใจพวกนางที่กอดกันกลมและตัวสั่นสะท้านไม่หยุด หลังจากมองดูอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดพวกมันก็บินจากไป พวกนางที่กอดกันราวกับมุกสิกเล็กๆ จึงแยกออกจากกัน
พวกจินเฟยเหยาใช้เวลาสองปีจึงหลุดพ้นจากสภาพดำเกรียมทั้งตัวมีผิวพรรณขาวตลอดร่างได้ ส่วนพลังวิญญาณและการรับรู้ของจินเฟยเหยาก็กลับคืนสู่สภาพเดิมทั้งหมด
ขณะที่จินเฟยเหยาสามารถเข้าไปในห้วงการรับรู้ได้ก็พบว่าขนสีดำเป็นประกายทั่วร่างของสัตว์สีดำตัวเล็กๆ ในห้วงการรับรู้หลุดร่วงจนเหมือนล้านเลี่ยนและเป็นด่างเป็นดวงราวกับสุนัขขี้เรื้อน อีกทั้งยังลอยไปลอยมาอยู่บนทะเลสีดำ ถ้าไม่ใช่บางครั้งยังเห็นท้องขยับขึ้นลง จินเฟยเหยายังนึกว่าจินตันของตนเองตายแล้วเสียอีก
ตอนนี้เข้ามาในการรับรู้อีกครั้งก็เห็นมันกลิ้งอยู่ในนั้นอย่างอารมณ์ดี ขนสีดำเรียบลื่นทั่วร่างงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ทั้งยังกินจนกลมกลิ้งและสบายอกสบายใจอย่างยิ่ง
วันนี้ เก็บเกาะลอยได้ จินเฟยเหยาตะโกนอย่างห้าวหาญ “ไป! ข้าจะดูสิว่า นี่คือสถานที่ผีสางอันใด! ประสบเคราะห์ครั้งใหญ่กลับไม่ตาย หลังจากนี้ต้องมีโชคดีเข้ามาแน่ ฮ่าๆๆ!”
…………………………………..