คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย - บทที่ 264 ล่อจับ
เมื่อเรื่องนี้แพร่ไปถึงหูของหลง เขาประหลาดใจนิดหน่อย เคาะนิ้วบนโต๊ะเบาๆ พลางก้มหน้าครุ่นคิด
ด้านล่างของหลงมีหงนั่งอยู่ เวลานี้สีหน้าหยิ่งผยองที่แขวนไว้บนใบหน้าตลอดเวลาหายไปจนเกลี้ยง มองหลงและเอ่ยอย่างวาดหวัง “ใต้เท้าหลง พวกเราไปจับเทาเที่ยมาเถอะ ถ้าสิ่งนี้ตกอยู่ในมือเผ่ามนุษย์คงไร้ความหมาย”
นิ้วของหลงหยุดลงและมองเขาแวบหนึ่ง ในใจแอบครุ่นคิด ถ้าจินเฟยเหยายังอยู่ที่ขั้นหลอมรวม ก็เป็นไปไม่ได้ที่เทาเที่ยจะปรากฏตัวขึ้น แต่ถ้าถึงขั้นกำเนิดใหม่ ข้าเพิ่มเคล็ดวิชาทงเสินเข้าไปในเคล็ดวิชาสร้างร่างมารแล้ว นอกจากนางไม่ได้ฝึกเคล็ดวิชาสร้างร่างมาร ไม่เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปรากฏเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่ยายนั่นเคยฝึกขณะอยู่ที่บริเวณฮุ่นตุ้นแล้ว เป็นเพียงขั้นเริ่มต้น หรือว่าเคล็ดวิชาทงเสินจะไม่เกิดประสิทธิภาพ?
ทันใดนั้น เขาก็นึกเรื่องอะไรขึ้นได้ หรือว่าเจออันตราย ในช่วงแห่งความเป็นตายเทาเที่ยจึงหยิบยืมเคล็ดวิชาทงเสินออกมาเอง ดังนั้นจึงปรากฏเทาเที่ยเยาว์วัย? แต่เทาเที่ยที่เยาว์วัยนี้ก็เป็นสัตว์ปิศาจขั้นเก้า ผู้อื่นคิดจะจับเป็นคงไม่ง่ายดาย ไม่รู้จริงๆ ว่าใครบีบคั้นจนนางจนตรอก เทาเที่ยจึงถูกบีบให้ออกมา เกรงว่าในเวลานั้นคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุคงถูกกินไปหมดแล้ว
หลงไม่ลืมว่าขณะที่จินเฟยเหยาเจี๋ยตันเกิดปรากฏการณ์ประหลาด ร่างแยกของเทาเที่ยโตเต็มวัยตัวนั้น ถึงจะปรากฏขึ้นเพียงอึดใจเดียว ทว่าไอปิศาจทั่วท้องนภายังทำให้คนใจเต้นรัว ร่างแยกเทาเที่ยถูกบีบให้ออกมา น่าจะมีช่วงโตเต็มวัยเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่พลังทะลวงขุมนั้นมักจะถดถอยไป ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
“ใต้เท้าหลง ท่านพูดอะไรหน่อยเถอะ ถ้าถูกพวกเผ่ามนุษย์แย่งชิงไปก่อนจะทำอย่างไร” หงเร่งเร้าขึ้น เขาเป็นยอดฝีมือในการควบคุมหุ่นเชิด ถ้ามีสัตว์ปิศาจอย่างเทาเที่ยมาเป็นหุ่นเชิด จะเบิกบานใจเพียงใด
หลงเอ่ยถามอย่างชืดชา “เจ้าคิดจะล่อมันออกมาอย่างไร ร่องรอยของมันไม่แน่นอน ตอนนี้ยังเป็นช่วงสู้รบกันชุลมุนอีก ไม่ง่ายดายเลย”
“นี่มีอะไรยาก มันชอบไปตรงที่มีคนมากๆ มิใช่หรือ พวกเราก็ให้คนไปสังหารคนหลายคน ให้กลิ่นคาวโลหิตแพร่กระจายออกไปล่อมันมา” หงคิดวิธีไว้แต่แรกแล้ว ตอนนี้จึงรีบเสนอความคิดออกมา
อย่าเห็นว่าปกติเขาเย่อหยิ่งสุดเปรียบปาน ทว่าต่อหน้าหลงก็ราวกับเด็กน้อยไม่รู้ความ ใครให้หลงเป็นวีรบุรุษเผ่ามารที่เขาเลื่อมใสในวัยเด็กเล่า รอยยิ้มเต็มใบหน้าและท่าทางว่านอนสอนง่ายของเขาราวกับลูกสุนัขที่กำลังประจบเอาใจ
“เหตุใดต้องยุ่งยากขนาดนี้ เผ่ามนุษย์ต้องกำลังตามหานางอยู่แน่ และไม่แน่ว่าจะใช้วิธีที่เจ้าบอก มิสู้จับตาสถานการณ์ชองเผ่ามนุษย์มากๆ ให้พวกเขาช่วยพวกเราค้นหาเทาเที่ย พวกเราเพียงแค่รอแบบสำเร็จรูปก็พอ” หลงเหลือบตาขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หงปรบมือ “ใต้เท้าหลง ความคิดของท่านดียิ่งนัก ข้าจะสั่งการลงไปเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขาจับตาความเคลื่อนไหวของเผ่ามนุษย์ตลอดเวลา”
“อืม ถ้าพบว่าเผ่ามนุษย์มีคนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันนอกเมืองก็รีบแจ้งข้าทันที”
เป็นไปตามที่หลงคาดการณ์จริงๆ ผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์ร้อนใจยิ่งกว่าพวกเขา ในที่สุดก็เตรียมล่าเทาเที่ย พวกเขาคิดจะจับเป็นเทาเที่ยมากกว่าสังหารให้ตาย สำหรับจินเฟยเหยา เจ้านายของมัน ไม่มีใครเป็นห่วงความเป็นความตายของนางแล้ว ทุกคนสนใจแต่ว่าจะจับเป็นเทาเที่ยอย่างไร หลังจับได้แล้วจะทำพันธะสัญญาสัตว์ภูติกับมันอย่างไร ทั้งยังมีปัญหาร้ายแรงอย่างหนึ่ง สำนักมากมายต่างคิดจะจับมันมาครอบครอง ที่แท้จะตกเป็นของผู้ใด
ทุกคนล้วนไม่อยากปล่อยมือ ยังจับเทาเที่ยไม่ได้ก็ทะเลาะด่าทอกันอย่างถึงอกถึงใจเสียแล้ว
ระหว่างนั้น จู๋ซวีอู่แห่งสำนักตงอวี้หวงก็สะบัดชายเสื้อจากไปทันที ทว่าในการประชุมล่อสัตว์ที่ย่ำแย่ที่สุดและไร้เด็กน้อย เขาคือคนที่ไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึง ทุกคนส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างดูแคลนต่อการจากไปอย่างมีโทสะของจู๋ซวีอู๋ เขาถึงกับคิดจะให้เทาเที่ยกลับสำนักตงอวี้หวง เป็นเรื่องประหลาดและเหลวไหลสิ้นดี ขั้นแปลงจิตและขั้นว่างเปล่ายังไม่เอ่ยปากเลย ไหนเลยจะถึงรอบผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ตัวเล็กๆ อย่างเจ้ามาปากมาก
ส่วนทางเผ่ามารกลับง่ายกว่ามาก ใครจับได้ก็ถือเป็นของคนนั้น ขอเพียงเจ้ามีความสามารถก็จับเทาเที่ยไป คนอื่นๆ ก็ห้ามใช้กำลังแย่งชิง มีเพียงอยู่ที่ผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามารขั้นแปลงจิตขึ้นไป จึงคิดจะไปจับเทาเที่ย
เทียบกับเผ่ามนุษย์ เผ่ามารเคยมีร่างแยกเทาเที่ยปรากฏขึ้นสองครั้งแล้ว จึงมีความเข้าใจอุปนิสัยและความสามารถของเทาเที่ยมากกว่าเผ่ามนุษย์ เข้าใจว่าพลังการบำเพ็ญเพียรต่ำเกินไป ต่อให้จับเทาเที่ยกลับมาได้ก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากใช้พลังสะกดทำให้มันเชื่อฟังแล้ว มันก็จะไม่ยอมรับผู้อื่นเป็นนาย
เทาเที่ยที่เย่อหยิ่งจะไม่สนใจอาหารที่ไม่คู่ควร ต่อให้เป็นร่างแยกก็จดจำหลักการนี้ไว้ในใจ เจ้านายล้วนเป็นเพียงสิ่งที่หยิบยืมมาใช้เท่านั้น ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงคนอื่น นอกจากกำปั้นใหญ่กว่ามัน ความรู้สึกหรือการสาบานโลหิตยอมรับนายล้วนเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์
“สหายเซียนหลิน เจ้าว่าเทาเที่ยจะมาหรือไม่? พวกเรามารวมตัวอยู่ที่นี่สิบกว่าวันแล้ว ยังไม่เห็นแม้แต่ขนเทาเที่ยสักเส้น”
“พี่หลี่ โดยพื้นฐานคนที่เห็นขนของเทาเที่ยล้วนตายเกลี้ยงนะ ว่าไปแล้วผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมอย่างพวกเราก็ลำบากนัก อยู่โลกระดับวิญญาณดีๆ ก็ถูกพามาที่โลกระดับเทพ ต้องสู้รบกับเผ่ามารยังไม่พอ ยังต้องจัดการเทาเที่ยกินคนที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดอีก ศิษย์พี่ของข้ารั้งอยู่ในสำนัก ไม่เหมือนข้าที่ต้องอกสั่นขวัญแขวนทั้งวัน”
“ที่จริงจับตัวมันกลับไปจะมีอะไรดี ได้ยินว่ากินเก่งอย่างยิ่ง ทั้งยังไม่โตเต็มวัย คงไม่ได้ให้มันกินคนนะ”
“ใครจะรู้ว่าผู้อาวุโสเหล่านั้นคิดอย่างไร อาจคิดจะใช้เนื้อติดกระดูกป้อนมัน”
กลางเกาะลอยได้ที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและต้นไม้งอกกระจัดกระจายผืนนี้ ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมนับร้อยคนนั่งล้อมวงอยู่ คนที่เอ่ยวาจาพอดีเป็นคนสองคนที่รู้จักกันในนั้น
พวกเขาบ่นว่าและนั่งถ่ายทอดเสียงกันอย่างไม่พอใจ ไม่ว่าใครถูกบังคับลากมาเป็นเหยื่อล่อก็คงไม่ยินดีทั้งนั้น ถึงจะให้ค่าตอบแทนมาก ทว่าสิ่งที่ล่อจับเป็นเทาเที่ยที่กินคนไม่ถ่มกระดูก เงินก้อนนี้ได้มาอย่างยากลำบากจริงๆ
แต่ผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์ก็ไมได้มาล่อจับเทาเที่ยแบบสุ่มสี่สุ่มห้า รอบผู้บำเพ็ญเซียนกลุ่มนี้ มีวงเวทกว้างสิบกว่าจั้งสี่อัน ขอเพียงเทาเที่ยเหยียบย่างเข้ามาข้างในก็จะถูกกักขังทันที ถ้ามันกระโดดเข้ามาในกลุ่มผู้บำเพ็ญเซียน ผู้บำเพ็ญเซียนเผ่ามนุษย์ก็เตรียมการไว้พร้อมสรรพแล้ว สถานที่ซึ่งผู้บำเพ็ญเซียนร้อยกว่าคนนั่งอยู่ก็เป็นวงเวทเช่นเดียวกัน วงเวทนี้สามารถขับเคลื่อนได้ทันที ผนึกเป็นโล่อันแข็งแกร่งมาคุ้มครองผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้
คำนวณดูแล้ว ไม่ว่าเทาเที่ยจะเดินเข้ามาใกล้หรือกระโดดมาโจมตีก็จะถูกกักอยู่ในวงเวท ต่อให้มันคิดจะหนีออกจากวงเวท ยังมีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นว่างเปล่าสิบคนและผู้บำเพ็ญเซียนขั้นแปลงจิตสิบห้าคน บวกกับผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ยี่สิบกว่าคนเป็นกองหนุน ภายใต้การทุ่มเทอย่างสุดกำลังของคนเหล่านี้ ไม่เชื่อว่าจะกักขังเทาเที่ยขั้นเก้าตัวหนึ่งไม่ได้
กาลเวลาไม่ทำให้คนที่ตั้งใจจริงผิดหวัง หลังจากรอเป็นเวลานาน ในที่สุดเทาเที่ยก็ปรากฏตัวขึ้นที่ปลายด้านหนึ่งของสะพานแขวน มันสูดจมูก เหลียวซ้ายแลขวา ราวกับลังเลอยู่บ้าง
ข้างสะพานแขวนมีผู้บำเพ็ญเซียนขั้นแปลงจิตซ่อนอยู่หนึ่งคน พลังการบำเพ็ญเพียรของขั้นกำเนิดใหม่ต่ำเกินไป เกรงว่าพวกเขาซ่อนตัวได้ไม่ดีนักแล้วถูกเทาเที่ยพบเห็น ดังนั้นจึงให้ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นแปลงจิตมาสังเกตการณ์
เทาเที่ยยืนลังเลอยู่บนสะพานแขวน ทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นแปลงจิตคนนี้เป็นกังวลอยู่บ้าง เขาจ้องมองเทาเที่ยที่อยู่ทางสะพานแขวนอย่างตึงเครียด เกรงว่ามันจะพบกับดักทางด้านนี้จึงไม่ยอมมา
ราวกับสิ่งที่อยู่ทางสะพานแขวนด้านนั้นเลิศรสเกินไป เทาเที่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เหยียบย่างขึ้นสะพานแขวน ร่างกายของมันใหญ่โตเกินไป ยืนสี่ขาเหยียบอยู่บนสะพานแขวนอย่างระแวดระวัง สะพานแขวนถูกมันเหยียบจนส่งเสียงดังกึกๆ อาจจะขาดลงได้ทุกเมื่อ โชคดีที่มันฝึกฝนจนชำนาญ เดินบิดเอวส่ายไปมาผ่านสะพานแขวน
เห็นมันเดินผ่านสะพานแขวน ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นแปลงจิตคนนี้ก็โล่งอกและรีบส่งสัญญาณให้ผู้บำเพ็ญเซียนด้านใน เขาพยายามซ่อนลมหายใจ ไม่คิดจะให้เทาเที่ยพบเห็นและติดตามด้านหลังมันอยู่ไกลๆ
เทาเที่ยถูกผู้บำเพ็ญเซียนกลุ่มนี้ล่อมาจริงๆ ถึงมันจะอยู่ขั้นเก้า ทว่ายังเป็นเพียงลูกสัตว์ สติปัญญาไม่สูงเท่าจินเฟยเหยา อีกทั้งตัดเรื่องชื่อเสียงไม่ดีออกไป สำหรับมันแล้วขอเพียงมีอาหาร ต่อให้อันตรายก็ไม่เป็นไร
เมื่อมันวิ่งมาถึงบนทุ่งหญ้าผืนนี้ก็เห็นอาหารกองเบียดเสียดบนทุ่งหญ้า มันกระพริบดวงตาโต อ้าปากคำราม แล้วพุ่งเข้าหาผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมกลุ่มนั้น
ไอปิศาจทะลัก เทาเที่ยอ้าปากกว้างพุ่งเข้าใส่พวกเขา ผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้สีหน้าเขียวคล้ำ พยายามสะกดความรู้สึกอยากจะหลบหนีออกไปจากที่นี่ ท่องอยู่ในใจตลอดเวลาว่า ที่นี่มีวงเวทปลอดภัยที่สุด เทาเที่ยเข้ามาไม่ได้
เห็นเทาเที่ยวิ่งใกล้เข้ามาทุกที ขณะที่อยู่ห่างจากวงเวทเพียงไม่กี่ก้าว ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซุ่มซ่อนอยู่ต่างลอบยินดี พวกเขาจับจ้องมันอย่างจดจ่อ ขอเพียงเหยียบย่างไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าวก็สามารถขับเคลื่อนวงเวทกักขังมันไว้ได้
ทันใดนั้น! เทาเที่ยที่ยืนอยู่ห่างจากวงเวทเพียงก้าวเดียวก็หมุนตัว มันพุ่งไปด้านข้างอย่างอธิบายไม่ได้ ทันใดนั้นดวงตาภายใต้วงแขนพลันมีประกายแสงวาบผ่านทันที
ตามด้วยเสียงร้องโหยหวน ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นกำเนิดใหม่ที่ซ่อนกายคนหนึ่งถูกมันกัดเข้า เวทซ่อนกายของผู้บำเพ็ญเซียนคนนั้นร้ายกาจอย่างยิ่ง หลังจากถูกเทาเที่ยกัดก็เห็นเพียงโลหิตไหล ทว่ากลับไม่เห็นเงาร่างเปิดเผยออกมา
“เนตรแห่งเทาเที่ย!” ในที่สุดบรรดาผู้บำเพ็ญเซียนระดับสูงก็ทนไม่ไหว ทยอยกันเผยร่างออกมา
ถึงเทาเที่ยจะเป็นสัตว์ร้ายที่ตะกละตะกลาม ต่อให้ยังเยาว์วัยก็ไม่ได้ปัญญาอ่อน ยังจำเป็นต้องระวังป้องกันรอบด้าน ดวงตาที่งอกอยู่ใต้วงแขนมองทะลุวงเวทและผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนตัวอยู่ได้อย่างง่ายดาย ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะกระโดดเข้าไปอย่างโง่งมทันที ดังนั้นมันจึงพุ่งไปยังเป้าหมายที่จะประสบความสำเร็จง่ายที่สุด
เห็นผู้บำเพ็ญเซียนคนนั้นไม่ได้ปรากฏร่างจริงขึ้นก็ถูกเทาเที่ยกลืนลงไป กับดักไม่ได้ผล ทุกคนต่างนำของวิเศษกักขังของตนเองออกมา เตรียมจับเป็นเทาเที่ย เนื่องจากต้องจับเป็น จะทุบตีให้ตายไม่ได้ ทำให้พวกเขาถูกมัดมือมัดเท้าอยู่บ้าง
ในเวลานี้เอง จู๋ซวีอู๋พลันปรากฏตัวออกมา เข้าใกล้เทาเที่ยและตะโกนใส่สัตว์ร้ายตัวนี้ “เฟยเหยา! เจ้าตื่นสิ หรือว่าเจ้าคิดจะเป็นแบบนี้ต่อไป!”
ไม่เข้าใจว่าจู๋ซวีอู๋กำลังคิดอะไรอยู่ หรือหวังว่าตนเองจะปลุกสัตว์ร้ายตัวหนึ่งให้ตื่นขึ้นได้?
ผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ ไม่เข้าใจ เทาเที่ยก็ไม่เข้าใจ มันจำหนุ่มน้อยเบื้องหน้าไม่ได้เลยสักนิด และฟังไม่เข้าใจว่าเขากำลังตะโกนอะไร ในสายตาของมัน นี่เป็นเพียงอาหารจานเล็กๆ ทั้งยังมีเนื้อไม่มาก
ดังนั้นเทาเที่ยจึงกระโดดเหินขึ้นใช้กรงเล็บฟาดตบ สายลมอันรุนแรงพัดขึ้นรอบด้าน ไอปิศาจทะลักออกมา และแฝงไว้ด้วยเสียงหวีดหวิว
จู๋ซวิ่อู๋สายตาเคร่งเครียด ด้านหลังมีประตูซวีคงปรากฏขึ้นทันที ร่างของเขาหายวับคิดจะมุดเข้าไป ทว่าเขากลับประเมินอานุภาพของเทาเที่ยต่ำเกินไป เจ้านี่ไม่เหมือนกับสัตว์ปิศาจขั้นเก้าธรรมดา ร่างของจู๋ซวีอู๋เพิ่งเข้าไปในประตูซวีคงได้ครึ่งเดียว กรงเล็บของเทาเที่ยก็จู่โจมมา
เสียงดังฟุ่บ ประตูซวีคงของจู๋ซวีอู๋ถูกกรงเล็บของเทาเที่ยโจมตีทำลาย ส่วนเขาก็โดนตบลอยออกไปดังตูม
จู๋ซวีอู๋รู้สึกเหมือนกระดูกทั่วร่างหัก ในสมองว่างเปล่า เห็นเทาเที่ยพุ่งมาถึงสถานที่ที่เขากำลังจะร่วงลงไปและอ้าปากกว้างรอรับเขาอยู่