ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 10
ห้องหนังสือ จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นทำลายความเงียบ ออกัสกดรับสาย เอ่ยเสียงทุ้มหนัก ฮัลโหลครับ?
คนที่อยู่ในโทรศัพท์ไม่รู้ว่าพูดอะไร คิ้วของออกัสค่อยๆ ขมวด มือใหญ่บีบคิ้ว ท่าทางอ่อนใจอย่างมาก
รดาเองก็ไม่มีทางเลือก แม่ก็รู้ แต่ดีร้ายยังไงก็เป็นครูประจำชั้นและครูสอนพิเศษของเลอแปง เลอแปงเอาแต่ขอร้องอ้อนวอนทุกวิถีทาง แกก็ไปหน่อยเถอะนะ
ได้ครับคุณแม่ ผมรู้แล้ว คุณแม่พักผ่อนเถอะครับ…… ออกัสตอบเสียงทุ้มหนัก แล้ววางสายโทรศัพท์มือถือไป
เลอแปงที่แอบฟังอยู่หลังประตูมาตลอดเผยยิ้มเล็กน้อย แต่แล้ววินาทีต่อมาก็ปิดประตูอย่างรวดเร็ว
เพราะเขาเห็นพี่ใหญ่ใช้สายตาราวกับน้ำแข็งตวัดเล็งตรงมา น่ากลัวจัง!
แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ ไม่กล้าขัดคำสั่งพี่ใหญ่ ก็เลยได้แต่ยืมมือของแม่
***
สถานกักกัน
เชอร์รีนไม่ได้นอนหลับเลย นั่งอยู่ตรงนั้น ความคิดล่องลอยไปในภวังค์
เชอร์รีน เชอร์รีนคือคนไหน ทันใดนั้นพลันมีเสียงแหลมของผู้หญิงดังมา
เกิดอาการอึ้งไปเล็กน้อย ในใจแม้มีข้อสงสัย แต่เธอยังส่งเสียงตอบและยืนขึ้น ฉันเอง
ตำรวจหญิงวัยกลางคนมองเธอสักพัก หลังจากนั้นก็พึมพำเสียงต่ำ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำบุญอะไรไว้ ถึงได้โชคดีแบบนี้!
เสียงนั้นต่ำเกินไป ดังนั้นเชอร์รีนจึงได้ยินไม่ชัด และตอนนี้ตำรวจหญิงวัยกลางคนได้เปิดประตูคุกแล้ว และพูดว่า ไปได้
ไปได้เหรอ ไปไหน
เธอตามหลังตำรวจหญิงวัยกลางคนไปด้วยความสงสัย
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะพาเธอมาที่ห้องทำงานของผู้กำกับการตำรวจ ในห้องทำงานยังมีคนอีกสองคน
ที่อยู่ตรงข้ามชัดเจนว่าเป็นผู้กำกับการตำรวจ บนร่างกายสวมใส่เครื่องแบบตำรวจ และที่หันหลังให้เป็นชายรูปงามสวมเสื้อโค้ตสีดำ สง่างาม เย่อหยิ่ง
เพียงแต่ทำไมรู้สึกว่าแผ่นหลังนี้ดูคุ้นๆ กันนะ
เชอร์รีนจ้องแผ่นหลังเขาเป็นเวลาสามวินาที แล้วดวงตาก็พลันเบิกกว้าง ทะ……ทะ……ทำไมถึงเป็นเขาได้
ผมจะพาคนออกไป ออกัสเอ่ยน้ำเสียงบางเบา
ได้ครับ ดึกขนาดนี้ยังรบกวนคุณชายออกัสต้องมาที่นี่ ที่จริงแค่โทรศัพท์มาก็พอ คำพูดของผู้กำกับการตำรวจเต็มไปด้วยการประจบสอพลอ
นิ้วยาวดับควันบุหรี่ที่อยู่ระหว่างนิ้ว แล้วออกัสก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป
เชอร์รีนยังเม้มปากยืนตกใจอยู่กับที่ ค่อนข้างไม่แน่ชัดว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตานี่มันคืออะไร!
ขณะที่สองคนเดินผ่านไป ออกัสหยุดก้าวเดิน หันมาเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่ไป?
ไป เธอเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วและตอบทันที
ออกัสพยักหน้า ดวงตากวาดผ่านร่างกายเธอ ก่อนจะก้าวเดินนำหน้าไป
ในใจคิดไปสรตะ แต่สิ่งเดียวที่คิดไม่ถึงคือ ที่พาเธอออกไปกลับกลายเป็นเขา!
ก้าวเดินตามติดเขาไป สายตาของเชอร์รีนอยู่ที่แผ่นหลังกว้างและแข็งแรงของเขา กัดริมฝีปากเล็กน้อย ความคิดล่องลอย
ทำไมเขาถึงมาที่นี่และพาตัวเองออกไป
แลนด์โรเวอร์สีดำจอดอยู่ข้างทาง
ขึ้นรถ เขาทิ้งสองคำบางเบา และเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ
ค่ำคืนเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ลมเย็นพัดผ่าน เธอยกมือขึ้นลูบใบหน้าอันเย็นเยือก เห็นถุงมือสีเทาควันบุหรี่อยู่ในกระเป๋า จึงรีบตะโกนไปยังแผ่นหลังตั้งตรงสูงตระหง่าน รอเดี๋ยว คุณออกัส!
ออกัสไม่รู้ว่าคืนนี้กี่ครั้งแล้วที่เขาต้องหยุดก้าวเดิน คิ้วขมวดอย่างหมดความอดทน มีอะไร
เธอก้าวเข้าไป ยื่นถุงมือให้ ขอบคุณนะคะ คุณออกัส
ออกัสยื่นมือไปรับมา สายตาตกลงไปบนมัน สีและสไตล์แตกต่างจากเลอแปง แต่เห็นแวบแรกก็รู้ได้ว่าถักด้วยมือ
ดวงตาที่ล้ำลึกของเขาจ้องมองเธออย่างเจ้าเล่ห์ ริมฝีปากบางยิ้มเล็กน้อย ให้ถุงมือกับผู้ชายรอบกายทุกคน หรือว่านี่เป็นนิสัยพิเศษของคุณครูเชอร์รีนที่ทำจนเคยชิน
อะไร เชอร์รีนพูดอย่างสับสน ไม่สามารถเข้าใจคำพูดของเขาได้ชัดเจน
มองสบตาที่สับสนของเธอซึ่งไม่รู้ว่าเสแสร้งหรือเป็นจริง ออกัสไม่สนใจต่อความยาวสาวความยืดในหัวข้อก่อนหน้านี้ ใส่ถุงมือลงในเสื้อโค้ตไปลวกๆ แล้วพูดว่า ขึ้นรถ
……….
มองแผ่นหลังของเขาด้วยความสับสนหนักขึ้น ก่อนจะเดินไปขึ้นรถอีกฝั่ง
เมื่อนั่งได้ที่และคาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว เชอร์รีนรีบเอาโทรศัพท์มือถือออกมา กดหมายเลขของชารีฟแล้วโทรออก แต่วินาทีต่อมากลับขมวดคิ้ว
ค่าโทรศัพท์ค้างชำระ!
หมดหนทาง เธอหันไปอีกทาง เอ่ยขอโทษ คุณออกัส ฉันขอยืมใช้โทรศัพท์มือถือของคุณหน่อยได้ไหม ของฉันค้างชำระอยู่
เมื่อได้ยิน ออกัสสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงมองไปข้างหน้า มือซ้ายถือพวงมาลัย อีกมือยื่นโทรศัพท์มือถือให้
ขอบคุณค่ะ! เชอร์รีนรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก ครู่หนึ่ง มือถือก็เชื่อมต่อติด พี่ ตอนนี้พี่อยู่ไหน
ยังอยู่เมืองA ทำไม
พี่รู้ไหมว่าทับทิมขายบ้านไปแล้ว
ชารีฟแปลกใจมาก ขายไปแล้ว? เกิดขึ้นเมื่อไร
เชอร์รีนกัดฟัน เกิดขึ้นสองวันนี้ คุณพ่อคุณแม่เขียนชื่อคุณบนใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ ถ้าไม่มีตัวตนพี่ บัตรประจำตัวและลายเซ็นของพี่ แล้วบ้านหลังนั้นจะขายไปได้ยังไง ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนกันแน่
ฉันอยู่เมืองAจริงๆ ตอนนี้ยังทำงานอยู่เลย มีเรื่องอะไรรอหลังเลิกงานค่อยคุย!
เชอร์รีนกำโทรศัพท์มือถือแน่นพลางปรับลมหายใจ เรียกชื่อเต็ม ชารีฟ ตอนนี้เรื่องสำคัญคืองานหรือบ้าน
บ้านก็ขายไปแล้วไม่ใช่หรือไง ยังมีทางอื่นอีกเหรอ แกบอกมาสิ
เธอหายใจเข้าลึก ระงับความโกรธที่โหมกระหน่ำในหัวใจ คุณให้ทับทิมเอาเงินที่ขายบ้านไปคืนมา!
เอาเงินจากเธอ แกคิดว่าเป็นไปได้หรือไง อย่าว่าแต่ประตูเลย แม้แต่ตะปูก็ไม่เหลือแล้ว!
ฉันขอเตือนพี่ คุณแม่ของเราเครียดจนความดันขึ้นไม่ได้ ก่อนที่พวกท่านจะเดินทางกลับ พี่ต้องจัดการเรื่องนี้ให้ฉัน ต่อให้ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเท่าตัวก็ต้องเอากลับมาให้ได้!
น้องพี่ แกอย่ามาล้อเล่นนะ ยังไงบ้านก็ขายไปตั้งล้านห้า ปรับเท่าตัวก็สามล้าน พี่ชายแกเป็นแค่พนักงานออฟฟิศกินเงินเดือน ขยักไว้ให้ตัวเองพันเดียว ส่วยที่เหลือก็ให้เธอไปหมด ในการ์ดก็ไม่เหลือแม้แต่เหรียญเดียว!
งั้นพี่บอกมาสิว่าตอนนี้จะทำยังไง
ชารีฟยกเหตุผลมาตอบอย่างแน่วแน่ น้องพี่แกรับราชการไม่ใช่เหรอ โรงเรียนแกก็สร้างเสร็จทุกชั้นแล้วไม่ใช่หรือไง ไม่ใช่ว่าแกมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเหรอ เงินฝากบวกกับเงินออมของพ่อแม่เรา ชำระเงินดาวน์ไม่น่าจะมีปัญหานะ ส่วนบ้านที่ขายไปแล้วก็ขายไปเถอะ
ทันทีทันใด เลือดในกายทั้งหมดพลันพุ่งปรี๊ดขึ้นไปกองบนหัว เชอร์รีนโกรธจัด สองตาดำเข้ม หลงลืมคนข้างกายไปสิ้น พูดคำหยาบคายที่ปกติไม่ค่อยใช้ใส่โทรศัพท์มือถือ
ชารีฟ—ไอ้ระยำมึงไปตายซะ!
แขนยาวที่วางอยู่บนพวงมาลัยชะงักไปเล็กน้อย ออกัสหันไปมองเธอด้วยความประหลาดใจ
หน้าอกขยับขึ้นลงอย่างต่อเนื่องด้วยจังหวะการหายใจ ใบหน้าขาวเป็นสีแดง โดยเฉพาะปากเล็กยิ่งแดงก่ำ เปล่งประกายสดใส ขยับอ้าหุบ ดึงดูดน่าหลงใหล
นัยน์ตาสีเข้มลึกล้ำวาววับอย่างรวดเร็ว ลึกเกินหยั่งอยากจะคาดเดา……