ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 265
ที่ด้านหลังของจ่านมู่ฮวามีชายวัยกลางคนใส่ชุดสูทสีดำเก่าซอมซ่อ สวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่บนใบหน้า ดูอย่างไรก็เหมือนคนเลวคนหนึ่ง
“ลุงงู…” จ่านป๋ายรู้สึกแปลกใจ เขามาทำอะไรในเวลานี้?
“จินเหลียนอยู่หรือเปล่า” สีหน้าลุงงูไร้อารมณ์ แม้แต่มองก็ยังไม่มองจ่านมู่ฮวา อ้อมผ่านเขาไปและตั้งท่าเดินเข้าไปข้างในอย่างหยิ่งผยอง
“อยู่ครับ!” จ่านป๋ายรีบหลีกทางให้ “เชิญคุณเข้ามาข้างในก่อนครับ”เห็นได้ชัดว่าซีเหมินจินเหลียนสนิทสนมกับลุงงูมากกว่าหูชีเยี่ยน แต่ไม่ว่าจะเป็นหูชีเยี่ยนหรือลุงงู ก็อย่าได้ไปหาเรื่องทำให้พวกเขาโกรธเลย
แน่นอนว่าจ่านมู่ฮวาต้องรีบติดสอยห้อยตามเข้าไป จ่านป๋ายเชิญให้ลุงงูนั่งลงบนโซฟาห้องรับแขก และหยิบโทรศัพท์โทรไปหาซีเหมินจินเหลียน
“ฉันก็อยู่บ้าน คุณไม่มีเรื่องอะไรแล้วจะโทรมาทำไม?” ซีเหมินจินเหลียนกำลังเช็ดผมที่เปียกชื้นอยู่ พลางกดปุ่มรับสาย
“จินเหลียน คุณลงมาหน่อยเถอะครับ มีคนมาหา” จ่านป๋ายพูด
“ใครกัน?” ซีเหมินจินเหลียนถามแปลกใจ
“ลุงงู” จ่านป๋ายมองไปยังลุงงูที่นั่งอยู่บนโซฟา
เป็นอย่างที่คาดไว้ เมื่อซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าเป็นลุงงู น้ำเสียงของเธอก็ดีใจยกใหญ่ “เดี๋ยวฉันรีบลงไปเลย!”
ไม่นานจ่านมู่ฮวาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ถวิลหาอยู่เช้าค่ำ ซีเหมินจินเหลียนปล่อยผมยาวสลวยเดินลงมาจากด้านบน…ได้เห็นเธอแล้ว เขามีความพึงพอใจยากที่จะเอ่ย ความจริงเขาไม่ได้ขออะไรมากเลย ขอแค่เจอเธอก็พอแล้ว
“ลุงงูคะ!” ซีเหมินจินเหลียนเห็นว่าลุงงูปลอดภัยดี ในใจก็รู้สึกดีใจ เพราะไฟไหม้ที่เจียหยาง เดิมทีเธอคิดว่าจะไม่มีวันได้เจอลุงงูอีก ไฟครั้งนั้นมอดไหม้ช่องทางติดต่อระหว่างเขาและเธอ ไหนจะคำข่มขู่ของหูชีเยี่ยนที่ทำให้เธอยิ่งเป็นห่วงเขา
“เที่ยวสนุกไหม” ลุงงูเห็นซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกดีใจเช่นกัน
ซีเหมินจินเหลียนเหลือบมองไปยังจ่านมู่ฮวา ทำไมเขาก็อยู่ที่นี่ด้วย? ตอนที่คุยโทรศัพท์กันเมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่าเจอกันพรุ่งนี้ ดึกดื่นขนาดนี้แล้วเขาก็ดั้นด้นมาทำอะไรที่บ้านของเธอ?
“ลุงงูคะ ลุงนั่งรอสักครู่นะคะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม พูดจบเธอก็หันหน้าไปหาจ่านมู่ฮวา “คุณจ่าน คุณมีธุระอะไรเหรอ”
“ไม่มีอะไร ผมแค่อยากจะมาเจอคุณ” จ่านมู่ฮวาพูดความจริง
ครั้งนี้ซีเหมินจินเหลียนอยากจะพูดว่า ถ้าหากเขาไม่ได้มีธุระอะไร เขาก็ต้องกินยาไม่เขย่าขวดมาแน่ๆ แต่สุดท้ายก็พยายามไม่ต่อล้อต่อเถียง
“คุณจ่าน ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนฝืนยิ้ม “มีธุระอะไรก็ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้เถอะค่ะ”
จ่านมู่ฮวามองไปที่ลุงงูและพยักหน้าพูดขึ้น “อืม! ได้เห็นหน้าคุณผมก็พอใจมากแล้ว! งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า จ่านป๋ายเดินออกไปส่งจ่านมู่ฮวา แต่จ่านมู่ฮวาก็มีแต่ความสงสัยเต็มไปหมด ลุงงูคนนั้นเป็นใครกัน? ดูแล้วเขาคงยังไม่รู้จักซีเหมินจินเหลียนดีจริงๆ ทำไมไปพม่าครั้งนี้เธอถึงได้รู้จักคนแปลกประหลาด อีกทั้งซีเหมินจินเหลียนก็เหมือนจะสนิทสนมกับเขาด้วยสิ?
เมื่อเดินออกไปส่งจ่านมู่ฮวา จ่านป๋ายก็ขมวดคิ้วเป็นปม จ่านมู่ฮวาดูแปลกๆ อย่างไรชอบกล ในใจของเขาเริ่มรู้สึกกังวล ไม่มีใครเข้าใจจ่านมู่ฮวาได้ดีเท่ากับเขา หรือเขาจะชอบซีเหมินจินเหลียนจริงๆ เข้าแล้ว? ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยหรอก
แค่สวี่อี้หรานคนเดียวก็ทำให้เขาหัวหนักอึ้ง รวมเขาไปอีกจะยิ่งกลุ้มใจขนาดไหน! ยิ่งในใจของซีเหมินจินเหลียน…จ่านป๋ายถอนหายใจอย่างจนใจ มีคนอยู่ในใจของเธอ แม้แต่เขาก็แทนไม่ได้…ความรู้สึกของซีเหมินจินเหลียน เขาไม่เคยหยั่งรู้ได้เลยว่าเธอต้องการอะไรกันแน่
จ่านป๋ายหมุนกายเดินเข้ามา พอดิบพอดีกับเห็นลุงงูถอดแว่นตากันแดดสีดำบนใบหน้าออก ผิดจากที่ซีเหมินจินเหลียนคาดไว้ ใบหน้าที่เดิมทีมีเกล็ดงู บวกกับผิวหนังที่เน่าเปื่อยเป็นหนอง ตอนนี้ก็หายดีหมดแล้ว
“ลุงงู ลุงอาการดีขึ้นแล้วเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างตกใจ
ลุงงูยิ้ม ดีขึ้นหรือ? ดีที่ไหนกัน? เมื่อยาเหล่านั้นแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ชีวิตนี้ก็ถูกกำหนดไว้แล้ว เพียงแต่ฝีมือการรักษาของสวี่อี้หรานนั้นดีเยี่ยม ทำให้ลักษณะภายนอกของเขากลับมาฟื้นตัวเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง
“หนูเจอเขาแล้ว?” ลุงงูถาม
ซีเหมินจินเหลียนรู้ดีว่าเขาหมายถึงใคร ตอนนั้นจึงพยักหน้า “ใช่ค่ะ แต่…ดูเหมือนบทสนทนาของพวกเราไม่ค่อยสวยเท่าไหร่!”
“เขาไม่ได้แสร้งทำเป็นว่าไม่รู้จักหนูก็ดีแล้ว” ลุงงูได้ยินแล้วถอนหายใจ “เขาให้คนตามหาลุงไปทั่วลุงก็รู้แล้วล่ะ…ว่าหนูเจอเขาแล้ว”
“เขาบอกว่า…” ซีเหมินจินเหลียนพูดเพียงเท่านี้ก็ยั้งปากไว้ไม่พูดต่อ มองไปที่ลุงงูและยิ้มออกมา “หากหนูบอกไป ลุงห้ามโกรธนะคะ”
“เขาจะฆ่าลุง นี่ก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก” ถือว่าลุงงูใจกว้างพอสมควร ดูจากสีหน้าของซีเหมินจินเหลียนแล้วเขาก็พอปะติดปะต่อเนื้อเรื่องได้ไม่ยาก เว้นเสียแต่เขาจะโง่เขลา
“ลุงงูคะ หนูขอโทษค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนกล่าวขอโทษ
“ขอโทษ?” ลุงงูส่ายศีรษะพูด “หนูมีอะไรต้องขอโทษลุงกัน?”
“หนูขอโทษแทนเขา” ซีเหมินจินเหลียนรีบพูด
ลุงงูส่ายหน้า “จินเหลียน หนูต้องรู้ไว้ว่า ข้อแรกหนูไม่มีอะไรต้องขอโทษลุง ข้อสองหนูจะทำแทนเขาไม่ได้ ข้อสามแม้ตัวเขาจะมาขอโทษเอง ลุงก็ไม่มีวันให้อภัยหรอก”
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอึ้ง หรือว่าเรื่องราวระหว่างพวกเขามันจะไม่มีทางกลับเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว? เดิมทีคิดไว้ว่าชิงเจอลุงงูก่อนเขา ยังจะพอสามารถเกลี้ยกล่อมได้หน่อย อย่างน้อยตอนสุดท้ายเธอก็ไม่อยากเห็นพวกเขาสองคนต้องกลายเป็นศัตรูที่มองหน้ากันไม่ติด
จ่านป๋ายนั่งลงข้างซีเหมินจินเหลียน ไม่ได้พูดแทรกอะไรออกมา ทำได้แค่รับฟัง เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าระหว่างลุงงูกับหูชีเยี่ยนมีความเกลียดแค้นกันแบบไหน พวกเขาไม่เหมือนพี่น้องแท้ๆ และไม่เหมือนแย่งชิงผลประโยชน์ธรรมดา แต่คล้ายกับว่าแต่ละคนมีความเชื่อไม่เหมือนกันต่างหาก จึงเป็นเหตุให้เป็นศัตรูกัน
“ลุงงูคะ หนูถามได้หรือเปล่าคะ หลายปีมานี้พวกลุงทำอะไรกันอยู่?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ตามหาหินปิดฟ้า” ลุงงูพูด “ลุงวนเวียนอยู่ที่เหมืองหยกแต่ละแห่งในพม่า”
“แล้วเขาล่ะคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม หากสามารถรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมาหูชีเยี่ยนทำอะไรบ้าง บางทีอาจจะพอเข้าใจได้บ้างว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้…ทำไมเขาถึงได้คอยขัดขวางไม่ให้เธอตามหาหินปิดฟ้า
ลุงงูได้ยินเธอถามแบบนั้นก็นิ่งอึ้งอยู่นานถึงปริปากพูดขึ้น “ปีนั้น ลุงกับเขาอยู่ที่ชายแดนของพม่าและลาว และได้ค้นพบเหมืองหยกเล็กๆ แห่งหนึ่ง จากนั้นพวกเราก็ทุ่มเทกายใจพยายามได้สิทธิ์ในการครอบครองทรัพย์สิน เหมืองหยกนั่นขนาดเล็ก พูดให้ไม่น่าฟังก็คือรัฐบาลพม่าไม่เคยแลตามองเสียด้วยซ้ำ บอกได้ว่าเหมืองหยกแบบนั้น หากอยากขุด คงต้องใช้เงินจำนวนมากในการลงทุน แต่พวกเราก็ยังดีใจ เชื่อน้ำคำที่เขาพูดว่า…เหมืองหยกนั่นจะมีหยกชั้นเลิศ ขอแค่ขุดเจอสักก้อนก็ได้ทุนคืนกลับมาแล้ว”
เรื่องนี้จ่านป๋ายกับซีเหมินจินเหลียนพอจะเข้าใจได้ หากเป็นพวกเขา ได้เจอเหมืองหยก ขอแค่สภาพเงินคล่อง เขาก็อยากลองขุดเหมืองเหมือนกัน
“ลุงจำได้ว่าคืนนั้นพระจันทร์เต็มดวง” ลุงงูสองมือกุมศีรษะ น้ำเสียงเคร่งขรึม “อากาศดี พระจันทร์กลมโต พวกเราเริ่มขุดหินหยกดิบออกมาก้อนหนึ่ง แม้ว่ายังไม่ได้เปิดเปลือกหิน แต่ก็คิดว่ามันน่าจะมีลักษณะไม่เลวเลย…แต่ในเวลานั้นเหมืองใต้ดินก็เกิดปัญหาขึ้น เขาเลยบอกจะลงไปดูด้านล่าง ลุงก็ไม่ได้ขัดขวาง”
“จากนั้นล่ะครับ?” จ่านป๋ายถาม
“หลังจากที่เขาลงไปได้ไม่นาน เหมืองใต้ดินก็ถล่ม” ลุงงูพูดถึงเท่านี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นมาทันที และมองไปทางซีเหมินจินเหลียน “เรื่องราวต่อจากนั้น หนูก็น่าจะรู้แล้ว พวกเราคิดว่าเขาตายไปแล้ว…”
“แล้วเหมืองหยกนั่นปล่อยทิ้งรกร้างแล้วเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนที่เงียบอยู่นานถามขึ้น
ลุงงูพยักหน้า ก่อนจะส่ายหน้าอีกครั้ง “ตอนแรกก็คิดไว้อย่างนั้น ลุงนึกว่าเขาตายแล้ว ได้แต่แบกสีหน้าเศร้าสร้อยกลับไปบอกข่าวคุณย่าของหนู พร้อมทั้งก็เริ่มเก็บกวาดข้าวของ และเริ่มพนันหินอย่างบ้าคลั่ง…จนกระทั่งไม่นานมานี้ ลุงเจอเขาที่พม่า ถึงได้รู้ว่า…เดิมทีเขาก็ไม่ได้ตาย”
จ่านป๋ายขมวดคิ้ว คิดๆ ดูแล้วจึงถามว่า “ใต้เหมืองหยกนั่น ตอนนี้ยังมีคนขุดเหมืองอยู่หรือเปล่าครับ”
“มี” ลุงงูพยักหน้าพูด “ตอนแรกฉันก็จัดการเหมืองหยกเรียบร้อยแล้ว แต่ช่วงนี้รู้มาว่าเหมืองหยกนั้น เมื่อสามปีก่อนมีคนทำสัญญาเพื่อเริ่มการขุดอีกครั้ง”
จ่านป๋ายมองไปที่ซีเหมินจินเหลียน และสะกดคำพูดที่อยู่ในใจ ไม่กล้าเอ่ยออกมา หากสิ่งที่เขาคิดไว้ถูกต้อง บทสรุปนี้สำหรับหูชีเยี่ยนแล้วก็ดูโหดร้ายเกินไป
ถ้าตอนนั้นเขาอยู่ล่างเหมืองแต่ไม่ได้ตาย ด้วยชะตาลิขิตหลายๆ อย่าง เอาชีวิตรอดในโลกใต้ดินจนถึงเวลาที่มีคนมาขุดเหมืองหยกอีกครั้ง เขาจึงได้เห็นแสงเดือนแสงตะวันอีก ช่วงเวลานั้นใครจะรู้ว่าเขาใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง?
ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจออกมาเบาๆ “ความหมายของลุงก็คือ ตอนนั้นเขายังไม่ตาย แต่มีชีวิตอยู่ในเหมืองหยกใต้ดิน?”
ลุงงูพยักหน้ายิ้มฝืน “เพราะอย่างนี้เขาจึงเกลียดลุง เรื่องนี้ลุงก็ไม่โทษเขาหรอก หากรู้ตั้งแต่แรก ลุงก็คงให้คนไปขุดเหมืองแล้ว บางทีเขาอาจไม่ต้องมีชีวิตลำบากขนาดนี้”
ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงประโยคที่หูชีเยี่ยนพูดไว้ว่าไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน ในใจก็รู้แจ้ง เธอไม่มีเหตุผลอะไรต้องโทษเขา เพราะเขาก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น เพียงแต่เธอไม่เข้าใจ ถึงจะเป็นแบบนั้น ทำไมเขาถึงต้องขัดขวางให้เธอตามหาหินปิดฟ้าด้วย? อย่างมากเธอก็แค่ไม่ต้องลงไปที่เหมืองหยกใต้ดินก็ได้นี่?
“ลุงก็ไม่รู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานั้นเขาเป็นอย่างไร” ลุงงูถอนหายใจ “แต่ลุงก็ยังติดค้างเขาไว้ หากเขาแค่อยากจะโทษลุงก็ไม่เป็นไร แต่เขา…เขา…เขาดูเหมือนมีอะไรบางอย่างที่แปลกไป”
“อะไรที่แปลกครับ?” จ่านป๋ายพูดแทรกขึ้นมา เขารู้สึกว่าลุงงูกับหูชีเยี่ยน ไหนจะผู้อาวุโสหูลึกลับคนนั้นก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ไม่สามารถใช้ความคิดความอ่านของคนทั่วไปมาคาดเดาพวกเขาได้
“เหมือนว่าเขาจะเกลียดแค้นเทพธิดาหนี่วาเหลือเกิน?” ลุงงูขมวดคิ้ว “วิปริตถึงขั้นที่เขาห้ามให้คนอื่นตามหาหินปิดฟ้า จนมีเรื่องบาดหมางเป็นศัตรูกับหูหวัง”
จ่านป๋ายยิ้มฝืน “ถ้าผมเป็นเขา ผมก็ต้องโกรธเกลียดเทพธิดาหนี่วาเช่นกัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะหินปิดฟ้าของเธอ เขาก็ไม่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในเหมือง และไม่ต้องอยู่ใต้ดินเกือบยี่สิบกว่าปี สวรรค์…หลายปีมานี้เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างไร?” เมื่อพูดถึงเท่านี้ เขาก็ส่ายหน้าออกมา คำพูดที่ว่าหูชีเยี่ยนอยู่ใต้ดินตั้งนานถึงยี่สิบปี เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดเดาไว้ แต่ความจริงเป็นเช่นไร มีแค่หูชีเยี่ยนเองที่รู้ดีแก่ใจ
แน่นอนว่าสาเหตุหลักของเรื่องราวทั้งหมดนี้…เป็นเพราะเหมืองหยก และหินปิดฟ้าของเทพธิดาหนี่วา?