ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 279
ในระหว่างที่จ่านป๋ายปากขยับแต่ตัวนั้น เขาก็ได้เดินไปอยู่ที่หน้าบันไดแล้ว เอื้อมมือไปประคองซีเหมินจินเหลียน ดวงตาทั้งสองคู่ไม่ละไปจากใบหน้าและมือของเธอ ปากก็พูดชื่นชมว่า “ผิวนี่…เด็กน้อยยังสู้คุณไม่ได้เลย”
“ไม่ได้เว่อร์อย่างที่คุณพูดเสียหน่อย?” ซีเหมินจินเหลียนมองตัวเองหน้าตาสะสวยก็รู้สึกดีอกดีใจเหมือนกัน ปฏิเสธที่จะให้จ่านป๋ายประคองและกระโดดลงมาจากบันไดขั้นสุดท้าย
“คุณระวังหน่อยสิ เดี๋ยวข้อเท้าได้แพลงหรอก!” จ่านป๋ายกระวนกระวาย
“ฉันไม่เป็นไร” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม แค่บันไดขั้นเดียวกระโดดลงมาข้อเท้าจะพลิกได้อย่างไรกัน ทันใดนั้นก็วิ่งไปที่ห้องรับแขกและนั่งลงข้างหูชีเยี่ยน “พ่อคะ พ่อทานข้าวหรือยังคะ?”
“เขาตื่นมาตั้งแต่หกโมงแล้ว ไหนจะบังคับให้ผมซักผ้าม่านอีก!” จ่านป๋ายปลดปล่อยความลำบากใจที่กลัดกลุ้มเต็มอกออกมา และรีบฟ้องร้องขอความยุติธรรม “นี่ก็รอให้คุณตื่นขึ้นมาสั่งว่ามื้อเที่ยงวันนี้จะกินอะไร ผมจะได้ไปซื้อถูก”
“หา…” ซีเหมินจินเหลียนนิ่งงันไป เดิมทีคิดว่าหูชีเยี่ยนแค่พูดหยอกล้อ คิดไม่ถึงว่าเขาจะให้จ่านป๋ายซักผ้าม่านจริงๆ? ดูอย่างนี้แล้วคงถึงเวลาที่เธอจะต้องเปลี่ยนผ้าม่านใหม่แล้วสินะ “ผ้าม่านในห้องของฉันคุณอย่าได้ยุ่งเชียวนะ คืนนี้ฉันยังอยากจะให้มีผ้าม่านแขวนอยู่ในห้อง!”
“ถ้านายไม่มีอะไรก็ไปซื้อกับข้าวได้แล้ว อย่าเที่ยวเป็นก้างขวางคออยู่เลย” หูชีเยี่ยนพูด “ตอนนี้ที่นี่ฉันพูดอะไรก็ต้องฟัง ถ้านายไม่เต็มใจจะทำ หึ…ก็เชิญออกไป!”
“ผมจะไปซื้อกับข้าวครับ!” จ่านป๋ายถอนหายใจออกมา เมื่อไหร่เขาจะไปสักทีนะ?
“พ่อคะ พ่ออย่ากลับพม่าเลยนะคะ อยู่ที่นี่ได้หรือเปล่า?” จ่านป๋ายเพิ่งเดินไปถึงปากประตูได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงซีเหมินจินเหลียนคุยกับหูชีเยี่ยน….ถ้าเขาอยู่ที่นี่ยาว แล้วตนเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร?
“ตอนนี้พ่อยังคงไม่กลับไปที่พม่าหรอก” หูชีเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ “แต่ก็พักที่นี่ไม่ได้นานเหมือนกัน”
“ทำไมล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนข้องใจ “อยู่กับหนูไม่ดีเหรอ ถ้าพ่อคิดว่ามันเล็กเกินไป พวกเราไปซื้อบ้านที่หลังใหญ่กว่านี้ก็ได้”
จ่านป๋ายที่เดิมทีกำลังเดินออกจากประตู เมื่อได้ยินก็ชะงักฝีเท้าอยู่ข้างหน้าประตู และแอบฟังอยู่เงียบๆ… หูชีเยี่ยนรักและเอ็นดูซีเหมินจินเหลียนมาก เรื่องนี้เขามองออก เพียงแต่เขาไม่ชอบให้ซีเหมินจินเหลียนตามหาหินปิดฟ้า ใครพูดถึงเรื่องนี้เขาจะโกรธจนหน้าถอดสีและไร้ความปราณี
“อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ?” หูชีเยี่ยนพูด “จินเหลียน ลูกรับปากกับพ่อได้ไหม อย่าไปตามหาหินปิดฟ้าเลย แล้วชีวิตของลูกจะมีความสุข”
“แล้วถ้าหนูไปหาล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนเอียงศีรษะย้อนถาม
“ถ้าลูกยึดมั่นอยากจะไปตามหา…ในอนาคตลูกจะต้องเสียใจแน่นอน!” หูชีเยี่ยนพูด “พ่อพูดอะไรไป ลูกก็คงไม่เชื่อ ก็เหมือนพ่อในตอนนั้น…” พูดถึงประโยคนี้เขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“พ่อคะ พ่ออย่าพูดแค่ในมุมของตัวเองสิคะ? ทำไมถึงได้คิดว่าหนูจะต้องเสียใจ” ซีเหมินจินเหลียนนำคางไปวางไว้บนบ่าของเขาและยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “หนูแค่อยากจะเห็นหินสวยงามก้อนนั้น”
หูชีเยี่ยนจิตใจไม่สงบ และทนไม่ได้อยากจะก่นด่าเธอสักรอบเหมือนครั้งแรกที่ได้เจอกัน ทันใดนั้นจึงรวบมือเธอมาและมองดูอย่างละเอียด พยักหน้าพูด “ไม่เลว ไข่ฟองนั้นมีประโยชน์บ้างแล้ว ทำให้ลูกสาวของพ่อมีน้ำมีนวลเปล่งปลั่งขึ้นมา”
ซีเหมินจินเหลียนรู้ว่าเขากำลังเบี่ยงประเด็น รู้ว่าเขาไม่ยินดีที่จะพูด ตอนนั้นก็ได้แค่ยิ้มหัวเราะและถามว่า “พ่อรู้ได้ยังไงคะว่าไข่ฟองนั้นช่วยเสริมความงามได้”
“ในหนังสือโบราณมีเขียนไว้” หูชีเยี่ยนยิ้ม “ตอนเด็กพ่อให้ลูกอ่านหนังสือมากๆ ลูกก็ไม่ยอมฟัง”
“ทำไมหนูไม่เห็นรู้เลยว่าหนังสือโบราณก็มีเขียนถึงเรื่องนี้ด้วย” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “พ่อกำลังพูดจาเหลวไหลหลอกหนูอยู่”
“พ่อชื่อหูชีเยี่ยน ไม่ได้ชื่อหูซัว[1]ซะหน่อย!” หูชีเยี่ยนสีหน้าจริงจังพูด “หนังสือโบราณมีบันทึกไว้ ในหินมีหยก โบราณมีการกำเนิดคาลเซโดนี คุณสมบัติช่วยเสริมสร้างผนังเซลล์ที่ถูกทำลาย อีกทั้งลดริ้วรอยเสริมความงาม…”
“หนังสือเล่มไหนที่เขียนไว้เหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนเห็นเขาพูดจาจริงจัง จึงถามอย่างสงสัย “หนูจะหามาอ่านดู?”
“ชีวประวัติจริงของชี่เยี่ยน” หูชีเยี่ยนพูด
ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ ทันใดนั้นก็เข้าใจได้ว่าตัวเองถูกเขาหลอกอย่างจัง และมองรอยยิ้มของหูชีเยี่ยนที่ใบหน้าลำพองใจ เธอยกกำปั้นเล็กๆ ทุบไปที่ไหล่ของเขา “พ่อหลอกหนูนี่…”
หูชีเยี่ยนยิ้มกว้าง ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นว่า “พ่อคะ หนูพูดจริงจังนะ ทำไมพ่อถึงรู้ว่าของเหลวข้างในเปลือกไข่ฟองนั้นมีคุณสมบัติช่วยเรื่องความสวยความงามล่ะ?”
“พ่อจะรู้ได้ยังไง?” หูชีเยี่ยนพูด “ได้ยินจ่านมู่หรงบอกว่าจะเอาไปตรวจสอบทางเคมี พ่อไม่เห็นด้วย มือเลยพลั้งถือโอกาสไปถูบนมือลูก คิดว่าจะหลอกลูกแค่นั้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะเดาถูกด้วย”
ซีเหมินจินเหลียนไม่เชื่อคำหลอกลวงของเขา เดาอย่างนั้นเหรอ? ทำไมเธอไม่เคยเดาถูกเลย?
“จินเหลียน คืนนี้พวกเรามาผ่าหินลายน้ำดูดีไหม?” หูชีเยี่ยนยิ้ม
“ไม่แล้วล่ะค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกอาลัยอาวรณ์ สงสัยก็สงสัย แต่ผ่าราชาหยกไปแล้วก็ดูไม่เห็นได้เบาะแสอะไร ตอนนี้ราชาหยกก็เหลือไว้แค่เปลือกไข่ว่างเปล่า คาลซิโดนีทั้งหมดข้างในกลายไปเป็นครีมบำรุงเสริมความงามให้เธอ หากหินลายน้ำข้างในก็มีของเหลวข้างในแบบนี้เหมือนกัน ถ้าผ่าออกมาแล้วสัมผัสกับอากาศเข้า ไม่รู้ว่าจะเสื่อมคุณภาพหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นก็ได้ไม่คุ้มเสีย
อีกอย่างถ้าเป็นคาลซิโดนีจริงๆ คุณสมบัติน่าจะไม่ใช่แค่เสริมความงามธรรมดาๆ แค่นั้น เอามาใช้ให้เธอเสริมสวย มันสิ้นเปลืองไปหน่อย จากนิสัยของหูชีเยี่ยน ถ้าเป็นของคล้ายกันจริงๆ เกรงว่าเขาคงถูไปบนมือเธอ
หินลายน้ำไม่ได้ใหญ่เหมือนกัน ถ้าข้างในมีคาลซิโดนีก็ไม่น่าจะเยอะ
“รอให้ผ่านไปอีกกี่วันแล้วกันค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะพูด “ยังไงพ่อก็อยู่ที่นี่สักระยะ”
“ก็ดีเหมือนกัน” หูชีเยี่ยนพยักหน้าพูด “พ่อไปทำภาชนะหยกสามขาให้ลูกดีกว่า จริงสิ หยกสีแดงเทพดาวโซ่วที่ลูกทำ ลูกไม่คิดจะแกะสลักเหรอ?”
ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วพูด “หนูเคยทำแค่แกะสลักคนขนาดเล็กๆ ใหญ่ขนาดนี้ไม่เคยแกะสลักมาก่อน กังวลว่าหากลงมีดไปอาจจะทำให้มันพัง ดังนั้น…” พูดจบเธอก็ปัดมือไปมา ใบหน้าหมดปัญญา เธอรู้ว่าคนส่วนมากเวลาฝึกฝีมือ ความจริงก็คือใช้หินมาฝึกฝน ไม่เหมือนเธอที่ใช้หยกคุณภาพเกรดดีมาฝึกจริง ไม่มีใครที่กล้าทำแบบเธอแน่นอน
“ต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า?” หูชีเยี่ยนถาม
“หนูขอลองเองก่อนแล้วกันค่ะ พ่อทำภาชนะหยกสามขาของพ่อไปนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“โอเค อย่างไรพังแล้วก็เป็นหยกหนึ่งก้อนอยู่ดี” หูชีเยี่ยนพูดจาไม่สนใจ
ซีเหมินจินเหลียนบ่นพึมพำในใจ ในสายตาของเขาหยกคุณภาพดีพวกนี้คงไม่ต่างอะไรกับหินทั่วไป ลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวลงห้องใต้ดิน แต่ในเวลานี้เสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น…
“เดี๋ยวพ่อไปดูเอง!” การเคลื่อนไหวของหูชีเยี่ยนเร็วกว่าเธอก้าวหนึ่ง “ยังมีแขกมาบ้านอีกเหรอ? ทำไมพนักงานรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านไม่แจ้งลูกก่อน?”
“น่าจะเป็นคนคุ้นเคยค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม เหมือนจ่านมู่ฮวา สวี่อี้หรานและคนอื่นๆ ที่มาถึงหน้าประตูก็ไม่เคยทักทายอะไร นี่เป็นข้อดีของคนมีเงิน พนักงานรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านเห็นพวกเขาก็ดีใจกว่าเห็นเขาที่แก่เฒ่าอยู่ดี
หูชีเยี่ยนเปิดประตูก็เห็นจ่านมู่ฮวาที่หล่อเหลาวัวตายความล้ม ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ส่วนจ่านมู่ฮวาเองก็แปลกใจ ได้ยินว่า…ซีเหมินจินเหลียนเชิญเชฟมาคนหนึ่ง เขาเลยแบกความสงสัยตั้งใจเข้ามาดู คนคนนี้…น่าจะเป็นเชฟคนนั้นใช่ไหม?
จ่านมู่ฮวาถือช่อดอกกุหลาบสีแดงสดออกมาจากข้างในรถ ยิ้มทักทายกล่าวว่า “สวัสดีครับคุณลุง ไม่ทราบว่าคุณซีเหมินอยู่บ้านหรือเปล่าครับ”
“อยู่” หูชีเยี่ยนถอยหลังหนึ่งก้าวให้จ่านมู่ฮวาเข้ามา
“ฮัลโหล จินเหลียน ทำไมช่วงนี้คุณสวยขนาดนี้ล่ะ คุณใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบรนด์ไหน?” จ่านมู่ฮวาเห็นซีเหมินจินเหลียนแล้วรีบทักทาย…ไม่ใช่ว่าเขาประจบประแจง แต่ซีเหมินจินเหลียนสวยขึ้นจริงๆ ไม่รู้ว่าใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอะไร คิดไม่ถึงว่าจะมีประสิทธิภาพล้ำหน้าขนาดนี้ ต้องป่าวประกาศอย่างยิ่งใหญ่เสียแล้ว
“คุณคิดไปเองหรือเปล่า สวยกว่าเดิมยังไงกัน หรือว่าแต่ก่อนฉันไม่สวย?” ซีเหมินจินเหลียนแค่นเสียงใส่ สำหรับเรื่องวาจาหวานหูนั้นไม่มีใครเกินจ่านมู่ฮวา “คุณมาทำอะไรตั้งแต่เช้า?”
“คุณเลือกฤกษ์งามยามดีสักวันสิ ผมจะย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านคุณ!” จ่านมู่ฮวาพูด “ผมได้ยินว่าคุณเชิญเชฟฝีมือดีมาใช่ไหม?”
“อะไรนะ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว กำลังจะอธิบายว่าหูชีเยี่ยนไม่ใช่เชฟที่เธอเชิญมาแต่เป็นพ่อของเธอ แต่เห็นหูชีเยี่ยนยืนอยู่หลังจ่านมู่ฮวาและขยิบตาให้เธอ ไม่นานก็เข้าใจได้ “ฉันรับปากว่าจะให้คุณย้ายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เอ๋ แจกันดอกไม้บ้านคุณไปไหนซะแล้วล่ะ” จ่านมู่ฮวาหาไปทั่วห้องรับแขกก็ไม่เจอแจกันดอกไม้ ทำได้แค่นำดอกไม้วางไปบนโต๊ะและไม่ได้ตอบคำถามของซีเหมินจินเหลียน
“เมื่อวานเผลอทำแตกน่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “คุณอย่าเปลี่ยนประเด็น ฉันไปรับปากให้คุณย้ายเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“นี่มันไม่ยุติธรรม คุณเก็บจ่านมู่หรงมาเลี้ยงตั้งนาน ทำไมถึงจะเก็บผมไว้ไม่ได้?” จ่านมู่ฮวาเข้าใกล้เธอและพูดว่า “คุณสวยกว่าเดิมจริงๆ นะ ผิวดีเหลือเกิน เนียนใสมาก…เหมือนกับเด็กทารกแรกเกิดเลย” ปากก็พูดไปแต่เขาก็เอื้อมมือเข้ามาเตรียมจะจับ
ซีเหมินจินเหลียนถอยไปด้านหลังเพื่อหลบหลีกมือเขา แต่หูชีเยี่ยนแค่นเสียงใส่อย่างเลือดเย็น และคว้าข้อมือของจ่านมู่ฮวามาและสะบัดเขาเขวี้ยงลงอย่างเ**้ยมโหด
“นี่…คุณ…ทำอะไรน่ะ?” จ่านมู่ฮวากลัดกลุ้มไปหมด เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำตัวเจ้าชู้ไก่แจ้ เพียงแต่แค่รู้สึกว่าผิวของซีเหมินจินเหลียนขาวเนียนราวกับผิวของทารกแรกเกิด อยากจะสัมผัสดูก็แค่นั้น
“ถ้านายกล้าแตะต้องตัวเธออีก ฉันจะจับเท้าของนายมาตัดเอาไปตุ๋นซะให้รู้แล้วรู้รอด!” หูชีเยี่ยนพูดอย่างเ**้ยมโหด
“คุณลุงนี่อารมณ์ร้ายเหลือเกิน!” จ่านมู่ฮวาแค่นเสียงใส่ เห็นซีเหมินจินเหลียนไม่พูดอะไร ตอนนั้นก็พูดขึ้นอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “ผมแตะต้องแฟนของผม ไม่ได้แตะต้องลูกสาวของคุณสักหน่อย คุณจะเดือดร้อนอะไรกัน? ถึงจะพาลูกสาวคุณมาให้ผมแต๊ะอั๋ง ผมก็ไม่…”
เขายังไม่ทันได้พูดจบ หูชีเยี่ยนก็ใช้ฝ่ามือตบไปหนึ่งฉาดบนใบหน้าของเขา
จ่านมู่ฮวาแม้แต่ฝันก็คิดไม่ถึง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลงไม้ลงมือเสียแล้ว อยากจะเบี่ยงหน้าหลบฝ่ามือเขา แต่มันทันที่ไหนกันล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหูชีเยี่ยนลงมือแล้ว เขาพูดว่าอยากจะหลบก็จะหลบได้อย่างนั้นเหรอ?
ใบหน้าของซีเหมินจินเหลียนเจือยิ้มร้ายกาจ สำหรับจ่านมู่ฮวาที่ตามตอแยอยู่นั่น เธอไม่มีหนทางอะไรเลย แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน มีพ่อวิปริตอย่างหูชีเยี่ยนคนนี้อยู่ เธอไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งนั้น
ดังนั้นฟังจากเสียงเพี๊ยะที่ดังสนั่น ใบหน้าของจ่านมู่ฮวาก็ถูกตบเข้าอย่างแรง ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาขาวใสครึ่งหน้าบวมเป่งกลายเป็นสีแดง ดูอย่างนี้แล้วฝ่ามือตบของหูชีเยี่ยนไม่ใช่เบาๆ เลย
“คุณ…” จ่านมู่ฮวาโกรธจนใบหน้าบึ้งตึงฉับพลัน “คุณเป็นใคร ทำไมกล้ามาตบผม?” เพราะว่าอยู่ต่อหน้าซีเหมินจินเหลียน เขาจึงทำเรื่องขายขี้หน้าไม่ได้
[1] หูซัว (胡说) แปลว่าพูดจาเหลวไหล พูดไร้สาระ