ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 296
หูชีเยี่ยนขมวดคิ้วเป็นปม “ในเมื่อแกเอาแผนที่นั้นคืนให้เขา แล้วเขาจะมาวิ่งว่อนอยากได้แผนที่จากฉันทำไม?” แม้ว่าในใจเขาจะรู้ดีว่าหูหวังไม่ได้มาหาเขาเพื่ออยากได้แผนที่ แต่อยากได้แจกันดอกบัวทองนั่นต่างหาก แต่เขาก็ไม่สนว่าจะเป็นแผนที่หรือแจกันดอกบัวทอง เพราะเขาจะไม่ยอมให้เขาเด็ดขาด
อย่าว่าแต่ไม่มีเลย ถึงมีเขาก็ไม่ให้…จะให้เขาเอาไปตามหาหินปิดฟ้าน่ะหรือ?
“แกเลอะเลือนไปแล้วเหรอไง ไม่ใช่ว่าในมือของแกยังมีอีกครึ่งหนึ่งเหรอ?” ลุงงูสบถด่า “เขาไม่มาขอจากแก แล้วจะไปขอจากใคร?”
หูชีเยี่ยนถึงได้โคลงศีรษะพูด “ครึ่งหนึ่งของฉันหายไปแล้ว สถานการณ์ในตอนนั้น ฉันเอาตัวรอดมาได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ยังจะพูดถึงแผนที่อีก?”
“หายไปก็ดีกว่าไม่ใช่เหรอไง!” ลุงงูแสยะยิ้ม “อย่างไรเสีย แกก็ไม่อยากให้ใครตามหาหินปิดฟ้าอยู่แล้ว”
“ไม่ใช่ แกยังจำตัวอักษรที่บันทึกบนแผนที่พวกนั้นได้หรือเปล่า” หูชีเยี่ยนถาม
“สัญลักษณ์บ้าบออะไร ใครก็ดูไม่ออกทั้งนั้น!” ลุงงูพูด
“ตัวอักษรอะไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดแทรก
“ยุคประวัติศาสตร์ก่อนการก่อตั้งราชวงศ์ฉิน อักษรเหนี่ยวจ้วน คิดว่าน่าจะเก่าแก่กว่านั้นอีกหน่อย อย่างไรเสียพวกเราก็ไม่มีใครที่อ่านออกสักคน!” ลุงงูพูด “ไม่มีใครรู้ว่าแผนที่นั่นสืบทอดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไรได้ยินมาว่าเป็นบันทึกเหตุการณ์ที่เทพธิดาหนี่ว่าหลอมหินปิดฟ้าในตอนนั้น รวมถึงพิกัดของหินปิดฟ้าด้วย…”
ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอึ้งไป ลุงงูเคยวาดแผนที่เรียบง่ายให้กับเธอแผ่นหนึ่ง บอกเธอว่ามันเป็นข้อมูลเกี่ยวกับหินปิดฟ้า หรือตอนนั้นสิ่งที่ลุงงูให้เธอจะเป็นข้อมูลของแผนที่แผ่นนั้น ในเมื่อเป็นอย่างนี้ทำไมเขาต้องปิดบังหูชีเยี่ยนด้วย?
ส่วนลุงงูพูดได้เท่านี้ก็เหลือบมองซีเหมินจินเหลียน ซีเหมินจินเหลียนเองได้แต่ขมวดคิ้วไม่พูดอะไร
“หยุดทำตัวไร้สาระต่อหน้าฉันหน่อยเถอะ” หูชีเยี่ยนพูด “แกเป่าหูให้จินเหลียนไปตามหาหินปิดฟ้าบ้าบอนั่นทำไม? อย่าคิดว่าเรื่องที่แกแอบหลบๆ ซ่อนๆ ทำ ฉันจะไม่รู้”
“แกรู้แล้วจะทำไม?” ลุงงูเดือด “ฉันกลัวแกเหรอ? ฉันแค่บอกกับจินเหลียนเกี่ยวกับข้อมูลหินปิดฟ้า แล้วจะทำไม การตามหาหินปิดฟ้าไม่ใช่ว่าเป็นภารกิจรุ่นสู่รุ่นของตระกูลหูของพวกนายหรอกเหรอ?”
“นั่นเป็นเรื่องของตระกูลหู เกี่ยวอะไรกับแกด้วย!” หูชีเยี่ยนโกรธจัด
ครั้งนี้แม้แต่ซีเหมินจินเหลียนยังรู้สึกว่าหูชีเยี่ยนไม่เห็นแก่ความรู้สึก จึงกระซิบพูดขึ้น “พ่อคะ”
“แกอยากจะไปตามหาหินปิดฟ้า แกก็ไปคนเดียวสิ อย่าเอาจินเหลียนเข้าไปเกี่ยวด้วย!” หูชีเยี่ยนผ่อนน้ำเสียงลง
ลุงงูมองไปทางหูชีเยี่ยนอยู่นานถึงถามว่า “พวกเราไม่พูดเรื่องนี้ได้ไหม?”
“แล้วจะให้พูดเรื่องอะไร?” หูชีเยี่ยนถาม
“ยี่สิบปีมานี้ แกไปอยู่ที่ไหนมา” ลุงงูถาม นี่ถึงเป็นเป้าหมายแท้จริงที่เขาอุตส่าห์มาหาหูชีเยี่ยนในคืนนี้
“ฉันจะอยู่ที่ไหน มันเกี่ยวอะไรกับแกด้วยเหรอ?” หูชีเยี่ยนยิ้ม “หรือฉันต้องคอยรายงานแกอีกครั้ง แล้วให้แกขุดหลุมฝังฉันอีกล่ะ?”
“เรื่องในครั้งนั้นฉันไม่รู้จริงๆ!” ลุงงูพูด “ก็แล้วแต่นายว่าจะเชื่อหรือไม่ อย่างไรเสียถ้าไม่ใช่บังเอิญเจอจินเหลียน รู้ว่าเธอกำลังประสบปัญหา ฉันก็คงฆ่าตัวตายไปแล้ว ไม่ต้องเอาตัวรอดไปวันๆ…ชีวิตที่เหมือนคนก็ไม่ใช่ เหมือนผีก็ไม่เชิงแบบนี้ ฉันใช้ชีวิตกับมันด้วยความกลัว”
หูชีเยี่ยนโคลงศีรษะพูด “เรื่องในอดีต ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป ฉันไม่อยากจะทะเลาะกับแกอีก เพียงแค่…ฉันไม่อยากให้จินเหลียนไปตามหาหินปิดฟ้าอีก ไม่หวังให้เป็นแบบนั้นจริงๆ” ระหว่างที่พูดประโยคนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางซีเหมินจินเหลียน
ซีเหมินจินเหลียนทำได้แค่ยิ้มบางๆ ออกมา หากหูชีเยี่ยนคอยอยู่ข้างกายเธอตลอด เธอก็ไม่มีทางไปตามหาหินปิดฟ้าอย่างแน่นอน แต่ถ้าหูชีเยี่ยนเล่นหายตัวไปอีกครั้ง เธอก็เคยบอกแล้วว่าเธอจะพลิกแผ่นดินทั่วพม่าเพื่อตามหาหินปิดฟ้าให้เจอ
ในความคลุมเครือไม่ชัดเจน เธอมักรู้สึกว่าหูชีเยี่ยนน่าจะมีความข้องเกี่ยวอะไรบางอย่างกับหินปิดฟ้า พอเธอตามหาเส้นทางเจอ แต่เมื่อคิดทบทวนอย่างละเอียดมันก็คว้าน้ำเหลวอยู่ตลอด
“เพราะฉะนั้นฉันหวังว่าแกอย่าได้มาสร้างความยุ่งยากให้กับจินเหลียนอีก ฉันแค่หวังให้เธอมีความสุขก็แค่นั้น!” หูชีเยี่ยนกุมมือซีเหมินจินเหลียนไว้และพูดเสียงเบา
ลุงงูจ้องมองหูชีเยี่ยนอย่างเ**้ยมเกรียม ดูแล้วเหมือนจะระเบิดลงอีกครั้ง ทำให้จ่านป๋ายที่มองอยู่อกสั่นขวัญแขวน สองคนนี้อยากเล่นละครเป็นนักฆ่าพิชิตมารหรืออย่างไร เขาไม่มีความเห็นอะไรทั้งนั้น แต่ทางที่ดีอย่ามาเล่นละครให้ซีเหมินจินเหลียนดูในห้องรับแขกแบบนี้จะดีกว่า!
ฉากชุลมุนวุ่นวายพวกนี้…สุดท้ายแล้วของที่แตกกระจายก็แค่ใช้เงินซื้อแก้ปัญหา และสุดท้ายก็ต้องให้เขาเก็บกวาดอีก…
“จินเหลียน แกเป็นห่วงจินเหลียน แล้วฉันไม่เป็นห่วงจินเหลียนหรืออย่างไร?” ลุงงูถอนหายใจ “แกอย่าเอาเรื่องพวกนี้มาโยงเข้าด้วยกันเลย แกบอกมาเถอะ…ยี่สิบปีที่ผ่านมานี้แกทำอะไรอยู่ที่ไหน?”
“แกก็บอกฉันมาก่อนสิ ยี่สิบปีนี้แกทำอะไร?” หูชีเยี่ยนถาม
“ฉันนึกว่าแกตายแล้ว” ลุงงูขมวดคิ้วพูด “พูดไปแกก็โกรธก็แล้วกัน ฉันอยู่หน้าเหมืองหยกนั่นช่วงหนึ่งแล้วดั้นด้นกลับมาที่บ้านพวกเรา ขอร้องให้ป้าช่วยสอนทักษะพนันหินกับฉันหน่อย แต่เธอไม่ยอม ฉันก็จนปัญญา จึงขอร้องให้เธอช่วยมอบตำรายานั่นให้ฉัน! ตำรายานั่นเป็นตำรายาสมัยโบราณ ข้างในมีบันทึกยาเทวดากับยาพิษ มันยากที่จะหาเจอ ยี่สิบปีนี้ฉันอยู่ในหุบเขาป่าลึกตามหาตัวยา จนแทบจะมีชีวิตตัดขาดจากโลกภายนอก”
หูชีเยี่ยนได้ยิน ไม่เงยหน้าพูดจาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถามว่า “ซีเหมินเหล่าเอ๋อร์รู้ว่าแกเอาตำรายามาหรือเปล่า?”
“รู้!” ลุงงูพยักหน้าพูด “‘พ่อรู้มาตลอด”
“ในเมื่อเขารู้ แล้วทำไมถึงไม่ห้ามปรามล่ะ” หูชีเยี่ยนถาม “หรือเขาไม่รู้ว่าตำรายานั่นใช้ไม่ได้?”
สีหน้าการแสดงออกของลุงงูเปลี่ยนไปอย่างประหลาด เขายิ้มแปลกๆ แล้วเอ่ยว่า “หูชีเยี่ยน เวลานี้แล้วแกยังพูดถึงเรื่องนี้อีกเหรอ? แต่เล็กจนโตมีเรื่องอะไรบ้างที่พวกเราฟังเขาบ้างล่ะ?”
“แกก็คือแก ฉันก็คือฉัน อย่าเหมารวมกัน” หูชีเยี่ยนพูดเย็นชา
“เขาก็พูดของเขาไป ฟังหรือไม่ฟังมันเป็นเรื่องของฉัน” ลุงงูยิ้มเย็น “เขายังก่อเรื่องร้ายแรงเอง แล้วจะใช้สิทธิ์อะไรมายุ่งกับพวกเรา?”
ซีเหมินจินเหลียนอยากจะพูดแทรกบอกพวกเขาว่าความจริงบั้นปลายชีวิตของอาจารย์ทุกข์ระทมมาก คุณย่าเย็นชากับเขา ถ้าไม่ใช่หูชีเยี่ยนที่เป็นคนบอกให้เธอฟังกับปาก เธอคงไม่กล้าเชื่อว่าตอนนั้นคุณย่ากับอาจารย์แอบหนีตามกันมา
เดิมทีเธอไม่รู้มาตลอดว่าทำไมบั้นปลายชีวิตของอาจารย์ถึงได้เป็นทุกข์ ตอนนี้เธอก็เข้าใจแล้วว่าการที่มีลูกชายอกตัญญูไม่รักดี แถมยังมีศิษย์แบบนี้อีก ไม่แปลกเลยที่เขาจะเสียใจ ซีเหมินจินเหลียนรู้แจ้งแก่ใจว่าหูชีเยี่ยนเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ที่แท้จริง ส่วนตัวเองก็แค่หอบติดมือมาด้วยเท่านั้น สิ่งที่พร่ำสอนให้เธอก็แค่คลายความเหงาในช่วงบั้นปลายชีวิตก็เท่านั้น
ดังนั้นเธอจึงมีหลายอย่างที่ไม่ได้เรื่อง สู้หูชีเยี่ยนที่ยอดเยี่ยมระดับมืออาชีพไม่ได้หรอก
สำหรับซีเหมินเหล่าเอ๋อร์ที่หูชีเยี่ยนพูดออกมา ก็คืออาจารย์ของซีเหมินจินเหลียน แม้รู้เรื่องทุกอย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าเขาเป็นคนก่อ…แถมซีเหมินน่งเย่ว์คนนั้นเป็นศัตรูรายใหญ่อาฆาตแค้นของพวกเขา แต่สำหรับอาจารย์เธอก็ไม่สามารถโกรธหรือเกลียดได้ลง
ตัวละครที่น่าเศร้าสลดของเรื่องนี้!
หลังจากคุณย่าจากไปได้ไม่นาน อาจารย์ก็ตรอมใจลงในที่สุด หลุมฝังศพที่อ้างว้างได้ฝังเกียรติยศและความอัปยศที่เคยทำไว้ทั้งสิ้น…
“แกทำยาตัวนั้นออกมาหรือยัง” หูชีเยี่ยนถามอีกครั้ง
ลุงงูคิดๆ ดู ก่อนส่ายหน้าพูด “ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะนับว่าทำได้หรือไม่ได้ ในนั้นฉันหายาอิ๋นเย่าไม่เจอ เลยหาของอื่นมาแทน”
“ยาอิ๋นเย่าคืออะไรเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนข้องใจ
“เลือดของเทพธิดาหนี่วา!” หูชีเยี่ยนยิ้มเย็น “เขาจะไปหาจากที่ไหนล่ะ?”
ซีเหมินจินเหลียนตกตะลึง ครั้งก่อนเหมือนสวี่อี้หรานเคยบอกว่าต้องหาเลือดเทพธิดาหนี่วามาทำยาอะไรสักอย่าง หรือยาที่พวกเขาจะปรุงเป็นชนิดเดียวกัน?
หูชีเยี่ยนเห็นท่าทางสงสัยในตัวเธอ จึงพูดอธิบาย “เข็มหินรักษาโรค…หินในนั้นลูกรู้หรือเปล่ามันหมายถึงอะไร?”
“เนฟไฟรต์? เจไดต์?” จ่านป๋ายรีบพูดแทรกอย่างตกใจ
ลุงงูพยักหน้า หูชีเยี่ยนถามอีกรอบ “ผลลัพธ์เป็นยังไง”
“แกก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ?” ลุงงูแค่นเสียงใส่ น้ำเสียงมีความโกรธจัด
แม้รู้ว่าถามไปแล้วลุงงูอาจจะระเบิดลง แต่ซีเหมินจินเหลียนก็ไม่กลัวที่จะถามออกไป “ลุงงู คุณเอาอะไรมาแทนคะ คงไม่ใช่ว่าพิษงูหรอกนะ?”
สีหน้าของลุงงูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ซีเหมินจินเหลียนทายว่าเธอคงเดาถูกแล้ว แต่…ยอมเขาเลยที่คิดได้แบบนั้น พิษงูเนี่ยนะ? เลือดเทพธิดาหนี่วา? ล้อเล่นอะไรกัน มันแทนกันได้เหรอ?
“คุณคิดได้ยังไงครับ?” จ่านป๋ายถาม “ตามตำราเทพบอกไว้ว่าเทพธิดาหนี่วาเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์! เลือดของเทพธิดาคุณกลับเอาพิษงูมาแทน?”
ลุงงูเหลือบมองไปที่หูชีเยี่ยน ซีเหมินจินเหลียนสงสัยไม่คลาย หรือว่าความคิดบ้าๆ นี้ หูชีเยี่ยนจะเป็นคนคิดให้เขา? แต่เวลานั้นหูชีเยี่ยนน่าจะหายตัวไปแล้วนี่นา
“เทพธิดาหนี่วาก็มีหน้าเป็นคนแต่ลำตัวเป็นงูไม่ใช่เหรอ!” ลุงงูพูด “ตอนนั้นฉันกับเขาปรึกษากัน ได้ผลสรุปจากเขาว่า…บรรพบุรุษมนุษย์ก็คือปีศาจ!”
“เหลวไหล!” จ่านป๋ายส่ายหน้าพูด เจอพี่น้องสองคนเช่นนี้ ถ้าเทพธิดาหนี่วารู้คงต้องเกรี้ยวโกรธแน่ แต่เมื่อย้อนคิดดู ซีเหมินจินเหลียนเคยเขียนบทภาพยนตร์นั่น หินปิดฟ้าของเทพธิดาหนี่วา…เหมือนจะเขียนให้เทพธิดาหนี่วากลายเป็นพวกปีศาจ…
บางทีบนโลกใบนี้อาจจะมีปีศาจมาก่อน แล้วค่อยมีมนุษย์? บางทีความหมายแฝงของปีศาจอาจจะไม่ใช่คำที่มีความหมายทางลบก็ได้? จ่านป๋ายส่ายศีรษะ รู้สึกว่าตัวเองเข้าไปตายในซอยตัน ใช่สิ…หรือสิ่งที่หูชีเยี่ยนพูดจะถูก อารายะธรรมของมนุษย์ไม่ต้องการตำนานเทพ
ปีศาจก็ดี เทพเจ้าก็ดี พวกเขาก็อยู่แค่ในตำนาน แต่ถ้าปรากฏขึ้นในความจริง ไม่แน่อาจจะไม่สมบูรณ์แบบก็ได้
“สือโทว พวกเราไม่พูดถึงเรื่องนี้!” ลุงงูส่ายหน้าพูด “ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะได้เจอแก ฉันอยากถามแกเหลือเกิน ตัวอักษรที่อยู่หลังภาพตอนนั้น แกจำได้ไหม?”
“แกถามเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร?” หูชีเยี่ยนถามไม่เข้าใจ “ตัวอักษรร้ายๆ มองยังมองไม่ออก ฉันจะจำได้ยังไง?”
“แม้ฉันจะเอาแผนที่คืนให้ผู้อาวุโสท่านนั้น แต่ก็ร่างภาพออกมาอีกแผ่น!” ลุงงูพูด “ตัวอักษรนั้นพวกเราไม่รู้จัก แต่ต้องมีคนที่รู้จักบ้างแน่นอน…”
หูชีเยี่ยนถามสงสัย “นายหาคนแปลให้?”
“หลายปีมานี้ซีเหมินน่งเย่ว์มัวแต่ขุดหาอยู่ตามหลุมศพ ตามหาข้อมูลเกี่ยวกับแจกันดอกบัวทอง ฉันก็เดินเส้นทางนี้เช่นกันเริ่มแรกฉันยังไปห้องสมุดนู่นนี่ หรือไม่ก็หาศาสตราจารย์ผู้อาวุโสช่วยชี้แนะ ผลสุดท้ายไม่ได้อะไรสักอย่าง จากนั้นฉันก็เลียนแบบคนอื่น เตรียมหาตามหลุมศพเกี่ยวกับบันทึกที่เกี่ยวข้อง…” ลุงงูยิ้มเฝื่อน
“ที่แท้หลายปีมานี้ แกก็ทำงานปล้นสุสานอยู่นี่เอง?” หูชีเยี่ยนขมวดคิ้ว “หาเจอแล้วหรือยัง”
“สี่คำข้างหน้า คำแรกคือหลอม อีกคำคือหยก ทั้งสองคำนี้ฉันมั่นใจ!” ลุงงูพูดพลางนำมือจุ่มไปในถ้วยชาและเขียนตัวอักษรเหนี่ยวจ้วนออกมาสองตัวบนโต๊ะ จ่านป๋ายกับซีเหมินจินเหลียนอดไม่ได้ที่จะเข้าไปดู ดูอย่างไรตัวอักษรทั้งสองตัวนี้ดูไม่เกี่ยวข้องกับคำว่าหลอม…หรือหยกเลยสักนิด?
“แกเสียเวลาไปยี่สิบปีเพื่อศึกษาตัวอักษรสองตัวนี้?” หูชีเยี่ยนพูดอย่างไม่สนใจ
“ที่เหลือแม้ว่าฉันจะแปลออกมาได้กี่ตัวอักษร แต่มันก็คลุมเครือไม่ชัดเจน ความจริงแม้ว่าฉันจะแปลทั้งบทออกมา เกรงว่าพวกเราก็ไม่เข้าใจความหมายในนั้น” ลุงงูขมวดคิ้วพูด
“รู้ได้อย่างไร?” หูชีเยี่ยนถามด้วยความไม่เข้าใจ ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายมองหน้าสบตากันและรู้สึกสงสัยอยู่เต็มอก
“ฉันไปหาสวี่อี้หรานไอ้หนุ่มชั่วนั่นให้ช่วยดู เขาพอจะเข้าใจตัวอักษรโบราณบ้าง ผลสุดท้ายเขาก็อ่านไม่ออก อีกอย่างเขาบอกว่า…ตัวอักษรบางตัวในนั้น ราวกับมีความสัมพันธ์กับเส้นลมปราณบนสรีระร่างกายของมนุษย์ ดังนั้นฉันจึงสับสน!” ลุงงูโคลงศีรษะ “ฉันคิดมาตลอดว่านั่นเป็นบันทึกเกี่ยวกับหินปิดฟ้า ทำไมถึงได้มีความเกี่ยวข้องกับเส้นลมปราณของมนุษย์ได้?”
“ปีศาจงู สำหรับหินปิดฟ้าที่แกว่า มันก็สำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?” หูชีเยี่ยนขมวดคิ้วพูด “ตอนนี้แกก็มีชีวิตสุขสบายดีไม่ใช่หรืออย่างไร? ทำไมต้องอุทิศตัวตามหาหินปิดฟ้าอะไรนั่นด้วย”
“สือโทว ตอนนั้นแกไม่ได้พูดแบบนี้นี่ ตอนนั้นฉันจำได้ว่า ไม่ใช่เพราะความเขลาของเรา เลยปฏิเสธการมีตัวตนของบางอย่าง แกต้องให้ความสำคัญอารยะธรรมของจีนในตอนนั้น แกต้องตามหาตำนานเทพ!” ลุงงูแสยะยิ้มเย็น “เป็นอะไรไปล่ะ ตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็กลายเป็นคนหน้าบางเหมือนหนูแล้วหรือ?”
“อารยะธรรมของมนุษย์ไม่ต้องการตำนานเทพ!” หูชีเยี่ยนก้มหน้า แค่นเสียงเย็นยะเยือกออกมา “ตำนานเทพไม่ใช่สิ่งที่สวยงามอย่างที่แกคิด!”
“ประโยคนี้นายพูดเหมือนกับว่าเคยเจอของในตำนานเทพอย่างนั้นล่ะ?” ลุงงูยิ้มเย็น “หูชีเยี่ยน เรื่องนี้ไม่ใช่แค่ความชอบพอของแกคนเดียวแล้วจะตัดสินชี้ขาดอะไรได้! แกไม่อยากตามหาหินปิดฟ้า แกไม่ต้องการตำนานเทพ นั่นมันก็เป็นเรื่องของแก แต่แกมีสิทธิ์อะไรมาผูกขาดการทำเหมืองหยกในพม่า? ควบคุมการเข้าออกของหินหยกดิบ?”
“ที่แท้แกก็มาเพื่อถามเรื่องนี้?” หูชีเยี่ยนยิ้มเย็น “ฉันพอใจ แกจะทำไม?”
“แกกำลังทำธุรกิจผิดกฎหมาย!” ลุงงูโกรธ “ทำไมแกไม่ให้ฉันไปพม่าล่ะ?”
“ใช่ แล้วจะทำไมล่ะ?” หูชีเยี่ยนแสยะยิ้มเย็น “ฉันไม่ให้แกไปพม่า ใช่สิ ฉันลืมบอกแกไปอย่าง นอกจากแกยังมีอีกหลายคนที่ติดแบล็คลิสต์ไม่ให้เข้าพม่า…อยากจะตามหาหินปิดฟ้า ฝันไปเถอะ?”
“แก…แกนี่มันไม่สนใจอะไรเลย ฉันคุยกับแกตั้งมากมายก็เหมือนคุยกับสุนัข!” ลุงงูเดือดดาลโมโหขึ้นมา คนคนนี้พูดคุยกันดีๆ ไม่ได้เลย สือโทวก็คือสือโทว ให้ตายอย่างไรก็ยังคงหัวรั้นแบบนั้น
“ไม่ว่าจะหลอมหยกหรือหลอมหินอะไรก็แล้วแต่ มันเกี่ยวอะไรกับฉัน? แกจะบอกอะไร ฉันก็จะรับฟัง ถ้าแกไม่พูด ฉันก็ไม่บีบคั้น ตราบใดที่ฉันมีชีวิตอยู่ แกก็ล้มเลิกคิดที่จะก้าวเท้าไปพม่าซะเถอะ” หูชีเยี่ยนยิ้มเย็น
“ทำไมคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามตกใจ “หรือแม้แต่หนูก็ไปพม่าไม่ได้เหรอ” ฟังจากที่หูชีเยี่ยนพูด เกรงว่าเธอก็คงมีรายชื่อติดอยู่ในแบล็คลิสต์แน่