ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 302
ซีเหมินจินเหลียนมองใบหน้าหูหวังที่เต็มไปด้วยริ้วรอยตีนกา คิดถึงคำพูดของลุงงูและพยักหน้า “คุณปู่หูคะ หนูว่าเรื่องระหว่างท่านกับพ่อคงมีเรื่องเข้าใจผิดบางอย่าง!”
“จินเหลียน ไม่ต้องพูดแล้ว!” หูหวังส่ายหน้าพูด “หากยี่สิบปีก่อนเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด ถ้าอย่างนั้นยี่สิบปีให้หลังก็ไม่ใช่ความเข้าใจผิดแล้ว ฉันแก่แล้ว…มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน อะไรก็ปล่อยไปได้ทั้งนั้น แต่หนูยังสวยยังสาว หนูจะต้องมีอนาคตที่ดี บางทีหนูอาจจะหาหินปิดฟ้าหรือตำนานเทพอมตะเจอก็ได้”
ซีเหมินจินเหลียนกะพริบขนตางอนยาวเพื่ออำพรางความคิด และรับรู้เจตนาดีของหูหวัง ได้แต่พยักหน้าพูด “คุณปู่วางใจได้ค่ะ ถ้ามีโอกาสหนูจะต้องไปตามหาหินปิดฟ้าแน่นอน” แน่นอนตอนที่หูชีเยี่ยนอยู่มันก็อีกเรื่อง ซีเหมินจินเหลียนต่อเติมเพิ่มประโยคเองในใจ
เธอต้องพยายามเป็นผู้หญิงว่านอนสอนง่าย ดังนั้นเรื่องที่หูชีเยี่ยนห้ามให้เธอทำ อย่างน้อยเธอก็จะไม่ทำต่อหน้า
“พรุ่งนี้เข้ามาแล้วกัน ที่ปู่มีของดีๆ เพียบ เด็กสาวชื่นชอบกันมาก ในอนาคตถ้าปู่จากไปแล้ว ของพวกนี้ก็เป็นของหนูทั้งนั้น!” หูหวังยิ้ม “ถึงไม่ทำเพื่อหินปิดฟ้า แต่ปู่ก็มีทรัพย์สมบัติบางส่วนที่ต้องมอบให้หนู”
ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เธอมองออกหูหวังเฝ้าปรารถนาที่จะอยู่พร้อมหน้ากับเธอ ถ้าหูชีเยี่ยนไม่อยู่เธออาจจะรั้งให้หูหวังพักที่คฤหาสน์จินเหลียนสักหลายคืน จะให้ทอดทิ้งท่านไม่เหลียวแลได้อย่างไร อย่างน้อยก็ต้องกตัญญูกับท่านไว้
แต่ตอนนี้หูชีเยี่ยนกับหูหวังเป็นดั่งน้ำกับไฟ ถ้าทั้งคู่พักอยู่ด้วยกันคงได้ทำให้คฤหาสน์จินเหลียนสนั่นแน่
ไปพรุ่งนี้แล้วกัน ค่อยไปพูดคุยกับหูหวังให้เขาสบายใจหน่อย หาวิธีแก้ความเข้าใจผิดระหว่างเขากับหูชีเยี่ยน หูชีเยี่ยนน่าจะไม่ได้มีความเคียดแค้นอะไรเขามาก จากที่เขาพูดออกมาเขาก็แค่ขัดขวางไม่ให้เขาไปตามหาหินปิดฟ้าก็แค่นั้น
อีกอย่างลุงงูเคยบอกว่าตอนนั้นเขารู้ว่าหูชีเยี่ยนตายในเหมืองหยก และเคยไปกลับเหมืองหยกปรักหักพังนั่นเป็นเวลานานถึงสามปีอย่างอ้างว้างตัวคนเดียว ถ้าเขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับหูชีเยี่ยนคงไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้หรอก
เรื่องสำคัญก็คือหูชีเยี่ยนปากคอเราะร้าย ทำให้จุดชนวนไฟโกรธของเขา ทำไมครอบครัวถึงได้กลายเป็นแบบนี้นะ?
เมื่อลองคิดย้อนดู ตอนที่ตนอยู่ที่พม่าก็ก่อเรื่องให้หูชีเยี่ยนไม่สบายใจเหมือนกัน แต่เขายังใจกว้างส่งหินหยกดิบจากพม่ามาถึงเซี่ยงไฮ้ให้เธอ หยอกล้อทำให้เธอมีความสุข…แต่สำหรับหูหวังเขาไม่ยอมโอนอ่อนเลย เกรงว่าแม้แต่ประโยคดีๆ คงขี้คร้านจะพูดออกมา
มองหูหวังสตาร์ทรถออกไป ซีเหมินจินเหลียนก็หันหลังเตรียมเข้าไปในบ้าน จู่ๆ เธอก็เดินชนเข้ากับเรือนร่างของอีกคน ได้แต่คลำจมูกปรอยๆ…
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเป็นจ่านป๋าย ซีเหมินจินเหลียนลูบไล้จมูกสีหน้าไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี “คุณไม่มีเรื่องอะไรแล้วจะมายืนอยู่หลังฉันทำไม? แถมยังชนจมูกฉันบิดเบี้ยวไปหมด ไม่สวยแล้วเนี่ย!”
“ที่ไหนกัน? ผมดูหน่อย!”จ่านป๋ายเพิ่งเดินออกมา รู้ว่าหูหวังกับซีเหมินจินเหลียนมีเรื่องพูดคุยกัน เขาจึงอยากแอบฟัง แต่จะแอบฟังอย่างประเจิดประเจ้อไม่ได้
“คุณดูสิ!” ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าเล็กๆ ขึ้น “เจ็บนะ!”
จ่านป๋ายได้ยินแล้วอดใจไม่ได้ บีบไปที่จมูกเธอและยิ้ม “ไม่เป็นไร ผมจะช่วยคุณยืดมันให้ตรงเอง รับรองยังมีน้ำมีนวลเหมือนเดิม!”
“คุณ…” ซีเหมินจินเหลียนกระทุ้งเท้ามองไปยังกุญแจรถในมือจ่านป๋าย “คุณจะออกไปข้างนอกเหรอ ดึกขนาดนี้เนี่ยนะ?”
“คุณหูเขาอยากจะทานเนื้อแกะย่างไม้ ปีกไก่หมักกุหลาบของเคเอฟซี ปู่ผัดพริกตึกชวนฝูและยังมีเหล็กเต่ากอกุหลาบ…” ในขณะที่พูด เขาก็ควานหากระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อส่งไปให้ซีเหมินจินเหลียน “คุณดูนี่สิ ใบรายการ ถ้าใครไม่รู้คงคิดว่าคฤหาสน์จินเหลียนกำลังจัดงานเลี้ยงอยู่นะเนี่ย!”
ซีเหมินจินเหลียนสงสัยและรับใบรายการมาดู ที่แท้ก็เมนูยาวเป็นหางว่าว ดูจนเธอรู้สึกปวดหัวตาลาย
“ถ้าอย่างนั้นคุณรีบหน่อยแล้วกัน” ซีเหมินจินเหลียนรีบยื่นใบรายการไปให้
“ผมไม่รีบได้เหรอ?” จ่านป๋ายยิ้มเฝื่อน “คุณรีบเข้าข้างในเถอะ ข้างนอกอากาศเย็นแล้ว มายืนหนาวแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเลย”
“อืม คุณรีบกลับมาเร็วๆ นะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดจบก็รีบห่อเสื้อคลุมตัวให้คลายหนาวและเข้าไปข้างใน ด้านหลังจ่านป๋ายปิดประตูสนิท
“จินเหลียน เข้ามานั่งข้างในสิลูก!” หูชีเยี่ยนยิ้ม
“พ่อคะ เวลานี้พ่อไล่ให้เสี่ยวป๋ายออกไป คิดจะทำอะไรกันแน่คะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม ที่หูชีเยี่ยนใช้ให้จ่านป๋ายออกไป และของพวกนั้นก็ไม่ใช่แค่เวลาหนึ่งชั่วโมงหรือครึ่งชั่วโมงที่จะซื้อมาได้ ไม่มีทางที่จะกลั่นแกล้งเขาอย่างเดียวแน่
“ลูกอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าจะตรวจสอบแจกันดอกบัวทองยังไง?” หูชีเยี่ยนยิ้ม “เรื่องนี้ไม่ต้องถามหูหวัง พ่อก็รู้!”
ซีเหมินจินเหลียนสับสนอยู่นานถึงยิ้ม “พ่อบอกว่า…พ่อไม่เคยเห็นแจกันดอกบัวทองมาก่อนไม่ใช่เหรอคะ?”
“แน่นอนว่าพ่อต้องพูดโกหกสิ!” หูชีเยี่ยนยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สา
จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกอยากจะจับคนบ้าบิ่นอย่างเขามาจัดการเสียให้เข็ด ทำไมพูดโกหกได้มีเหตุผลและมั่นใจขนาดนี้ เกรงว่าคงมีแค่หูชีเยี่ยนคนนี้แล้วที่ทำได้
“จินเหลียน เหตุการณ์ที่ผ่านมามันไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย ตอนนั้นย่าของลูกบังเอิญได้ยินอวิ๋นจงหวากับตาเฒ่าหูคุยกัน รู้ความลับของแจกันดอกบัวทอง แต่ตอนนั้นเธอไม่ได้สนใจ แต่เมื่อรู้ว่าหูหวังแต่งงานกับอวิ๋นอวิ้นก็เพื่อแจกันดอกบัวทอง ด้วยคำยุยงของซีเหมินเหล่าเอ๋อร์ จึงขโมยแจกันดอกบัวทองกับของบางอย่าง จากนั้นก็หนีตามไปกับซีเหมินเหล่าเอ๋อร์…แต่ย่าของลูกก็ไม่ได้โง่เขลาขนาดนั้น เก็บความลับของ แจกันดอกบัวทองเอาไว้อย่างดี ดังนั้นซีเหมินเหล่าเอ๋อร์เองก็ไม่รู้เรื่องหน้าตาของแจกันดอกบัวทองว่าเป็นอย่างไรเลย” หูชีเยี่ยนอธิบาย
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า ถ้าขวดใบเล็กนั้นเป็นแจกันดอกบัวทองจริงๆ ในเมื่อเป็นแบบนั้น ถ้าอาจารย์ของเธอมีเป้าหมายเพราะแจกันดอกบัวทอง มันคงได้อยู่ในมือเขาไปตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่า? ขวดที่เธอใส่ที่ข้อมือตลอด นอกเสียจากอาจารย์ของเธอไม่รู้เรื่องแจกันดอกบัวทองนี่ต่างหาก
“เป้าหมายของซีเหมินเหล่าเอ๋อร์ก็คือแผนที่แผ่นนั้น!” หูชีเยี่ยนพูดอีกครั้ง “แต่แผนที่ต้นฉบับของมันไม่ได้อยู่ที่ตระกูลอวิ๋น แต่อยู่ในมือของตาเฒ่าหู ย่าลูกไม่ได้หยิบมันไป แต่ย่าลูกใช้ของสิ่งนั้นมาเป็นโซ่ล่ามเขาทั้งชีวิต ต้องพูดเลยว่าย่าของลูกทำมันสำเร็จเสียด้วย!”
“แผนที่แผ่นนั้นคืออะไรกันแน่คะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามด้วยความแคลงใจ “พ่อคะ พ่อน่าจะรู้เรื่องบ้างใช่ไหมคะ”
“เคล็ดวิชาหลอมหยก!” หูชีเยี่ยนพยักหน้าพูด “พ่อพอรู้ตัวอักษรสมัยก่อนราชวงศ์ฉินบ้าง ดังนั้นยังพอถูๆไถๆ ได้ แต่แม้จะอ่านออกได้เจ็ดหรือแปดตัว แต่เมื่อตัวอักษรพวกนั้นเรียงติดกัน เป็นความหมายอะไรพ่อก็ไม่รู้เรื่องสักนิด…”
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูดและนั่งใกล้กับหูชีเยี่ยน “พวกเราพูดถึงเรื่องแจกันดอกบัวทอง”
“โอเค พูดถึงเรื่องแจกันดอกบัวทอง” หูชีเยี่ยนยิ้ม “พ่อนึกว่าลูกไม่อยากพูดถึงซะแล้วเลยไม่ได้พูดมาตลอด”
“เอ๋?” ซีเหมินจินเหลียนมองเขาด้วยความข้องใจ
หูชีเยี่ยนบีบจมูกเธอก่อนยิ้มออกมา “ลูกก็รู้เรื่องความลับของแจกันดอกบัวทองเป็นอย่างดีไม่ใช่เหรอไง? อยากจะตรวจสอบแจกันดอกบัวทองนั้นก็ง่ายมาก…ขอแค่ใช้หยดเลือดของตระกูลหูของพวกเราหยดลงไปบนนั้น ได้ยินว่าดอกบัวสีทองด้านบนจะเบ่งบานเต็มที่ แต่ระยะเวลาสั้นมาก น่าจะใช้เวลาแค่หนึ่งหรือสองวินาที แจกันดอกบัวทองนั่นก่อนที่พ่อไปพม่าก็ใส่ไว้ที่มือหนู ตอนนั้นย่าหนูได้แต่ปฏิเสธคัดค้านบอกว่าสืบทอดให้แค่ผู้ชายเท่านั้น พ่อเลยบอกว่าชีวิตนี้พ่อไม่มีลูกชาย ลูกสาวคนนี้ก็เลี้ยงแบบลูกชายไปแล้วกัน”
ซีเหมินจินเหลียนมองเขาอย่างสับสน เหมือนได้ยินเรื่องพันหนึ่งราตรี ที่แท้แจกันเซรามิกใบเล็กที่เธอเคยใส่ไว้บนข้อมือก็เป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูลหูอย่างแจกันดอกบัวทอง
แม้จะสงสัยมาตลอดว่าความเป็นมาของมันเป็นอย่างไร แต่ไม่รู้ว่ามันจะมีที่มาเช่นนี้
“ดอกบัวบนขวดนั้น หินบนฟ้าดิน หยาดโลหิตและน้ำตา ดอกบัวเบ่งบาน หินปิดฟ้าจะปรากฏตัวขึ้น!” หูชีเยี่ยนยิ้มเย็น “แม้แต่ผู้อาวุโสหูก็รู้แค่ว่าคำพูด ยามเมื่อดอกบัวเบ่งบาน หินปิดฟ้าจะปรากฏตัว แต่เขาไม่รู้ประโยคข้างหน้าทั้งหมด…”
ซีเหมินจินเหลียนบ่นพึมพำ…ดอกบัวสีทองบนขวด หินบนฟ้าดิน หยาดโลหิตและน้ำตา ดอกบัวเบ่งบาน หินซ่อมฟ้าจะปรากฏตัวขึ้น…
“แล้วพ่อรู้ได้ยังไงคะ” ซีเหมินจินเหลียนย้อนถามกลับไปทันที
“จินเหลียน อย่าถามว่าทำไม จำไว้ว่าเก็บความลับนี้ให้มิด อย่าให้คนอื่นล่วงรู้ รวมถึงจ่านป๋ายคนนั้นด้วย ถึงเขาจะเป็นสามีของลูกในอนาคตก็เถอะ” หูชีเยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึม
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้ารับรู้ “หนูทราบค่ะ พ่อคะ…ในห้องรับแขกติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้…” เธอลืมไปว่าห้องนี้ติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้รอบห้อง เพื่อเน้นความปลอดภัยเป็นหลักหลังจากที่ห้องใต้ดินของเธอมีหยกเกรดคุณภาพมากมาย หลังจากนั้นจ่านป๋ายคงปรับเทปบันทึกภาพเหตุการณ์ของคืนนี้ได้ง่ายแน่
“ไม่เป็นไร พ่อตัดกำลังไฟอุปกรณ์กล้องวงจรปิดของคืนนี้ทั้งหมดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว” หูชีเยี่ยนยิ้ม “ของเล่นแบบนี้ทำอะไรพ่อไม่ได้หรอก…หินที่สวยงามพวกนั้น บางครั้งก็ทำให้คนบ้าคลั่ง…”
“พ่อคะ” ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงหยกกฤษณาที่เขาให้เธอ จึงรีบนำมันออกมาและวางไว้กลางฝ่ามือ “ตัวอักษรทั้งสองนี้คือตัวอะไรคะ?”
“ลูกไม่รู้จักเหรอ?” หูชีเยี่ยนถามพร้อมหัวเราะเสียงดัง “ตอนเด็กพ่อกำชับให้ลูกอ่านหนังสือเยอะๆ ลูกก็ไม่ฟัง อยากแต่จะปีนเขาขึ้นไปนับดาวเองนี่? ยังจะให้พ่อจับหางยาวของนกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก”
“พ่อคะ!” ซีเหมินจินเหลียนไม่รู้จะร้องหรือหัวเราะดี “พ่อจะบอกหนูตรงไปตรงมาไม่ได้เหรอคะ?”
“ชื่อของพ่อยังไม่รู้จัก พ่อเลี้ยงหนูมาก็เสียเปล่าจริงๆ!” หูชีเยี่ยนเอื้อมมือไปเคาะกะโหลกของเธอ
“ชีเยี่ยน?” ซีเหมินจินเหลียนมองหูชีเยี่ยนด้วยความสับสน…ตัวอักษรทั้งสองนี้คือชีเยี่ยนจริงเหรอ?
“ไม่เชื่อลูกก็ลองไปถามศาสตราจารย์จ้าวดูเองก็ได้!” หูชีเยี่ยนพูดแบบไม่วิตกกังวล “แต่พ่อว่าศาสตราจารย์จ้าวคนนี้ ก็ไม่แน่ว่าจะรู้จักตัวอักษรทั้งสองตัวนี้”
“พ่อคะ…” ซีเหมินจินเหลียนตกใจ เรื่องที่เธอกับจ่านป๋ายแอบคุยกัน เกรงว่าเขาคงจะรู้หมดแล้ว ไม่น่าเหล่าเขาถึงได้โกรธ
“อารยะธรรมจีนลึกซึ้งกว้างไกล บางคนแม้จะทุ่มเททั้งชีวิตแต่ก็ไม่มีทางศึกษาค้นคว้าเจอ!” หูชีเยี่ยนพูดจากใจ “อีกอย่างแหล่งกำเนิดของอารยะธรรมจีนยังมีตำนานมากมายเหลือเกิน…ตำนานก็ให้มันเป็นตำนาน อยากจะดื้อรั้นพยายามแปลออกมา จนบางครั้งถึงขั้นใช้ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์มายืนยัน ความจริงมันก็ดูเป็นการกระทำที่ไร้สาระ” พูดถึงเท่านี้เขาก็ถอนหายใจอ่อนแรง
“หนูเข้าใจค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าหงึกหงัก “แล้วพ่อรู้จักตัวอักษรจีนโบราณได้ยังไงคะ จี้หยกนี้พ่อเป็นคนแกะสลักเองเหรอคะ?”
“อย่าทำตัวเป็นเด็กขี้สงสัยแบบนั้นสิ ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมวตายได้นะลูก” หูชีเยี่ยนยิ้ม “จี้หยกนี่พ่อเป็นคนแกะสลักเองอยู่แล้ว ส่วนตัวอักษรโบราณพวกนั้นเป็นเพราะพ่อตั้งใจเรียนต่างหากล่ะ?”