ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 310
ซีเหมินน่งเย่ว์สับสน ทันใดนั้นก็ส่ายศีรษะถาม “ชี่เยี่ยน?”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “พ่อบอกอย่างนั้นค่ะ”
“เขาโกหกตาใสๆ เลยนี่ ตอนนั้นก็หลอกฉัน ตอนนี้แม้แต่ลูกสาวตัวเองก็ยังหลอกได้ลงคออีก?” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มเย็น
ซีเหมินจินเหลียนแค่นเสียงใส่ ในระหว่างที่พูดก็รู้สึกเจ็บนิ้วขึ้นมาแวบหนึ่ง ส่งเสียง “โอ๊ย” ออกมาและรีบชักมือกลับไป
“ผมขอโทษ!” จ่านมู่ฮวาขอโทษเป็นการใหญ่ เมื่อครู่ได้ยินที่ซีเหมินน่งเย่ว์กับซีเหมินจินเหลียนคุยกัน จึงไม่มีสติ เกือบที่จะตัดเล็บเธอเสียหายหมดแล้ว โชคยังดีที่บาดเจ็บแค่ผิวหนังเล็กน้อย…
“ไม่เป็นไรค่ะ…” ซีเหมินจินเหลียนขอกรรไกรตัดเล็บคืน “ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่เสี่ยวป๋าย ทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง!” พูดจบเขาก็กลอกตาใส่เขาอย่างแค้นเคือง
จ่านมู่ฮวายิ้มน้อยๆ และเข้าใจในความหมายของเธอ ลุกขึ้นยืนลูบหัวเข่าที่ปวดระบมเดินไปด้านล่าง
“หยุดเดี๋ยวนี้ จะไปไหนน่ะ?” ซีเหมินน่งเย่ว์ถาม
“คุณซีเหมิน คุณไม่คิดว่าตัวเองสงสัยจนเกินไปบ้างเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเสียดแทง “ข้าวเช้าฉันยังไม่ทันได้ทาน ให้คุณชายจ่านเตรียมหาของกินให้หน่อยก็ไม่ได้เหรอ คุณขอร้องให้พ่อฉันช่วยและใช้ฉันมาข่มขู่ คงไม่ได้อยากให้ฉันหิวตายหรอกใช่ไหมคะ และฉันก็ไม่ใช่นักโทษของคุณด้วย ถ้าฉันจะไปจริงๆ คุณคิดว่าคนด้านล่างพวกนั้นจะทำอะไรฉันได้เหรอ คุณอย่าลืมนะคะว่าพ่อของคุณคืออาจารย์ของฉัน”
ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ พยักหน้าพูดขึ้น “เธอพูดถูก แต่เธอเก่งกาจกว่าอีก ยุคนี้ความสวยเย้ายวนไม่ดึงดูดคนอื่น แต่ดึงดูดตัวเองอย่างนั้นเหรอ ฉันไม่เคยเห็นมู่ฮวาระวังตัวขนาดนี้มาก่อน ถ้าเธอสวยจนจับตาต้องใจยังว่าไปอย่าง แต่ปัญหาก็คือ…เธอไม่ได้ถึงขั้นสวยเจ้าเสน่ห์นี่สิ”
“คุณจินเหลียนสวยมากครับ!” จ่านมู่ฮวาที่เดินไปถึงปากบันได เมื่อได้ยินจึงหยุดฝีเท้าลง เขาไม่ยอมให้ใครมาพูดว่าจินเหลียนไม่สวยหรอก “คุณคงดูศพมากไป รู้เหรอครับว่าอะไรที่เรียกว่าสวย?”
ซีเหมินจินเหลียนยิ้มยกมุมปาก จ่านมู่ฮวาก็เลียนแบบคำพูดของเธอ ด่าว่าซีเหมินน่งเย่ว์ดูศพมากเกินไป? แต่บรรยากาศอึมครึมในตัวเขาทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัดใจจริงๆ
กลัวว่าซีเหมินน่งเย่ว์จะลงมืออีกครั้ง ซีเหมินจินเหลียนจึงถามขึ้น “ตัวอักษรทั้งสองนี้ถ้าไม่ใช่ชื่อพ่อฉัน ถ้าอย่างนั้นขอถามหน่อยสิคะว่ามันคืออะไร?”
ซีเหมินน่งเย่ว์เห็นจ่านมู่ฮวาเดินลงไปด้านล่างแล้ว ทันใดนั้นหันหน้ามองซีเหมินจินเหลียน “เธอไม่รู้จริงเหรอ?”
“นี่ก็เห็นๆ กันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ถ้าฉันรู้แล้วฉันจะถามคุณทำไมกัน”
“วาหวง!” ซีเหมินน่งเย่ว์พูด
“คุณเดาใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนแสยะยิ้มเย็น แต่ในใจก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ ตัวอักษรทั้งสองนี้คือวาหวง? แต่ในใจก็อดไม่ได้พูดคำเสียดสี คุณไม่รู้ตัวอักษรโบราณ จะแกล้งเป็นฉลาดทำไมคะ? ในเมื่อคุณยืนยันว่าตัวอักษรทั้งสองไม่ใช่คำว่าชีเยี่ยนแต่เป็นวาหวง คุณจะให้แปลอะไรก็แปลไปเองสิคะ จะเรียกหาเขาทำไมอีก?
“ถ้าฉันแปลได้ ฉันก็ไม่ต้องหาเขาหรอก!” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มเย็น “ฆ่าเขาไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ!”
ซีเหมินจินเหลียนมองเขาอย่างเ**้ยมโหดแวบหนึ่งและแสยะยิ้มพูด “นิดๆ หน่อยๆ ก็ถึงกลับจะฆ่าฟันกัน คุณคิดว่าคุณเป็นใครเหรอคะ? ฆ่าคนมันผิดกฎหมายนะ”
ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มเย็น ไม่พูดอะไรต่อ ส่วนซีเหมินจินเหลียนคิดถึงปัญหาเรื่องเวลาได้ ตอนนั้นเธอได้รับข่าวการตายของหูชีเยี่ยน จากนั้นแม่ของตนจึงจากไป ไม่นานคุณย่าก็ตรอมใจในที่สุด จากนั้นไม่นานอาจารย์ก็ตามไป ถ้าซีเหมินน่งเย่ว์อยากจะแปลบทความโบราณ เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปหาเรื่องหูชีเยี่ยน ไปหาอาจารย์ไม่ดีกว่าเหรอ?
“ตอนนั้นที่คุณหาพ่อ ก็เพราะอยากให้เขาแปลตัวอักษรโบราณเองเหรอคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ซีเหมินน่งเย่ว์มองเธอด้วยสายตาเยือกเย็น “ตอนนั้นแค่อยากได้ชีวิตเขา อยากจะได้แจกันดอกบัวทองน่ะสิ!”
“แสดงว่าตอนนี้คุณได้แจกันดอกบัวทองแล้วสินะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนเหอะเสียงใส่ถาม “แม้ว่าคุณจะทำทุกวิถีทางไม่ว่าร้ายหรือดี สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้อะไรไม่ใช่เหรอ?”
ซีเหมินน่งเย่ว์พลันถอนหายใจพูด “แจกันดอกบัวทองหายากกว่าชีวิตของหูชีเยี่ยนเสียอีก!” พูดจบเขาก็ยิ้มน้อยๆ “เขาได้บอกกับเธอหรือเปล่า”
“บอกอะไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนถาม “แจกันดอกบัวทอง?”
“เขาไม่มีทางบอกเรื่องแจกันดอกบัวทองกับเธอ กฎบ้านตระกูลหูก็คือ…ส่งทอดแจกันดอกบัวทองให้ลูกชายไม่ส่งต่อให้ลูกสาว เขาไม่มีทางแหกกฎไม่อย่างนั้นเขาอาจถูกตัดขาดจากแผนผังวงศ์ตระกูล!” ซีเหมินน่งเย่ว์พูด
ซีเหมินจินเหลียนมึนงง ไม่นานก็เข้าใจขึ้นมาได้ แผนผังวงศ์ตระกูลหูถูกเผาทำลายทิ้งไปเกลี้ยงแล้ว ยังมีคำพูดไล่ออกจากวงศ์ตระกูลอีกเหรอ? ตระกูลหูตอนนี้ก็เหลือแค่หูหวังกับหูชีเยี่ยนสองคน ส่วนเธอเองแซ่ซีเหมินไม่ได้แซ่หู…กฎแบบนี้ เกรงว่าคงถูกหูชีเยี่ยนชะล้างตั้งแต่ต้นแล้ว เขายังมากังวลเรื่องนี้อีก?
มิน่าล่ะตอนนั้นซีเหมินน่งเย่ว์ถึงคาดไม่ถึง ความจริงแจกันดอกบัวทองก็อยู่บนตัวเธอ เด็กผู้หญิงที่ไม่มีใครสนใจ
“แม้ว่าเขาจะรักเธออย่างไร แต่ก็ไม่มีวันเอาแจกันดอกบัวทองให้เธอแน่!” ซีเหมินน่งเย่ว์เห็นเธอไม่พูด จึงเอ่ยต่อ
“นั่นเป็นเรื่องของฉันค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น
“ฮะๆ…” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มแห้ง “ตอนนั้นฉันทำเพื่อที่จะได้แจกันดอกบัวทอง ไม่ได้ทำร้ายเขาน้อยๆ เลย…” พูดถึงเท่านี้เขาก็ทอดสายตามองมาสังเกตสีหน้าอารมณ์ของเธอ เป็นอย่างที่คิด สีหน้าของเธอยังคงนิ่งเฉย แต่มุมปากยกขึ้นมาชั่วหนึ่ง
“นิ้วมือทั้งสิบนิ้วของเขา ฉันใช้หินทุบจนแหลกละเอียดทีละนิ้ว!” ซีเหมินน่งเย่ว์พูดต่อ “น่าเสียดายที่เขาไม่ยอมพูดไม่ยอมจา สุดท้ายฉันจึงจนปัญญาควักดวงตาทั้งสองคู่ของเขาแล้วโยนไปก้นเหมืองใต้ดิน จุดชนวนระเบิดและฝังเขาทั้งเป็น!”
ซีเหมินจินเหลียนกุมถ้วยชา และส่งสายตาทำลายล้างไปให้ซีเหมินน่งเย่ว์โดยไม่ทันได้รู้ตัว
ซีเหมินน่งเย่ว์รู้ตั้งแต่แรกว่าเธอจะต้องโมโห และสิ่งที่เขาต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้ ได้แต่หันข้างและวางถ้วยชาลงพร้อมยิ้มเย็น “เป็นอะไรไปล่ะ?”
ซีเหมินจินเหลียนพยายามระงับอารมณ์โกรธไว้ในใจและมองซีเหมินน่งเย่ว์อย่างเยือกเย็น “คุณจำไว้ให้ดีนะคะ ถ้าวันใดคุณตกอยู่ในน้ำมือฉัน ฉันก็จะใช้หินหยกดิบทุบนิ้วมือทั้งสิบของคุณให้แหลกละเอียดเหมือนกัน จากนั้นก็ควักดวงตาทั้งสองข้าง แล้วค่อยโยนคุณไปเลี้ยงไว้กับหมู เลี้ยงได้ไม่ถึงสามปีฉันจะให้คุณตายๆ ไปซะ ฉันรับรองได้ด้วยแซ่นี้!”
เพิ่งพูดประโยคนี้จบ ซีเหมินจินเหลียนรู้ถึงความผิดปกติของประโยค เธอกับซีเหมินน่งเย่ว์แซ่เดียวกันไม่ใช่เหรอ?
“ถ้าให้ดีเธอก็ช่วยเตือนหูชีเยี่ยนสิ อย่าตกมาอยู่ในมือฉันอีกครั้ง ไม่อย่างนั้นฉันจะทำตามที่เธอพูด” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มสีหน้าเคร่งขรึม
“ดีค่ะ ซีเหมินน่งเย่ว์…พวกเราคอยดูแล้วกัน!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเย็น
ซีเหมินน่งเย่ว์กำลังจะพูด จู่ๆ เสียงบรรเลงเพลงขลุ่ยของโทรศัพท์เธอก็พลันดังขึ้น ซีเหมินจินเหลียนเปิดกระเป๋าขึ้นมาดูโทรศัพท์มือถือ เป็นเบอร์แปลก ได้แต่ขมวดคิ้วแต่ก็กดปุ่มรับสาย
“จินเหลียน ลูกอยู่ที่ไหน” หูชีเยี่ยนส่งเสียงหนักแน่นผ่านทางโทรศัพท์ “ไม่กลับมากินข้าวเหรอ?”
ใจที่เป็นกังวลอยู่ตลอดของซีเหมินจินเหลียน ในที่สุดก็ผ่อนคลายลงได้ รีบพูดขึ้น “เดี๋ยวกลับไปค่ะ หนูมานั่งดื่มชาพูดคุยอยู่กับพี่ชายที่รังแกพ่อน่ะค่ะ!”
“พี่ชายที่รังแกพ่อ?” หูชีเยี่ยนสับสนชั่วขณะ ไม่นานก็เข้าใจทันทีถามว่า “อยู่ที่ไหน”
“คลับหยกค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ดี เดี๋ยวพ่อเข้าไป!” หูชีเยี่ยนพูด “พ่อก็ไม่ได้เจอพี่ที่อยู่ก็เหมือนตายคนนั้นมานานละ จะได้พูดคุยเล่าเรื่องเก่าๆ กันหน่อย!”
“โอเคค่ะ!” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มๆ และพูดไปว่า “เดี๋ยวเจอกันนะคะ” หลังจากวางสายหันไปพูดกับซีเหมินน่งเย่ว์ “เป็นอย่างที่คุณตั้งใจไว้ อีกเดี๋ยวพ่อจะมาที่นี่”
“ฉันแค่อยากเจอหน้าค่าตาเขาเท่านั้น เธอไม่ต้องมากังวลฉันขนาดนั้น!” ซีเหมินน่งเย่ว์ยิ้มนิ่งเฉย “ถ้าเขามาแล้ว ฉันจะปล่อยเธอไปแน่!”
“ถ้าฉันจะไป ต้องรอให้คุณปล่อยตัวด้วยเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตนด้อยกว่า ยิ้มเยือกเย็น “ที่นี่คือคลับหยก ตามหลักแล้วนี่ก็เป็นทรัพย์สินของบ้านฉันเหมือนกัน”
จ่านอิ๋นได้ยินแล้วอ้าปากค้าง แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ถ้าตระกูลหูมีความคิดที่จะเรียกสิ่งพวกนี้กลับไปจริงๆ คงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากธรรมดาแน่…แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมีสิทธิ์มีเสียงตัดสินใจอะไร
ผิดคาดจากที่ซีเหมินจินเหลียนคิด หูชีเยี่ยนไม่ได้มาคนเดียว คนที่มาเป็นเพื่อนคือลุงงู เมื่อจ่านมู่ฮวาโค้งคำนับทั้งสองเข้ามายังตึกเย่ว์ฮวา ซีเหมินน่งเย่ว์ราวกับตื่นตระหนก ปีศาจงู…เขาจะแส่มาที่นี่ทำไม?
สายตาของซีเหมินน่งเย่ว์ตกไปอยู่บนร่างของหูชีเยี่ยน เขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วย? เป็นไปได้อย่างไรกัน? ที่ใช้โอกาสนี้เรียกซีเหมินจินเหลียนมาก็เพื่ออยากจะเห็นหูชีเยี่ยนตัวเป็นๆ พิสูจน์ตัวตนของคนคนนี้ว่าไม่ได้เป็นตัวปลอม คนคนหนึ่งหน้าตาละหม้ายคล้ายกันได้ แต่นิสัยเฉพาะตัวมันหลอกกันไม่ได้ คนคนนี้คือหูชีเยี่ยนเมื่อตอนนั้นจริงๆ
แต่ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ทำไมซีเหมินจินเหลียนฟังเรื่องที่เขาทำร้ายหูชีเยี่ยนแล้วดูไม่โกรธตกใจเลยล่ะ? เธอเชื่อเรื่องพวกนั้นว่าเป็นจริงถึงได้โกรธ กระดูกที่แตกหักไม่สามารถฟื้นตัวได้ ดวงตาทั้งสองข้างที่ควักออกมาก็ไม่มีทางกลับมาเรืองรองได้ใหม่…ทำไมคนคนนี้ถึงเป็นหูชีเยี่ยน?
หูชีเยี่ยนเดินไปข้างหน้าซีเหมินน่งเย่ว์ กวาดสายตาอยู่นานถึงปริปากพูด “เกือบจะยี่สิบปีแล้วที่ไม่เจอกัน แกก็มีความคืบหน้าแค่นี้?”
ซีเหมินน่งเย่ว์ลุกขึ้นยืนยังคงไม่พูดอะไร หูชีเยี่ยนยกกำปั้นชกไปทางใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง…
ซีเหมินน่งเย่ว์หลบหมัดของหูชีเยี่ยนไม่ได้อยู่แล้ว เสียงตุบดังขึ้น ซีเหมินน่งเย่ว์ถูกหมัดอัดไปยกหนึ่ง และล้มเซไปบนโซฟาตัวหนักอึ้ง โชคดีมีโซฟา ไม่อย่างนั้นก้นของเขาคงได้ถลาล้มไปด้านหลังเหมือนห่านป่าร่อนพื้นทรายแน่!
“สือโทว พาหลานจินเหลียนออกไปข้างนอก ฉันมีเรื่องต้องคุยกับพี่ชายสักหน่อย!” ดวงตาของลุงงูราวกับงูจ้องเขม็งตาไปทางซีเหมินน่งเย่ว์อย่างเ**้ยมเกรียม พูดจบลุงงูก็ใช้กำมัดแน่นเปล่งเสียงนิ่งเย็น “หลบสิ แกหลบเก่งไม่ใช่เหรอ? หลบฉันมาได้ตั้งยี่สิบปีทำไมไม่หลบแล้วล่ะ ฉันคิดว่าคนอย่างแกชาตินี้จะอยู่แต่ในหลุมศพไม่ออกมาซะอีก!”