ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 312
จ่านป๋ายยิ้มฝืดเฝื่อน “กลับไป? ทั้งบ้านเห็นผมคงได้หน้าดำเหมือนก้นหม้อ ผมยังจะกลับไปที่บ้านได้อีกเหรอ?”
“ครั้งที่แล้วจ่านอิ๋นบอกให้คุณกลับไปกินข้าวไม่ใช่เหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนแคลงใจ “ฉันว่าเขาน่าจะอยากคืนดีกับคุณแล้วล่ะ เพราะยังไงพวกคุณก็เป็นพ่อลูกกัน” พูดถึงเรื่องนี้เธอก็เจ็บปวดใจจี๊ดขึ้นมา
“นั่นเป็นเพราะคุณหูเป็นต้นเหตุ” จ่านป๋ายยิ้มๆ และถอนหายใจอย่างล่องลอย “จินเหลียน คุณอย่าขับไสไล่ส่งผมไปเลย ไปจากที่นี่ผมก็ไม่รู้จะไปฉลองปีใหม่ที่ไหน”
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็อยู่ฉลองปีใหม่ที่นี่เถอะ” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจเกียจคร้าน “ไปก็ไปแล้ว เหลือแค่พวกเราสองวิญญาณผู้ยากไร้ ไม่ต้องซื้อโคมไฟจีนหลากสีอะไรหรอก พรุ่งนี้พวกเราไปซื้อกับข้าวมาสักหน่อย กลับมาห่อเกี๊ยวก็ได้แล้ว”
“คุณทำเป็น?” จ่านป๋ายขมวดคิ้วถาม
ซีเหมินจินเหลียนลังเลใจอยู่นานพยักหน้าพูด “ลองดูแล้วกัน” เมื่อก่อนเคยทำ เพียงแต่ไม่ได้สวยงามน่ากินเท่าไหร่ อย่างไรเสียก็ไร้ซึ่งแขก ทำกินเอง มากสุดก็แค่ซื้อถุงซีลสูญญากาศออกมาเตรียมไว้สักหน่อย
ในค่ำคืนวันส่งท้ายปีเก่าที่แสนจะน่าเบื่อ ไม่หาเรื่องมาฆ่าเวลาแล้วจะเฉลิมฉลองได้อย่างไร? เช้าวันถัดมาซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายไปซูเปอร์มาเก็ตซื้อกับข้าว รวมถึงข้าวของที่ต้องใช้ในวันฉลองปีใหม่ หอบหิ้ว ถุงน้อยใหญ่ ในระหว่างที่จ่านป๋ายกำลังจะจ่ายเงินเตรียมไปจากที่นี่ ซีเหมินจินเหลียนแย่งตัดหน้าจ่ายก่อนแล้วบอกว่าเธอเลี้ยงเอง
ตามชื่อแล้วแม้ว่าจ่านป๋ายจะเป็นบอดี้การ์ดของเธอ แต่ความจริงซีเหมินจินเหลียนไม่เคยให้เงินเดือนแก่เขาเลย เขาเพียงได้แค่ทำค่าใช้จ่ายเบิกจ่ายรายวัน บอดี้การ์ดแบบนี้มีแต่ทำงานไม่รับเงินเดือน ยังจะต้องเอาเงินที่เหลือให้เจ้านายอีก จะไปหาจากที่ไหนก็ไม่มีทางเจอ
เมื่อทั้งคู่กลับมาจากซื้อของ ซีเหมินจินเหลียนเห็นรถฮัมเมอร์สีดำของหูหวังจอดอยู่หน้าปากประตูจึงรีบเดินเข้าไป
เป็นอย่างที่คิดมองผ่านข้ามกระจกเห็นหูหวังกำลังเล่นเกมอยู่ในโทรศัพท์มือถือ ผู้เฒ่าท่านนี้เรียกได้ว่าทันสมัยตามกระแสนิยมเหมือนกันนะเนี่ย อะไรกำลังนิยมก็เล่นอันนั้น อย่างน้อยซีเหมินจินเหลียนก็ไม่เคยเห็นเขาพูดถึงเรื่องกรงนกสัพเพเหระพวกนั้น
“คุณปู่หู” ซีเหมินจินเหลียนเอื้อมมือไปเคาะกระจกรถ
หูหวังรีบเปิดกระจกรถลงมาและโผล่หน้าออกมาเรียก “จินเหลียน เช้าๆ แบบนี้หนูออกไปไหน? ทำให้ปู่รอหนูอยู่หน้าประตูบ้านตั้งนาน?”
“ทำไมท่านไม่โทรหาหนูล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “หนูกับจ่านป๋ายออกไปซื้อวัตถุดิบมาห่อเกี๊ยวค่ะ”
“แหะ ปู่ก็มีความคิดนี้อยู่เหมือนกัน คิดว่าปู่อยู่คนเดียวแล้วจะฉลองปีใหม่ได้อย่างไร รีบมากินข้าวกับหนูทางนี้ดีกว่า” หูหวังพูดพลางก็เปิดประตูรถลงมา จากนั้นเปิดกระโปรงรถด้านหลังเรียกให้จ่านป๋ายมาขนย้ายของ
“ผู้อาวุโสหูครับ ท่านคงไม่ได้ย้ายบ้านมาใช่ไหมครับ?” จ่านป๋ายเห็นท้ายกระโปรงรถมีข้าวของแน่นเต็มไปหมดจึงอมยิ้มถาม
“พ่อหนุ่มพูดอย่างนั้นได้ยังไง” หูหวังน้ำเสียงไม่พอใจ “ฉลองปีใหม่ทั้งที จะให้ฉันไม่ซื้อของขวัญให้หลานสาวของฉันได้ยังไง? แม้คนแก่อย่างฉันจะเทียบไม่ได้กับครอบครัวชาวยุโรปโบราณ แต่มรดกในบ้านก็ไม่ได้มีเล็กน้อยแค่นี้”
“คุณปู่หูคะ ถ้าท่านไม่ถือสาก็มาพักอยู่กับหนูสักระยะได้หรือเปล่าคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“ปู่อยากจะถามว่าพ่อของหนูจะมาหรือเปล่า?” หูหวังมือกอดอกและเดินเข้าไปในคฤหาสน์จินเหลียน
“ไม่มาแน่นอนค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนปากจู๋หมดอารมณ์ “ตอนนี้หนูยังสงสัยที่พม่ามีอะไรดีขนาดนั้นเลย?”
“หนูบอกว่าพ่อของหนูรีบร้อนกลับไปพม่า คงไม่ใช่หาแม่ใหม่ให้หนูอยู่หรอกนะ?” หูหวังถามจริงจัง
“ท่าน…” ซีเหมินจินเหลียนตกใจใหญ่ สำหรับปัญหานี้ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น จ่านป๋ายเคยหาข้อมูลทุกอย่างของหูชีเยี่ยน ร่ำรวยล้นฟ้า รูปร่างหน้าตาสง่างาม คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีสาวสวยมาติดพัน แต่เขากลับปฏิเสธทั้งหมดอย่างไร้เยื่อใย
“คิดว่าปู่ไม่ได้พูดแล้วกัน” หูหวังสองมือไขว้หลังเดินเข้าไปข้างใน
จ่านป๋ายกำของแน่นทั้งสองมือและกระซิบเข้าไปใกล้ข้างหูของซีเหมินจินเหลียน “จินเหลียน ทำไมคุณถึงไม่ถามเขา ว่าเขาหาย่าใหม่ให้กับคุณหรือเปล่า?”
“เหลวไหล” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วส่งสายตาเ**้ยมเกรียมใส่จ่านป๋าย หูหวังเป็นเพราะความผูกพันของชายหญิงที่ไม่อาจตัดใจได้จึงทำให้มีสภาพเป็นเช่นนั้น เกรงว่าทั้งชีวิตเขาคงไม่หาผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว
หูหวังได้ยินทั้งคู่แอบกระซิบกระซาบ ทันใดนั้นหันตัวมองจ่านป๋ายแวบหนึ่ง “ไอ้หนุ่มอย่างนายก็เล่นลิ้นเก่งเหมือนกันนี่ ชอบหาเรื่องโดนตี”
จ่านป๋ายยิ้มๆ ไม่กล้าพูดจาเหลวไหล ผู้อาวุโสคนนี้ชอบใช้ความรุนแรง คนในตระกูลหูมีนิสัยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่อย่างนั้นอายุปูนนี้แล้วจะขับรถฮัมเมอร์คันใหญ่โดดเด่นไปทำอะไร บีเอ็มดับเบิลยู เมอร์เซเดส-เบนซ์ เฟอร์รารี่ดีกว่าไม่ใช่เหรอ?
ของที่หูหวังพามาให้ซีเหมินจินเหลียนไม่มีอะไรดีเลย ของทุกชิ้นไม่ใช่เสื้อผ้าก็รองเท้าครบครัน ส่วนจ่านป๋ายได้แต่พลิกหาแบรนด์เสื้อผ้า ไม่นานก็มึนงง…ตนเองดูถูกผู้อาวุโสเกินไป เสื้อผ้าแบรนด์พวกนี้เป็นแบรนด์เนมชื่อดังของต่างประเทศ เสื้อผ้าคอลเลกชั่นหนึ่งเกรงว่าคงไม่ใช่ราคาถูกๆ ที่สำคัญก็คือดูเหมือนว่าในประเทศต้องทำการสั่งจอง
สิ่งที่เขาคาดไม่ถึง หูหวังก็เตรียมของขวัญให้เขาเช่นกัน นี่ทำให้จ่านป๋ายรู้สึกซาบซึ้งใจ ตั้งแต่ที่แม่ของตนจากโลกนี้ไป เขาก็ไม่เคยได้รับของขวัญปีใหม่มาก่อนเลย
ดังนั้นเมื่อหูหวังโยนถุงหิ้วให้เขา “ไอ้หนุ่ม นี่ของขวัญของนาย พูดจาเหลวไหลให้น้อยๆ หน่อย”
ในขณะที่จ่านป๋ายรับถุงก็เหม่อลอย มีของขวัญของเขาด้วย ฉลองปีใหม่ยังมีของขวัญให้เขาด้วย?
“ของอะไรเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถลาตัวเข้ามาดู
“ซื้อผ้าพันคอให้พ่อหนุ่มน่ะ ช่วยหนูมัดเขาไว้ให้อยู่มัด” หูหวังหัวเราะฮ่าๆ
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วตกใจ ทุบตีไปที่หูหวังเบาๆ จ่านป๋ายถึงได้เรียกสติกลับมาในใจยิ้มขบขันและพูด “ไม่ต้องมัด ผมก็ไม่ไปไหนหรอกครับ”
“หนุ่มอย่างนายไม่มีอะไรวิเศษเลิศเลอ แต่ก็ยังมีคุณธรรมอยู่บ้าง” หูหวังยิ้ม “มาๆๆ จินเหลียน มารับซองแดง”
“คุณปู่หู ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนรีบพูด เสื้อผ้ารองเท้ารวมถึงของที่หูหวังนำมาทั้งหมดเธอชอบทั้งนั้น และลองเสื้อผ้าตัวใหม่บางตัวเตรียมไว้ใส่พรุ่งนี้ด้วย แต่ซองแดงเธอโตขนาดนี้แล้ว เธอไม่เคยรับซองแดงมาก่อนเลย
“อย่าเกรงใจปู่” หูหวังรีบยัดซองแดงใส่ไว้ในมือเธอ ซีเหมินจินเหลียนใช้มือถูไถดูไม่เหมือนกับเงินสด และไม่เหมือนกับหยก ในใจสงสัยจึงอดใจไม่อยู่เปิดมันออกมา มันคือผลอายุยืนทองคำบริสุทธิ์ ขนาดไม่ใหญ่และดูมีราคาไม่มาก แต่ก็ดูมีเอกลักษณ์โดดเด่น
“เสี่ยวป๋าย นี่คือของนาย” หูหวังนำซองแดงยื่นไปให้เขา จ่านป๋ายก็อดไม่ไหวรีบเปิดซองทันที ข้างในก็เป็นผลอายุยืนทองคำบริสุทธิ์เหมือนกับซีเหมินจินเหลียนเช่นเดียวกัน
“ขอบคุณผู้อาวุโสหูมากครับ” วันนี้จ่านป๋ายมีความสุขมากจึงรีบกล่าวขอบคุณ
“นายก็เหมือนกับจินเหลียน ต่อไปเรียกฉันว่าปู่ก็แล้วกัน” หูหวังถอนหายใจพูด “ฉันก็อายุปูนนี้แล้ว…” พูดจบเขาก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองซีเหมินจินเหลียน
ใบหน้าที่ขาวใสของเธอพลันแดงระเรื่อดั่งลูกตำลึงสด จ่านป๋ายก็หันไปมองเธอเช่นกัน
“รีบเรียกสิ” ซีเหมินจินเหลียนกะพริบตาใหญ่ “คุณรับซองแดงจากคุณปู่หูไปแล้วนะ”
จ่านป๋ายดีใจเนื้อเต้นรีบเอ่ย “คุณปู่หู”
หูหวังดีใจมาก สองมือไขว้หลังและพยักหน้าต่อเนื่องกัน ทั้งสามคนเริ่มเก็บกวาด…เตรียมอาหารค่ำของคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เวลานี้จ่านป๋ายพลันคิดถึงหูชีเยี่ยนอย่างไม่รู้ตัว ปกติดูเขาเวลาทำกับข้าวมันก็อีกเรื่อง แต่พอตัวเองลองจับมีดลงครัวมันก็คนละเรื่องเลย
ส่วนซีเหมินจินเหลียนกับหูหวังไม่มีทางลงครัวแน่นอน ประเด็นหลักอยู่ที่เขาไม่เคยปรุงรสไส้เกี๊ยวมาก่อน จะใส่เกลือไปเท่าไหร่ ใส่น้ำตาลอีกเท่าไหร่ ไหนจะผงชูรสเครื่องปรุงต่างๆ จะปรุงยังไงดีล่ะ…
สิ่งที่ทำให้เขาลำบากใจก็คือ…อาหารอื่นๆ สามารถลิ้มลองรสชาติว่าจืดหรือเค็ม แต่ไส้เกี๊ยวมันเป็นเนื้อดิบลิ้มลองไม่ได้ ดังนั้นจ่านป๋ายจึงไร้สติอยู่ในครัว ได้ยินหูหวังพูดกับซีเหมินจินเหลียนในห้องรับแขก “จินเหลียน วันนี้ปู่ยังมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้หนูด้วยนะ?”
“ใหญ่ขนาดไหนคะ?” ซีเหมินจินเหลียนใช้มือประกอบท่าถาม “ขนาดนี้หรือเปล่าคะ?”
“ใหญ่กว่าอันนี้หน่อย” หูหวังยิ้ม
จ่านป๋ายได้ยินจากห้องครัวได้แต่ยิ้มอ่อน น่าจะเป็นเนื้อหยกคุณภาพดีหรือไม่ก็หินหยกดิบ? ไม่แน่หูหวังอาจจะผ่าหยกที่นี่เพื่อสร้างความสนุก?
“ของอะไรเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามแห้ง
“กำลังจะขนเข้ามาพอดี” หูหวังยิ้ม
จ่านป๋ายได้ยินแล้วเป็นดั่งที่ตนคิดไม่ไกลเท่าไหร่ ที่แท้ก็เป็นหินหยกดิบขนาดไม่เล็ก หูหวังจึงไม่สะดวกขนย้ายเข้าเอง แต่ใช้บริษัทขนส่งสินค้าแทน
“คุณปู่หูคะ ความจริงจินเหลียนไม่อยากได้ของขวัญอะไรเลยค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“ไม่ได้ ของขวัญนี้ให้แค่หนูเท่านั้น ไม่อย่างนั้นปู่เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์” หูหวังยิ้ม
“ท่านคงไม่ได้ใช้บริการแอร์เอ็กซ์เพรสหรอกใช่ไหมคะ?” ซีเหมินจินเหลียนคิดถึงหินหยกดิบราคามหาศาลที่หูชีเยี่ยนมอบให้เธอที่มีเงินประกันถึงสิบล้านยูโร เมื่อคิดถึงใจของเธอก็พลันเจ็บแปลบ
“เรื่องโง่เขลาเบาปัญญาเช่นนั้น มีแค่พ่อของหนูที่ทำ” หูหวังนี่ร้ายจริงๆ
ซีเหมินจินเหลียนกำลังจะพูด แต่ได้ยินปากประตูมีเสียงแตรรถยนต์ดังขึ้น หูหวังจึงยิ้มๆ “นี่ไงมาแล้ว”
จ่านป๋ายได้ยินเสียงฝีเท้าของซีเหมินจินเหลียนในห้องรับแขก น่าจะไปเปิดประตูเขาจึงหยุดชะงัก เสียงแตรรถแบบนี้เขาคุ้นเคยกว่าใคร นั่นคือหลินเสวียนหลาน…
ของขวัญที่หูหวังมอบให้ซีเหมินจินเหลียนคือหลินเสวียนหลานงั้นเหรอ? เมื่อสักครู่ให้ของขวัญปีใหม่ของตัวเอง ให้ซองแดงเหมือนกับซีเหมินจินเหลียน ให้เขาเปลี่ยนคำพูดเรียกเขาว่าปู่เช่นเดียวกัน ให้ความหวังเขามาตั้งมากมาย แต่เพียงชั่วขณะกลับชักนำผู้ชายอีกคนใส่พานมาให้ซีเหมินจินเหลียนเป็นของขวัญวันปีใหม่?
อย่างไรเสียเขาก็คุ้นชินแล้ว ผู้อาวุโสท่านนี้เวลาทำอะไร บางครั้งก็ดูคาดไม่ถึงกว่าหูชีเยี่ยนเสียอีก แต่หลินเสวียนหลานมาเวลานี้ก็ดีเหมือนกัน ไส้เกี๊ยวและอาหารฉลองปีใหม่ในคืนนี้ เขาไม่ต้องทุกข์ร้อนใจแล้ว
ซีเหมินจินเหลียนเปิดประตูเห็นทั้งร่างหลินเสวียนหลานสวมใส่ชุดสูทสีน้ำเงินกรมท่า ลงมาจากรถเป็นที่เรียบร้อยในมือโอบอุ้มดอกกุหลาบสีเหลืองช่อใหญ่เดินเข้ามาทางเธอ
“จินเหลียน สวัสดีปีใหม่ครับ” หลินเสวียนหลานพูดพลาง อีกด้านก็ยื่นช่อดอกกุหลาบไปให้ ซีเหมินจินเหลียนรับติดมือมา จากนั้นหลินเสวียนหลานก็ควานหากล่องผ้าไหมเล็กในกระเป๋าชุดสูทออกมาเปิดและหยิบสร้อยคอทองคำขาวล้อมเพชรจี้ไข่หยกห้าสีออกมา