ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 317
หูชีเยี่ยนนิ่งเงียบอยู่นานถึงเอ่ยขึ้น “เคยได้ยินแสงอาทิตย์เจ็ดสีหรือเปล่า?”
“ได้ยินลุงงูเคยพูดถึงค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ได้ยินว่าตามหาหินซ่อมฟ้าต้องหาแสงอาทิตย์เจ็ดสีให้เจอก่อน?” เรื่องนี้เธอไม่หมกเม็ดกับหูชีเยี่ยน อย่างไรเสียเขารู้มากกว่าตนอยู่แล้ว
หูชีเยี่ยนยิ้มแห้ง “ตามทฤษฎีก็ไม่ผิด หยกก้อนนั้นก็คือแสงอาทิตย์สีเขียว”
อย่างไรเสียแค่พูดถึงหินซ่อมฟ้า หูชีเยี่ยนก็ไม่มีความสุข ซีเหมินจินเหลียนยิ้มๆ “แสงอาทิตย์สีเขียวทำไมถึงมาอยู่ต่างประเทศได้ล่ะคะ?”
“จินเหลียน ลูกน่าจะรู้ดี ซูสียัยปีศาจชอบหยกมาก ถึงขนาดเคยสั่งให้คนไปขนย้ายหินหยกดิบจำนวนหนึ่งมาจากพม่า และหินหยกดิบพวกนั้นส่วนใหญ่ก็ผ่านมือของบรรพบุรุษตระกูลหูของพวกเราแล้วทั้งนั้น ความสามารถในการพนันหินของบรรพบุรุษตระกูลหูของพวกเรา ลูกคงไม่สงสัยหรอกใช่ไหม?”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด สำหรับทักษะการพนันหินของตระกูลหู เธอจะสงสัยอะไรได้ล่ะ
“ตอนนั้นหินหยกพวกนั้นขนย้ายมาถึงหมิงหยวนได้ไม่นาน พันธมิตรแปดชาติเข้ามาพักแรมที่หยวนหมิงหยวน ขโมยอะไรได้ก็ขโมยไปทั้งนั้น หินหยกดิบที่ล้ำค่าในแวดวงพนันหินส่วนหนึ่งก็มาจากเวลานั้น นอกจากนั้นที่เหลือก็กลายเป็นของสะสมส่วนตัวของแต่ละคนไป พ่อต้องพูดว่าตอนนั้นคนที่อยากจะครอบครองหินพวกนั้นสายตาเฉียบขาดไม่เบา” หูชีเยี่ยนถอนหายใจพูด “ในนั้นแสงอาทิตย์สีเขียวก็ถูกคนผ่าออกมากลายเป็นอัญมณีล้ำค่าสืบทอด”
ซีเหมินจินเหลียนม้วนผมเล่นบนนิ้วมือพลันถาม “แสงอาทิตย์สีเขียวชิ้นนี้อยู่ในมือใครคะ?”
“ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อไมโลรู้สึกว่าจะเป็นชนชั้นสูงของอังกฤษอะไรสักอย่าง” หูชีเยี่ยนพูด “พ่อลองติดต่อเขาไปสองครั้ง แต่น่าเสียดายหนุ่มสมัยนี้คบหากันไม่ง่ายเลย เงินน่ะ สำหรับพวกเขาแล้วไม่ได้มีความหมายมากมายอะไร จินเหลียนลูกเข้าใจที่พ่อพูดหรือเปล่า?”
“เรื่องแบบนี้พ่อน่าจะจ้างนักแสดงฮอลลีวูดสักคนมานะคะ” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจพูด “แม้แต่พ่อยังคิดว่าหนูยังสวยไม่พอเลย พ่อคิดว่าหนูพอที่จะดึงดูดสายตาของคนต่างชาติเหรอคะ? หนูจะมีเสน่ห์พอทำให้เขาขายอัญมณีล้ำค่าได้?”
“วันนี้แน่นอนว่าไม่ได้ แค่แนะนำให้รู้จักกันก่อนก็พอ จากนั้นค่อยคิดหาวิธีต่อ” หูชีเยี่ยนพูด “สรุปว่าหินหยกดิบก้อนนั้นก็ต้องคิดหาวิธีเอามันมาให้ได้เหมือนกัน”
ความจริงซีเหมินจินเหลียนสนใจแสงอาทิตย์สีเขียวกว่าเขาด้วยซ้ำ เพราะเธอมีแสงอาทิตย์สีน้ำเงินระยิบระยับกับสีส้มแพรวพราวแล้ว ถ้าได้ครอบครองแสงอาทิตย์สีเขียวก็จะมีหยกแสงอาทิตย์สามก้อน
“โอเคค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “งั้นพวกเราไปกันเถอะ”
“เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” หูชีเยี่ยนส่ายศีรษะพูด “คืนนี้เป็นงานเลี้ยงสไตล์ดั้งเดิมของตะวันตก ต้องสวมชุดราตรี”
ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมพยักหน้า “พ่อรอหนูสักครู่นะคะ”
หูชีเยี่ยนกวาดสายตาแสกนไปมองซีเหมินจินเหลียนที่ทั้งตัวเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงยาวสีกรมท่า ม้วยผมขึ้นไปด้วยปิ่นหยก ความสดใสในนั้นมีความเย้ายวนเล็กน้อย ใบหน้าไม่ได้ประทินเครื่องสำอาง เพียงแค่ทาลิปสติกอ่อนๆ เบาๆ มองแล้วยิ่งสวยใสจับใจ
“อืม…พ่อนึกว่าลูกต้องให้พ่อรอสักหนึ่งถึงสองชั่วโมง” หูชีเยี่ยนยิ้ม
“พ่อคิดว่าลูกสาวของพ่อไม่แต่งหน้าแล้วจะไปวัดไปวาไม่ได้เหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“ไปเถอะ” หูชีเยี่ยนยิ้มเบาๆ เอื้อมมือไปคล้องแขนเธอ “พ่อไม่เคยพูดประโยคนี้มาก่อน”
“พ่อเคยบอกว่าหนูไม่สวยเท่าในรูปไงคะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดไม่ยอมปล่อย
“เอาอีกแล้ว” หูชีเยี่ยนพูด “พ่อผิดไปแล้วไม่ได้เหรอ? ลูกดูดีกว่าในรูปอีก ดูดีกว่าเป็นร้อยเท่า”
“อย่าประชดหนู” ซีเหมินจินเหลียนยู่ปากใส่ ไม่นานสายตาของเธอก็ถูกรถคันหนึ่งหน้าประตูดึงดูดไว้ “พ่อคะ พ่อ..พ่อไปเอารถเฟอร์รารี่มาจากไหนคะ? หึหึ ไหนจะยังสีแชมเปญเปิดประทุนซะด้วย…พ่อคะ พ่อคงไม่ได้อยากจีบสาวที่ลาสเวกัสนะคะ?”
จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนพลันคิดถึงปัญหาตามความเป็นจริง ทักษะการขับรถของหูชีเยี่ยนย่ำแย่มาก รถแบบนี้แน่นอนว่าต้องขับเองเพื่อความเท่ ปกติจะไม่มีคนขับให้แล้วเขาซื้อรถแบบนี้มาเพื่ออะไร?
หูชีเยี่ยนเปิดประตูรถนั่งตำแหน่งฝั่งคนขับพร้อมยิ้ม “ก็แค่ตามกระแสเท่านั้น ของที่พ่อไม่เคยเล่นสมัยก่อน พอมีโอกาสเลยอยากลองเล่นน่ะสิ”
ซีเหมินจินเหลียนนั่งข้างเขา จับนู่นจับนี่ไปทั่วจากนั้นพูด “หนูตัดสินใจแล้ว กลับไปหนูจะไปซื้อมาสักคัน”
“ถ้าลูกอยากได้ พ่อค่อยซื้อให้ก็ได้แล้ว” หูชีเยี่ยนยิ้ม “หรือลูกอยากจะขับ?”
“ทักษะการขับรถของหนูไม่ได้ดีไปกว่าพ่อเลยค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนถอนหายใจ ดังนั้นเธอจึงเลือกรถบีเอ็มดับเบิลยูราคาไม่แพงจนเกินไป แต่สมรรถนะดี หลีกเลี่ยงการถูกชน…แต่เมื่อจ่านป๋ายอยู่ด้วยกัน เธอแทบไม่ได้จับพวงมาลัยอีกเลย
ความจริงทักษะการขับรถย่ำแย่ก็แค่เกิดจากการที่ไม่ได้ฝึกฝนให้ช่ำชอง ให้เธอขับไปเรื่อยๆ สักหลายๆ ปีบางทีอาจจะคล่องขึ้นก็ได้ อย่างน้อยก็ไม่เหมือนหูชีเยี่ยนที่เจอไฟแดงแล้วชอบฝ่าไฟแดง หรือไม่ก็ชนกับเสาไฟจราจรหักเป็นท่อน ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
ยังดีน่าจะเป็นเพราะอยู่ลาสเวกัส พ่อที่ชอบฝ่าไฟแดงท่านนี้ถึงได้ไม่กล้าฝ่า รถเฟอร์รารี่จอดอยู่ที่ลานจอดรถอันกว้างขวาง จากนั้นเขาก็ถอดแว่นกันแดดสีดำอย่างกับชนชั้นสูง เปิดประตูให้ซีเหมินจินเหลียนและประคองเธอลงจากรถ
“จินเหลียน อีกเดี๋ยวอย่าเรียกพ่อว่าพ่อนะ” หูชีเยี่ยนกระซิบข้างหูเธอ
“หมายความว่าอะไรคะ?” ซีเหมินจินเหลียนเหยียดหลังตรงถาม “พ่อไม่ยอมรับหนู?”
“แม้พ่อจะเสียใจที่ยอมรับลูก แต่ในเมื่อยอมแล้วก็จะกลับคำไม่ได้ ลูกลองดูสิ สถานที่แห่งนี้มากันเป็นคู่กันทั้งนั้น ลูกบอกว่าเราเป็นพ่อลูกกัน ใครเขาจะเชื่อล่ะ?” หูชีเยี่ยนพูด
ซีเหมินจินเหลียนทำปากจู๋ใส่ เสียใจที่ยอมรับเธอ? หมายความว่ายังไง? หันข้างไปดูน่าจะเป็นเพราะไม่ได้อยู่ในประเทศ หูชีเยี่ยนจึงไม่ได้แกล้งอำพรางตัว แต่กลับเผยความงามเนื้อแท้ออกมา ดูแล้วเหมือนชายหนุ่มอายุราวๆ ยี่สิบห้ายี่สิบหก ถ้าไปพูดกับพวกเขาว่าเป็นพ่อ เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อแน่
“คุณหู ช่วยสอนเคล็ดลับคงความงามให้ไม่แก่ได้หรือเปล่าคะ?” ซีเหมินจินเหลียนเจตนาถาม
“ลูกรู้แล้วยังจะถามอีก?” หูชีเยี่ยนยิ้ม
“คาลซิโดนีโบราณ?” ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจ
หูชีเยี่ยนพยักหน้าพูด “ใช่แล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าพ่อไม่รู้พ่อคงไม่กล้าเอาอะไรสุ่มสี่สุ่มห้ามาถูบนมือลูกหรอก?”
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจ งานเลี้ยงครั้งนี้จัดที่ตึกสามสิบเจ็ด เมื่อเดินเข้าไปลิฟต์แขกวีไอพีโดยเฉพาะก็พาขึ้นไปชั้นสามสิบเจ็ดโดยตรง เธอรู้สึกว่าหัวของตัวเองวิงเวียนเล็กน้อย เมื่อออกจากลิฟต์พิงไปที่ตัวของหูชีเยี่ยนจึงถาม “งานเลี้ยงวันนี้มีที่มาที่ไปจากไหนคะเนี่ย?”
หูชีเยี่ยนขมวดคิ้วพร้อมถามเบาๆ “จ่านป๋ายไม่ได้บอกลูกเหรอ?”
ซีเหมินจินเหลียนโคลงศีรษะพูด “เขาบอกว่าวันนี้คุณสมิธจะเลี้ยง แต่หนูลงเครื่องมาแล้วรู้สึกไม่สบายเลยไม่ได้ไปค่ะ”
“งานเลี้ยงในคืนนี้ ความจริงเป็นการทำธุรกรรมเครื่องประดับส่วนตัวของขุนนางบางคนในประเทศยุโรปและอเมริกา” หูชีเยี่ยนลุบเสียงต่ำ “นอกจากอัญมณีก็ยังมีพวกภาพเขียนโบราณ แน่นอนของที่ไร้ค่าไม่น่าขึ้นหิ้งก็จะไม่ถูกมาจัดแสดงที่นี่”
หูชีเยี่ยนเห็นเธอไม่พูดอะไร ทันใดนั้นก็พูด “คนจีนมักมีประโยคพูดกันว่า…เจรจาธุรกิจบนโต๊ะอาหาร คนต่างชาติก็เหมือนกัน โอกาสแบบนี้มักจะเจรจาธุรกิจ คนในนี้ไม่ว่าใครก็รวยล้นฟ้าทั้งนั้น คืนนี้ลูกจะได้เห็นดาราออกงานกันให้ว่อนเลยล่ะ อย่าได้ตกใจเชียว”
ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วเล็กน้อย งานเลี้ยงแบบนี้จัดขึ้นในลาสเวกัส และงานพนันของชิงซื่อเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ ดูอย่างนี้แล้วเธออยากจะทำธุรกิจหาเงินกับคนต่างชาติมันไม่ใช่เรื่องง่าย ยุคนี้ไม่มีใครเขาโง่หรอก
สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีก็คือ วันนี้มีดารามากหน้าหลายตามาเข้าร่วม ถ้าอย่างนั้นงานเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เทพธิดาหนี่วาซ่อมฟ้าทางฮอลลีวูดไม่กร่อยเหรอ?
หูชีเยี่ยนยิ้มทันที “บริษัทจิลเวอรี่ของลูก ขอบเขตเล็กไปหน่อย ถ้าอยากจะตีตลาดโลก ในงานพนันของชิงซื่อก็เป็นโอกาสที่ดี”
“หนูเข้าใจแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนสูดลมหายใจเข้าลึก เธอมีแค่หยก และประเทศฝั่งยุโรปต่างชอบเพชร อยากจะให้ความชอบของพวกเขาเปลี่ยนมาเป็นหินหลากหลายสีมันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอกำลังพยายามอยู่ แต่นักธุรกิจอัญมณีพวกหนึ่งของยุโรปเกรงว่าพวกเขาคงคว้าโอกาสทางธุรกิจนี้เคลื่อนเข้าสู่ธุรกิจหยกในทันที ไม่นานหยกคงได้พากันขึ้นราคาเหมือนนํ้าขึ้นเรือลอย รวมถึงหินหยกดิบในพม่าด้วย
“คุณ…หู คุณร่ำรวยแล้วนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนกระซิบพูด
“พ่อรวย? หรือว่ารวยแล้วจะไม่นอนลงโรงงั้นเหรอ?” หูชีเยี่ยนยิ้ม “ในอนาคตก็เป็นของลูกทั้งหมดไม่ใช่หรือไง?”
“พ่อไม่ยอมให้หนูไปพม่านี่นา” ซีเหมินจินเหลียนกล่าวโทษ
หูชีเยี่ยนยิ้มๆ ระหว่างที่ทั้งคู่สนทนากันก็เดินไปถึงหน้าประตูบานใหญ่ทั้งสอง ปากประตูมีคนคอยโค้งตัวช่วยผลักประตูให้อยู่
หูชีเยี่ยนยื่นการ์ดเชิญสีทองใบหนึ่ง และมีพนักงานที่แต่งตัวเหมือนบริกรเดินเข้ามารับและนำไปแสกนไว้บนเครื่องเซ็นเซอร์อิเล็กทรอนิกส์ข้างๆ จากนั้นอมยิ้มให้ “คุณหู เชิญครับ”
หูชีเยี่ยนโอบเอวซีเหมินจินเหลียนและรับบัตรเชิญมาเดินเข้าไปข้างใน
ซีเหมินจินเหลียนกระซิบถาม “พนักงานคนนี้รู้ภาษาจีนด้วยเหรอคะ?”
“พนักงานที่มาทำงานที่นี่ได้ อย่างน้อยต้องรู้ภาษาต่างประเทศถึงสามประเทศขึ้นไปทั้งนั้น พนักงานที่คอยต้อนรับแขกอยู่หน้าประตู อย่างน้อยต้องรู้ถึงหกภาษาขึ้นไป ไม่อย่างนั้นเขาจะต้อนรับแขกแต่ละประเทศได้อย่างไรกันเล่า?” หูชีเยี่ยนพูดอธิบาย
“พ่อคะ พ่อพูดภาษาอังกฤษได้ไหมคะ?” ซีเหมินจินเหลียนฉุกถามขึ้น ในระหว่างที่พูดเธอก็กวาดสายตามองรอบด้าน สถานที่แห่งนี้กว้างขวางมีแสงไฟคอยให้ความอบอุ่นและสดใส แต่ไม่ได้สว่างจ้าจนเกินไป ทำให้แขกที่มาร่วมงานทุกคนรวมถึงพนักงานบริกรเห็นเหมือนเงาตะคุ่ม มีคนจับกลุ่มสองสามคนกระจัดกระจายในห้องโถง ภายใต้เสียงเพลงที่หรูหรา เรือนร่างสวมใส่ชุดราตรี พูดคุยกันอย่างสุภาพมีมารยาท หูชีเยี่ยนพูดไม่ผิด สถานที่แห่งนี้เหมาะสมในการเจรจาธุรกิจ
หูชีเยี่ยนโคลงศีรษะ “พ่อก็ไม่ใช่คนเก่งรอบด้านไหม? ถ้าลูกถามตัวอักษรจีนโบราณกับพ่อ พ่อยังพอรู้เรื่องบ้าง ภาษาอังกฤษน่ะเหรอ พ่อพูดได้แค่ประโยคเดียว…”
ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างโง่เขลา “ประโยคไหนเหรอคะ?”
“แกตาย ฉันไม่ตาย” หูชีเยี่ยนเลียนแบบสำเนียงของคนต่างชาติอ่านออกมา
ซีเหมินจินเหลียนเริ่มมึนงง แต่ไม่นานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขาตลกเกินไปแล้ว…แกตายฉันไม่ตาย ฮ่าๆ…