ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 320
มุมมองทางธุรกิจ ซีเหมินจินเหลียนเริ่มครุ่นคิดถึงมุมมองทางธุรกิจ ความจริงทุกคนเวลามองหยกก็มาจากมุมมองทางธุรกิจไม่ใช่เหรอ?
“คุณสมิธแนะนำเมื่อสักครู่ว่าชนิดเนื้อแก้วเหล่าพ่ากันดีที่สุด ไม่ทราบว่าคุณจินเหลียนมีความเห็นสำหรับเรื่องนี้อย่างไรครับ?” ไมโลยิ้มและยังคงส่งสายตาแพรวพราวปล่อยมาให้อีกครั้ง
เพียงแต่ดวงตากลมโตใสซื่อของซีเหมินจินเหลียนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดู ได้แต่พยักหน้าพูด “ตามหลักการแล้วก็เป็นแบบนั้นค่ะ แต่แม้จะเป็นเนื้อแก้วเหล่าพ่ากันเหมือนกัน แต่ก็ต้องดูสีว่าบริสุทธิ์หรือเปล่า มีรอยจุดขาวหรือเกลื้อนมลทินรวมถึงร่อยรอยตำหนิต่างๆ หรือไม่ ไหนจะดูว่าหยกน้ำงามหรือปัจจัยทางธรรมชาติอื่นๆ บวกกับปัจจัยต่างๆ อีกยิบย่อย ทั้งหมดนี้ส่งผลต่อคุณค่าของหยกทั้งนั้น”
“แล้วกำไลข้อมือของคุณจินเหลียนที่ใส่อยู่เป็นชนิดไหนล่ะครับ?” ไมโลถาม
“นี่เป็นชนิดเนื้อแก้วเหล่าพ่ากันอย่างไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“แล้วทำไมกำไลของคุณถึงได้มีแสงแพรวพราวเหมือนสวมใส่ดวงดาวไว้ในมือล่ะครับ?” ไมโลพูดพลาง อีกด้านก็ยื่นมืออยากจะสัมผัสมือของเธอ
ซีเหมินจินเหลียนรีบร้อนชักมือกลับมา เครื่องประดับดวงดาวชุดนี้ นอกจากกำไล อย่างอื่นหลินเสวียนหลานก็เป็นคนออกแบบเองกับมือทั้งหมด แถมการออกแบบเครื่องประดับหยกของหลินเสวียนหลานก็มี เอกลักษณ์แปลกใหม่เฉพาะตัว ผสมผสานระหว่างกลิ่นอายโบราณกับความงามของยุคปัจจุบันเลยทำให้เครื่องประดับแตกต่างไปจากร้านจิวเวลรี่ทั่วไป
และเพราะว่าออกงานเลี้ยงเช่นนี้ วันนี้เธอถึงได้สวมใส่เครื่องประดับดวงดาวสีสันใสสะอาดบริสุทธิ์ราวกับมวลหมู่ดาวรวมกลุ่มกัน สีเขียวมรกตที่มีดวงดาวคอยรายล้อมระยิบระยับ
ซีเหมินจินเหลียนคิดๆ ดูถึงอธิบาย “มีวิธีพูดถึงการก่อตัวของเหมืองหยกเยอะแยะเลยค่ะ ส่วนการเกิดสีหรือชนิดของหยกนั้นก็แตกต่างกันไป จนกระทั่งมีคนบอกว่าหาหยกที่มีชนิดเหมือนกันสองก้อนสมบูรณ์แบบไม่ได้หรอก และในบรรดาหยกพวกนั้นบางทีก็อาจจะมีแหล่งกำเนิดแสงเย็นหรือไม่ก็โลหะล้ำค่า หยกประเภทนี้ไม่ได้จัดอยู่ในชนิดหยกธรรมดา”
“แล้วเครื่องประดับชุดนี้บนตัวของคุณซีเหมิน ถ้านำไปขายทอดสู่ตลาดมูลค่าจะเป็นอย่างไรครับ?” ไมโลถาม
“เอ่อ…” ซีเหมินจินเหลียนนิ่งอยู่นานถึงได้ส่ายศีรษะพูด “ฉันไม่คิดจะขายหรอกค่ะ ดังนั้นเปิดราคาไม่ได้หรอก”
ใบหน้าของไมโลเห็นได้ชัดว่ามีความผิดหวัง ไม่นานถึงได้นิ่งและพูดต่อ “เสียดายจัง ไม่รู้จะไปหาหยกแบบนี้ได้จากที่ไหนนะครับเนี่ย?”
“บริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม “ถ้ามีโอกาสก็เรียนเชิญคุณไมโลมาที่ร้านเล็กๆ ของเราได้ค่ะ”
“มีเครื่องประดับแบบนี้ไหมครับ?” ไมโลถามอย่างร้อนรน
“ออกแบบเหมือนกันทั้งหมดไม่มีหรอกค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนโคลงศีรษะพูด “ถ้าคุณต้องการที่จะซื้อกำไลแสงดาวจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” พูดถึงเท่านี้เธอก็เผยรอยยิ้ม เดิมทีไม่รู้ว่าจะปริปากพูดถึงเนื้อหยกแสงอาทิตย์สีเขียวอย่างไรดี แต่คิดไม่ถึงเขากลับสนอกสนใจกำไลแสงดาวขนาดนี้ นอกจากกำไลแสงดาวเธอก็ยังมีหยกเปล่งประกายอื่นๆ อีก
ไมโลได้ยินคำพูดที่เธอพูดออกมาได้อย่างสบายก็ตกใจถาม “จินเหลียนยอมตัดใจได้เหรอครับ?”
“ก็เหมือนที่คุณพูดค่ะ ฉันเป็นคนที่ชื่นชอบหยก เมื่อสักครู่คุณไมโลบอกเองไม่ใช่เหรอคะ บรรพบุรุษของคุณก็เป็นคนชอบหยกเช่นกัน ถ้าคุณได้ครอบครองหยกคุณภาพดีไว้ในมือ ฉันก็ไม่สนใจหรอกค่ะถ้าเราจะแลกเปลี่ยนกัน” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม สามารถเปลี่ยนเป็นหยกแสงอาทิตย์สีเขียวได้ เธอก็ยอมตัดใจให้กำไลแสงดาวไปวงหนึ่ง
ไมโลนิ่งงันอยู่นานและพูดต่อ “หยกน่ะมีครับ แต่เสียดายยังไม่ได้แปรรูป ครั้งนี้ที่ผมมาร่วมงานของคุณสมิธคืนนี้ อย่างแรกก็เพื่ออยากจะชื่นชมความงามของหยก รองลงมาก็เพื่อจะตามหาช่างฝีมือมาแปรรูปเนื้อหยกก้อนนั้นครับ”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วดีใจเนื้อเต้นรีบพูด “ไม่ทราบว่าเป็นเนื้อหยกแบบไหนกันคะ? ฉันพอที่จะเปิดหูเปิดตาดูด้วยได้หรือเปล่า? ถ้าได้ฉันก็สามารถแปรรูปเนื้อหยกก้อนนั้นให้คุณฟรีๆ เลยค่ะ”
ไมโลได้ยินเช่นนั้นก็แปลกใจรีบถาม “คุณจินเหลียนยังรู้เรื่องเทคนิคการแปรรูปหยกด้วยเหรอครับ?”
“เครื่องประดับพวกนี้ฉันก็เป็นคนแปรรูปเองทั้งนั้นค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลาง อีกด้านก็ถอดดวงดาวปิ่นระย้าออกมาจากผมและยื่นส่งไปให้ “เพียงแค่เรื่องฝังหยกมอบให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนจัดการค่ะ ส่วนเรื่องผ่าหยกรวมไปถึงงานฝีมือ หลักๆ แล้วฉันเป็นคนทำ”
เมื่อสองมือของไมโลสัมผัสไปโดนปิ่นระย้าทองคำขาวฝังหยกดวงดาวระยิบระยับ ปิ่นระย้าอันนี้ไม่เหมือนกับทั่วไป งานฝีมือที่วิจิตรงดงามและแยบยล เมื่อเทียบกับงานฝีมือของเครื่องประดับหยกพวกนั้นของสมิธแล้วมันคนละชั้นกันเลย
“สวยมากเหลือเกิน” ไมโลชื่นชมไม่หยุดปาก “ตะวันออกดินแดนแห่งลี้ลับ จะเซอไพรส์ผมไปอีกเท่าไหร่กัน”
“ถ้าคุณมีเนื้อหยกก็สามารถให้บริษัทเราเป็นคนแปรรูปให้ได้ค่ะ รับประกันความพึงพอใจ นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้เนื้อหยกมาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับบริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่ได้ เมื่อครู่ฉันบอกว่าขอแค่เนื้อหยกของคุณสวยมากพอ และเป็นสิ่งที่ฉันไม่มี ฉันก็ยินดีจะใช้กำไลแสงดาวนี้เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนไม่ปล่อยโอกาสพูดจาฉอเลาะ
“บริษัทของคุณยังมีเครื่องประดับแบบนี้อยู่เหรอครับ?” ไมโลถาม เขามองออกว่าดวงดาวปิ่นระย้าซีเหมินจินเหลียนไม่มีทางยินยอมขายออกไปแน่
“มีค่ะ มีหลากหลายสีและชนิดเลย สีแดงดอกกุหลาบ สีแดงเกร็ดทอง สีเขียวสด สีเขียวถั่วเขียว สีเขียวพระอาทิตย์ สีน้ำเงินเปล่งประกายรวมถึงสองสีหรือหลากสีสัน” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“เนื้อแก้วเหล่าพ่ากันทั้งหมดเลยเหรอครับ?” ไมโลตกใจถาม
ซีเหมินจินเหลียนอมยิ้มพร้อมพยักหน้าพูด “ใช่แล้วค่ะ บริษัทของพวกเราค้าขายหยกคุณภาพดี แม้แต่จี้หยกทุกชิ้นก็สามารถเป็นมรดกตกทอดได้”
เธอไม่ได้พูดเกินจริง เศษหยกก้อนเล็กทุกก้อนที่เธอผ่าออกมาในห้องใต้ดิน ถ้าเอาออกมาข้างนอกราคาก็คงสูงล้นฟ้า
“ผมพาเนื้อหยกก้อนหนึ่งมาด้วย สีเขียวสดแต่ดูแล้วไม่ได้สวยเท่าพวกนี้เลย” ไมโลถอนหายใจพูด “ไม่ทราบว่าคุณจินเหลียนสนใจที่จะไปดูหรือเปล่าครับ”
“แน่นอนค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“ถ้างั้นผมพาคุณไปดูเป็นอย่างไรครับ?” ไมโลยิ้ม “ผมพามาที่นี่ก็หวังว่าจะเจอช่างฝีมือดีที่จะแปรรูปมันไปเป็นเครื่องประดับได้”
“ได้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ที่ฉันมาครั้งนี้ก็พาเครื่องประดับจำนวนหนึ่งมา ถ้าคุณสนใจพรุ่งนี้ก็มาดูที่ฉันได้ค่ะ”
ไมโลดีใจยกใหญ่ ไม่เพียงแต่ได้รู้จักกับสาวงามแห่งตะวันออก ยังจะได้เห็นหยกน้ำงามมูลค่ามหาศาลจากตะวันออกอีกด้วย ดังนั้นจึงยิ้มตอบรับด้วยความยินดี
“คุณจินเหลียน คุณมีแฟนแล้วยังครับ?” ไมโลถามฉับพลัน
“เรื่องนี้…” ซีเหมินจินเหลียนอมยิ้มพร้อมส่ายหน้า “ยังไม่มีชั่วคราวค่ะ”
“ผมจีบคุณได้ไหมครับ?” ไมโลถามฉับพลัน
“ฉันว่าอย่าดีกว่าค่ะ ฉันน่าจะชอบผู้ชายฝั่งตะวันออกมากกว่า” แม้ว่าซีเหมินจินเหลียนอยากจะได้แสงอาทิตย์สีเขียว แต่เธอก็ปฏิเสธเขาไปตรงๆ ดีกว่า
ไมโลยิ้มอ่อนโยนเดินนำซีเหมินจินเหลียนไปที่หน้าประตูห้องโถงใหญ่ จากนั้นก็เดินออกไปทางด้านนอกและเลี้ยวไป ซีเหมินจินเหลียนถึงแปลกใจว่าระบบกันขโมยของที่นี่ดูเข้มงวดกว่าในห้องโถงมาก พนักงานรักษาความปลอดภัยทุกคนต่างพกปืนกันหมด
เห็นสีหน้าของซีเหมินจินเหลียนแปลกไป ไมโลถึงได้ยิ้ม “หรือว่าคุณซีเหมินไม่เคยพาของล้ำค่ามาแล้วเก็บไว้ที่นี่เหรอครับ? ระบบความปลอดภัยของสถานที่แห่งนี้วางใจได้แน่นอน”
“ฉันมีเครื่องประดับแค่เล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องฝากไว้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มๆ ความจริงเธอไม่รู้ว่างานเลี้ยงแบบนี้จะพาของล้ำค่ามาทำอะไรแล้วยังจะฝากไว้อีก? ค่าฝากของที่นี่คงไม่ได้ต่ำๆ แน่?
ไม่นานเธอถึงได้รู้ว่า เพราะสถานที่แห่งนี้อยู่ในลาสเวกัส และมีนักพนันจำนวนมากที่ไม่ยินยอมเปิดเผยสถานะตัวตนของตัวเอง จนถึงขั้นพกเงินสดหรือของล้ำค่าเข้ามาพนันเงินหาความสุข สถานที่แบบนี้เลยเป็นการทำธุรกิจที่เฟื่องฟู ส่วนงานเลี้ยงแบบนี้บางครั้งก็ต้องเจรจาเรื่องธุรกิจ ไม่แน่อาจจะเป็นการเซ็นสัญญาเลยก็ได้ เอกสารที่สำคัญมีมูลค่าไม่ได้ใช้เงินทองธรรมดามาวัดได้หรอก
แม้กระทั่งซีดีแผ่นเล็กๆ ไม่แน่ว่าอาจจะราคาหลักร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐเชียว จะให้ประมาทเลินเล่อได้อย่างไร?
ไมโลพูดกับซีเหมินจินเหลียนว่า “ขอโทษนะครับ” จากนั้นหยิบบัตรสีทองออกมาหลังจากผ่านการตรวจแสกนทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ยังมีการตรวจสอบทางลายนิ้วมือ เรียกได้ว่าความปลอดภัยระดับนี้เทียบเคียงกับห้องใต้ดินของเธอได้เลย
เห็นไมโลเดินเข้าไปได้ไม่นานก็ถือกล่องไม้จันทน์เล็กออกมาด้วยพร้อมยิ้ม “พวกเราเข้าไปดูข้างในเป็นไงครับ?”
“ยังไงก็ได้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มๆ พวกเขาทั้งคู่เดินกลับไปที่ห้องโถง เพราะแขกเหรื่อในงานมาก การเคลื่อนไหวของพวกเขาจึงไม่ได้เป็นเป้าหมายสายตาของใคร มีแค่หูชีเยี่ยนที่แอบมองอยู่ไกลๆ และพูดจากใจว่า ใครบอกว่าลูกสาวไม่สู้ลูกชาย? ขุนนางชั้นสูงอย่างไมโลรู้จักเธอได้ไม่นานก็ลุ่มหลงเธอจนหัวปักหัวปำแล้ว? ตนเองอยากจะดูหยกแสงอาทิตย์สีเขียวแค่ชั่วพริบตา ซีเหมินจินเหลียนเพียงแค่แปบเดียวก็จัดการได้แล้ว?
ทั้งคู่หามุมที่ไม่สะดุดตา ไมโลหยิบกุญแจที่ติดตัวเอาไว้เปิดกล่องไม้ออก จากนั้นยื่นต่อไปข้างหน้าซีเหมินจินเหลียนพร้อมยิ้ม “คุณดูเองเถอะครับ”
ซีเหมินจินเหลียนตื่นเต้นดีใจ นี่คือหยกแสงอาทิตย์สีเขียว แม้ว่าเธอจะมีหยกแสงอาทิตย์สองสี แต่ก็ยังไม่ได้ผ่าออกมา ในความหมายจริงๆ ก็คือนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นหยกแสงอาทิตย์ด้วยตาตัวเอง
เอื้อมมือไปเปิดกล่องไม้เบาๆ ข้างในมีผ้าดิ้นอยู่ชั้นหนึ่งคอยอำพรางของไว้มิดชิด ซีเหมินจินเหลียนไม่กล้าประมาทเลินเล่อคอยระมัดระมังเปิดผ้าดิ้นออกมา แต่ของที่อยู่ตรงหน้าของเธอกลับทำให้เธอไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี
นี่คือหยกแสงอาทิตย์สีเขียว? ล้อเล่นอะไรเนี่ย? นี่มันแค่ก้อนซีเมนต์ก้อนเดียวชัดๆ
“คุณไมโลคะ คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมคะเนี่ย?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มฝืดเฝื่อน
ความจริงไมโลเห็นสายตาของเธอแปลกไป เขาก็เข้าไปดูตั้งแต่แรกแล้วบนผ้าดิ้นสีทองมีก้อนซีเมนต์ไม่เป็นรูปเป็นร่างขนาดเท่าไข่ไก่ตั้งตระหง่านคอยเย้ยหยันอยู่ข้างใน
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้?” ไมโลพลันหน้าถอดสี “เป็นไปไม่ได้”
ซีเหมินจินเหลียนใบหน้าพลันซีดขาวตามๆ กัน ไม่ง่ายเลยที่จะรู้ข่าวคราวของหยกแสงอาทิตย์สีเขียว ตอนนี้ของที่อยู่ในกล่องไม้จันทน์เหลือไว้แค่ก้อนดินโคลน ราวกับกำลังหัวเราะเยาะให้กับสรรพสิ่งมีชีวิตที่ตกหลุมรักหยกเหล่านั้น
ไมโลผู้โชคร้ายถูกโจรขโมยแล้ว ซีเหมินจินเหลียนปวดแปลบในใจ จู่ๆ ก็อยากจะหาหูชีเยี่ยนแล้วไปร้องห่มร้องไห้กับเขา เธอเสียแรงกับการปั้นหน้าคุยกับคนต่างชาติตั้งนาน สุดท้ายแม้แต่หยกแสงอาทิตย์สีเขียวก็ไม่ได้ดูสักครั้ง…
ไมโลใช้ภาษาอังกฤษร้องเรียกโวยวาย จนมีพนักงานกี่คนรีบเข้ามาดูสถานการณ์ จากนั้นไมโลพูดคุยภาษาอังกฤษกับเขา ซีเหมินจินเหลียนฟังไม่รู้เรื่องลุกขึ้นปลีกตัวไป ไม่นานก็มีบรรดาแขกเหรื่อในงานเข้ามามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่นานสามนาทีคุณสมิธรีบแล่นเข้ามา ในงานเลี้ยงของเขาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เขาก็ยากที่จะเลี่ยงความผิดไปด้วย