ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 322
ซีเหมินจินเหลียนคิดๆ ดูถาม “คุณแน่ใจนะ?”
“แน่นอน” จ่านป๋ายพยักหน้าพูด “เรื่องนี้ผมยืนยันได้ แม้ว่าผมจะไม่เหมือนจ่านมู่ฮวาที่ยึดแต่ผลประโยชน์เป็นหลัก แต่ก็ไม่ยอมเอาเงินของตัวเองไปลอยน้ำหรอก การซื้อขายหินหยกดิบพวกนั้น คุณก็รู้ว่าราคาของมันคงหลายสิบล้าน ถึงผมมีเงินผมก็ไม่มีทางเล่นแบบนั้นหรอกถูกไหม?”
“แล้วคุณยังบอกฉันอีกว่าคุณไม่รู้เรื่องหยก?” ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาขาวมองเขาอย่างหมดอารมณ์ และพูดจากล่าวโทษด้วยความไม่พอใจ
“จินเหลียน ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ” จ่านป๋ายใบหน้าอมทุกข์เหมือนจะร้องไห้ “ผมก็แค่ลงทุนกับบริษัทสมิธ และมีหุ้นอยู่ในนั้นจำนวนหนึ่ง ผมไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องการทำธุรกิจมาก่อน อีกอย่างสมิธที่สมควรตายนั่นก็ไม่ได้ทำธุรกิจค้าหินหยกดิบเป็นอาชีพ หลักๆ เขาก็แค่ขายของโบราณและบ่อนการพนัน แล้วก็อัญมณี”
“ธุรกิจดูไม่เล็กเลยนี่นา” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว สมิธคนนี้ดูไม่ง่ายเลย ของโบราณกับอัญมณี ไหนจะบ่อนการพนัน ต่างเป็นธุรกิจที่เงินทองไหลมาเทมาทุกวัน อีกทั้งยังจะต้องมีเบื้องหลังอันมืดดำ ไม่อย่างนั้นคงกุมไว้ไม่อยู่หมัด ส่วนจ่านป๋ายที่สามารถมาอยู่ข้างกายแบ่งน้ำแกงร่วมกันได้ เกรงว่าเขาก็ไม่ใช่คนที่ง่ายเช่นกัน
เธอจำได้ว่าจ่านป๋ายเคยพูดว่าเขามีธุรกิจนิดหน่อยอยู่ที่ตะวันตก ส่วนในประเทศมีแค่น้อยนิด ดูจากตอนนี้แล้วเขาน่าจะไม่ได้พูดโกหก
อีกอย่างอเมริกาเป็นประเทศทุนนิยม ถ้าเขาไม่มีฐานะตัวตนที่มั่นคง เขาจะไปรู้จักคบค้าสมาคมกับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้อย่างไร?
“เสี่ยวป๋าย ดูแล้วคุณมีเรื่องที่ปิดบังฉันไว้เยอะเลยนี่นา” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มหลิ่วตาถาม
“ผมเคยบอกกับคุณตั้งแต่แรกแล้วว่าผมทำธุรกิจบางอย่างที่ประเทศในยุโรปและอเมริกา” จ่านป๋ายอึดอัดลำบากใจไปทั่วท้อง และก้าวถอยหลังรักษาความปลอดภัย
“ฉันเป็นเสือ ดูเหมือนอยากจะตะปบกินคุณหรือไง?” ซีเหมินจินเหลียนเห็นสถานการณ์แล้วหมดอารมณ์จะพูด “ฉันไม่ได้ชอบใช้ความรุนแรงไหม หมอมองโกลบ้านั่นให้ร้ายฉันต่างหาก คุณก็เชื่อด้วยงั้นเหรอ?”
จ่านป๋ายยิ้มเจ้าเล่ห์เดินไปนั่งข้างๆ เธอ และหยิบผ้าขนหนูในมือเธอมาไว้กับตัวพร้อมพูด “ผมมีธุรกิจอยู่ที่ประเทศในยุโรปและอเมริกา เรื่องนี้ไม่ได้หลอกลวง ผมก็ไม่ได้บอกว่าผมไม่มีเงินสักหน่อยถูกไหม? เริ่มแรกผมเคยพูดไว้ว่าผมมีเงินทุนอยู่ที่ประเทศในยุโรปและอเมริกาจำนวนหนึ่ง เพียงแค่ว่าติดอยู่ในนั้นเลยเปลี่ยนเป็นเงินสดไม่ได้ทันท่วงทีก็แค่นั้น อีกอย่างผมยังมีของบางอย่าง ถ้าปล่อยออกไปราคาคงไม่ใช่ราคาที่คนทั่วไปคิดไว้แน่”
“คุณเคยบอกว่าคุณมีภาพเขียนจำนวนหนึ่งนี่นา” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“ใช่แล้ว” จ่านป๋ายพูด “ผมกับคุณสมิธเจรจากันแล้ว หลังจากงานพนันของชิงซื่อครั้งนี้สิ้นสุดลง ผมจะควักเงินทุนก้อนหนึ่ง เพราะผมสนใจปราสาทเก่าโบราณที่หนึ่งของอังกฤษ และมันประจวบเหมาะกับที่เจ้าของปราสาทโบราณคนนี้ร้อนเงินพอดี อยากจะขายออกไป ราคาก็เหมาะสม ถึงเวลาผมค่อยไปดู ถ้ามัน เหมาะสมลงตัวก็จะซื้อเอาไว้ เอาผลงานชิ้นเอกย้ายไปที่นั่น แหะๆ พวกเราก็เป็นคนชนชั้นสูงกันหน่อยเป็นอย่างไร? ภาพเขียนโบราณเหล่านั้นถ้าขายออกไป บางทีในอนาคตอาจจะไม่มีหลงเหลืออยู่ก็ได้”
ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้ายิ้ม “ฟังแล้วไม่เลวเลย” สำหรับภาพวาดโบราณ เธอเองก็รู้สึกสนอกสนใจ เพราะของพวกนี้เป็นดั่งฟ้าผ่าที่สะท้อนก้องอยู่ในหู
“แน่นอน หรือว่าคุณไม่อยากจะลองใช้ชีวิตเสพสุขเหมือนชนชั้นสูงของยุโรปเหรอ?” จ่านป๋ายถามอมยิ้ม
“ไม่อยาก” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะพูด “ฉันเป็นคนจีน ฉันชอบใช้ชีวิตเสพสุขเหมือนชนชั้นสูงของจีนมากกว่า”
สำหรับเรื่องนี้ จ่านป๋ายไม่รู้จะพูดอย่างไรดี…
ซีเหมินจินเหลียนดูท่าว่าผมน่าจะแห้งดีแล้ว ทันใดนั้นรีบลุกขึ้นยืนพูดว่า “นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันอยากจะพักผ่อนแล้วล่ะ”
“อืม…งั้นก็ได้ พรุ่งนี้เจอกัน” จ่านป๋ายพยักหน้าตอบรับพลันลุกขึ้นกล่าวราตรีสวัสดิ์และเดินออกไปนอกประตู
ด้านหลังมีเสียงถอนหายใจของซีเหมินจินเหลียนแผ่วเบา เขาใจกระตุกวาบหนึ่งและอดไม่ได้ที่จะหันหลัง ควับเห็นเธอกอดเข่าอย่างเหม่อลอย
“จินเหลียน คุณไม่มีความสุขเหรอ?” จ่านป๋ายถามอย่างระมัดระวัง
“ไม่” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะ เธอดูไม่มีความสุขงั้นเหรอ? เรื่องเดียวที่เธอไม่มีความสุขก็คือวันนี้เธอน่าจะได้เห็นหยกแสงอาทิตย์สีเขียว แต่ผลสุดท้ายกลับแปรเปลี่ยนไปด้วยความผิดหวัง นอกจากนั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรที่เธอไม่สบายใจ
หรือเธออาจจะเป็นกังวลใจ กังวลเรื่องหูชีเยี่ยน กังวลจ่านป๋าย แต่พวกเขา…มักคิดว่าตนไม่รู้เรื่องอะไรแล้วชอบหลอกเธออยู่เสมอ
“ฉันจะนอนจริงๆ แล้ว คุณไปเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนโคลงศีรษะ
“จินเหลียน ถ้าคุณโกรธก็ด่าผมสักหน่อยเถอะ” จ่านป๋ายเห็นเห็นสภาพเธอเป็นเช่นนั้น ในใจก็ไม่เป็นสุข ความจริงเธอโกรธมาก แต่เธอก็ชอบจะเก็บงำซ่อนทุกอย่างให้เหมือนคลื่นสงัดลมสงบ
เธอกับหูชีเยี่ยนเป็นพ่อลูกเหมือนกันจริงๆ สองคนนี้ชอบนำปัญหาทั้งหมดมาซ่อนไว้ในใจลุ่มลึก และไม่ยอมปริปากพูดให้ใครช่วยเหลือ…
จ่านป๋ายถอนหายใจเบาๆ หมุนตัวเดินออกไปข้างนอก ซีเหมินจินเหลียนเริ่มสติหลุด พูดกันตามจริงในขณะที่เธอเปิดกล่องไม้จันทน์นั้น เห็นว่าเดิมทีข้างในน่าจะมีหยกแสงอาทิตย์สีเขียวราคามูลค่าหลายเมืองแต่กลับเปลี่ยนเป็นก้อนซีเมนต์แทน คนแรกที่เธอคิดถึงก็คือจ่านป๋าย
เดิมทีเขาควรจะปรากฏตัวอยู่ในงานเลี้ยงของคุณสมิธ แต่กลับไม่เห็นวี่แววของเขาเลย แต่ตอนที่เขาสวมใส่ชุดสูทและออกไปก็บอกเธออย่างชัดเจนว่าได้รับคำเชิญจากคุณสมิธให้ไปร่วมงานราตรี
เขาเพียงแค่นัดกับคุณหนูทองพันชั่งของรัฐมนตรีคลังแค่นั้นจริงเหรอ?
ออกมาจากห้องของซีเหมินจินเหลียน เดินลงไปข้างล่าง จ่านป๋ายครุ่นคิดดูแล้วรู้สึกไม่วางใจ ตอนนั้นต่อสายไปหาคนคนหนึ่ง ไม่นานภายในสายก็มีเสียงแหลมเล็กของผู้หญิงคนหนึ่งอวดครวญขึ้นมา “ฮัลโหล…”
“แองเจิ้ล ฉันเอง” จ่านป๋ายรีบพูด
“อืม~ อ่า… ” ในสายมีเสียงผู้หญิงครางขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้ามีคนถาม เธอบอกว่าคืนนี้ฉันอยู่กับเธอแล้วกัน…” จ่านป๋ายพูดกำชับ
“อืม~ อ่า…ไม่ใช่ว่าคุณมีอะไรกันกับฉันหรอกเหรอ? อืม~ อ่า…” แองเจิ้ลครางเสียงรุกหนักกว่าเก่า
“คุณทำต่อเหอะ” จ่านป๋ายพูดจบก็ตัดสายไป ความคิดอิสระเปิดเผยของสาวชาวต่างชาติค่อนข้างรับไม่ได้นิดหน่อย
จ่านป๋ายกุมโทรศัพท์แน่น นิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานานถึงได้ถอนหายใจเบาๆ ถ้าไม่ใช่เจอซีเหมินจินเหลียน เขาคงไม่คิดว่าสาวต่างชาติไม่ดีอะไร แต่นับตั้งแต่ที่เขาลืมตาขึ้นมาแล้วพบเธอ เขาก็ลุ่มหลงอยากจะครอบครอง…
หูชีเยี่ยนพูดถูก ความจริงเธอไม่ได้เป็นคนที่สวยน่าดึงดูดยั่วยวนใจ แต่ความใสซื่อบริสุทธิ์ รวมถึงความลึกลับที่ยากจะจับต้องได้ มันมีเสน่ห์ดึงดูดเหลือร้ายบางอย่าง
จ่านป๋ายเริ่มเหม่อลอยอยู่บนโซฟา แม้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่กับเธอมาระยะเวลาครึ่งปี แต่จ่านป๋ายก็ยังคิดตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ว่าตนเองยังไม่เข้าใจเธอเลยสักนิด เธอยิ้มแย้มให้กับทุกคน ดูแล้วเหมือนความอ่อนโยนของท้องฟ้า แต่ในใจของเธอกลับเยือกเย็นเหมือนลูกเห็บ แข็งแกร่งเหมือนดั่งหยกเนื้อแก้ว เป็นความเย็นที่เล่นเอาถึงขั้นตายได้
นอกจากรู้ว่าเธอมีความรู้สึกพิเศษให้กับหลินเสวียนหลานเล็กน้อย เรื่องอื่นๆ เธอก็ทำเหมือนกับคนอื่นๆ แม้ว่าปากของเธอจะบอกว่าไม่อยากให้ตนไปจากที่นี่ อยากจะครอบครองเขาทั้งชีวิต แต่มันก็มีแค่คำว่าครอบครอง…เหมือนกำลังครอบครองสมบัติส่วนตัวของตัวเองอยู่
คิดถึงเท่านี้ จ่านป๋ายก็ยิ้มฝืดเฝื่อน เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอเลย เธอคิดว่าเขาเป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัว? แต่พูดความจริงซีเหมินจินเหลียนก็ดูแลเขาอย่างดี มีอาหารรสชาติชั้นเยี่ยมก็ไม่ลืมเขา มีของเล่นสนุกๆ ก็ไม่ลืมจะเอาให้เขา แม้ว่าจ่านมู่ฮวาจะนัดเธอไปเดท เธอก็ไม่ลืมที่จะพาเขาไปด้วย
คนธรรมดาทั่วไปพวกนั้นเมื่อเห็นหยกคุณภาพยอดเยี่ยมหายากก็ไม่ง่ายที่จะปล่อยไป แต่เธอแม้แต่ขมวดคิ้วสักนิดยังไม่มี ตรงกันข้ามนำมันไปใส่ไว้บนตัวเขา
ค่ำคืนนั้น ผ่านพ้นไปด้วยความเงียบสงัดและเหม่อลอย
เพราะว่าซีเหมินจินเหลียนเมาเครื่อง รวมกับปัญหาที่งานเลี้ยง ทำให้นอนดึกอีกคืน จนกระทั่งเที่ยงวันถัดมาเธอถึงตื่นขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าดิบดีและรับสายจากหูชีเยี่ยนเชื้อเชิญเธอออกไปกินร้านอาหารจีนข้างนอก อาหารต่างถิ่นพวกนี้เขาก็กินไม่คุ้นเคยเช่นกัน
ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้คัดค้าน เสี่ยวป๋ายจึงขับรถปอร์เช่มากับซีเหมินจินเหลียน มองผ่านกระจกข้างหลังเห็นหูชีเยี่ยนขับรถเฟอร์รารี่ตามมาอย่างใจหายใจคว่ำ
“จินเหลียน รถเฟอร์รารี่ของคุณหูไม่เหมือนเพิ่งซื้อนี่นา?” จ่านป๋ายถามซีเหมินจินเหลียน
“ของแฟนเขา” ซีเหมินจินเหลียนหมดอารมณ์จะพูด เมื่อวานเธอก็ถามคำถามนี้ แม้ว่ารถเฟอร์รารี่คันนี้จะดูใหม่เอี๊ยม แต่ก็ไม่เหมือนกับว่าเพิ่งซื้อ ผลสุดท้ายหูชีเยี่ยนบอกเธอว่าเขายืมอลิซมา
ซีเหมินจินเหลียนจึงกลอกตาขาวใส่เขาตอนนั้นทันที ใจหนึ่งก็อยากจะสะบัดอลิซทิ้ง อีกใจหนึ่งก็ยืมรถของเธอ นี่เขาล้อเล่นอะไร? แต่ซีเหมินจินเหลียนก็ไม่คัดค้านเรื่องที่เขาจะหาแฟนจริงๆ แม่เสียไปหลายไปแล้ว หูชีเยี่ยนก็ยังดูหนุ่มแน่น ไม่จำเป็นต้องให้เขาอยู่ตัวคนเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขามีผู้หญิงเป็นของตัวเอง ก็เท่ากับว่ามีคู่ชีวิตคอยเคียงข้างเพิ่มมาอีกคน? บางทีอาจจะไม่ต้องหายตัวไปแบบไร้ร่องรอยก็ได้…
“แฟน…ของเขา?” จ่านป๋ายเกือบจะเหยียบคันเร่ง ไม่น่าจะใช่ไหม? หงส์เฒ่ามีแฟนงั้นเหรอ? พระเจ้า ในอนาคต…ในอนาคตสักวันหนึ่งไม่ใช่ว่าเขาต้องคอยปรนนิบัติดูแลผู้อาวุโสเอาใจยากเพิ่มมาอีกคนนะ?
“เห็นว่าชื่ออลิซอะไรสักอย่าง ได้ยินว่าเป็นลูกสาวสุดที่รักของท่านเอิร์ลจากอังกฤษนี่แหละ” ซีเหมินจินเหลียนอธิบาย “เมื่อคืนฉันเจอหน้าคร่าตากับเธอ ดูเหมือนอายุน่าจะน้อยกว่าฉันหน่อย”
“หงส์เฒ่าคนนี้ใช้ได้เลยนี่” จ่านป๋ายถอนหายใจพูดด้วยความสัตย์จริง
“คุณก็มีคุณหนูของกระทรวงการคลังไม่ใช่เหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนกลอกตาขาวยิ้มให้เขา
จ่านป๋ายเงียบปากอย่างว่าง่าย ไม่กล้าพูดจาเอื้อนเอ่ยต่อ รถจอดอยู่ที่ร้านอาหารจีน ทั้งสามเข้าไปพร้อมกัน พนักงานบริการของที่นี่พูดภาษาจีนกันได้ทั้งนั้น สิ่งที่ทำให้ซีเหมินจินเหลียนแปลกใจก็คือ หูชีเยี่ยนเห็นเธอมีความสุขจึงให้ทิปไปเยอะๆ ด้วยความเบิกบานใจ
จ่านป๋ายต้องการห้องแยกส่วนตัว เมื่อเริ่มสั่งอาหาร ไม่นานเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น มองไปที่เบอร์โทรศัพท์เขาหมุนตัวออกไปรับสาย
“แฟนโทรมาเหรอ?” หูชีเยี่ยนรอให้เขาเข้ามาแล้วเจตนาพูด
“ไม่ใช่ครับ” จ่านป๋ายส่ายศีรษะพูด “คุณสมิธโทรมาหาผม พวกคุณน่าจะรู้งานพนันของชิงซื่อจะต้องรอถึงคืนพรุ่งนี้ถึงเริ่มขึ้น คืนนี้มีจัดพนันกันที่หนึ่ง ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านสนใจจะไปดูความสนุกที่นั่นหรือเปล่าครับ?”
“เข้าร่วมได้เหรอ?” หูชีเยี่ยนสนใจฉับพลัน “แทงพนันเท่าไหร่กัน?”
“หนึ่งร้อยล้านยูโรครับ แขกที่ร่วมงานทุกคนจะต้องพกเงินไว้ยี่สิบล้านยูโร คนที่แพ้ต้องไปจากการแทงครั้งนี้ ผู้ชนะคนสุดท้ายสามารถพาของเดิมพันทั้งหมดกลับไปได้” จ่านป๋ายอธิบาย “ถ้าคุณหูสนใจ ผมสามารถพาคุณไปเล่นเท็กซัส โฮลเอ็ม” เขายังไม่เคยลืมซีเหมินจินเหลียนไม่รู้เรื่องการเล่นเท็กซัส โฮลเอ็ม จึงตั้งใจเน้นย้ำพูดอธิบายประโยคนี้