ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 328 แสงอาทิตย์สีเลือด
หลินเสวียนหลานถือน้ำส้มคั้นเข้ามา เห็นหญิงสาวรูปร่างสูงเพรียวคนหนึ่งกำลังเดินเข้าใกล้มาทางซีเหมินจินเหลียน เพราะรูปร่างของผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างดูดีได้สัดส่วน สำหรับผู้ชายปกติคนหนึ่งอย่างเขาก็อดไม่ได้ที่จะขอมองให้มากหน่อย แต่เพราะการมองครั้งนี้ทำให้เขาเห็นของที่น่าอันตรายมากอย่างหนึ่ง
ในแขนเสื้อของหญิงสาวคนนั้นซ่อนมีดผลไม้แวววาวอยู่ด้ามหนึ่ง
“จินเหลียน…” หลินเสวียนหลานตกใจ น้ำผลไม้ในมือถูกเขวี้ยงใส่ไปที่หูเยี่ยนอย่างเ**้ยมโหด
ความสนใจทั้งหมดของหูเยี่ยนอยู่ที่ตัวของซีเหมินจินเหลียน ชั่งใจคิดอยู่ข้างใน นี่หล่อนเป็นคนหาเรื่องตายเองนะ ประจวบเหมาะกับที่มุมนี้ค่อนข้างห่างไกลผู้คน แม้จะมีกล้องวงจรปิดแต่ก็เป็นมุมอับเห็นอะไรไม่ชัดเจน…
แต่แม้จะมีกล้องวงจรปิด เธออาศัยการอำพราง กล้องวงจรปิดก็ไม่มีทางที่จะถ่ายได้ชัด ถึงเวลาถ้าไร้หลักฐาน แล้วใครจะทำอะไรเธอได้ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ไม่ใช่ประเทศบ้านเกิดของเธออยู่แล้ว เหอะ ผ่านไปสองวันเธอก็กลับประเทศ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของหูชีเยี่ยนในอนาคตก็เป็นของเธอทั้งหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?
แต่จู่ๆ ในเวลานี้ หลังของเธอถูกโจมตีด้วยวัตถุหนัก ภายใต้ความตกใจอย่างรุนแรง ร่างทั้งร่างของหู เยี่ยนจึงกระโดดตัวเด้งขึ้น หลินเสวียนหลานรีบพรวดพราดเข้ามา และในเวลานี้ซีเหมินจินเหลียนก็หันหน้ามาแล้ว หูเยี่ยนไม่สนใจหลินเสวียนหลาน มีดผลไม้ในมือแทงไปที่หน้าอกของซีเหมินจินเหลียนอย่างรุนแรง
“จินเหลียน ระวัง…” หลินเสวียนหลานพุ่งเข้าใส่อย่างไวแสง จับมีดผลไม้ด้วยความเ**้ยมเกรียม
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้ที่แตกกระจาย หรือจะเป็นการเคลื่อนไหวของมีด ย่อมเป็นธรรมดาที่ทำให้ผู้คนรอบข้างตกใจ เพียงเวลาไม่กี่วินาทีพนักงานรักษาความปลอดภัยพรวดพราดเข้ามาคุมตัวหูเยี่ยน ซีเหมินจินเหลียนมองหลินเสวียนหลานอย่างสับสน สายตาเห็นสองมือของเขาโชกไปด้วยเลือดสดก็อ้ำอึ้งไม่รู้จะพูดอะไรดี
ความจริงเขาก็ช่างโง่เขลาเสียจริง เธอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดหมดแล้ว จะให้ยืนอยู่ตรงนี้แล้วรอให้หูเยี่ยนถือมีดผลไม้มาแทงหรืออย่างไร?
“พี่หลินคะ มือของคุณ…” ซีเหมินจินเหลียนเรียกสติกลับมาได้ ไม่สนใจหูเยี่ยนและรีบพยุงตัวหลินเสวียนหลานพร้อมถามด้วยความกระวนกระวายใจ “คุณทำเรื่องโง่เขลาเบาปัญญาแบบนี้ทำไมคะ?”
“เธอจะฆ่าคุณ ผู้หญิงจิตใจเ**้ยมคนนั้นเธอจะฆ่าคุณ” หลินเสวียนหลานโคลงศีรษะอย่างแรงพูดขึ้น “จินเหลียน คุณต้องรีบไปแจ้งความ ให้ตำรวจสืบหาประวัติความเป็นมาของผู้หญิงคนนั้น ดูสิว่าเธอมีผู้สมรู้ร่วมคิดหรือเปล่า”
แต่ซีเหมินจินเหลียนไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดตั้งแต่แรกแล้ว มือไม้รีบควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาพันแผลเขาไว้ แม้ว่าเธอจะไม่กลัวเลือด แต่เห็นสองมือของเขาเปื้อนเลือดแบบนั้น ในใจของเธอก็รู้สึกไม่ดี
“คุณซีเหมินครับ ให้ผมจัดการเอง” เพียงชั่วพริบตาเดียวสวี่อี้หรานที่ไม่รู้มาจากมุมไหน ในระหว่างที่พูดจบเขาก็ดึงตัวหลินเสวียนหลานและนำยาขี้ผึ้งที่ติดตัวมาทาลงไป “วางใจได้ ไม่ได้โดนเส้นเลือดใหญ่ ไม่มีทางพิการ ผ่านไปอีกไม่กี่วัน ผมรับรองได้ว่าคุณจะอาการทรงตัวขึ้น แม้แต่แผลเป็นก็ไม่มีหลงเหลือ”
ซีเหมินจินเหลียนกระทืบเท้า ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“จินเหลียน ผมไม่เป็นอะไร แค่เจ็บนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่” หลินเสวียนหลานเห็นเธอร้อนรนใจก็รีบพูดปลอบ
“แปลกจริง เกิดเรื่องแบบนี้แล้วบอดี้การ์ดของคุณล่ะครับ?” จ่านมู่ฮวารีบแทรกตัวเข้ามาในกลุ่มคน เดินมาถึงข้างหน้าซีเหมินจินเหลียนพร้อมถาม
ซีเหมินจินเหลียนมองไปทั่วทุกด้าน และไม่เห็นจ่านป๋ายตามที่ว่า ส่ายศีรษะพูด “เขามีธุระน่ะ”
“คุณยังจะช่วยเขาพูดอีก?” จ่านมู่ฮวาพูดอย่างไม่เต็มใจ “วันนี้โชคดีที่เป็นคุณหลิน ไม่อย่างนั้นถ้าผู้หญิงชั่วนั่นมาทำร้ายคุณจะทำยังไง?”
“เอาเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว” ซีเหมินจินเหลียนหงุดหงิดเต็มหัวใจ พลันส่ายศีรษะพูด
ไม่เสียแรงที่จ่านมู่ฮวาถนัดเรื่องการเข้าสังคม ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาพาตัวหูเยี่ยน ไหนจะบริกรที่เข้ามาเคลียร์พื้นที่ สวี่อี้หรานจัดการทำแผลให้หลินเสวียนหลานอย่างมืออาชีพ และไปห้องพักรับรองด้วยกัน ส่วนหลินเสวียนหลานเองกลัวว่าซีเหมินจินเหลียนจะเป็นห่วงเขา ก็อดไม่ได้ที่จะปลอบโยนเธอ อีกทางก็กลัวว่าจะทำให้เธอตกใจกลัว
สุดท้ายก็ยังไม่วางใจต้องให้จ่านมู่ฮวาอยู่เป็นเพื่อนเธอ เผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครั้ง
แม้ซีเหมินจินเหลียนเสนอตัวขอกลับก่อน ไม่ดูการพนันของชิงซื่อแล้ว หลินเสวียนหลานก็ยังปฎิเสธลูกเดียว เพราะคิดว่างานใหญ่โตเช่นนี้ เธอไม่ควรจะพลาดโอกาส อีกทั้งยังยินดีรอเธอที่ห้องพักรับรอง
ซีเหมินจินเหลียนจนปัญญา รอให้หลินเสวียนหลานกับสวี่อี้หรานเดินไปที่ห้องพักรับรอง เธอก็หามุมๆ หนึ่งนั่งลงและถามจ่านมู่ฮวาที่อยู่ข้างๆ “พวกคุณมาด้วยกันได้ยังไง?”
“อย่าพูดถึงเลย” จ่านมู่ฮวาถอนหายใจพูด “เมื่อสองวันก่อนผมกับสวี่อี้หราน หมอมองโกลไอ้บ้านั่นไปออกงานเปิดตัวภาพยนตร์เทพธิดาหนี่วาซ่อมฟ้ารอบปฐมทัศน์ หลังจากจบงานก็วางแผนไว้ว่าจะมาหาพวกคุณที่ลาสเวกัสทันที แต่ไอ้บ้านั่นซื้อตั๋วเครื่องบินไม่ได้ เลยเสียเวลาไปตั้งหนึ่งวัน เพิ่งถึงเมื่อคืนนี่เอง ตอนแรกก็อยากจะมาหาพวกคุณเลย แต่หมอนั่นเขาลากผมไปพนันเงิน พนันจนเวียนหัวตาลายหมดแล้ว…”
“คุณแพ้ไปเท่าไหร่คะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามตามสัญชาตญาณ
“ทำไมถึงคิดว่าผมแพ้ล่ะ?” จ่านมู่ฮวาพูด “ผมชนะตั้งสิบกว่าล้านเชียวนะ หมอนั่นโหดจริง พนันรูเล็ตต์ เขายังวางเดิมพันยี่สิบเจ็ดครั้งติดต่อกัน เล่นเอาใบหน้าของเจ้าของคาสิโนเป็นสีเขียวเลย”
“พวกคุณทั้งสองเล่นขี้โกง?” ซีเหมินจินเหลียนไม่เชื่อ จากดวงแล้วพวกเขาทั้งสองชนะพนันเนี่ยนะ?
จ่านมู่ฮวาพยักหน้าอย่างเคอะเขินเล็กน้อย จากนั้นพูด “หมอนั่นต่างหากที่กินอิ่ม ไม่เกี่ยวกับผม”
“จากนั้นล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม ถ้าพวกเขาสองคนชนะขนาดนี้ คนเขายอมปล่อยพวกเขาออกมาเหรอ?
“พวกเราสองคนชนะแค่ชั้นแรกทั้งชั้นเท่านั้น ชั้นนี้หลินเสวียนหลานเป็นคนเลือก” จ่านมู่ฮวาพูด
“ทำไมเขาถึงได้มาเล่นกับพวกคุณได้ล่ะ? พวกคุณอย่าทำให้คนดีต้องเสียคน” ซีเหมินจินเหลียนพูด
“จินเหลียน นี่คุณกำลังใส่ความคนดีอยู่นะ” จ่านมู่ฮวาใบหน้าถูกรังแก “ตอนที่พวกเราอยู่ที่ฮอลลีวูด เขาก็โทรมาหาพวกเราบอกว่าบริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่ต้องเข้าไปตีตลาดโลก ร้านสาขาย่อยแห่งแรกก็อยู่ที่ลาสเวกัส เขาดูทำเลของร้านเรียบร้อยแล้ว ถามว่าพวกผมสนใจที่จะร่วมหุ้นหรือเปล่า แน่นอนพวกเราก็ต้องสนใจที่จะร่วมหุ้นอยู่แล้ว แต่เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการให้พวกเราใช้เงินสดมาลงทุน ขอแค่พวกเราทำให้เขาได้ร้านที่เขาเล็งอยู่ก็พอแล้ว”
ซีเหมินจินเหลียนก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องอย่างรวดเร็ว ทำเลร้านที่หลินเสวียนหลานสนใจ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคาซิโนทั้งหมด คาสิโนที่นี่ไม่มีทางขายร้านให้ง่ายๆ หรอก ดังนั้นหลินเสวียนหลานจึงพาจ่านมู่ฮวากับสวี่อี้หรานมาเล่นกลโกงสงครามทั่วทิศ
ตอนวันส่งท้ายปีเก่าทั้งสามคนก็เล่นไพ่นกกระจอกกันอยู่ที่บ้านเธอ ทุกคนต่างรู้ตื่นลึกหนาบ้างกันหมด ดังนั้นคาซิโนไหนกันที่ต้องเกิดเรื่องโศกนาฏกรรม เพราะมาเจอคนไร้ยางอายพวกนี้
ต่อจากนั้นมา ในช่วงที่เธอไม่รู้สถานการณ์อะไร ร้านบางแห่งในลาสเวกัสก็อยู่ภายใต้ชื่อของบริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่เสียแล้ว ส่วนสวี่อี้หรานกับจ่านมู่ฮวามีหุ้นอยู่ที่ร้านสาขาย่อยที่ลาสเวกัสของบริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่คนละสองจุดห้า
ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ สองจุดห้าเปอร์เซ็นต์ หลินเสวียนหลานคิดออกมาได้อย่างไร?
ใบหน้าที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจของจ่านมู่ฮวา ชี้มาที่ตาของตัวเองพร้อมพูด “คุณลองดูสิ ตาผมตอนนี้แดงหมดแล้ว เมื่อคืนพวกผมสองคนหาเรื่องทะเลาะกับเขาทั้งคืน อยากได้สามเปอร์เซ็นต์ แต่เขาไม่ยินยอม”พูดจบเขาก็ใช้นิ้วมือประกอบท่า “เคยเห็นพ่อค้าหน้าเลือดมาก่อน แต่ไม่เคยเจอพ่อค้าหน้าเลือดแบบเขามาก่อน”
“คุณก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มพร้อมด่า ทันใดนั้นลุกขึ้นยืนไปดูหินหยกดิบต่อ
จ่านมู่ฮวารีบตามเธอ แต่เพราะซีเหมินจินเหลียนอยากดูหินหยกดิบ เขาจึงยืนมองอยู่อีกฝั่ง จะเข้าไปใกล้เธอมากก็จะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่ไปไหน
ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าบางครั้งจ่านมู่ฮวากับจ่านป๋ายก็คล้ายกัน มักจะทำให้คนที่คบหารู้สึกสบายใจ ไม่ได้รู้สึกรังเกียจไม่พอใจ หรือจะบอกว่าพวกเขาเป็นพวกรู้จักผู้หญิงเป็นอย่างดีล่ะ?
แต่ไม่รู้เพราะทำไม เมื่อเดินเตร็ดเตร่ไปรอบหนึ่ง เธอก็เดินมาถึงที่ที่หูเยี่ยนจะลงมือฆ่าเธอเมื่อครู่ คิดๆ ดูแล้วก็ซวยจริง เธอที่อยู่ดีๆ ทำไมถึงได้มาหาเรื่อง? ตอนนั้นหันตัวกำลังจะไปจากที่นี่ แต่สายตาพลันไปเห็นหินหยกดิบเปลือกสีน้ำตาลเทาก้อนหนึ่ง ด้านบนมีร่องรอยของคราบเลือดปนเปื้อนอยู่ อาจจะเป็นรอยเปื้อนของหลินเสวียนหลานเมื่อสักครู่ติดอยู่บนนั้น
ซีเหมินจินเหลียนเดินไปตามสัญชาตญาณ ยื่นมือไปแตะรอยเลือดบนหินหยกดิบก้อนนั้น แต่เมื่อสัมผัสเธอก็ต้องงุนงัน เปลือกผิวของหินหยกดิบก้อนนี้เนียนลื่นกว่าที่คิดไว้ มันช่างแตกต่างไปจากความรู้สึกเวลามองด้วยสายตา อย่างน้อยเมื่อสักครู่ที่เธอมองหินหยกดิบก้อนนี้ ก็ดูไม่ออกว่ามันมีตรงไหนที่โดดเด่น
เปลือกผิวสีน้ำตาลเทา ไร้ซึ่งจุดหยกและเส้นลายหยก ด้านข้างมีราคาเขียนกำกับไว้ว่าสองแสนห้าหมื่นดอลลาร์ ซีเหมินจินเหลียนกัดปาก คนต่างชาตินี่ช่างขูดรีดขูดเนื้อกันเสียจริง หินหยกดิบก้อนนี้ถ้าไปวางขายที่ตลาดหินหยกดิบในเจียหยางหรือพม่า มากสุดก็คงได้ราคาแค่สี่ห้าหมื่นเท่านั้น เป็นเพราะว่าผิวสัมผัสต่อหินหยกดิบก้อนนี้ใช้ได้เลย และน่าจะมีน้ำหนักประมาณสิบกว่ากิโลกรัม
ไม่อยากจะคิดอะไรให้มากความ ซีเหมินจินเหลียนใช้มือขวาแตะลงไปด้านบน เปลือกผิวสีน้ำตาลเทาที่เนียนละเอียดค่อยๆ เลือนหายไปในดวงตา เปลือกผิวมีความหนาถึงสองเซนติเมตร ข้างในเป็นสีขาวเนียนชนิดขาวเขียว สิ่งที่ทำให้เธออึ้งก็คือ มันไม่มีทางเป็นไปได้? มันเป็นเนื้อแก้วเหล่าเคิง น้ำงามและเนียนละเอียด
ถัดมาสีขาวเขียวนี้ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนระเรื่อ ราวกับสาวน้อยขี้อาย สีแดงบลัชออนนี้มีความเข้มเล็กน้อย ยิ่งลงลึกข้างในไปเท่าไหร่สีของมันก็ค่อยๆ เข้มขึ้น ซีเหมินจินเหลียนดูต่อไปประมาณหนึ่งในสามส่วน สีแดงนั้นสว่างสดใสเหมือนดั่งพระอาทิตย์ขึ้น ยิ่งดูเข้าไปข้างในสีของมันก็ยิ่งเข้มขึ้น และมีสีแดงเข้มสดอย่างแท้จริง
ซีเหมินจินเหลียนสับสน นี่จะให้แดงไปถึงขั้นไหนกัน? หยกสีเลือดไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเห็น แต่ไม่นานเธอก็รู้คำตอบ สีแดงสดใสพรั่นพรึงอยู่ในใจ ตรงกลางสุดของเนื้อหยกมีขนาดประมาณเท่าไข่ไก่ฟองหนึ่ง สาดแสงอาทิตย์ไปรอบด้านอย่างเงียบๆ…
สีเลือดแสงอาทิตย์
แม้ว่าจะไร้ซึ่งเสียงใดๆ แต่ไม่รู้ทำไม ซีเหมินจินเหลียนถึงรู้สึกว่ามีเสน่ห์ล้นจนอกสั่นขวัญหาย ราวกับเมื่อมองผ่านเปลือกหยกแล้วแสงมันจะปะทะออกมาอย่างไหนอย่างนั้น
แสงอาทิตย์สีน้ำเงินเงียบสงบสวยงาม แสงอาทิตย์สีส้มปรองดองสมบูรณ์แบบ ส่วนสีเลือดแสงอาทิตย์ก็ยกตนข่มท่าน ให้ความรู้สึกภาคภูมิใจเหมือนบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรเหนือชั้นกว่าแล้ว…