ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 338 เคล็ดวิชาหลอมหยก
ซีเหมินจินเหลียนที่อารมณ์ดีในตอนแรก แค่ชั่วเดียวพลันตกอยู่ในสภาพซึมเซา หูหวังกับหูชีเยี่ยนยังไม่ได้คืนดีกันอีกเหรอ?
หูชีเยี่ยนยอมลงทุนโผล่หน้ามาเอง เดิมทีเรื่องนี้ขอแค่หูหวังพยักหน้า แม้ว่าจะยังคงขัดหูขัดตาไปบ้าง แต่ขอแค่ทั้งสองฝ่ายช่วยกันถอยคนละก้าวมันก็จะผ่านพ้นไปได้ จะกลุ้มอกกลุ้มใจไปทำไม? ในใจของหูหวังอยากจะยอมรับหูชีเยี่ยนลูกคนนี้จะตายอยู่แล้ว
“ทำไมเป็นแบบนี้?” ซีเหมินจินเหลียนก้มหัวลงถามจ่านป๋ายด้วยความโศกเศร้า “เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าคุณปู่อยากจะยอมรับพ่อฉัน”
“จินเหลียน ถ้าผมพูดไป คุณอย่าโกรธผมนะ” จ่านป๋ายถอนหายใจพูด
“ฉันจะโกรธอะไรได้ล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะพูด “เรื่องก็เป็นแบบนี้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาของพวกเขา ต้องเป็นฉันที่โกรธเหรอ?” แม้ปากจะพูดออกไปแบบนั้น เธอก็ยังนั่งเซื่องซึมอยู่บนโซฟา
จ่านป๋ายเดินไปนั่งข้างๆ เธอพร้อมยิ้มเบาๆ “ความจริง ถ้าผมบอกคุณตั้งแต่แรกว่าพ่อของคุณไม่ได้มีเจตนาดีอะไรแบบนั้น บางทีคุณอาจจะไม่ต้องเสียใจขนาดนี้ก็ได้”
“คุณห้ามพูดถึงเขาแบบนั้นนะ” ซีเหมินจินเหลียนมองจ่านป๋ายอย่างขุ่นเคืองพร้อมสบถด่า “คุณรู้ได้ยังไงว่าเขามีเจตนาไม่ดีเข้ามาตั้งแต่แรก คุณดีนักเหรอ? ตามติดฉันอย่างไม่ทราบสาเหตุ มันเจตนาดีกว่ากันตรงไหนเหรอ?”
จ่านป๋ายยิ้มเฝื่อนๆ หูชีเยี่ยนคนนี้ความจริงก็ไม่ใช่คนดีอะไร ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ซีเหมินจินเหลียนคงเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่อาจปล่อยให้คลาดสายตาได้ แต่เธอเป็นลูกแท้ๆ ของเขา อีกอย่างหูชีเยี่ยนก็รักใคร่เอ็นดูซีเหมินจินเหลียนมาก
เขาบังเอิญโชคดีมาก โชคดีที่หลายปีมานี้ไม่รู้ว่าหูชีเยี่ยนไปอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นจากนิสัยที่รักลูกขนาดเขานั้น คงเลี้ยงซีเหมินจินเหลียนผิดๆ แน่
“ฉันควรทำยังไงดี?” ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าขึ้นมองจ่านป๋ายอย่างน่าสงสาร
จ่านป๋ายนั่งลงข้างๆ เธอพร้อมถอนหายใจพูด “หูหวังอยากจะรับพ่อคุณเป็นลูกจะตายไป จากที่เขาปฏิบัติต่อคุณก็รู้แล้ว แต่ปัญหาก็คือพ่อของคุณไม่อยากยอมรับเขาน่ะสิ ตอนวันปีใหม่ คุณให้เขาโทรไปอวยพรหูหวังเขายังปฏิเสธเสียงแข็ง พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่มีกระจิตกระใจที่จะพูดถึงเรื่องครอบครัว เฮ้อ…”
“แต่วันนี้…” ซีเหมินจินเหลียนถาม “ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย?”
“เขามีเรื่องต้องขอร้องหูหวัง แต่เรื่องนี้หูหวังคงไม่สามารถทำให้ได้ ดังนั้นหูหวังจึงปฏิเสธเขาไป จากนั้นทั้งคู่ก็เลยมองหน้ากันไม่ติดอีกครั้ง” จ่านป๋ายวิเคราะห์ “เรื่องในวันนี้ ลุงงูตั้งใจเกลี้ยกล่อมพวกเขาสองพ่อลูก แต่ด้วยนิสัยที่ยากจะจัดการอย่างพ่อคุณแล้ว เรื่องราวเลยบานปลายไปใหญ่ ผมคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ ตามหลักการแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่เกิดในชนชั้นสูงเสียหน่อย ทำไมถึงได้มีนิสัยปลิ้นปล้อนสับปลับได้ถึงขนาดนี้?”
“ทำไมเขาถึงปลิ้นปล้อนสับปลับล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าบนพื้นฐานแห่งความจริง หูชีเยี่ยนเองก็น่าคบหามากเหมือนกัน
“เขาหยิ่งผยองเหมือนหงส์” จ่านป๋ายถอนหายใจตามความจริง “หยิ่งยโสเกินไป ทำให้เขามองทุกอย่างแค่ผิวเผินและเรียบง่าย นอกจากที่เขาสนใจคุณแล้ว ใครหน้าไหนเขาก็ไม่สนใจขิงข่าอะไรทั้งนั้น รวมไปถึงคู่ต่อสู้อย่างซีเหมินน่งเยว่”
“เขาเป็นคนดี” ซีเหมินจินเหลียนพูดเสียงต่ำ
จ่านป๋ายยิ้มๆ คนดี? เกรงว่านอกจากซีเหมินจินเหลียนแล้ว คงไม่มีใครคิดว่าหูชีเยี่ยนหรือคนประเภทลุงงูเป็นคนดี คิดๆ ดูก็พูด “ความจริงขอแค่พวกเขาคืนดีกัน พรุ่งนี้คุณก็แค่ลองถามหูหวังว่าหูชีเยี่ยนขอร้องอะไรเขากันแน่ จากนั้นก็เป็นตัวกลางปรับความเข้าใจกัน ความจริงยังไม่ถึงขั้นที่พลิกสถานการณ์ไม่ได้ ดังนั้นคุณก็ไม่ต้องรีบร้อนใจไปหรอก”
“จริงเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนถามเสียงเบา
“ผมเคยหลอกคุณด้วยเหรอ?” จ่านป๋ายยิ้ม
“ฉันรู้สึกว่าวันนี้พี่คุณดูแปลกๆ ไป” ซีเหมินจินเหลียนพลันคิดถึงจ่านมู่ฮวาพร้อมขมวดคิ้วพูด
“เขาแปลกยังไงเหรอ?” จ่านป๋ายถามอย่างไม่เข้าใจ
“เขาดูเป็นห่วงหลินเสวียนหลานเกินหน้าเกินตา” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วพูด
“คุณนี่ซื่อบื้อจริงๆ” จ่านป๋ายเอื้อมมือไปเคาะกะโหลกเธอทีหนึ่งพลางถอนหายใจพูด “เขาเป็นคนแบบนี้มาตลอด คุณไม่รู้เหรอ? เขาเป็นห่วงหลินเสวียนหลาน เป็นเพราะว่าคุณเป็นห่วงหลินเสวียนหลาน ถ้าวันไหนที่คุณไม่สนใจเขา แม้แต่สบตากับหลินเสวียนหลานเขายังไม่อยากทำแม้แต่คราเดียวเลย”
ซีเหมินจินเหลียนยังไม่ทันได้ตั้งสติ เธอแคร์หลินเสวียนหลาน ถ้าอย่างนั้นจ่านมู่ฮวาควรเห็นเขาเป็นศัตรูถึงจะถูกสิ? นี่ถึงจะเป็นแนวคิดของคนปกติ แต่ทำไมเขาถึงกลับไปสนิทสนมอยู่กับเขาซะงั้น?
จ่านป๋ายราวกับรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ข้างใน ยิ้มพูดไปว่า “จินเหลียน ถ้าจ่านมู่ฮวาเห็นหลินเสวียนหลานเป็นศัตรู แล้วต่อไปคุณจะสนใจเขาอยู่อีกไหม?”
“น่าจะไม่นะ” ซีเหมินจินเหลียนคิดๆ พลันผงกศีรษะพูด “เขาเห็นคุณเป็นศัตรู ฉันก็ไม่สนใจเขาเหมือนกัน”
“งั้นก็ถูกแล้ว เขาฉลาดเป็นกรด อยากจะอยู่ใกล้คุณต่อไป เขาเลยต้องประจบสอพลอคนที่คุณแคร์” จ่านป๋ายพูดวิเคราะห์
“งั้นก็ดี” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้าพูด “ฉันนึกว่าเขามีความชอบพิเศษอะไรซะอีก”
“หา?” จ่านป๋ายมึนงง ไม่ทันไรก็เข้าใจขึ้นมาได้พลันปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างช่วยไม่ได้ “ความชอบพิเศษของเขาไม่ธรรมดาหรอก แต่ทางด้านอื่นๆ ก็ยังถือว่าปกติ ไม่ถึงขั้นชอบผู้ชาย คุณก็คิดมากไปแล้ว แต่คนอย่างหลินเสวียนหลาน อ่อนโยนมีการศึกษา ต่างมีแรงดึงดูดทั้งหญิงและชายทั้งนั้น แม้ว่าจ่านมู่ฮวาจะหน้าตาดีแค่ไหน แต่ก็เหลาะแหละเหมือนม้าดีดกะโหลก เฮ้อ…”
ซีเหมินจินเหลียนสองมือเท้าคางเหลือบมองจ่านป๋าย จ่านป๋ายเห็นเธอมองอย่างนั้นก็ขนลุกชันเข้าไปในกระดูกถามว่า “คุณมองอะไรน่ะ?”
“ความรู้สึกที่ได้สัมผัสคุณมันไม่เลวเลย” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเบาๆ เธอเก็บจ่านป๋ายกลับมาเพราะสัมผัสเขาแล้วอ่อนโยนดั่งหยก และตอนแรกที่หลินเสวียนหลานชนเธอจนเป็นลมและอุ้มเธอขึ้นรถ ก็แตะเนื้อต้องตัวเธอไปรอบหนึ่ง ไหนจะแอบขโมยจูบเธออีก จากนั้นอะไรๆ ก็เปลี่ยนจนยุ่งเหยิงไปหมด…
เธอพอจะเข้าใจอารมณ์ของหลินเสวียนหลานตอนนั้นได้ ผู้ชายคนหนึ่งดื่มเหล้าเมามาย พอรถชนหญิงสาวเข้า ก็มีความรู้สึกสงสัยและความคิดแผลงๆ อยากจะแตะเนื้อต้องตัว นี่มันช่างปกติจนไม่รู้จะปกติยังไงแล้ว
แต่การกระทำของเธอมันช่างไม่ปกติเอาเสียเลย ตอนนั้นก็แค่แตะเนื้อต้องตัวครั้งเดียวเท่านั้น สิ่งที่ควรดูและไม่ควรดูก็ดูแค่ชั่วเดียวเท่านั้น ตามหลักการแล้วเธอน่าจะนำจ่านป๋ายที่เลือดไหลไม่หยุดไปส่งที่โรงพยาบาลและควรจะแจ้งความด้วย แต่เธอกลับไม่ทำ สุดท้ายแล้วยังให้จ่านป๋ายมาหาถึงที่ แล้ว…ยังเก็บเข้าไว้ด้วยสมองกลวงๆ นี่อีก
ยุคนี้ไม่มีคนที่เลอะเลือนที่สุด มีแต่คนที่เลอะเลือนยิ่งกว่า
ซีเหมินจินเหลียนนั่งพิงบนโซฟาพร้อมมองจ่านป๋ายอย่างเลื่อนลอย จ่านป๋ายได้แค่ยิ้มฝืน สัมผัสแล้วรู้สึกไม่เลวนี่นะ คงไม่พูดว่าเขาเหมือนหยกอีกใช่ไหม?
ความจริงหยกก็คือหิน สัมผัสแล้วไม่ว่าจะเป็นยังไงมันก็คือหิน…ทั้งเย็นและแข็ง แต่อย่างน้อยเขาก็คือมนุษย์ผู้ที่เป็นสิ่งมีชีวิตอันยิ่งใหญ่ ทำไมถึงสัมผัสแล้วเหมือนหินซะได้? พูดให้ไพเราะน่าฟังว่าอ่อนโยนเหมือนหยก พูดให้ไม่น่าฟังก็ทั้งเย็นและแข็ง ไร้ความเห็นอกเห็นใจ
เสียงโทรศัพท์ซีเหมินจินเหลียนดังขึ้นในกระเป๋า จ่านป๋ายรีบเดินเข้าไปและหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ส่งไปให้เธอพลันยิ้ม “สายจากคุณหูน่ะ”
“อืม” ซีเหมินจินเหลียนรับโทรศัพท์มาและกดปุ่มรับสาย
“จินเหลียน กลับมาแล้วเหรอ?” ในสายหูชีเยี่ยนยังคงเสียงไพเราะน่าฟังเหมือนเช่นที่ผ่านมา
“ใช่แล้วค่ะพ่อ” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเสียงของหูชีเยี่ยน จมูกพลันแสบร้อน นิ่งอยู่นานถึงเอ่ยปาก “พ่อคะ ทำไมท่านถึงทะเลาะกับคุณปู่อีกแล้ว พ่อบอกว่าอยากคืนดีไม่ใช่เหรอคะ? พ่อคะ พ่อเห็นแก่หน้าหนูเถอะ อย่าทะเลาะกับเขาเลยนะคะ? อีกอย่างคุณปู่เขาก็อายุปูนนี้แล้ว”
“จินเหลียน พ่อก็ไม่ได้อยากทะเลาะกับเขา แต่…” หูชีเยี่ยนไม่รู้ว่าควรพูดยังไงดี เงียบไปอยู่นานถึงเอ่ย “จินเหลียน ถ้าเขาถ่ายทอดเคล็ดวิชาหลอมหยกให้กับลูก ลูกห้ามเรียนเด็ดขาดเชียวนะ”
“เคล็ดวิชาหลอมหยกที่พ่อเคยพูดถึงตอนนั้นนั่นเหรอคะ?” ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้วถาม
“อืม” หูชีเยี่ยนพูด “จินเหลียน เชื่อคำพูดของพ่อ อย่าเที่ยวไปเรียนเคล็ดวิชาหลอมหยกเด็ดขาด อีกอย่างอย่าให้เคล็ดวิชาหลอมหยกสืบทอดต่อไปอีกเลย”
“ทำไมล่ะคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“ยังไงเสีย ลูกเชื่อคำพูดของพ่อ นั่นไม่ใช่ของดีอะไร ไม่ใช่แน่นอน” หูชีเยี่ยนพูดจริงจัง
“พ่อคะ หนูเชื่อพ่อมาตลอด” ซีเหมินจินเหลียนรีบรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ “อีกอย่างคุณปู่ก็ไม่ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาหลอมหยกอะไรนั่นให้หนู แต่ไหนแต่ไรตระกูลหูก็มีคำสั่งสอนจากบรรพบุรุษว่าถ่ายทอดให้บุรุษแต่ไม่ถ่ายทอดให้สตรีไม่ใช่เหรอคะ?”
หูชีเยี่ยนได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะเข้ามาในสาย “จินเหลียน หรือหนูคิดว่าพ่อจะมีน้องชายเพิ่มมาให้หนูอีกล่ะ? ถ่ายทอดให้บุรุษไม่ถ่ายทอดให้สตรี ตระกูลหูยังมีทายาทผู้ชายอีกเหรอ? จินเหลียน เชื่อคำพูดของพ่อ ไม่ช้าหรือเร็วเขาคงได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาหลอมหยกให้แก่หนู หนูห้ามเรียนสิ่งนั้นเด็ดขาด ห้ามโดยเด็ดขาดนะ”
“โอเคค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนรีบรับปากทันควัน เคล็ดวิชาหลอมหยก? เป็นของบ้าบออะไรอีกล่ะ? ยังไงเสียหูหวังไม่เห็นเคยพูดถึงเรื่องนี้สักครั้ง คิดดูเขาคงไม่อยากจะถ่ายทอดให้เธอ ไม่เห็นจะต้องคิดอะไรให้ทำลายสมองเลย
“พ่อคะ ทำไมวันนี้พ่อกับคุณปู่ถึงได้…ทะเลาะกันคะ?” ซีเหมินจินเหลียนถามหยั่งเชิง
“พ่อให้เขาทำลายเคล็ดวิชาหลอมหยกซะ แต่เขาไม่ยอม ดังนั้น…” หูชีเยี่ยนก็ใจกว้างพูดตรงๆ ออกไป
“คุณหูครับ ขออภัยที่ผมต้องพูดขัดจังหวะนะครับ” จ่านป๋ายอยู่ข้างๆ ซีเหมินจินเหลียนตลอด บทสนทนาที่ทั้งสองพูดกันเขาได้ยินชัดเจนแจ่มแจ้ง ซีเหมินจินเหลียนยื่นโทรศัพท์ส่งไปหน้าเขา จ่านป๋ายถอนหายใจพูด “ทำไมท่านต้องให้คุณหูทำลายทรัพย์สมบัติที่สืบทอดมาของตระกูลหูด้วยล่ะครับ?”
“เพราะสิ่งนั้นมันไม่ใช่ของดีอะไร”หูชีเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ “ขวดดอกบัวสีทองกับเคล็ดวิชาหลอมหยกต่างเป็นทักษะในการพนันหิน ส่วนขวดดอกบัวสีทองไม่มีใครรู้จักมันดี ในที่สุดก็มีคนฉลาดพอเข้าใจทักษะลี้ลับของเคล็ดวิชาหลอมหยก ทำให้บรรพบุรุษของฉันก้าวเดินบนเส้นทางที่มีความมั่งคั่งเรืองรอง”
“แล้วนี่มันไม่ดีตรงไหนเหรอครับ?” จ่านป๋ายถามกลับ “หรือท่านไม่อยากให้ลูกหลานเจริญรุ่งเรือง?” ไม่ว่าจะสมัยโบราณหรือปัจจุบัน ไม่สนว่าจักรพรรดิหรือว่าประชาชนคนธรรมดา ใครจะไม่อยากให้ลูกหลานไม่เจริญ ไม่ต้องถูกรังเกียจเดียดฉันท์เรื่องความจน หูชีเยี่ยนกลับให้หูหวังทำลายทักษะเคล็ดวิชาหลอมหยกเพื่อที่จะไม่ให้สืบทอดต่อชั่วนิรันดร
ไม่แปลกที่หูหวังจะไม่เห็นด้วย เรื่องแบบนี้เหมือนดั่งคนบ้าอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าไม่ใช่หูชีเยี่ยนรักใคร่เอ็นดูซีเหมินจินเหลียนด้วยใจจริง จ่านป๋ายคงได้สงสัยเจตนาอื่นของเขา
“เป้าหมายที่พวกนายจอแจจินเหลียนก็น่าจะเป็นเพราะเคล็ดวิชาหลอมหยกกับแจกันดอกบัวสีทองเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?” หลังจากที่หูชีเยี่ยนเงียบอยู่พักใหญ่จึงถามขึ้น
“ผมไม่ปฎิเสธครับ ตอนแรกผมก็แค่แปลกใจในตัวจินเหลียน ต่อมาหลังจากที่รู้ตัวตนของเธอ ความคิดที่จะขโมยเคล็ดวิชาหลอมหยกของผมก็กระตุกวาบ แต่ตอนนี้หลังจากที่ได้เจอหน้าท่าน ผมก็ดูออกทุกอย่างแล้ว” จ่านป๋ายยิ้มฝืดเฝื่อน “เพราะแม้ว่าผมจะได้เคล็ดวิชาหลอมหยกไป เกรงว่าผมก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านหรอกใช่ไหมล่ะครับ?”