ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 341 แผนการอันยิ่งใหญ่
ครั้งนี้แม้แต่จ่านป๋ายยังกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ซีเหมินจินเหลียนยกกระเป๋าขึ้นมามองจ่านป๋าย “ฉันอยากกลับไปนอนแล้วล่ะ คุณจะกลับไหม?”
“ไม่ดูเปิดเปลือกหินแล้วเหรอ?” จ่านป๋ายอมยิ้มถาม
“ไม่เห็นมีอะไรต้องดูนี่นา ซื้อก็ซื้อมาแล้ว ขาดทุนก็ทำอะไรไม่ได้” ซีเหมินจินเหลียนพูดพลางปิดปากหาวหวอด ท้องฟ้าก็มืดค่ำแล้วรอให้ผ่าหยกออกมาเกรงว่ายันฟ้าสว่างแน่
“จินเหลียน ผมไปส่งคุณเอง” สวี่อี้หรานรีบพรวดพราดเข้ามายิ้มประจบประแจง
“แล้วผมขับรถไม่เป็นหรือยังไง?” จ่านป๋ายก่นด่าพร้อมถลึงตาดุดันใส่สวี่อี้หราน
“คุณจ่าน ผมคิดเพื่อคุณซีเหมินทั้งนั้น เธอควรกลับไปนอนได้แล้ว แต่คุณยังไม่ได้” สวี่อี้หรานยิ้ม “งานพนันของชิงซื่อในคืนนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว อีกเดี๋ยวคุณยังต้องไปจัดการทำธุระพวกนั้นให้คุณซีเหมินอีก จากนั้นก็นำหินหยกดิบพวกนี้ขนกลับไป แหะ…”
“พรุ่งนี้ก็ไม่สาย” จ่านป๋ายเหอะเสียงแข็งใส่
ซีเหมินจินเหลียนตกอยู่ในภวังค์พักหนึ่ง เรียกให้จ่านป๋ายเข้ามาหาและกระซิบกระซาบข้างหูเขาหลายประโยคจนจ่านป๋ายสมองตื้อ ซีเหมินจินเหลียนถึงได้ยิ้มจางๆ เอ่ยไปว่า “คุณรออยู่ที่นี่แหละ คอยยืนยันเงินเข้าบัญชีฉันตอนที่หินถูกผ่าออกมา ฉันไม่อยากจะชนะแล้วต้องปล่อยให้คนเมินบัญชีอีกครั้ง” พูดถึงเท่านี้เธอเหลือบไปมองจ่านมู่ฮวาอย่างช่วยไม่ได้
จ่านมู่ฮวาไม่ได้ยินว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร โดนเธอมองแบบไม่รู้ต้นสายปลายเหตุแบบนี้ ทำได้แค่ยิ้มเจ้าเล่ห์ตอบกลับไป
“คุณสวี่คะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องรบกวนให้คุณไปส่งฉันแล้วค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
“ได้ๆๆ เต็มใจที่สุดเลยครับ” สวี่อี้หรานแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ทำท่าผายมือเป็นการเชื้อเชิญ
“ตัวอย่างของคางคกขึ้นวอ” จ่านมู่ฮวาเม้งแตกพลางมองเงาด้านหลังของสวี่อี้หราน
“นายก็ไม่ได้ดีกว่ากันตรงไหน” จ่านป๋ายนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ บังเอิญเห็นมือทั้งสองข้างของหลินเสวียนหลานที่ห่อด้วยผ้าก๊อซกำลังถือกระดาษปากกา ไม่รู้ว่ากำลังคำนวณอะไรอยู่ เขาถลาตัวไปดูแวบหนึ่งพลันขมวดคิ้วถาม “นี่คืออะไรของคุณ?”
“ผมกำลังตรวจเช็คตัวเลขเงินทุนของบริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่อยู่ จากนั้นเตรียมจะซื้อหุ้นบริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่” หลินเสวียนหลานยิ้ม “เป็นอะไรไป? มีปัญหาเหรอครับ?”
“ไม่หรอกมั้ง?” จ่านมู่ฮวาลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งตรงข้ามเขา ขมวดคิ้วพูด “ความตั้งใจของจินเหลียน?”
“เธอยังไม่รู้” หลินเสวียนหลานยิ้มบางเบา “เธอไม่รู้เรื่องการทำธุรกิจหรอก ผมรอให้งานพนันของชิงซื่อในวันนี้จบลง ถ้าโครงการนี้เข้าข่ายความเป็นจริงแล้วค่อยไปรายงานเธอ ยุคนี้ใครไม่อยากให้เงินเยอะกันล่ะ?”
“เฮ้อ…” จ่านมู่ฮวาไม่พูดอะไรออกมานานสองนาน ซื้อหุ้นบริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่ ทำไมดูแล้วเหมือนหลินเสวียนหลานกำลังตีสุนัขที่ตกน้ำ
“นอกจากนี้ผมยังเตรียมตัวที่จะซื้อบริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่ที่ฮ่องกงด้วย” หลินเสวียนหลานพูดเรียบเฉย “ตอนนี้ตระกูลอวิ๋นก็แค่ยืดชีวิตไปวันๆ และใช้โบราณวัตถุเก่าๆ ไม่กี่ชิ้นค้ำจุนเอาไว้”
จ่านมู่ฮวาไม่เปล่งเสียงอยู่นาน หลินเสวียนหลานเป็นคนเรียบง่าย แต่ไม่ได้หมายความว่าเขามีเงินแต่ไม่รู้จะทำกำไรยังไง กลยุทธ์การตลาดของเขาหนักแน่นอยู่เสมอ
“ตระกูลอวิ๋นเป็นคนของคุณหูนะครับ” จ่านป๋ายพูดกล่าวเตือนเขา
“ผมรู้” หลินเสวียนหลานยิ้มๆ “คุณหูรู้แผนการของผมแล้ว”
“ไม่ใช่ว่าต่อไปคุณจะซื้อตระกูลจ่านของพวกเรานะ?” จ่านมู่ฮวาเหลือบมองเขาพร้อมถาม
“ยังไม่มีโครงการนี้ชั่วคราว ตระกูลของคุณไม่ได้แค่ทำธุรกิจอัญมณีอย่างเดียวสักหน่อย บวกกับสมองไหวพริบอย่างคุณ หลายปีมานี้ธุรกิจของตระกูลจ่านก็ราบรื่นดี อยากจะซื้อตระกูลจ่านคงต้องใช้เงินทุนเยอะมาก มันไม่คุ้มหรอกครับ” หลินเสวียนหลานโคลงศีรษะพูด “ผมไม่เคยทำเรื่องเสี่ยงอันตรายหรอก”
จ่านป๋ายมองจ่านมู่ฮวาแต่ไม่ได้พูดจา ส่วนจ่านมู่ฮวานิ่วคิ้วถามต่อ “หลังจากที่คุณซื้อหุ้นได้สำเร็จแล้วเตรียมตัวทำอะไรต่อเหรอ?”
“โดยภาพรวมบริษัทหมิงฮุย จิวเวลรี่ไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้ว เหลือก็แต่ขั้นตอนสุดท้าย จากนั้นผมค่อยช่วงชิงต้นเดือนพฤษภาคมจัดการกับบริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่ อีกอย่างทางบริษัทหมิงฮุย จิวเวลรี่มีร้านสาขาย่อยๆ ในประเทศจีนไปทั่ว ส่วนบริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่ก็มีร้านสาขาย่อยทั่วโลก…ถ้าแผนการนี้สำเร็จ ไม่นานบริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่คงได้มีร้านสาขาย่อยกระจายตัวทั่วโลก รูปแบบธุรกิจทั่วไปยังคงเหมือนเดิม มีเพียงแบบนี้บริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่ถึงขายหยกที่สวยงามลึกลับระดับไฮเอนด์ได้” หลินเสวียนหลานยิ้มบางเบา
หลังจากผ่านพ้นคืนนี้ไป บริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน อีกอย่างเกรงว่าเขาก็คงไม่แน่ว่าจะชดใช้เงินเดิมพันของซีเหมินจินเหลียนไหว เห็นแบบนี้แล้วตนเองอยากซื้อเองก็เท่ากับว่าเอาเปรียบฟ้าดินและมนุษย์ ดังนั้นเขาเลยไม่สนใจที่จะพูดเรื่องทั้งหมดกับจ่านมู่ฮวา ส่วนทางจ่านป๋าย…ไม่ต้องตรึกตรองอะไรทั้งนั้น จุดมุ่งหมายของเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้
จ่านมู่ฮวาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากแผนการนี้ของหลินเสวียนหลาน เกรงว่าภายในหนึ่งปีนี้ บริษัท จินเหลียน จิวเวลรี่ก็จะกลายเป็นบริษัทอัญมณีใหญ่ที่สุดระดับโลก
อีกอย่างหลินเสวียนหลานไม่ได้ใช้แหล่งลูกค้าของตัวเองมาช่วย หากแต่ใช้กลยุทธ์ผลาญทรัพยากรของเขา…
ต่อจากนั้นเขาจะทำอะไรอีก? สิ่งที่ชัดเจนในตอนนี้ก็คือหูชีเยี่ยนควบคุมการทำเหมืองหยกในพม่า ขอแค่เขาไม่ยอมพยักหน้า คนอื่นก็อย่าคิดจะยื่นมือเข้ามาแทรกในอุตสาหกรรมหยกเลย กลายเป็นคนปัญญาอ่อนเพ้อฝัน…ซีเหมินจินเหลียนเองน่าจะมีข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใคร
“คุณคิดจะทำอะไรต่อไป?” จ่านมู่ฮวาถาม
“ทำกำไร…จากนั้น จินเหลียนอยากจะทำอะไรก็ทำตามนั้น” หลินเสวียนหลานยิ้ม “ถ้าเธอชอบก็ไปแอฟริกาใต้ ตะวันออกสถานที่แบบนั้นสร้างเป็นประเทศน้อยๆ เล่นเอา แล้วก็สามารถซื้อเกาะสร้างอาณาจักรของเธอเอง อะไรก็ตามที่เธอมีความสุข”
“คุณทะเยอทะยานไม่น้อยเลยนี่ สร้างประเทศน้อยๆ เล่นงั้นเหรอ?” จ่านป๋ายถอนหายใจ “ทำไมเมื่อก่อนผมดูไม่ออกเลย?”
“ความหมายของร่ำรวยที่สุดในโลกก็เป็นเช่นนี้” หลินเสวียนหลานยิ้ม “ก่อนหน้านี้ผมไม่มีสิทธิและเงินทุนในการสร้างอาณาจักรทางการเงินขนาดใหญ่”
“คุณไม่กลัวว่าจะเสียแรงเปล่าเหรอ สุดท้ายแล้วทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานให้คนอื่น แต่ตัวเองก็ไม่ได้อะไรสักอย่าง?” จ่านมู่ฮวาพูดพลาง อีกด้านก็เหลือบไปมองจ่านป๋ายอย่างช่วยไม่ได้ ยังไงเสียเขากับซีเหมินจินเหลียนก็พักอยู่ด้วยกัน พูดได้ว่าเก๋งใกล้น้ำย่อมได้จันทร์ก่อน อีกอย่างซีเหมินจินเหลียนดูสนิทสนมกับเขาอย่างชัดเจน ใช้ภาษาพูดคุยกันตามปกติโดยไม่มีข้อกีดกัน
หลินเสวียนหลานยิ้มๆ พลางถอนหายใจเบาๆ “ตอนนั้นผมกับน้องสาวไปวัดหลิงอิ่นด้วยกัน ผลสุดท้ายบังเอิญเจอกับศิษย์พี่ของคุณสวี่ จากนั้นผมกับน้องสาวก็ไปเสี่ยงเซียมซี ไต้ซื่อรูปนั้นแปลเซียมซีว่า…ยามเมื่อดอกบัวสีทองผลิบาน ตอนนั้นผมยังไร้เดียงสาคิดว่าเธอคือผู้หญิงที่โชคชะตากำหนดไว้…สุดท้ายถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น เธอเป็นชีวิตของผมทั้งหมด แต่ผมเป็นเพียงแค่ส่วนเสี้ยวหนึ่งของเธอ”
“คุณก็ยังมองออกนี่” จ่านมู่ฮวายิ้มฝืดเฝื่อน
หลินเสวียนหลานขี้คร้านจะสนใจเขา ก้มหน้านับต้นทุนของแต่ละรายการดีกว่า จะทำยังไงถึงจะประหยัดต้นทุนได้น้อยที่สุด ผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ถึงเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันทางการค้า
สำหรับปัญหาเรื่องความรู้สึก ขอแค่มีโอกาสได้สารภาพรักกับซีเหมินจินเหลียนครั้งหนึ่ง เขาก็พึงพอใจมากแล้ว
จ่านป๋ายคิดไม่ถึง การผ่าหยกสิบสองราศีกลับผ่าออกมาเป็นหยกสีรุ้ง ก่อนหน้านี้ซีเหมินจินเหลียนไม่เห็นพูดถึงมาก่อน ทำเอาผู้คนที่ตะลึงในความงามของหยกสีรุ้งเริ่มสอบถามถึงเจ้าของหยกก้อนนี้และมีคนยินยอมที่จะเสนอซื้อในราคาสูง ราคาหยกจึงเริ่มทะยานสูงลิ่ว
จ่านป๋ายชี้ชัดถึงเจตนาว่าเขาไม่ขายหยกสีรุ้งก้อนนี้ ส่วนหลินเสวียนหลานกลับใช้โอกาสนี้แจกนามบัตรไปทั่วงานและประกาศศักดาว่าหยกสีรุ้งก้อนนี้เป็นของบริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่แต่เพียงผู้เดียว และไม่มีแผนที่จะขาย แต่บริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่มีหยกคุณภาพดีอยู่มากมายเพื่อให้ทุกท่านมาเลือกสรร อีกทั้งยังแถลงไขว่าบริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่ก็จะเปิดสาขาย่อยที่ลาสเวกัสเร็วๆ นี้
จนถึงขั้นที่มีลูกค้าใจร้อนจำนวนหนึ่งรอที่จะให้บริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่เปิดกิจการไม่ไหว เริ่มเตรียมตัวสั่งจองสินค้า ยิ่งเฉพาะตอนที่รู้ว่าบริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่เป็นคนลงทุนถ่ายภาพยนตร์เทพธิดาหนี่วาซ่อมฟ้าแล้วด้วย
สมิธเสียใจสุดซึ้ง ไม่น่าจัดงานพนันชิงซื่ออะไรนั่นเลย ดูออดซ์แล้วถ้าหากตนต้องชดเชยค่าใช้จ่ายตามนั้น เกรงว่าบริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่คงต้องล้มละลายเป็นนัยๆ แน่ แต่ถ้าไม่ชดใช้? เขาไม่ชดใช้ได้ด้วยเหรอ?
เบื้องหลังของบริษัทจินเหลียน จิวเวลรี่ไม่ใช่เล่นๆ เลย ถ้าเขากล้าลองดี แม้จะอยู่ที่ลาสเวกัสก็ตาม เกรงว่าก็ไม่อาจจะหาหลุมหลบภัยซ่อนตัวได้หรอก
สิ่งที่น่าเกลียดยิ่งกว่านั้นคือจ่านป๋ายรู้ประวัติความเป็นมาของซีเหมินจินเหลียนเป็นอย่างดี แต่กลับไม่พูดอะไรออกมาสักคำ แถมยอมเสียหุ้นของตัวเขาเองในบริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่อีก
วันที่สองของงานพนันที่ชิงซื่อ ซีเหมินจินเหลียนกลับเซี่ยงไฮ้ไปพร้อมกับหูหวังก่อน และทิ้งจ่านป๋ายกลับหลินเสวียนหลานให้ช่วยจัดการเรื่องที่เหลือให้กับเธอ
สามวันผ่านไป หินหยกดิบที่เธอซื้อในงานพนันของชิงซื่อถูกขนย้ายกลับมาเซี่ยงไฮ้หมดแล้ว จ่านป๋ายก็ กลับมาพร้อมกัน แต่หลินเสวียนหลานกลับอยู่ลาสเวกัสเพื่อทำแผนที่การพัฒนาในอนาคตและเริ่มวางแผนกวาดซื้อหุ้นของบริษัทชิงซื่อ จิวเวลรี่
สวี่อี้หรานเองก็ว่างเหมือนไม่มีอะไรทำ ไม่ว่าเป็นเรื่องอะไรก็มักจะยื่นมือเข้ามาแทรกและชอบโทรมารบกวนซีเหมินจินเหลียนอยู่เป็นประจำ
หลังจากที่หูหวังทะเลาะกันหนักกับหูชีเยี่ยนก็เซื่องซึมและขังตัวเองไว้ในบ้านอยู่ตลอด ปิดประตูไม่ยอมออกไปไหน ซีเหมินจินเหลียนทำได้แค่เหย้าแหย่ให้เขามีความสุข…แต่ผ่านไปหลายวันหลายคืนเข้า พอมองดูหูหวังแล้วราวกับแก่ไปอีกปี
สิ่งที่ทำให้ซีเหมินจินเหลียนกังวลไม่คลายก็คือ หลังจากที่หูชีเยี่ยนกลับจากพม่า เธอลองโทรไปหาตั้งหลายหน แต่ไม่เจอคนของเขาเลยสักครั้ง นานๆ ทีถึงมีการสนทนาผ่านโทรศัพท์ของพวกเขา หูชีเยี่ยนเพียงแค่พูดแสดงความเป็นห่วงไม่กี่คำแล้วก็รีบตัดสายไป
สำหรับลุงงู จากที่บอกลากันที่ลาสเวกัสครั้งนั้นก็ไม่เคยได้ติดต่อกันอีกเลย เขาเป็นคนแปลก และเป็นคนประหลาด ซีเหมินจินเหลียนรู้ดีเว้นแต่วันที่เขาคิดจะเจอเธอ ไม่อย่างนั้นคิดจะหาเขามันก็ยากเหลือเกิน
เพียงแค่พริบตาเดียวก็ถึงต้นเดือนเมษายนแล้ว วันนี้ซีเหมินจินเหลียนไปหาหูหวัง คิดไม่ถึงว่าหูหวังจะมอบกระดาษหนังแกะม้วนเก่าม้วนหนึ่งให้กับเธอ และบอกเธอว่านี่คือมรดกที่สืบทอดกันมาของตระกูลหู…เคล็ดวิชาหลอมหยก ในนั้นยังมีส่วนที่เขาแปลออกมาเองด้วย
จากนั้นหูหวังก็ไม่สนใจคำห้ามปรามของซีเหมินจินเหลียน ยืนกรานที่จะไปพม่าท่าเดียว
ซีเหมินจินเหลียนรู้ชัดเจนแจ่มแจ้ง เขาไปพม่าคงต้องไปหาหูชีเยี่ยนแน่ แต่จากที่เธอรู้จักหูชีเยี่ยน แม้เขาจะไปหา แต่เกรงว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ก็คือเลิกราอย่างไม่สบอารมณ์แล้วจะทำยังไง? ดังนั้นเลยใช้กำลังสุดความสามารถเพื่อห้ามปราม เพียงแต่พูดกับหูหวังราวกับเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา พูดถึงเรื่องนี้พลันแต่ถอนหายใจ ซีเหมินจินเหลียนอับจนปัญญาอย่างที่สุด ในใจเข้าใจว่าหูหวังแก่แล้ว เขาไม่มีเวลาสำหรับการรอคอย ในใจของเขายังคงเฝ้ารอที่จะคืนดีกับหูชีเยี่ยน…