ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 347-2 หินซ่อมฟ้า (ตอนอวสาน)
สวีอี้หรานลงจากรถก่อน เขาหมุนตัวกลับไปหมายจะช่วยพยุงซีเหมินจินเหลียนลงจากรถ แต่กลับเห็นเธอลงจากรถแล้ว และกำลังกวาดสายตามองสำรวจไปรอบๆ ที่นี่มีหอสังเกตการณ์อยู่ข้างนอก ข้างในตั้งค่ายเหมือนค่ายทหารแบบโบราณ แต่ข้างในกลับไม่มีอาคารสูงสักหลัง มองเผินๆ ไม่ต่างจากบ้านพักอาศัยปกติทั่วๆ ไปสักเท่าไหร่
“คุณจินเหลียนเป็นคนที่เชื่อถือได้จริงๆ ด้วย เอาของมาด้วยหรือเปล่า?” ซีเหมินน่งเยวี่ยที่มีคนคอยคุ้มกันมากมายเดินออกมาช้าๆ
“คุณซีเหมิน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ” ซีเหมินจินเหลียนผงกศีรษะนิดๆ “ของฉันเอามาแล้ว คุณเองก็ควรจะปล่อยตัวพ่อฉันได้แล้วใช่ไหมคะ?”
“คุณจินเหลียนอุตส่าห์ดั้นด้นมาจนถึงที่นี่ ไม่คิดจะเข้าไปนั่งพักสักหน่อยเหรอครับ?” ซีเหมินน่งเยวี่ยเอ่ยต้อนรับ “อี้หราน ฉันเตรียมปลาเผาที่เธอชอบเอาไว้ให้แน่ะ”
“ขอบคุณครับอาจารย์” สวีอี้หรานผงกศีรษะน้อยๆ
ซีเหมินน่งเยวี่ยผายมือ “เชิญ” ซีเหมินจินเหลียนมองสวีอี้หรานแวบหนึ่งแล้วเดินตามเข้าไปข้างใน
“เสี่ยวป๋าย” จู่ๆ ซีเหมินน่งเยวี่ยก็เอ่ยเรียก
จ่านป๋ายที่กำลังเดินตามหลังซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วชะงักฝีเท้าทันที เขามองไปยังซีเหมินน่งเยวี่ย
“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?” ซีเหมินน่งเยวี่ยเอ่ยถาม
“ไม่ดี” จ่านป๋ายส่ายศีรษะพลางเอ่ย “ผมรู้สึกไม่ดีเลย” พูดแล้วรีบเดินไล่หลังซีเหมินจินหลียนไปติดๆ
ซีเหมินน่งเยวี่ยส่ายศีรษะ เอ่ยสั่งอะไรบางอย่างเสียงเบา จากนั้นจึงเดินเข้าไปข้างใน
ซีเหมินจินเหลียนเดินเข้าไปข้างในแล้วต้องประหลาดใจเล็กน้อย ถึงแม้ที่นี่จะเป็นสถานที่ที่ทุรกันดารมาก แต่ในนี้กลับมีข้าวของเครื่องใช้ทันสมัยครบครัน ในห้องรับแขก มีผ้าปักราคาแพงคลุมอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ จู่ๆ เธอก็รู้สึกคุ้นตาลวดลายบนผ้าปักผืนนั้นอย่างบอกไม่ถูก เมื่อสังเกตดูดีๆ จึงเข้าใจทันที ลายปักนี้… กับลายปักบนผ้าเช็ดหน้าที่ย่าของเธอทิ้งเอาไว้ให้ผืนนั้น น่าจะเป็นฝีมือปักผ้าของคนเดียวกัน ถ้าไม่ใช่ ก็น่าจะมาจากร้านปักร้านเดียวกัน
“นั่งสิ” ซีเหมินน่งเยวี่ยเอ่ย
“ฉันจะเจอพ่อ” ซีเหมินจินเหลียนดูเวลา ตอนนี้เป็นสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ไม่ว่าอย่างไร วันนี้เธอก็ต้องช่วยหูชีเยี่ยนออกไปให้ได้
ซีเหมินน่งเยวี่ยพยักหน้าเบาๆ “สมแล้วที่คุณเป็นลูกศิษย์ของตาแก่นั่น โหดเหมือนปีศาจงูไม่มีผิด ผมรู้ คุณวางกำลังเอาไว้ข้างนอกเรียบร้อยแล้ว ถ้าวันนี้ผมไม่ส่งตัวหูชีเยี่ยนให้คุณ คุณก็ไม่กลัวว่าคืนนี้จะผลาญล้างหยกศิลาให้มอดไหม้ไปด้วยกัน ใช่ไหมล่ะ?”
“ฉันจำได้ว่าตอนเด็กๆ อาจารย์เคยสอนฉัน ยอมเป็นหยกแหลกลาญ แต่ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ยเสียงเย็น “คุณกับฉันเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน เราต่างรู้ดีว่าใครเป็นยังไง ถ้าคุณไม่สน ถ้าอย่างนั้น ฉันก็จะเล่นเป็นเพื่อนคุณจนถึงที่สุด”
“ที่ผมให้คุณมาที่พม่า ไม่ใช่เพราะหยกแสงอาทิตย์เจ็ดสีหรอกนะ” ซีเหมินน่งเยวี่ยส่ายศีรษะพลางเอ่ย
“ฉันรู้ คุณอยากได้เคล็ดแปรหยกใช่ไหมล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเย็น “ขอแค่คุณส่งตัวพ่อคืนให้ฉัน ฉันก็จะให้เคล็ดแปรหยกกับคุณ”
“ไม่ๆๆ” ซีเหมินน่งเยวี่ยส่ายศีรษะ “ถ้าเป็นเมื่อยี่สิบปีก่อน ผมยอมรับว่าอยากได้เคล็ดแปรหยกจริง ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่ใช้วิธีทารุณพ่อของคุณเพื่อเค้นปากเขาหรอก แต่ตอนนี้ เป้าหมายของผมคือหินซ่อมฟ้าต่างหาก”
“ฉันไม่มีหินซ่อมฟ้า” ซีเหมินจินเหลียนส่ายศีรษะ “คุณอยากได้หยกแสงอาทิตย์เจ็ดสี ฉันจะให้คุณ คุณอยากได้เคล็ดแปรหยก ฉันก็จะให้คุณ ส่วนคุณก็ไปตามหาหินซ่อมฟ้านั่นเอง”
“ถ้าผมหาหินซ่อมฟ้านั่นเจอเองได้ แล้วผมจะจับตัวพ่อคุณ ให้คุณเดินทางมาตั้งไกลทำไม?” ซีเหมินน่งเยวี่ยส่ายศีรษะ “ขอแค่คุณยอมไปกับผม ผมก็จะปล่อยพ่อคุณออกมาอย่างปลอดภัย”
“ไปไหน?” ซีเหมินจินเหลียนแสร้งทำเป็นไม่รู้
“เหมืองหยก” ซีเหมินน่งเยวี่ยเอ่ยตรงๆ “ไปคืนนี้ และเดี๋ยวนี้ ขอแค่คุณให้ความร่วมมือกับผม ของดีขนาดนี้ ผมเองก็ไม่อยากจะชื่นชมคนเดียวหรอก”
ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิด เห็นจ่านป๋ายกับสวีอี้หรานไม่พูดอะไรสักคำ จึงพยักหน้าเบาๆ “แต่ฉันขอเจอพ่อก่อน”
“เมื่อคืนเขาอาละวาดหนัก พูดตามตรงนะว่าผมกลัวแล้วจริงๆ ผมก็เลยขังพ่อของคุณเอาไว้ที่เหมืองหยก แค่คุณไปที่นั่น คุณก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้พบหน้าพ่อคุณ” ซีเหมินน่งเยวี่ยแสยะยิ้ม
ซีเหมินจินเหลียนรู้ดีว่านี่เป็นหลุมพรางที่ถูกขุดดักเอาไว้ตั้งแต่ต้น ไม่ว่าเธอจะรับปากเขาหรือไม่ ถึงอย่างไรเธอก็ต้องไปที่นั่นอย่างไม่มีทางเลือก แต่ก่อนมาที่นี่ เธอเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้พร้อมแล้ว หรือพูดอีกอย่างก็คือ เธอไม่ได้คิดว่าจะมีชีวิตกลับไปด้วยซ้ำ
“ได้ ไปตอนนี้เลยใช่ไหม?” ซีเหมินจินเหลียนพยักหน้า
ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มแห้ง “รบกวนคุณกับศิษย์รักของผมออกไปรอข้างนอกสักครู่ ผมขอคุยอะไรกับคุณจ่านสักหน่อย”
ซีเหมินจินเหลียนเหลือบมองจ่านป๋ายแวบหนึ่งแล้วยิ้มเยาะ “ถ้าคุณจะให้เสี่ยวป๋ายรออยู่ที่นี่ล่ะก็ ฉันขอเตือนคุณว่าอย่าเสียเวลาพูดจะดีกว่า ถ้าเขาไม่ไป ฉันก็จะไม่ไปที่เหมืองหยกนั่นเด็ดขาด”
“คุณคิดว่าเขาสำคัญกว่าพ่อของคุณงั้นเหรอ?” ซีเหมินน่งเยวี่ยชะงักเล็กน้อย จ่านป๋ายเองก็เช่นเดียวกัน
“ถ้าจะตาย ก็ต้องมีคนตายเป็นเพื่อนฉันด้วยสิ” ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ฉันชินแล้วที่มีเขาอยู่ข้างๆ ถ้าเกิดฉันโชคร้ายต้องตายอยู่ที่เหมืองหยกนั่น ฉันก็อยากจะให้เขาตายตามฉันไปด้วย ตายไปจะได้มีคนคอยดูแลฉันไง ทำแบบนี้ดีจะตายไม่ใช่หรือไง?”
“คุณซีเหมิน ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เราไปกันเถอะ” จ่านป๋ายพูดแล้วก้าวไปยืนเคียงข้างซีเหมินจินเหลียน จากนั้นเดินจูงมือเธอออกไปข้างนอกเหมือนปกติ
ซีเหมินจินเหลียนชะงักอึ้ง แต่ก็ไม่ปฏิเสธ แสงเย็นเยียบฉายวาบในดวงตาซีเหมินน่งเยวี่ย เขาพูดอะไรบางอย่างกับคนคุ้มกัน จากนั้นเดินออกไปพร้อมกัน
เหมืองหยกอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก ใช้เวลาขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึง ซีเหมินจินเหลียนดูเวลา ตอนนี้เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว อีกแป๊บเดียวก็จะเข้าสู่วันที่สิบสาม เดือนพฤษภาคมแล้ว…
นี่มันวันเฮงซวยอะไรกันเนี่ย วันที่สิบสาม เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว เธอถูกหลินเสวียนหลานขับรถชน วันที่สิบสาม เดือนพฤษภาคมปีนี้ ไม่รู้ว่าจะมีอะไรรอเธออยู่?
เธอได้ยินชื่อเหมืองหยกแห่งนี้มานานแล้ว หูชีเยี่ยนเป็นคนค้นพบที่นี่ก่อน หลังจากรวบรวมเงินทุนได้ก้อนหนึ่ง เขาจึงได้รับสัมปทานให้ขุดเหมืองหยกที่นี่ได้ แต่ต่อมาภายหลัง หูชีเยี่ยนถูกซีเหมินน่งเยวี่ยลอบสังหาร เหมืองหยกแห่งนี้ถูกระเบิดจนย่อยยับ ขณะเดียวกัน ที่นี่ยังเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงจนเหมืองถล่ม
ลุงงูกับหูหวังวนเวียนอยู่ที่นี่นานถึงสามปี ต่อมาภายหลัง น่าจะสักสิบกว่าปีที่แล้ว ซีเหมินน่งเยวี่ยกลับมาที่นี่อีกครั้ง ไม่รู้ว่าเขาทำอย่างไร สุดท้ายเขาได้รับสัมปทานให้ขุดเหมืองหยกแห่งนี้อีกครั้ง และกลายเป็นผู้ครอบครองที่นี่ไปโดยปริยาย
แน่นอนว่าที่ที่รัฐบาลเอื้อมมือไม่ถึงเช่นนี้ บางครั้งการขอสัมปทานในการขุดเหมืองหยกจึงง่ายกว่าที่พม่าเยอะนัก ขอแค่มีกำลังมากพอก็พอแล้ว
ซีเหมินน่งเยวี่ยกับหูชีเยี่ยนเป็นคนประเภทเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะพวกเขาชอบวิธีที่ง่ายที่สุดและได้ผลเร็วที่สุดเหมือนกัน
ดังนั้น ตอนที่ซีเหมินจินเหลียนลงจากรถ เธอจึงเห็นทางเข้าเหมืองที่แสนจะธรรมดานั้นมีกองกำลังติดอาวุธเฝ้ายามอย่างหนาแน่น ซีเหมินจินเหลียนคิดๆ แล้วก็พอจะเข้าใจ ที่นี่เป็นเหมืองหยก หากไม่มีกองกำลังติดอาวุธคอยเฝ้าอย่างหนาแน่น ใครๆ ก็คงอยากจะมีส่วนแบ่งในเหมืองหยกแห่งนี้ คนอย่างซีเหมินน่งเยวี่ยมีหรือจะยอม?
ที่นี่มีภูเขาล้อมรอบรอบทิศ ทางเข้าเหมืองอยู่กลางภูเขา มีเพียงถนนขรุขระเส้นเล็กๆ ที่พอให้รถเคลื่อนผ่านไปได้ ซึ่งน่าจะมีไว้สำหรับขนหินหยกออกไปนั่นเอง
“ถึงแล้วเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนลงจากรถแล้วจึงเอ่ยถามซีเหมินน่งเยวี่ย
“อืม” ซีเหมินน่งเยวี่ยพยักหน้าน้อยๆ
“แล้วพ่อฉันล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนสนใจแต่หูชีเยี่ยน เธอไม่สนใจสักนิดว่าเหมืองหยกแห่งนี้มีหยกดีๆ หรือไม่ และเธอก็ไม่สนใจด้วยว่าที่นี่จะมีหินซ่อมฟ้าในตำนานหรือไม่
ซีเหมินน่งเยวี่ยหมุนตัว เอ่ยอะไรบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจกับคนคุ้มกัน เพียงไม่นาน ซีเหมินจินเหลียนก็ได้ยินเสียงโซ่ลากกับพื้นแคร๊งคร๊างดังขึ้น
ในความมืด เห็นเพียงคนคุ้มกันสี่นายถือปืนในมือ เดินคุมตัวหูชีเยี่ยนออกมา
“คุณจินเหลียนเป็นคนฉลาด ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม ไม่อย่างนั้น ต่อให้คุณเร็วมากขนาดไหน แต่ก็คงเร็วสู้ลูกกระสุนไม่ได้หรอก ซีเหมินจินน่งเยวี่ยเอ่ยเตือนเสียงเย็นยะเยือก “ถ้าคุณกล้าเล่นตุกติกล่ะก็ ผมยิงเขาแน่”
ซีเหมินน่งเยวี่ยเอ่ยพลางกระชากตัวหูชีเยี่ยนไปข้างหน้า เล็งปืนไปที่ท้ายทอยเขา
ซีเหมินจินเหลียนกวาดสายตามองสำรวจหูชีเยี่ยนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขายังคงสวมชุดฉางเผาสีดำตัวเดิมที่ตอนนี้มีแต่รอยขาดวิ่น แม้จะอยู่ในความืด แต่ผิวเนื้อที่เผยออกมา ทำให้เธอเห็นร่องรอยบาดเจ็บมากมายตามตัวเขาอย่างชัดเจน เท้าเปลือยเปล่าเหยียบพื้นดิน ทุกย่างก้าวฝากรอยเท้าเปื้อนเลือดเอาไว้บนพื้น มีโซ่ตรวนเหล็กหนาเท่าแขนล่ามข้อเท้าเอาไว้ ทำให้แต่ละย่างก้าวของเขาเป็นไปอย่างยากลำบาก
“จินเหลียน ทำไมลูกต้องมาที่นี่ด้วย ทำไมถึง… ไม่เชื่อฟังกันเลย?” หูชีเยี่ยนปิดเปลือกตาลง ถอนใจเบาๆ
“พ่อไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น หนูเองก็อยากเห็นหินซ่อมฟ้านั่นเหมือนกัน ในเมื่อคุณซีเหมินต้องการมันมากขนาดนั้น ถ้าอย่างนั้น เราก็ลองดูสักตั้งจะเป็นไรไป” ซีเหมินจินเหลียนยิ้มเย็น
ในเมื่อหูชีเยี่ยนห้ามแล้วห้ามอีก ห้ามไม่ให้เธอไปตามหาหินซ่อมฟ้านั่น ซีเหมินจินเหลียนจึงสรุปได้ว่า หินซ่อมฟ้าอะไรนั่นจะต้องอันตรายมากแน่ๆ ในเมื่ออันตราย เธอก็ไม่เชื่อหรอกว่าซีเหมินน่งเยวี่ยจะโชคดีรอดพ้นจากมันได้ บางที คงมีเพียงวิธีนั้น เธอถึงจะมีโอกาสช่วยหูชีเยี่ยนออกจากที่นี่ได้
“คุณจินเหลียนเป็นคนตรงๆ ดี” ซีเหมินน่งเยวี่ยพยักหน้าเบาๆ “ถ้าอย่างนั้น เราก็ไปกันเถอะ”
“ถอดโซ่ตรวนที่ล่ามเท้าของพ่อออกด้วย เดินในเหมืองมันไม่สะดวก” ซีเหมินจินเหลียนเอ่ย
“ไม่ได้” ซีเหมินน่งเยวี่ยปฏิเสธทันควัน ต่อให้มีเข็มเจ็ดดาว แต่เขาก็ยังกลัวหูชีเยี่ยนอยู่ดี เขาไม่มีทางทำตามคำขอนี้เด็ดขาด
“จินเหลียน ไอ้หมอนี่กลัวพ่อจะตาย แล้วเขาจะยอมถอดโซ่ตรวนให้พ่อได้ยังไง?” จู่ๆ หูชีเยี่ยนก็เอ่ยยิ้มๆ อย่างมีเลศนัย “อยากเห็นหินซ่อมฟ้ากันนัก งั้นก็ไปกันให้หมดนี่แหละ”
พูดแล้วเดินลากโซ่ตรวนหนักๆ ท่าทางโงนเงนเข้าไปในเหมืองหยก
“ถ้าพูดกันรู้เรื่องอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างนี้หรอก” ซีเหมินน่งเยวี่ยยิ้มเย็น