คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 1504
คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1504 หลุดพ้นจากการปิดล้อมของศัตรู
ที่แท้นักรบสวมเกราะสีทองสองคนนี้ก็คือหุ่นเชิดเงาสองตัวที่หานลี่ใช้ยันต์เกราะปราณเรียกออกมา ทั้งสองตัวนี้มีพลังราวๆ เจ็ดถึงแปดส่วนของหานลี่ และมีอิทธิฤทธิ์ของหานลี่บางส่วน แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ไม่อาจสบประมาทได้
หุ่นเชิดโลหิตตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว มันไม่สามารถไล่ตามหานลีอย่างกำเริบเสิบสานได้ ไม่เช่นนั้นหากมันเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา ก็จะถูกการโจมตีสะกัดเคล็ดวิชา
มันสั่นแขนเสื้อสองข้างคราหนึ่ง พลันเกิดพายุหมุนสีแดงโลหิตพัดกระหน่ำ กวาดคมมีดวายุและงูเหลือมยักษ์กระเด็นออกไปทั้งหมด ก่อนที่จะอ้าปากอีกครั้ง
“ฟึ่บ!” “ฟึ่บ!”
ลำแสงโลหิตสองสายถูกพ่นออกมา ทะลวงร่างของนักรบสวมเกราะสีทองราวกับสายฟ้าฟาด หน้าอกของนักรบทั้งสองต่างก็ถูกเจาะทะลุเป็นโพรงใหญ่อย่างง่ายดาย
ทว่าทันใดนั้นรูม่านตาของหุ่นเชิดโลหิตก็หดเล็กลง ดวงตาปรากฏสีของความตกตะลึงออกมาปราดหนึ่ง
เห็นเพียงนักรบสวมเกราะสีทองสองคนนี้เปล่งแสงสีทองระยิบระยับ โพรงใหญ่บนร่างพลันปิดสนิทราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หอกสีทองในมือนักรบคนหนึ่งแผดเสียงฟ้าร้องขึ้นคราหนึ่ง พลันเกิดประกายสายฟ้าสีทองอ่อนกระจายรอบๆ เมื่อหอกด้ามนี้เคลื่อนไหว ประกายสายฟ้าเหล่านั้นก็กลายเป็นงูสายฟ้าสีทองสิบกว่าตัวพุ่งออกมาอย่างน่าประหลาด
ส่วนอีกคนหนึ่งโยนดาบคู่ไปในอากาศ
ฉับพลันที่ดาบคู่ร่ายรำไปรอบๆ ก็ปรากฏเงาลวงตาหัวกะโหลกห้าหัวภายในแสงสีทองขึ้นลางๆ พร้อมทั้งอ้าปากแล้วปล่อยเพลิงเหมันต์ห้าสีออกมา
“เอ๋”
ความแปลกประหลาดภายในดวงตาของหุ่นเชิดโลหิตยิ่งทวีขึ้น ทว่าไม่ต้องพูดถึงว่าอิทธิฤทธิ์นี้มีอานุภาพเพียงเจ็ดถึงแปดส่วนของหานลี่ ต่อให้หานลี่ลงมือสำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมาด้วยตัวเองก็ไม่มีทางทำให้มันนำมาใส่ใจได้
มันใช้สองมือตั้งท่าร่ายถา รอบกายพลันปรากฏแสงโลหิตระยิบระยับขึ้น ก่อนที่จะเปล่งแสงโลหิตเจิดจ้าอย่างฉับพลัน ปรากฏเป็นบอลแสงสีโลหิตในบริเวณใกล้เคียงอย่างหนาแน่น
ภายใต้การกระตุ้นของหุ่นเชิด บอลแสงเหล่านี้ก็พวยพุ่งไปทั่วทุกสารทิศอย่างไร้สุ้มเสียง
เกิดเสียงโครมครามดังอื้ออืงขึนระลอกหนึ่ง เมื่อบอลแสงกับประกายสายฟ้าและเพลิงแสงแตะถูกกัน คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเป็นเพลิงสีโลหิต
ไม่ว่าประกายสายฟ้าหรือเพลิงเหมันต์ต่างก็แตกกระจายและสูญสลายทั้งหมด ส่วนเพลิงโลหิตก็กวาดล้อมจากสองข้าง โอบนักรบสวมเกราะทั้งสองไว้ภายในอย่างฉับพลัน
แม้ว่าหุ่นเชิดเงาสองตัวจะเหวี่ยงดาบในมือเพื่อต้านทานอย่างสุดชีวิต และปล่อยม่านแสงสีเทาออกมาป้องกันทั่วร่าง
แต่ก็ทำให้เพลิงโลหิตแค่หยุดนิ่งไปเล็กน้อยเท่านั้น เพียงแค่กดทับลงมา เพลิงโลหิตก็ทะลวงการป้องกันทั้งหมดแล้วร่วงลงบนร่างของนักรบสวมเกราะทั้งสอง
ฉากที่น่าตกตะลึงได้ปรากฏขึ้นแล้ว
ร่างนักรบสวมเกราะทั้งสองที่อยู่ภายในเพลิงที่เผาไหม้อย่างดุดันหลอมละลายอย่างรวดเร็ว ภายในชั่วพริบตาก็กลายเป็นหยาดโลหิตสองกลุ่มสลายไปในกองเพลิงโลหิต
หุ่นเชิดโลหิตไม่มีทีท่าจะยั้งมือแม้แต่น้อย พลันขยับร่างคราหนึ่ง ก็กลายเป็นลำแสงโลหิตสายหนึ่งพวยพุ่งไปยังปากทางเข้า
แม้ว่าหานลี่ดูเหมือนจะหนีรอดไปได้ตั้งนานแล้ว แต่หุ่นเชิดตัวนี้กลับไม่สนใจแม้แต่น้อย
ตราบใดที่หานลี่ไม่สามารถหนีรวดเดียวไปไกลถึงหลายร้อยลี้ และอยู่ภายใต้การตรวจสอบของจิตสัมผัสของมัน หุ่นเชิดโลหิตก็ยังสามารถตามหาตำแหน่งของหานลี่และไล่ตามไปได้อย่างง่ายดาย
ขณะที่ลำแสงโลหิตพุ่งทยานขึ้นสู่ฟากฟ้า ภายในพระราชวังบนพื้นดินก็ว่างเปล่าไร้ผู้คน ไหนเลยจะมีร่องรอยของหานลี่
หุ่นเชิดปรากฏกายภายในลำแสงหลีกหนีอีกครั้ง หลังจากที่กวาดมองดูสถานการณ์ในบริเวณใกล้เคียง ในปากก็ส่งเสียงหัวเราะหยันออกมา
มันหลับตาลง พลางตั้งท่าร่ายคาถาสองมือ คิดจะปล่อยจิตสัมผัสกวาดไปยังรอบๆ สถานที่แห่งนี้
ภายในเวลาเพียงชั่วครู่เดียว หุ่นเชิดก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง พลันอ้าป้าส่งเสียงคำรามลากยาว ก่อนที่จะเปล่งแสงโลหิตแล้วกลายเป็นรุ้งสีโลหิตพวยพุ่งออกไป
ทิศทางที่กำลังมันหน้าไปคือปากทางออกที่เป็นเส้นทางสีน้ำเงินสายนั้น เพียงแค่พุ่งปราดไม่กี่ครั้ง รุ้งสีโลหิตก็หายไปจากพระราชวังอย่างไร้ร่องรอย
ภายใต้การพุ่งทยานอย่างสุดกำลัง ความเร็วของหุ่นเชิดโลหิตเป็นที่น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง!
หลังจากพุ่งปราดสองสามที ลำแสงหลีกหนีสีโลหิตก็มาปรากฏที่บริเวณปากทางเข้าก่อนหน้า เห็นเพียงเส้นทางสีน้ำเงินยังคงอยู่รอดปลอดภัย
จิตสัมผัสของหุ่นเชิดโลหิตรับรู้ได้ว่าหานลี่หนีออกไปไกลถึงร้อยลี้ตั้งนานแล้ว ดังนั้นมันจึงขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เพียงแวบเดียวก็หายเข้าไปในเส้นทางสีน้ำเงิน
หลังจากที่รุ้งสีโลหิตพุ่งฉวัดเฉวียนสองสามหน ครู่ต่อมาก็พุ่งออกมาจากปากทางเข้า ทันใดนั้นก็ต้องเผชิญกำเสียงคำรามประหลาลด ตามด้วยเสียงฟ้าร้องดังลั่น
หุ่นเชิดโลหิตตกตะลึง รีบจับจ้องอย่างละเอียด
เห็นเพียงอสูรวิชระอเวจีร่างใหญ่หลายจั้งตัวหนึ่ง กำลังหมอบตัวอยู่กลางอากาศเหนือบริเวณปากทางเข้า รอบตัวเปล่งประกายแสงสีเงินระยิบระยับไม่หยุด
เสียงคำรามดังขึ้นคราหนึ่ง ทันใดนั้นอสูรตนนี้ก็พุ่งกระโจนลงมายังเบื้องล่างอย่างดุร้าย
“เป็นไปไม่ได้!”
หุ่นเชิดโลหิตตกตะลึงอย่างหนัก อดไม่ได้ที่จะหลุดปากร้องออกมา
ภายในพระราชวังเบื้องล่างมีอสูรวชิระอเวจีอยู่สองตัว อยู่ดีๆ ที่นี่จะมีตัวที่สามโผล่ออกมาได้อย่างไร!
ทว่าการเผชิญหน้ากับอสูรที่ดุร้ายตนนี้ ทำให้หุ่นเชิดโลหิตรู้สึกหวาดผวาไปถึงทรวง ไหนเลยจะมัวมาสนใจไล่ตามหานลี่อีก บนร่างพลันเปล่งแสงวิญญาณสว่างวาบ แผ่นไม้แผ่นหนึ่งก็พวยพุ่งออกมา
สมบัติชิ้นนี้หมุนเคว้งรอบหนึ่ง พลันพ่นม่านแสงออกมาผืนหนึ่ง ปกคลุมร่างของมันไว้อย่างหนาแน่น
หุ่นเชิดโลหิตตั้งท่าร่ายคาถาสองมืออีกครั้ง บนร่างมีหมอกโลหิตลอยออกมาเป็นกลุ่มๆ ทำให้ร่างของมันผลุบๆ โผล่ๆ แล้วจมหายเข้าไปข้างใน
การเผชิญหน้ากับอสูรวชิระอเวจีที่สามารถต้านทานตัวตนระดับผสานอินทรีย์ขั้นสุดยอดได้ ทำให้มันต้องใช้แผนยืนหยัดป้องกันอย่างทรหดราวกับเผชิญศัตรูตัวฉกาจเช่นนี้
มีแต่ทำเช่นนี้เท่านั้น มันถึงจะสามารถต้านทานการโจมตีอันดุร้ายของอสูรวชิระอเวจีที่ผลัดกันจู่โจม และวางแผนปลีกตัวได้
แต่ในขณะที่ร่างของหุ่นเชิดโลหิตหยุดนิ่งอยู่ที่ปากทางเข้า แค่ชักช้าเพียงเล็กน้อย ในอากาศบริเวณใกล้เคียงก็เกิดเสียงดังหึ่งๆ ขึ้น
ยันต์สีเงินทยอยปรากฏขึ้นกลางอากาศทีละแผ่นในบริเวณใกล้เคียงอย่างน่าประหลาด ครั้นเปล่งแสงวิญญาณวูบหนึ่ง ก็แตกออกพร้อมกัน
ท่ามกลางแสงสีเงินเจิดจ้า อักขระจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดการพลิกตัวไปมา แล้วก่อรูปร่างภายในเขตอาคมแสงสีเงินขนาดมหึมา
ที่แท้ก็คือยันต์เก้าวิมานสวรรค์ที่หานลี่ปูไว้ที่นี่ล่วงหน้า!
ไม่รู้ว่าเขาใช้เคล็ดวิชาลับอะไร ตัวเขาอยู่ไกลออกไปร้อยลี้ก็ยังสามารถทำให้หุ่นเชิดโลหิตแตะถูกเขตอาคมที่ดักซุ่มนี้ได้
อสูรวิชระอเวจีตนนั้นกลับเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาแวบหนึ่ง ร่างของมันก็หยุดนิ่ง คิดไม่ถึงว่าจะหยุดบริเวณด้านบนของเขตอาคมแสงพอดี
หุ่นเชิดโลหิตรู้สึกใจหายวาบ ในใจรู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว แต่เมื่อมองไปที่อสูรวิชระอเวจีที่อยู่กลางอากาศก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย ก่อนที่ร่างจะร่วงลงไปบนพื้น
แต่ในขณะที่ร่างของมันร่วงลงมาหลายจั้ง เบื้องล่างก็มีเสียงเพรียกอันไพเราะดังขึ้น ก่อนที่จะเกิดแสงสีเงินเปล่งประกายวูบหนึ่ง ปรากฏเป็นวิหคเพลิงสีเงินอย่างน่าประหลาด
วิหคตัวนี้มีขนาดเพียงจั้งกว่า ครั้นอ้าปาก ก็พ่นลูกแก้วสีเขียวที่ดูค่อนข้างคุ้นตาออกมาสิบกว่าลูก พุ่งเข้าใส่หุ่นเชิดโลหิตในพริบตา
หุ่นเชิดโลหิตพลันตกตะลึง!
อานุภาพของลูกแก้วเหล่านั้น มันเพิ่งเคยเห็นกับตาตัวเองเป็นครั้งแรก จะฝืนรับการจู่โจมของพวกมันได้อย่างไร
หลบไปด้านข้าง? ระยะใกล้เช่นนี้ ลูกแก้วหลายสิบลูกที่กลายเป็นดวงแสงสีเขียวพุ่งเข้ามาพร้อมกัน ดูท่าจะไม่ทันการแล้ว
ภายใต้ความอับจนหนทาง มันจำต้องขยับล่างไปด้านหลังหนึ่งก้าวอย่างฉับพลัน คิดจะเว้นระยะห่างชั่วคราว หลังจากหลบลูกแก้วอัสนีเหล่านี้ได้แล้วค่อยคิดหาทางอีกที
แต่สิ่งที่ทำให้หุ่นเชิดโลหิตคาดไม่ถึงก็แค่ ขณะที่ร่างของมันเข้าไปในอักขระสีเงินอีกครั้ง ยันต์เก้าวิมานสวรรค์ที่กลายเป็นเขตอาคมยันก็ระเบิดออกด้วยอานุภาพทั้งหมดที่มี
มันรู้สึกเพียงเบื้องหน้าเป็นแสงสีเงินสว่างพร่าง ทัศนยภาพรอบด้านเลือนรางไปหมด ร่างของมันก็เข้าไปอยู่ในม่านหมอกสีขาวสลัวๆ อย่างฉับพลัน
หุ่นเชิดโลหิตกวาดมองไปรอบๆ ด้วยความลุกลี้ลุกลน ตรงที่ไกลๆ ยังพอมองเห็นกำแพงพระราชวังสูงๆ และหมู่อาคารอยู่ลางๆ ส่วนกลางอากาศนั้นเป็นแสงสีเงินทั้งหมด บดบังท้องฟ้าทั้งผืนอย่างมิดชิด
หุ่นเชิดโลหิตม่วงตกตะลึงอย่างห้ามไม่อยู่
ด้วยความรู้ของมัน ย่อมมองออกว่าอาคมต้องห้ามที่อยู่รอบๆ นี้ไม่ธรรมดา คิดจะพุ่งออกไปภายในระยะเวลาอันสั้น เกรงว่าไม่น่าจะเป็นไปได้
ที่ด้านนอกเขตอาคมแสงภายในเวลาเดียวกัน
ชั่วพริบตาที่ดวงแสงสีเขียวสิบกว่าลูกจมหายเข้าไปในเขตอาคมแสง ทันใดนั้นก็ลอยคว้างและสั่นสะเทือนไม่หยุด พากันปรากฏเป็นลูกแก้วซึ่งเป็นรูปลักษณ์ดั้งเดิมของพวกมัน
หลังจากแสงสีเขียวที่เปล่งประกายระยิบระยับบนพื้นผิวของลูกแก้วอัสนีเหล่านี้ดับลงทั้งหมด ทันใดนั้นก็พุ่งกลับไปด้านหลังแล้วถูกวิหคเพลิงสีเงินอ้าปากดูดกลืนเข้าไปในท้องอย่างไม่สะทกสะท้าน
ครั้นกางปีกออก วิหคเพลิงสีเงินก็ส่งเสียงเพรียกกระจ่างใสออกมาสองสามที ดูเหมือนจะชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง
อสูรวชิระอเวจีที่อยู่กลางอากาศตัวนั้นกลับส่งเสียงร้องของวานรออกมาหลายหน ประกายสายฟ้าสีเงินบนร่างต่างพากันดับสลาย ตามด้วยลำแสงสีดำสว่างวาบ ร่างของมันก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นวานรจิ๋วสีดำ สูงครึ่งฉื่อตัวหนึ่ง
ที่แท้ก็เป็นอสูรวิญญาณครวญของหานลี่นั่นเอง
อสูรตนนี้เห็นว่าเขตอาคมสามารถกักขังหุ่นเชิดโลหิตได้จริงๆ แล้วก็หันหน้าไปทางอื่นโดยไม่พูดจา กลายเป็นลำแสงสีดำทมึนสายหนึ่งพวยพุ่งหนีจากไปไกลในทันที
ส่วนวิหคเพลิงสีเงินนั้น หลังจากที่มันบินวนอยู่กลางอากาศสองสามรอบ ร่างของมันก็พลิ้วไหว กลายเป็นเพลิงสีเงินดวงเล็กๆ แล้วสลายหายไป
ไกลออกมาหนึ่งร้อยลี้ หานลี่กำลังใช้ม่านแสงพันร่างของหญิงสาวทั้งสองใช้ พลางหลบหนีอย่างเป็นบ้าเป็นหลังตลอดทาง
ทันใดนั้นเขาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ใบหน้าเผยความดีใจออกมา
มือหนึ่งตั้งท่าร่ายคาถา แล้วตะปบไปในอากาศทีหนึ่ง
เกิดเสียงดังปังเบาๆ หนหนึ่ง เพลิงสีเงินดวงหนึ่งก็ปรากฏออกมาอย่างไร้สาเหตุ ก่อนที่จะหมุนโคจรแล้วกลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินอย่างฉับพลัน
เมื่อวิหคเพลิงตัวนี้ปรากฏตัวออกมา มันก็รีบอ้าปากแล้วพ่นลูกแก้วอัสนีสิบกว่าลูกออกมาอีกครั้งในทันที
หานลี่สั่นแขนเสื้อคราหนึ่ง ม่านแสงสีเขียวก็พันรอบลูกแก้วอัสนีไว้ ครู่ต่อมาลูกแก้วเหล่านี้ก็หายไปแล้ว จากนั้นวิหคเพลิงก็พุ่งมาทางหานลี่แล้วจมหายเข้าไปในร่างอย่างไร้ร่องรอย
ดวงตาของหานลี่เปล่งแสงประหลาดวูบหนึ่ง ทันใดนั้นก็แสดงสีหน้าที่บ่งบอกว่าคาดการณ์ไว้แล้ว พลางลดความเร็วลำแสงหลีกหนีลงเล็กน้อย
ภายในระยะเวลาแค่ชั่วครู่เดียว มีเสียงทะลวงอากาศส่งมาจากท้องฟ้าเบื้องหลัง ลำแสงสีดำทมึนสายหนึ่งก็ร่วงลงมาแล้วดับลงอย่างฉับพลัน ที่แท้อสูรวิญญาณครวญที่กลายร่างเป็นวานรจิ๋วก็ไล่ตามมาอยู่ข้างหน้าแล้วร่วงลงบนไหล่ของหานลี่
หานลี่เผยรอยยิ้มจางๆ พลันยื่นมือลูบวานรจิ๋วสองสามที
การร่วมมือของอสูรวิญญาณครวญและวิหคเพลิงกลืนวิญญาณเมื่อครู่นี้ เขารับรู้ได้จากจิตแยกเสี้ยวหนึ่งที่แอบซ่อนไว้ภายในวิหคเพลิงอย่างชัดเจนทั้งหมด
เขาสั่นแขนเสื้อคราหนึ่ง วานรจิ๋วก็กลายเป็นลำแสงสีดำทมึนพุ่งเข้าไปข้างใน แล้วถูกเก็บเข้าไปในแหวนอสูรวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ
ต่อจากนี้หานลี่ไม่ต้องออมแรงใดๆ แล้ว สองปีกบนแผ่นหลังกะพรืออย่างบ้าคลั่งสองสามที เปล่งแสงวิญญาณห้าสีและม่านแสงสีเขียว กลายเป็นเส้นไหมผลึกสายหนึ่งพุ่งทะลวงอากาศอย่างฉับพลัน
เพียงแค่พุ่งปราดสองสามหน เส้นไหมผลึกก็หายไปในปลายสุดขอบฟ้า และไม่เหลือร่องรอยใดๆ อีก
ในเวลาเดียวกัน ภายในพระราชวังใต้ดิน มู่ชิงยังคงถูกกักขังอยู่ในเมฆสายฟ้า แต่ภายใต้การโจมตีอย่างไม่ขาดสายของหญิงผู้นี้ ในที่สุดเมฆสายฟ้าก็โยกโงนเงนใกล้จะร่วงลงมา ดูท่าทางอานุภาพใกล้จะหมดลงแล้ว
บริเวณด้านบนสระมรกต หญิงงามผมขาว ชายชุดโลหิต และหุ่นเชิดโลหิตม่วงยังคงต้านทานการโจมตีของมังกรทั้งห้าอย่างยากเย็น
ทั่วทุกสารทิศของพวกเขา เต็มไปด้วยคมดาบมหึมาสูงตระหง่าน
คมดาบมหึมาปล่อยแสงเย็นจำนวนนับไม่กวาดออกเป็นวงกว้า ด้วยระดับความคมของมัน แม้ว่าทั้งสองคนจะร่วมมือกับหุ่นเชิด ก็ยังต้องทำสมบัติเสียหายไปสิบกว่าชิ้น จำต้องใช้ปราณแท้กระตุ้นอิทธิฤทธิ์ประจำกายอย่างยากลำบาก จึงพอจะรักษาระยะไม่ให้แสงเย็นเข้าใกล้
เขตอาคมแสงสีดำที่อยู่กลางอากาศอยู่เหนือพวกเขาเพียงแค่สิบจั้งเศษแล้ว ดูเหมือนจะร่วงลงมาได้ทุกเมื่อ
สำหรับนักรบภูตร้อยกว่าตัวของหญิงงามผมขาวและหุ่นเชิดเกราะทองที่กำลังต่อสู้กันชุลมุนวุ่นวายกับภูตระดับสนตนนั้น ด้วยการร่วมมือกันของนักรบภูตเหล่านี้ คิดไม่ถึงว่าจะถือไพ่เหนือกว่ามาก กลับยังสามารถล้อมภูตตนนี้ไว้ภายในได้
ส่วนหุ่นเชิดเกราะทองตั้งท่าร่ายคาถาสองเมือง ภายในดวงตาปรากฏถึงความไม่สงบนิ่ง ดูเหมือนกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่าง แต่ก็เหมือนจะลังเลตัดสินใจไม่ได้
ภายใต้สถานการณ์ที่วุ่นวายสุดๆ เช่นนี้ เขตอาคมแสงสีทองที่ปิดผนึกสระมรกตไว้ก็เกิดเสียงระเบิดขึ้น ก่อนที่จะค่อยๆ ปริออกทีละชุ่นๆ เผยให้เห็นหมอกวิญญาณสีขาวที่ตลบอบอวลไม่หยุดอีกครั้ง
ภายในสระเกิดเสียงคำรามลากยาว ทันใดนั้นก็เกิดแสงสีดำสว่างวาบ เงาร่างสูงใหญ่ก็พวยพุ่งออกมาจากด้านใน